หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1225 เทพจักรพรรดิอัคคีปะทะจักรพรรดิสัประยุทธ์
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1225 เทพจักรพรรดิอัคคีปะทะจักรพรรดิสัประยุทธ์
เมื่อเสียงของจักรพรรดิสัประยุทธ์ดังก้อง
หลายคนก็รู้สึกว่าแผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ หนังหัวก็ชาหนึบไปหมด แต่ละคนตั้งท่าพร้อมที่จะหนีตลอดเวลา
จักรพรรดิสัประยุทธ์คือยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ ส่วนเทพจักรพรรดิอัคคีเป็นยอดยุทธ์ในตำนาน พวกเขาทั้งสองคนอยู่ในระดับเทียนจื้อจุน ดังนั้นการต่อสู้คงเรียกว่าสะเทือนฟ้าสะท้านปฐพีแท้จริง เวลานั้นดินแดนซีเทียนเล็กได้รับผลกระทบกันถ้วนทั่วแน่นอน
การปะทะในระดับนั้นมาพร้อมพลังทำลายล้างอยู่แล้ว
เมื่อเซียวเหยียนได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายก็ยิ้มด้วยดวงตาหรี่ลง “บางครั้งเรื่องแบบนี้ไม่ให้ก็ต้องให้”
แม้ว่าเทพจักรพรรดิอัคคีจะให้ความรู้สึกอ่อนโยนและเป็นอิสระ แต่ช่วงเวลาที่เขาปลดปล่อยอำนาจก็สามารถปราบปรามจักรพรรดิสัประยุทธ์ได้
“โอ้?”
คิ้วของจักรพรรดิสัประยุทธ์เลิกขึ้น ขณะที่แววตาคมชัดจดจ้องที่เซียวเหยียน “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าเทพจักรพรรดิอัคคีได้รวบรวมเปลวไปนานาชนิดในใต้หล้าสร้างเพลิงจักรพรรดิ ซึ่งครอบงำอย่างยิ่ง วันนี้อยากจะขอคำชี้แนะซะหน่อย”
ทำไมเขาจะไม่รู้ชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคีได้? บางทีในสายตาของคนอื่นตัวเขาด้อยกว่าเทพจักรพรรดิอัคคี ซึ่งนี่ทำให้เขาไม่สุขใจ เขามีความมั่นใจในตัวเอง ดังนั้นเขาไม่คิดว่าตนเองจะอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย
ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนอื่น บางทีจักรพรรดิสัประยุทธ์คงยอมลงให้บ้าง แต่เนื่องจากนี่เป็นเทพจักรพรรดิอัคคี ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
มิฉะนั้นคนอื่นจะบอกว่าเขากลัวชายคนนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทนไม่ได้
“ข้าก็ได้ยินมานานเกี่ยวกับความสำเร็จของจักรพรรดิสัประยุทธ์ในมหาพันภพ คลื่นหลิงที่สามารถหลอมรวมกับรัศมีจั้นยี่ ไหนๆ วันนี้ก็ได้พบกันแล้ว ข้าขอคำชี้แนะด้วยละกัน” เผชิญหน้ากับคำพูดจักรพรรดิสัประยุทธ์ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้และการท้าทาย เซียวเหยียนก็ยิ้มบาง เขาไม่ได้ปฏิเสธ ตรงกันข้ามกลับยอมรับคำท้าทาย
นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าจากนิสัยของอีกฝ่ายเป็นไปไม่ได้ที่จัดการเรื่องนี้ด้วยวาจา
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง เซียวเหยียนก็ยกมือขึ้น เปลวเพลิงงดงามพวยพุ่งออกมาก่อนที่จะรวมตัวบนฝ่ามือ
นี่เป็นเปลวเพลิงที่บรรจุสีสันหลายพันสีที่มีคลื่นพลังน่ากลัว
ทุกคนตกใจเมื่อเห็นเปลวไฟงดงามนี้ พวกเขารู้สึกได้ว่าหากเปลวไฟเหล่านี้ตกใส่ รัศมีหลายแสนลี้จะกลายเป็นมหาสมุทรเพลิง สิ่งมีชีวิตทุกอย่างจะถูกทำลายจนราพณาสูร
เปลวไฟพลุ่งพล่านขึ้น มิติก็พังทลายทีละชิ้น…ละชั้น
เปลวไฟย่อขนาดลงอย่างรวดเร็ว ก่อร่างเป็นดอกบัวอยู่ในมือ
ดอกบัวพร่างพราวมากจนทุกคนที่จ้องมองก็รู้สึกว่าไม่สามารถดึงสายตาออกมาได้
“อย่ามองมาก มิฉะนั้นคลื่นหลิงของพวกเจ้าจะถูกเผาได้” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของเซียวเหยียนก็ดังกึกก้อง ปลุกทุกคนให้ตื่นจากการถูกไฟครอบงำ
เมื่อผู้ชมตื่นขึ้นก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนภายในร่างกาย ใบหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปทันที พลังงานหลิงเดือดปุดแสดงสัญญาณถูกเผาไหม้เป็นไอ
ทุกคนหวาดผวาไม่กล้าที่จะจ้องมองที่ดอกบัวนั่นอีกต่อไป พวกเขาเบนสายตาทันควัน คลื่นหลิงในร่างกายก็เริ่มสงบลง
ทุกคนสูดหายใจเย็นเข้าลึกสุดปอดกับฉากนี้ เทพจักรพรรดิอัคคีทรงพลังแท้จริง แค่เพียงมองพลังงานของเขาก็เกือบจะทำให้คลื่นหลิงของทุกคนถูกแผดเผาไปแล้ว หากไม่ใช่การเตือนของเขา ร่างพวกเขาคงจะลุกเป็นมนุษย์เพลิงไปแล้ว
เซียวเหยียนยิ้มให้จักรพรรดิสัประยุทธ์ จากนั้นก็สะบัดนิ้ว ดอกบัวลอยขึ้นบินไปหาอีกฝ่าย
การเคลื่อนที่ของดอกบัวเอื่อยเฉื่อยมาก แต่ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าไม่สามารถหนีพ้นไปได้ ราวกับว่าเพลิงนี้จะติดตามพวกเขาไป ไม่ว่าจะวิ่งไปที่ใดหรือจะเคลื่อนทะลุผ่านมิติก็ตาม
เมื่อมองไปที่ดอกบัว ใบหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ฉายแววความเคร่งขรึม เขารู้สึกถึงการคุกคามจากเปลวไฟ
“ชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคีสมฐานะอย่างแท้จริง!”
จักรพรรดิสัประยุทธ์พึมพำ จากนั้นก็ไม่รอช้ามือประสานกันสร้างตราประทับ แสงสีทองแวววาวก่อร่างเป็นดวงอาทิตย์สีทองลุกโชน ท่ามกลางดวงอาทิตย์เหมือนจะมีร่างเงาคนอยู่
ฮึ่ม!
ดวงอาทิตย์สีทองผันผวนด้วยคลื่นพลังงานหลิงขนาดใหญ่ ทำให้ชั้นฟ้าและชั้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
มู่เฉินจ้องมองดวงอาทิตย์สีทอง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความแปรปรวนของรัศมีจั้นยี่จากคลื่นหลิงสีทองนั่น
จักรพรรดิสัประยุทธ์สามารถหลอมรวมคลื่นหลิงเข้ากับรัศมีจั้นยี่!
นี่เป็นความสำเร็จที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ เนื่องจากรัศมีจั้นยี่มีต้นกำเนิดจากเจตจำนงทรงพลังแตกต่างจากคลื่นหลิงโดยพื้นฐาน แม้ว่ามู่เฉินจะเป็นจั้นเจิ้นซือ แต่เขาก็ไม่สามารถหลอมรวมคลื่นหลิงและรัศมีจั้นยี่เข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้
นั่นเป็นเพราะไม่ว่ารัศมีจั้นยี่จะทรงพลังแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่พลังของเขา
แต่ในตอนนี้จักรพรรดิสัประยุทธ์กลับทำสำเร็จ ดังนั้นมู่เฉินจะไม่ตกใจได้อย่างไร?
ขณะที่มู่เฉินตกตะลึง ดวงอาทิตย์สีทองก็ถักทอเป็นหม้อกลั่นขนาดใหญ่ เงาจำนวนนับไม่ถ้วนสลักอยู่บนนั้น ราวกับว่าเป็นกองทัพหนึ่งเลยทีเดียว
“หม้อกลั่นสงครามไร้พ่าย!”
จักรพรรดิสัประยุทธ์แผดเสียง หม้อสีทองก็พุ่งลงมากลืนกินดอกบัวเพลิงงดงาม
หม้อกลั่นลอยอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงคำรามนับไม่ถ้วนดังก้องออกมา
“หม้อกลั่นของข้ามีกองทหารนับล้าน ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับพลังงานหลิง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็จะติดอยู่ข้างใน” เสียงของจักรพรรดิสัประยุทธ์ดังขึ้นอย่างภาคภูมิ
“ไม่ธรรมดาจริงๆ” เซียวเหยียนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะยิ้ม “แต่แม้ว่าหม้อใหญ่นั่นจะทรงพลัง แต่ก็ไม่สามารถทนความร้อนจากเพลิงได้…”
ทันใดนั้นทุกคนก็แหงนมองเงาบนหม้อกลั่นที่เริ่มหายไปด้วยเพลิงที่คืบคลานเข้าไปอย่างรวดเร็ว แสงสีทองไร้ขอบเขตราวกับหิมะที่ถูกไฟละลาย
จักรพรรดิสัประยุทธ์หดตาแคบลงกับภาพนี้
ฟู่ ฟู่!
เพลิงพวยพุ่งอย่างต่อเนื่อง อึดใจถัดมาของเหลวสีทองในหม้อกลั่นก็รั่วไหล
โห่
ความโกลาหลแผ่กระจายขณะที่ทุกคนตกใจ ไม่มีใครคิดว่าการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสองคนจะแสดงผลลัพธ์รวดเร็วขนาดนี้
ยามนี้กระทั่งพวกเขาก็บอกได้ว่าเพลิงจักรพรรดิของเทพจักรพรรดิอัคคีครอบงำมากกว่า
จักรพรรดิสัประยุทธ์อึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะมองเทพจักรพรรดิอัคคีด้วยสายตาที่ซับซ้อน “ที่แท้เจ้าไปถึงระดับนั้นแล้ว…”
การปะทะระหว่างทั้งสองไม่มีฉากทำลายล้างเหมือนที่ทุกคนคิด แต่ทันทีที่ผลการต่อสู้เผยออกมา จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะเทพจักรพรรดิอัคคีได้
“ทรงพลังอย่างแท้จริง…ไม่น่าแปลกใจแม้แต่หมัวเฮอเทียนเผ่าหมัวเฮอก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้”
“ก็แค่ชนะแบบเส้นยาแดงผ่าแปดน่ะ” เซียวเหยียนไม่แสดงอาการเย่อหยิ่งขณะที่ยิ้มบาง
จักรพรรดิสัประยุทธ์โบกแขนเสื้อ “แพ้ก็คือแพ้ ข้าจะไม่เอาเรื่องกับตระกูลลั่วเสินอีก”
เซียวเหยียนมองไปที่จักรพรรดิสัประยุทธ์พลางยิ้มให้ “เจ้าลืมมู่เฉินไปรึเปล่า”
เซียวเหยียนเป็นใคร จะไม่รู้ความหมายเบื้องหลังคำพูดจักรพรรดิสัประยุทธ์ได้อย่างไร เขาพูดเพียงว่าไม่เอาเรื่องกับตระกูลลั่วเสิน แต่เขาไม่ได้รวมกลุ่มมู่เฉินไปด้วย
จักรพรรดิสัประยุทธ์ขมวดคิ้ว “เจ้าหนุ่มนั่นพาสมาชิกตำหนักมู่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของทวีปซีเทียน ไม่เคารพต่อตำหนักซีเทียน ข้าจะไม่ลงโทษเขาได้ยังไง?”
เซียวเหยียนไม่โกรธกลับยิ้ม “หยุดทำเรื่องยุ่งยากซะ มู่เฉินไว้หน้าเจ้าโดยการแค่เชิญข้ามา”
ตอนที่เขาพูด ไม่เพียงแต่จักรพรรดิสัประยุทธ์จะขมวดคิ้ว แม้แต่คนอื่นก็งงไปตามกัน
“ฮ่าๆ เป็นเกียรติที่เทพจักรพรรดิอัคคีมาที่ทวีปซีเทียนของข้า” จักรพรรดิสัประยุทธ์เค้นเสียงเย็น เห็นชัดว่าคิดว่าเซียวเหยียนกำลังโอ้อวดตนเอง
เซียวเหยียนส่ายหัวด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะชี้ไปที่มู่เฉิน “มู่เฉินมีวัตถุอีกชิ้นที่สามารถเชิญผู้ช่วยคนอื่นได้ คนที่มีแค้นฝังลึกกับเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่ต้องการเห็นคนคนนั้น”
“โอ้?” จักรพรรดิสัประยุทธ์ยิ้มด้วยดวงตาหรี่ลง “งั้นข้าคนนี้ขอทราบหน่อยว่าใครในมหาพันภพที่ข้าไม่อยากเห็นหน้า?”
เซียวเหยียนจ้องไปที่จักรพรรดิสัประยุทธ์ด้วยรอยยิ้มที่ลึกล้ำตอบอย่างช้าๆ ว่า “เทพจักรพรรดิสงคราม—หลินต้ง”
เมื่อเขาพูดจบทุกคนก็เห็นใบหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์มืดครึ้มลงทันที