หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1217 ร่วงตาย
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1217 ร่วงตาย
ทุกคนมองกาสายะสีแดงก่ำที่ห่อหุ้มมู่เฉินด้วยท่าทางเคร่งเครียด
แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ยังมีปัญหาหลังจากถูกขังไว้ภายใน แม้ว่ามู่เฉินจะไม่ธรรมดา เขาก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อยในการหลุดพ้น
พวกเขามองไปที่เสี่ยถงและเสี่ยโส่วที่กำลังระเบิดคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัว เผชิญกับการโจมตีบ้าคลั่งนั้น ค่ายกลและกองทัพก็เหมือนจะอ่อนกำลังลง
หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ มู่เฉินอาจจะต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนสามคนโดยไม่เว้นช่องว่าง
ในเวลานั้นทั้งสามที่เคยเสียเปรียบมาแล้วจะไม่ให้โอกาสมู่เฉินได้จัดการทีละคนอีกแน่นอน เผชิญกับการทั้งสามในเวลาเดียวมู่เฉินยากที่จะต่อกรแน่
บางคนถึงกับถอนหายใจ ดูเหมือนว่าตระกูลเสี่ยเสินจะพลิกสถานการณ์กลับมาแล้ว
สิ่งนี้สังเกตเห็นโดยจอมยุทธ์ตระกูลลั่วเสินเช่นกัน พวกเขาแสดงความกังวลออกมาในแววตา
ในทางตรงข้ามเสี่ยหลิงจื่อกลับรู้สึกโล่งใจ แต่ก็ต้องกัดฟันกรอด เขาไม่คิดว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นจะทำให้ตระกูลเสี่ยเสินตกอยู่ในสถานการณ์น่าอนาถเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาจะชนะในวันนี้ก็จะถูกเหยียดหยามจากคนอื่นอย่างแน่นอน เพราะการสู้แบบสามต่อหนึ่งกลับได้ผลลัพธ์แย่แบบนี้
แต่โชคดีที่ไอ้หนูที่รังเกียจจะต้องตายในวันนี้!
ฮา
เสี่ยยีที่ยืนอยู่บนร่างกาสายะโลหิตก็รู้สึกโล่งใจ เขามองไปที่ผ้าจีวรสีแดงเข้มด้วยสายตาน่ากลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช โดยจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังเดียวกัน
“หึ แต่ไม่ว่าแกจะผยองขนาดไหน อย่าคิดว่าจะมีช่วงเวลาดีๆ ตอนที่ติดอยู่ในกาสายะโลหิตปีศาจ!” เสี่ยยีเค้นเสียงเยาะ แต่เขารู้ว่าแม้จะมีสิ่งนี้การสังหารหมู่เฉินก็คงเป็นเรื่องยากมาก โชคดีที่เขาต้องการเพียงซื้อเวลา ตอนที่มู่เฉินได้รับอิสระก็จะได้เผชิญหน้ากับการโจมตีของจอมยุทธ์สามคน
เมื่อคิดถึงผลลัพธ์นี้ เสี่ยยีก็รู้สึกสบายใจ แต่ขณะที่เขากำลังรอเวลาที่จะมาถึง สีหน้าก็ต้องเปลี่ยนไป
“หืม?”
เสี่ยยีขมวดคิ้ว มองไปที่กาสายะโลหิตปีศาจ เขาเหมือนจะรู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานหลิงที่แปลกประหลาด แต่ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาก็เห็นปลายแหลมคมกรีดออกมาอย่างช้าๆ
แสงสีม่วงทองระเบิดออกมาพร้อมกับรัศมีคมชัดเหลือเชื่อกวาดออก แม้แต่มิติโดยรอบยังถูกเจาะเป็นรู
ความคมชัดนั้นราวกับว่าสามารถทะลุผ่านทุกสิ่งได้!
กีด กีด!
ยามนี้กาสายะโลหิตปีศาจปล่อยเสียงกรีดร้องโหยหวน
แคว๊ก!
ใบหน้าของเสี่ยยีเปลี่ยนไปรุนแรง ความสยองขวัญเพิ่มขึ้นบนใบหน้าเขา นั่นเป็นเพราะตอนนี้เขาได้ยินเสียงแสบแก้วหูที่ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือดไป
ภายใต้สายตาตกตะลึงจำนวนมาก แสงสีม่วงทองก็เจาะทะลุกาสายะโลหิต ฉีกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เป็นไปได้ยังไง” สายตาของเสี่ยยีเต็มไปด้วยความกลัวและไม่เชื่อขณะที่พึมพำ
หลายคนอ้าปากค้างเพราะไม่มีใครคิดว่ากาสายะโลหิตที่สร้างปัญหาให้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนมามากมายหลายคนจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
“นั่นคืออะไร?”
ทุกคนมองดูแสงสีม่วงทองก็รู้สึกตะลึงงัน เนื่องจากพบว่าแสงสีม่วงทองนี้เป็นหมุดขนาดใหญ่!
ทว่าความคมกริบของหมุดนี้ส่งอาการหนาวสะท้านลงมาตามสันหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นรู้สึกหวาดกลัว พวกเขารู้สึกว่าหากหมุดนี้ตอกใส่เข้าละก็ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถทนได้ด้วยพลังกายที่มี
ฟิ้ว!
หมุดเจาะทะลุกาสายะโลหิตเพิ่มความเร็ว พุ่งไปในทิศทางของเสี่ยยี
ยามนี้เสี่ยยีรู้สึกถึงแสงสีม่วงทองพุ่งทะลุท้องฟ้า ทันใดนั้นเขาก็ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างพลางแผดเสียงลั่น ร่างกาสายะโลหิตใต้เท้าระเบิดแสงโชติช่วงสร้างเป็นชั้นตาข่ายเลือด ทว่าตอนนี้การป้องกันของเขาลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้วิชากาสายะโลหิตปีศาจไป
ชี่ ชี่!
หมุดเจาะทะลุตาข่ายเลือดไปชั้นๆ แต่ตาข่ายพวกนี้ก็มีลักษณะพิเศษ เมื่อแตกสลายก็จะมีโลหิตเหนียวหนืดพุ่งออกไปเพิ่มความทนทานให้กับตาข่ายชั้นหลังๆ
ไม่กี่อึดใจเมื่อหมุดเจาะถึงตาข่ายชั้นสุดท้าย ซึ่งเหนียวจนกระทั่งเหมือนปราการเลือดข้น แม้แต่หมุดที่คิมกริบก็เจาะทะลุได้ช้าลง
เสี่ยยีมองหมุดที่ยังสามารถเจาะทะลวงเข้ามา แม้เขาจะใส่พลังทั้งหมดที่มีเข้าไปในการป้องกัน เขาก็ต้องกัดฟันกรอดก่อนจะเปิดปากปล่อยลำแสงสีแดงเข้มออกไป
“ธงโลหิตปีศาจ!”
ลำแสงขยายอย่างรวดเร็วภายในธงรวมเข้ากับตาข่ายเลือด ฉับพลันหมุดก็ติดขัดไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าธงโลหิตปีศาจเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำ!
ในที่สุดก็หยุดหมุดได้ด้วยความช่วยเหลือของธงโลหิต เสี่ยยีรู้สึกโล่งใจมากยามนี้แผ่นหลังเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อหมดแล้ว
วาบ!
ทว่าขณะที่เขากำลังรู้สึกโล่งใจ แสงก็วูบไหวที่เบื้องหน้า มู่เฉินทะยานเข้ามามองเสี่ยยีด้วยยิ้มตาหยี พัดขนนกสีเขียวปรากฏขึ้นในมือ
ฮึ่ม!
เมื่อพัดโบกลมพายุขนาดใหญ่ก็กวาดไปทั่วบริเวณ พายุไซโคลนสีฟ้าอมเขียวพุ่งออกมา ตาข่ายเลือดและธงโลหิตก็ปลิวออกไป
ทันใดนั้นรูม่านตาของเสี่ยยีก็หดแคบลง ขณะที่รู้สึกว่าหนังหัวกำลังกรีดร้องด้วยอันตราย เขาถอยหนีจ้าละหวั่น
หลังจากเป่าแนวป้องกันออกไปได้ มู่เฉินก็กำมือเข็มปรากฏขึ้น แสงสีม่วงทองเปล่งประกายกลายเป็นของเหลวบินวนรอบปลายนิ้วของมู่เฉิน
ส่วนร่างเขาก็หายวาบไป
วาบ!
วินาทีต่อมาร่างมู่เฉินก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าเสี่ยยีด้วยความเร็วที่น่ากลัว ทำให้ความขนพองสยองเกล้าปรากฏบนใบหน้าของเสี่ยยี
เวลานี้เขารู้สึกถึงปากเหวนรกแล้ว
“เราเสียเวลามามาก คงพอได้แล้วมั้ง?”
มู่เฉินมองเสี่ยยีด้วยท่าทางเย็นชา ชายคนนี้เกือบทำให้ลั่วหลีต้องจบชีวิตลง มิหนำซ้ำความต้องการสังหารในใจเขาก็มาถึงขีดสุดแล้ว
ทว่าไม่ง่ายที่จะฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน ดังนั้นเขาก็ต้องรอโอกาส…เช่นตอนนี้
มู่เฉินฉายสายตาไม่แยแส นิ้วราวกับเคลื่อนผ่านมิติกระแทกบนหน้าอกของเสี่ยยี เจาะทะลุเป็นรูเลือด
ปัง!
แต่ขณะที่ดัชนีของมู่เฉินเจาะทะลุหน้าอกไป เสี่ยยีก็กัดฟันระเบิดแขนตัวเอง เส้นใยเลือดแวววาว ร่างเขาหายไปอย่างลึกลับ ห่างออกไปหลายหมื่นจั้งในพริบตา
เขาใช้วิธีทำร้ายตัวเองเพื่อใช้โอกาสช่วงสั้นๆ ในการถ่ายโอนมิติและหลบหนีการสังหารของมู่เฉินไป
ใบหน้าของเสี่ยยีซีดลงเมื่อมองไปที่มู่เฉิน สายตาน่ากลัวฟันขบกันกรอด “ไอ้เวร แกไร้เดียงสาไปแล้ว ที่คิดจะฆ่าข้า!”
ชีวิตของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคงกระพัน เว้นแต่จะเป็นสถานการณ์การปราบปรามที่สมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะถูกฆ่า
เมื่อมองเสี่ยยีที่หลบหนีไป รอยยิ้มเย้ยหยันบางจางก็ปรากฏบนใบหน้าเฉยเมยของมู่เฉิน
เมื่อเห็นรอยยิ้มนั่น เสี่ยยี่ก็รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกสะท้อนในใจ จากนั้นเมื่อก้มหน้าลง ก็เห็นแผลบนหน้าอกมีของเหลวสีม่วงทองฝังอยู่ในเนื้อ
ของเหลวสีม่วงทองนั้นคล้ายกับปรอทแพร่กระจายไปทั่วร่างในพริบตา
เสี่ยยีหวาดกลัวอย่างมากกับภาพที่เห็น เนื่องจากตระหนักได้ว่าของเหลวได้ปิดผนึกคลื่นหลิงเอาไว้ ทำให้คลื่นหลิงในส่วนที่ปนเปื้อนของร่างกายถูกระงับ
“ไม่!”
รัศมีแห่งความตายโอบล้อมขณะที่เสี่ยยีแผดเสียงออกมา
“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน”
มู่เฉินจ้องมองด้วยสายตาเฉยเมยพลางสะบัดนิ้วเบาๆ
ชี่ ชี่!
ทันทีที่เสียงมู่เฉินดังออกมา ร่างกายของเสี่ยยีก็ถูกเจาะออกมาด้วยหมุดสีม่วงทองจำนวนมากราวกับเป็นตัวเม่น เสียงร้องดังก้องไปทั่วขอบฟ้า
“ไอ้เวร แกช่างกล้า!” เสี่ยหลิงจื่อตกใจกับภาพนี้เช่นกัน เมื่อเขาฟื้นคืนสติก็เห็นสภาพที่น่าสังเวชของเสี่ยยี ทันใดนั้นก็คำรามลั่น
ทว่าตอบโต้ต่อเสียงคำรามมู่เฉินก็มองอย่างเฉยเมยไปที่เสี่ยหลิงจื่อก่อนที่จะดีดนิ้วเบาๆ
ปัง!
ทันใดนั้นร่างของเสี่ยยีก็ระเบิดออกมา แสงสีม่วงทองครอบงำทั่วสรรพางค์กาย พลังทำลายล้างทำลายทุกอณูของเสี่ยยี
นี่เป็นการทำลายให้สิ้นซากจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง
บนท้องฟ้า ละอองเลือดกระจายไปทั่ว ทุกคนมองไปที่ละอองเลือดด้วยความหวาดผวา พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังชีวิตของเสี่ยยีถูกลบอย่างสมบูรณ์แล้ว
นี่หมายความว่า…
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นคนนี้ของตระกูลเสี่ยเสินถูกสอยร่วงแล้ว!
ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขั้วอำนาจอื่นหรือตระกูลลั่วเสิน แม้แต่พวกหลิ่วเทียนเต้าที่มองจากที่ไกลก็ตะลึงกับฉากนี้ จากนั้นพวกเขาค่อยๆ เบนสายตามองไปที่มู่เฉิน ความเย็นเยือกห่อหุ้มร่างกายของพวกเขา
ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าชายหนุ่มคนนี้…
น่าสะพรึงกลัวอะไรขนาดนี้!