หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1216 ถึงเวลาที่จะสิ้นหวังแล้ว
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1216 ถึงเวลาที่จะสิ้นหวังแล้ว
ฟิ้ว!
ลูกแก้วโลหิตพุ่งทะลุขอบฟ้าบินไปหาเสี่ยยี ขณะที่อีกฝ่ายสีหน้าเปลี่ยนไปและถอยหนีออกไปอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากเขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่ถูกตัดขาด
ดังนั้นแม้ว่าในลูกแก้วจะมีมหาสมุทรนรกโลหิตของเขาอยู่ เขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ ขณะนี้มันคงจดจำเขาไม่ได้ว่าเป็นเจ้าของอย่างแน่นนอน
นั่นคือระเบิดที่อันตรายอย่างยิ่ง การสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็นำไปสู่ความตาย
เสี่ยยีรู้ดีว่ากระบวนท่านี้มีความสามารถในการกัดกร่อนที่ยอดเยี่ยมสำหรับร่างเวทสวรรค์ เมื่ออยู่ในมือตนเองก็จะเป็นอาวุธยอดเยี่ยม แต่เมื่อไปอยู่ในมือคนอื่นก็น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ตัวอย่างเช่นตอนนี้…
เผชิญกับลูกแก้วโลหิต เขาได้แต่ทำตัวราวกับกำลังห้ำหั่นกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ หลบหนีภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน ไม่กล้าที่จะปะทะกับมัน
ฝั่งมู่เฉินกลับมองไปที่ภาพนี้อย่างสงบ เขารู้ว่ามหาสมุทรนรกโลหิตน่าหวาดกลัวเช่นไร สิ่งนี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อร่างเวทสวรรค์อย่างมีนัย จากการประเมินของเขาถ้าร่างเทห์สวรรค์ยังเป็นเพียงร่างเทพสุริยะอยู่ละก็ คงจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย…ว่าร่างเทห์สวรรค์ของเขาพัฒนาสู่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้ว!
ร่างนี้สามารถเผชิญหน้ากับสิบอันดับแรกของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่างได้เลยทีเดียว!
ดังนั้นพลังของมันชัดเจนมาก
ร่างเทพสุริยะนิรันดร์มีรัศมีอมตะของแท้ ซึ่งสามารถต้านทานการกัดกร่อนทั้งหมดได้ ดังนั้นกล่าวอีกทางก็เป็นภูมิคุ้มกันต่อพลังการกัดกร่อน
เช่นมหาสมุทรนรกโลหิต…
มันสามารถกลืนกินมหาสมุทรโลหิตได้โดยไม่ทำร้ายตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถบีบอัดจนเป็นลูกแก้วและตัดการเชื่อมโยงกับเจ้าของได้อีกด้วย
ตอนนี้มู่เฉินก็สัมผัสถึงพลังของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้อย่างลึกซึ้งแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างเทห์สวรรค์อันดับหลังๆ ไม่สามารถจินตนาการได้
“ข้าจะให้เจ้าเป็นคนแรกที่สละชีวิตเพื่อร่างเทพสุริยะนิรันดร์…”
มู่เฉินพึมพำ นับตั้งแต่เขาฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ในการประจันหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังระดับเดียวกัน ซึ่งเขาพอใจกับผลลัพธ์มาก
เขามองเสี่ยยีที่ถอยหนีก็ดีดนิ้วมือเบาๆ
ปัง!
เมื่อเสียงดีดนิ้วดังกึกก้อง ทันใดนั้นเสี่ยยีก็หดดวงตาแคบลง ลูกแก้วโลหิตบินเข้าด้วยความเร็วที่มากขึ้น อึดใจก็มาถึงด้านหลังเขาแล้วระเบิดออก
ในช่วงเวลานั้นมหาสมุทรโลหิตไหลเชี่ยวกวาดเข้าใส่ร่างเสี่ยยีและร่างเวทสวรรค์ของเขา
เสี่ยยีคำรามกระบวนท่าในมือเปลี่ยนแปลงเร็วรี่ ร่างกาสายะโลหิตระเบิดด้วยลำแสงเลือดนับไม่ถ้วน ก่อตัวเป็นกำแพงอย่างรวดเร็ว
ปัง! ปัง!
มหาสมุทรโลหิตปะทะกับม่านพลังอย่างรวดเร็ว ทำลายม่านพลังจนมองเห็นความบางลงได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่มหาสมุทรโลหิตจะพุ่งชนกับร่างกาสายะโลหิตจังใหญ่
ชี่ ชี่!
พลังสองสายปะทะกัน หมอกเลือดก็ถั่งโถมพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเสี่ยยี
ฮึ่ม!
คลื่นหลิงมหาศาลพรวดพราดออกมาจากร่างกาสายะโลหิต ในที่สุดก็หนีออกจากบริเวณมหาสมุทรโลหิต จากนั้นเสี่ยยีรีบหยิบขวดสีแดงเข้มออกมาอย่างเร่งร้อน ดึงส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งของมหาสมุทรนรกโลหิตกลับไป
เมื่อมหาสมุทรนรกโลหิตระเบิดออก รัศมีอมตะที่ห่อหุ้มมันอยู่ก็จางหาย นี่คือเหตุผลว่าทำไมเสี่ยยีจึงสามารถเรียกคืนมหาสมุทรกลับไปได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก
ร่างกาสายะโลหิตจางลงพร้อมกับบาดแผลบนร่าง ถ้าไม่ใช่คุณลักษณะคลื่นหลิงของเสี่ยยีที่ใกล้เคียงกับมหาสมุทรนรกโลหิตละก็ เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก
แต่กระนั้นร่างเวทสวรรค์ของเขาก็อ่อนแอลง ความแวววาวสุกใสจางหายไป
ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตาเมื่อเห็นสิ่งนี้…
ไม่มีใครคิดเลยว่าวิทยายุทธเทพของเสี่ยยีนอกจากจะไร้ประโยชน์กับมู่เฉิน กลับยังโดนศัตรูใช้สิ่งนี้โต้กลับมาได้จนทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ
ทว่าเหล่าจอมยุทธ์ทรงพลังบางส่วนกลับพากันมองไปที่ร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ยามนี้หากใครยังคิดว่าร่างลึกลับนี้มีขนาดเล็กเพราะคลื่นหลิงไม่พอก็โง่เกินไปแล้ว
แต่ที่ทำให้พวกเขาสับสนงงงวยก็คือไม่สามารถจดจำร่างเวทสวรรค์ลึกลับของมู่เฉินได้…
พวกเขามองไปที่มู่เฉินที่ยังคงสงบนิ่งบนไหล่ของร่างสีม่วงทองก็รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ลึกซึ้งจนไม่อาจหยั่งรู้ได้…
เสี่ยยีมองมู่เฉินด้วยใบหน้าซีดขาวและมืดมน จากนั้นปลายหางตาก็มองไปทางเสี่ยถงกับเสี่ยโส่ว ขณะนี้ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อทำลายค่ายกลและกองทัพ พยายามที่จะสลัดตัวให้พ้นอย่างรวดเร็ว
ตัดสินจากความก้าวหน้าของทั้งสองนั่น พวกเขาอยู่ในตำแหน่งได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด… ดูเหมือนว่าการเดาของเขาจะถูกต้องแล้ว โดยไม่มีการควบคุมค่ายกลระดับจงซือและกองทัพทหารชั้นยอดไม่สามารถดักจับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนไว้ได้นาน
เสี่ยยีรู้สึกโล่งใจกับความคิดนี้ จากนั้นก็หันมามองมู่เฉินอย่างเยือกเย็นพลางขบฟัน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องขัดขวางมู่เฉินเอาไว้ที่นี่!
ด้วยการตัดสินใจในใจ เสี่ยยีก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขานั่งบนไหล่ร่างกาสายะโลหิต ก่อนที่จะสร้างตราประทับอย่างรวดเร็วพร้อมกับร่างเวทสวรรค์
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ลำแสงสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากร่างกาสายะโลหิตพร้อมกับเสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤต ซึ่งเป็นท่วงทำนองที่กระตุ้นเจตนาการฆ่าและความกระหายเลือดของมนุษย์
ดวงตาของเสี่ยยีเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นเลือดก็ซึมออกจากร่างกาย ภายใต้เสียงคำราม ฉากที่น่าตกใจก็ปรากฏขึ้น ชั้นผิวหนังของเขาลอกออก
ฮึ่ม!
เมื่อผิวหนังลอกออก ร่างกาสายะโลหิตก็คำราม ก่อนที่ผ้าจีวรจะพุ่งเข้ามาห่มลงบนผิวของเสี่ยยี ก่อตัวขึ้นเป็นผิวหนังขนาดใหญ่สีแดงเลือด…
มีใบหน้าที่น่ากลัวมากมายฝังอยู่บนผ้าจีวรนี้…
รัศมีโลหิตหลั่งไหลออกไปทั่วบริเวณ
“ทักษะเทห์สวรรค์ กาสายะโลหิตปีศาจ!”
เสี่ยยีที่ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดมองเฉินอย่างน่ากลัว เสียงคำรามหยาบกระด้างของเขาดังกึกก้อง
ฟิ้ว!
ผิวผ้าจีวรปลิวออกไป ราวกับมีม่านสีแดงเข้มห่อมู่เฉินและร่างเทพสุริยะนิรันดร์เอาไว้ เมื่อผ้าจีวรปิดลงก็กลายเป็นถุงขนาดใหญ่ใส่มู่เฉินเอาไว้ภายใน
ผู้คนที่รู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ต่างแอบเดาะลิ้น กาสายะโลหิตปีศาจเป็นกระบวนท่าไม้ตายของเสี่ยยี การห่อด้วยถุงนี้จะสร้างปีศาจโลหิตไม่สิ้นสุด ทำให้คนติดต้องว่ายวนอยู่ในแอ่งเลือด
แต่เสี่ยยีจะอ่อนแอลงอย่างมากทุกครั้งที่ใช้ทักษะนี้ ดังนั้นโดยปกติเขาจะไม่ใช้โดยง่ายดาย แต่ตอนนี้เพื่อจะขัดขวางมู่เฉิน เขาก็ไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้ได้แล้ว
“ครั้งนี้ข้าจะดูสิว่าแกจะทำลายกาสายะโลหิตยังไง!”
เงาสีแดงเข้มปิดบังสายตาของมู่เฉิน เขาเงยหน้าขึ้นมองถุงเลือด ขณะนี้เลือดจำนวนมหาศาลหลั่งไหลออกมาจากในถุงก่อร่างเป็นปีศาจ ปีศาจเหล่านั้นไม่มีตัวตนแท้จริง สามารถบุกทะลวงการป้องกันได้ แม้แต่คลื่นหลิงก็อาจหมดลงได้
“ไม่เลว… แต่ตอนนี้ตาข้าบ้างล่ะ”
มู่เฉินยิ้มตาหยี จากนั้นก็นั่งลงบนไหล่ของร่างม่วงทอง ตราประทับวาดขึ้นวูบไหว ริ้วแสงสีม่วงทองรวมตัวกันเป็นอักขระขณะที่บิดตัวเบื้องหน้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์
นี่คือหนึ่งในทักษะของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ รหัสเทพอมตะ!
มู่เฉินมองรหัสเทพอมตะพลางเปลี่ยนแปลงตราประทับอีกครั้ง คลื่นหลิงในร่างกายพุ่งทะลักเข้าสู่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ไม่มีที่สิ้นสุด
เห็นได้ชัดว่ารหัสเทพนี้ยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับเสี่ยยีแบบเด็ดขาด
เมื่อมู่เฉินเทคลื่นหลิงลงในร่างมากขึ้น แสงม่วงทองก็เปล่งแสงสว่างยิ่งขึ้น ไม่นานรหัสเทพอีกหลายลวดลายก็ถูกก่อขึ้น
ย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในวังสวรรค์บรรพกาล มู่เฉินสามารถสร้างรหัสอมตะได้สองลวดลายเท่านั้น แต่หลังจากฝึกปรือร่วมกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์ในช่วงหลายเดือน เขาก็มีความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับทักษะเทห์สวรรค์นี้มากขึ้น…
รหัสเทพก่อขึ้นเรื่อยๆ…
ขณะที่มู่เฉินมุ่งเน้นไปที่การสร้างรหัสเทพ ปีศาจโลหิตก็ทะยานเข้าใส่ ทว่าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็ระเบิดแสงเจิดจ้าพร้อมกับรัศมีอมตะที่ทำให้ปีศาจโลหิตกระเด็นกลับไป
สิบกว่าลมหายใจต่อมามู่เฉินก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับรหัสเทพอมตะหกลวดลายอยู่เบื้องหน้าเขา!
“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน!”
มู่เฉินพลิกนิ้วด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ลวดลายทั้งหกก็รวมตัวกัน แสงแวววาวสีม่วงทองปะทุออก อึดใจรหัสเทพทั้งหกก็ก่อร่างเป็น…หมุดอมตะยักษ์!
เมื่อมองไปที่หมุดอมตะมู่เฉินก็โบกมือ หมุดกลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าใส่ถุงเลือด
มู่เฉินจ้องมองหมุด จากนั้นก็เอามือไพล่ไว้ด้านหลังเผยรอยยิ้มบาง
“ข้าเล่นกับแกมาตั้งนาน ตอนนี้ถึงเวลาที่จะสิ้นหวังแล้ว…”