หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1266 พลังอำนาจของลั่วหลี
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1266 พลังอำนาจของลั่วหลี
ร่างเงาก่อตัวขึ้นด้านหลังลั่วหลี
แสงพริบพราวมหาศาลระเบิดออกรวมตัวกันเป็นเงาร่างตระการตา
ร่างเงานั้นดูเหมือนกับลั่วหลีทุกประการ เพียงแค่มีรัศมีเทพที่ทำให้นางดูราวกับเทพธิดาก็มิปาน
ร่างเงานั้นมีความงดงามหาที่เปรียบมิได้ราวกับว่าคือความงามของโลก
เมื่อแสงแวววาวไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ก็ทำให้การโรมรันพันตูโดยรอบสงบลง สายตามั่วเมานับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปที่หญิงสาวที่มีเรือนผมสีเงินยวง
“ช่างเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่งดงามจริงๆ”
ผู้คนนับไม่ถ้วนพึมพำ
แม้แต่เทพจักรพรรดิอัคคีและจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ยังอึ้งไปในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่พวกเขาจะถอนหายใจ “สมกับเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ลือกันว่างดงามที่สุดในโลก”
ร่างเทพวารีมีชื่อเสียงด้านความงามมาตั้งแต่โบราณกาล
ว่ากันว่ามีข้อกำหนดเข้มงวดในการฝึกฝนร่างเทห์สวรรค์นี้ ประการแรกผู้ฝึกจะต้องเป็นสาวพรหมจารีพร้อมด้วยพรสวรรค์และรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้รับการปลูกฝังแล้ว ร่างเทห์สวรรค์และร่างผู้ฝึกก็จะเปลี่ยนไป
ในสมัยโบราณลั่วเสินพึ่งพิงสิ่งนี้ขึ้นเป็นเทพธิดาแห่งมหาพันภพโดยมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่โดดเด่นมากมายอยู่ใต้อาณัติของนาง ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าเทพธิดาแห่งมหาพันภพเปี่ยมเสน่ห์แค่ไหน
ดังนั้นแม้กระทั่งจอมยุทธ์อย่างเทพจักรพรรดิอัคคีและจักรพรรดิสัประยุทธ์ยังอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานด้วยความชื่นชม เมื่อพวกเขาเห็นร่างเทห์สวรรค์ของลั่วเสินนี้
ขณะที่พวกเขาร้องอุทานชื่นชม ดวงตาของทุกคนก็จ้องมองหญิงสาวด้วยความมึนเมา อดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำว่า “งดงามจริงๆ”
ขณะที่ทุกคนกำลังปลาบปลื้มกับร่างเทพวารีที่น่าทึ่ง
หลิงเฟยจื่อก็กัดริมฝีปากแน่นมองไปที่ลั่วหลีด้วยความอิจฉาตาร้อน
“ร่างเทพวารี? หึ ก็เป็นแค่ร่างเทห์สวรรค์ที่ชนะแค่รูปลักษณ์ภายนอก ไม่คู่ควรกับอันดับเลย!” หลิงเฟยจื่อเอ่ยเยาะเย้ย
บนตารางทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง ร่างเทพวารีอยู่ในอันดับที่สิบเอ็ดซึ่งเป็นการจัดอันดับที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะร่างเทห์สวรรค์ระดับนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่ตำหนักซีเทียนก็ไม่ได้ครอบครอง
ฮึ่ม!
ยามนี้หลิงเฟยจื่อไม่ต้องการให้ลั่วหลีได้รับความสนใจทั้งหมด ดังนั้นนางจึงวาดตราประทับ ทันใดนั้นแสงหลิงนับไม่ถ้วนก็ระเบิดออกมา ก่อร่างเวทสวรรค์ขึ้น
น่าตกใจนักที่ร่างเวทสวรรค์ของหลิงเฟยจื่อก็มีรูปร่างเหมือนสตรีที่มาพร้อมกับดวงจันทร์สุกสกราวประดับอยู่ด้านหลังศีรษะ
“นี่คืออันดับที่สามสิบในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง…ร่างมหาจักรพรรดินีรึ?!”
เมื่อหลิงเฟยจื่อเรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมาก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนทันที แม้ว่าอันดับร่างนี้จะด้อยกว่าร่างเทพวารี แต่ก็มีชื่อเสียงอย่างเหลือเชื่อ เนื่องจากอยู่ในอันดับสามสิบ! ซึ่งเป็นสิ่งที่มีเพียงตำหนักซีเทียนเท่านั้นที่จะครอบครองได้
หลิงเฟยจื่อยืนบนร่างมหาจักรพรรดินีพลางก้มมองลั่วหลีด้วยสายตาเย็นชาเอ่ยเย้ยหยัน “วันนี้ข้าจะให้ทุกคนเห็นว่าร่างเทพวารีของเจ้าเป็นเพียงเปลือกเปล่าไม่มีพลังอะไร!”
ฮึ่ม!
โดยไม่ลังเล ฝ่าเท้าของนางก็แตะลงไป ดวงจันทร์ที่แขวนอยู่ด้านหลังร่างมหาจักรพรรดินีก็ระเบิดแสงจันทร์มหาศาล
แสงจันทร์พุ่งทะลุผ่านมิติกวาดไปที่ร่างเทพวารี ในเส้นทางผ่านของแสงที่ดูอ่อนโยนกลับทิ้งร่องรอยมากมายไว้
ขณะที่แสงจันทร์บรรจุด้วยไอสังหารครอบคลุมพื้นที่ ลั่วหลีก็เงยหน้ายกมือขึ้นเบาๆ ร่างเทพวารียกมือขึ้น กลุ่มแสงหลิงเข้มข้นแตกออกเป็นกลีบดอกไม้นับไม่ถ้วน
เมื่อกลีบดอกไม้เหล่านั้นล่องลอยไปมาและสัมผัสกับแสงจันทร์ กลีบดอกไม้ก็กลายเป็นดอกไม้ตูมล้อมแสงจันทร์เอาไว้
ในเวลานี้ภาพกลีบดอกไม้ตระการตาฉายบนท้องฟ้า
ผู้คนอุทานออกมาในการเผชิญหน้าที่สวยงามเช่นนี้ แต่พวกเขารู้ว่านี่อันตรายแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นกลีบดอกไม้หรือแสงจันทร์ก็เต็มไปด้วยไอมรณะอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อหลิงเฟยจื่อเห็นว่าลั่วหลีสามารถแก้ไขการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดาย ใบหน้านางก็ดิ่งลงหลายส่วน แม้ว่าหัวใจจะเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่ การปะทะก่อนหน้าทำให้นางเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นแล้ว
“ดูเหมือนว่าทักษะทั่วไปจะไม่สามารถทำอะไรกับนางได้”
หลิงเฟยจื่อขบฟันพร้อมกับไอเย็นยะเยือกวาบผ่านในดวงตา นางไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างมหาจักรพรรดินียื่นมือเรียวบางออกมา ทว่าไม่ได้เคลื่อนที่ไปในทิศทางของลั่วหลี แต่เอื้อมไปยังดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ด้านหลัง
เมื่อมือสัมผัสกับดวงจันทร์รัศมีเย็นเยือกน่าอัศจรรย์ก็ปะทุออกมา ราวกับอาวุธเทพที่สามารถแยกสวรรค์และโลกออกเป็นสองส่วน
คว้าดวงจันทร์อยู่ในมือ หลิงเฟยจื่อก็วาดกระบวนท่าเร็วรี่ก่อนที่เสียงเย็นจะเปล่งสะท้อนออกมา “ทักษะเทห์สวรรค์ เทพธิดาจันทรา!”
ชี่!
ร่างมหาจักรพรรดินีกุมดวงจันทร์ไว้แล้วเหวี่ยงลง แสงจันทร์ปกคลุมทั่วบริเวณ รัศมีใบมีดกว้างนับหมื่นจั้งพวยพุ่งออกมาจากดวงจันทร์ซัดเข้าใส่ลั่วหลี
ภายใต้รัศมีแหลมคม กระทั่งมิติก็ถูกเฉือนแยกออกเป็นชิ้นๆ จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนรู้สึกถึงความเย็นเยือกเจาะกระดูก ใบหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนไป
รัศมีคมชัดราวกับสายฟ้าฟาด ปรากฏที่เบื้องหน้าร่างเทพวารีในอึดใจต่อมา
ลั่วหลียังคงมีท่าทางสงบนิ่งโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้จะเกิดการโจมตีที่น่ากลัว ความสง่างามนี้ทำให้นางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
เมื่อรัศมีคมชัดฟันลงมา ร่างเทพวารีก็วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว แสงหลิงระเบิดออกที่เบื้องหน้า แม่น้ำระยิบระยับไหลลงไปเกิดเป็นคลื่นเชี่ยวกรากปะทะกับรัศมีคมชัด
ปัง!
แผ่นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น คลื่นถูกฉีกออกขณะที่รัศมีแหลมคมก็แตกสลายไป
แววตาของหลิงเฟยจื่อเย็นเยือกลง นางหมุนมือ อึดใจต่อมารัศมีแหลมคมหลายร้อยสายก็ระเบิดออกมาราวกับพายุฝนที่มาพร้อมกับไอสังหารล้อมรอบลั่วหลี
ซ่า ซ่า!
คลื่นที่ไม่มีที่สิ้นสุดของแม่น้ำแสงยังคงไหลออกมาจากมือร่างเทพวารีแล้วรวมตัวกัน ก่อร่างเป็นแม่น้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่ารัศมีคมชัดจะเฉือนลงมาอย่างไร ก็ถูกคลื่นซัดทำลายจนไม่เหลือหลอ
ในเวลาไม่กี่นาทีหลิงเฟยจื่อก็ปล่อยกระบวนท่านับร้อยแล้ว แต่ละครั้งก็สามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้เลยทีเดียว
แต่สุดท้ายการโจมตีเหล่านั้นก็ไม่สามารถเจาะผ่านแม่น้ำที่ปกคลุมรอบร่างเทพวารีได้
สายตาตกตะลึงใจพุ่งตรงไปที่การต่อสู้ดุเดือดระหว่างหญิงสาวสองคน การโจมตีเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายยังมีท่าทางเปลี่ยนไป หญิงสาวทั้งสองคนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นแน่นอน มากจนสามารถเผชิญหน้ากับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้เลยทีเดียว
แต่ตัดสินจากสถานการณ์ตอนนี้ แม้การโจมตีของหลิงเฟยจื่อจะทรงพลัง แต่ก็ไม่สามารถผ่านการป้องกันของร่างเทพวารีได้
“แกรู้จักแต่วิธีป้องกันเท่านั้นรึ?”
เมื่อเห็นว่าความพยายามของตนไร้ประโยชน์ ใบหน้าของหลิงเฟยจื่อก็ไม่น่าดู นางไม่คิดว่าร่างเทพวารีจะมีการป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่การโจมตีของนางก็ไม่สามารถผ่านการป้องกันนั้นได้
“ข้าแค่ต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของร่างมหาจักรพรรดินีน่ะ” ลั่วหลียิ้มขณะพูดต่อ
“แต่ดูเหมือนว่าถึงจะไม่ธรรมดาก็ไม่มีอะไรที่น่าทึ่งเลย”
หลิงเฟยจื่อรู้สึกโมโหจนต้องหัวเราะ “นังหน้าด้าน!”
ลั่วหลียิ้มไม่ใส่ใจที่จะเถียงกับหลิงเฟยจื่อ มือของนางเริ่มวาดกระบวนท่า
ซ่า ซ่า
แม่น้ำแสงพราวไหลบ่าราวกับมังกรวารีขนาดใหญ่ขดตัวไปรอบๆ ร่างเทพวารี
ร่างเทพวารียื่นมือออกมาอย่างช้าๆ คว้าแม่น้ำที่ส่องประกาย ก่อร่างเป็นกระบี่ยาวทันที
เมื่อร่างเทพวารีวาดกระบี่ รัศมีกระบี่คมชัดก็ทะยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า แม้แต่ภูเขาที่อยู่เบื้องล่างก็แยกออกเป็นสองส่วน!
“ให้มาไม่ให้กลับจะเสียมารยาท ในเมื่อเป็นแบบนี้เจ้าก็รับเพลงกระบี่ของข้าด้วย หากเจ้ารับได้ ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้เอง” ลั่วหลียิ้มบางพูดด้วยท่าทางสง่างามและมั่นใจ
“งั้นก็เตรียมพ่ายแพ้ได้เลย!”
หลิงเฟยจื่อหัวเราะด้วยความโกรธ ก่อนที่จะกัดฟันเยาะเย้ย
แม้จะพูดไปแบบนั้น ดวงตานางก็เคร่งเครียดลง เนื่องจากนางรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงในขณะนี้
ลั่วหลียิ้มสดใจก่อนที่กระบี่ยาวจะเสือกแทงออกมาพร้อมกับแสงกระบี่ไร้ขอบเขตกวาดไปทั่วสวรรค์และโลก
“ทักษะเทห์สวรรค์ กระบี่แม่น้ำลั่ว!”
ในอดีตลั่วหลีฝึกฝนวิทยายุทธเทพที่รู้จักกันในชื่อเพลงกระบี่ลั่วเสิน แม้ว่าชื่อจะคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันมาก
เมื่อเสียงของลั่วหลีดังก้อง แสงกระบี่ไม่มีที่สิ้นสุดก็เปล่งประกายออกมา ทั่วทั้งฟ้าดินเหมือนเต็มไปด้วยเสียงน้ำสดชื่น ทว่าในเสียงนี้ก็อัดแน่นด้วยรัศมีคมกริบที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ทุกคนที่เฝ้ามองก็สีหน้าเปลี่ยนแปลงรุนแรง เมื่อพวกเขามองไปที่คลื่นเชี่ยวกราก หัวใจก็สั่นไหว
รัศมีกระบี่กินพื้นที่สามหมื่นลี้ แสงกระบี่สาดส่องไปทั่ว
ยามนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมร่างเทพวารีถึงอยู่ในอันดับสิบเอ็ดบนทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง