หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1268 แบ่งสรรการชำระล้าง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1268 แบ่งสรรการชำระล้าง
ในจัตุรัส
เมื่อลั่วหลีปรากฏตัว ความโกลาหลขนาดใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นเงียบงัน สายตาลุ่มหลงนับไม่ถ้วนมองไปที่หญิงสาว
นอกจากนี้หลังจากผ่านการต่อสู้ในสนามรบเมื่อสักครู่ ทุกคนรู้ว่านางไม่เพียงแต่มีความงามเกินใครเทียบเคียง แต่ยังมีความสามารถเทียบเท่ากับความงามที่มี
รัศมีใสกระจ่างของนาง ทำให้หลายคนรู้สึกละอายใจที่ดูต่ำต้อย
เผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางก็ยังสงบนิ่งขณะที่มองไปรอบๆ เมื่อเห็นมู่เฉินอยู่กับลั่วเทียนเสิน นางก็ยิ้มกว้าง
รอยยิ้มของนางทำให้ทุกสรรพสิ่งหม่นหมอง สายตาอิจฉาพุ่งตรงไปที่มู่เฉินด้วยความเกลียดชัง
ถ้ามู่เฉินไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่น่าตกใจละก็ คงมีบางคนขยับเข้าใส่เขาในตอนนี้แล้วก็ได้
มู่เฉินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ตอบสนองสายตาเหล่านั้น ยามนี้เขาเข้าใจถ่องแท้ว่ามีหญิงสาวประเภทหนึ่งในโลกที่มีความงามเป็นหายนะ
ลั่วหลีขจัดความไร้เดียงสาที่มีมาแต่ก่อนก้าวสู่ความงามเลิศล้ำ หลังจากนางฝึกฝนร่างเทพวารี
โชคดีที่ความงามนี้เป็นของเขาแล้ว… ดังนั้นเขาจะแบกรับภัยพิบัตินั่นเอง!
“อะแฮ่ม!”
ทันใดนั้นเสียงกระแอมไอก็ดังก้องจากบัลลังก์ ทำลายช่วงเวลางดงามของมู่เฉินและลั่วหลี ทุกคนกวาดสายตาไปก็เห็นใบหน้าไร้ความริ้วอารมณ์ของจักรพรรดิสัประยุทธ์ พวกเขาสามารถบอกได้ว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่ได้รู้สึกดีใจในตอนนี้
แน่นอนว่าก็ไม่มีใครมีความสุขหลังจากเห็นตำแหน่งสองในสามหายวับไปกับตา
ทว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ไม่สามารถทำอะไรกับลั่วหลีได้ ในเมื่อนางทำตามขั้นตอน เข้าร่วมโดยใช้คุณสมบัติของตระกูลลั่วเสิน นอกจากนี้ลั่วหลียังแข็งแกร่งกว่าหลิงเฟยจื่ออย่างแท้จริง
ระงับความทุกข์ในใจลง เสียงของเขาก็ประกาศก้อง “นักรบทวีปซีเทียนได้รับการพิจารณาแล้ว”
“สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม หลิงตง”
“สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย มู่เฉิน”
“และสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น ลั่วหลี”
สิ้นเสียงประกาศของจักระพรรดิสัประยุทธ์ ร่างสามร่างก็ปรากฏขึ้นที่ใจกลางจัตุรัส เสียงโห่ร้องดังสะเทือนเลื่อนลั่น แม้ว่าจะมีผู้ชนะเพียงสามคน แต่ในฐานะผู้ชมที่ได้เห็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาก็ให้ความเคารพต่อทั้งสามคน
บนจัตุรัส หลิงตงที่มีรูปลักษณ์ชายเฒ่าไม่มีอะไรน่าดูเลย ดังนั้นสายตาส่วนใหญ่จึงมองไปที่มู่เฉินกับลั่วหลีเป็นหลัก
ชายหนุ่มยืนตัวตรงพร้อมด้วยริ้วอ่อนโยนในแววตา แต่เมื่อเขาหรี่ตาลงก็จะมีรัศมีสังหารที่ไม่สามารถประเมินได้กระจายออกมา
หญิงสาวสวมเสื้อผ้าสีดำซึ่งเผยรูปร่างทรงเสน่ห์ ริมฝีปากสีแดงชาดคลี่ยิ้มราวกับราชินีผู้สูงศักดิ์
ชายหนุ่มหญิงสาวที่โดดเด่นคู่นี้เปรียบได้กับกิ่งทองใบหยก ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก แม้แต่เทพจักรพรรดิอัคคียังพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกับคู่รักที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
“ในเมื่อพวกเจ้าสามคนได้รับชัยชนะก็มีคุณสมบัติเป็นนักรบทวีป ตอนนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปรับการชำระล้างจากพลังงานทวีป” จักรพรรดิสัประยุทธ์เอ่ยขึ้น
เมื่อพูดจบไม่เพียงแต่ดวงตาของลั่วหลีกับมู่เฉินจะสว่างวาบ แม้แต่ใบหน้าของหลิงตงก็สั่นสะท้านด้วยความกระหายที่ไม่อาจปกปิดได้
จอมยุทธ์ในระดับหลิงตงอีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน แต่ความยากลำบากนั้นสูงเทียมฟ้าเลยทีเดียว
ในมหาพันภพ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็เป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดที่สมบูรณ์แบบแล้ว แต่มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเท่านั้นที่จะรู้จักในนามยอดยุทธ์
ตราบใดที่พวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน พวกเขาก็จะสามารถครองทวีปมีจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนอยู่ภายใต้คำสั่ง เช่นเดียวกับทวีปซีเทียน จำนวนของจอมยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับหลิงตงสามารถนับได้ด้วยสองมือ หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิสัประยุทธ์ช่วยผลักดันละก็ เขาคงมีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะได้ตำแหน่งมา
ความแตกต่างระหว่างระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มและระดับเทียนจื้อจุนต่างกันราวกับสวรรค์และโลก
ดังนั้นการเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนจึงเป็นความฝันของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มที่เหมือนกับหลิงตง แต่เขารู้ว่าด้วยพรสวรรค์ของตนเองไม่สามารถก้าวขึ้นไปได้ถ้าไม่มีโอกาสที่ดี
และตอนนี้การชำระล้างจากพลังงานทวีปเป็นโอกาสสำหรับเขา!
แม้ว่าไม่ใช่นักรบทวีปทุกคนที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้ แต่โอกาสของพวกเขาก็สูงกว่ามาก แค่นี้ก็เพียงพอที่จะล่อลวงผู้อาวุโสตง
ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิสัประยุทธ์ แม้แต่หลิงตงก็ระงับความตื่นเต้นในใจไว้ไม่ได้
ผู้ชมต่างมองร่างเงาของผู้ชนะทั้งสามบนจัตุรัสด้วยความอิจฉาเนื่องจากโอกาสหายากในรอบหลายร้อยปีอยู่ในมือพวกเขาทั้งสาม
“เทพจักรพรรดิอัคคีสนใจจะไปดูการชำระล้างของทวีปซีเทียนไหม?” จักรพรรดิสัประยุทธ์หันไปมองเซียวเหยียนพลางเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินเซียวเหยียนก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “การชำระล้างแต่ละทวีปเป็นความลับ ดังนั้นข้าไม่ขอเข้าไปยุ่ง”
พื้นที่ดังกล่าวคือการบรรจบกันของพลังงานทวีป ซึ่งสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นรากฐานของทวีป ดังนั้นโดยทั่วไปจะไม่ให้คนนอกเข้าเนื่องจากนี่เป็นความลับ
“ขอบคุณสำหรับคำเชิญจักรพรรดิสัประยุทธ์ หากมีโอกาศภายภาคหน้าแวะมาที่แคว้นหวู่จิ้งฮั่วของข้าได้นะ” เซียวเหยียนยิ้ม
“ข้าได้ยินชื่อเสียงของแคว้นหวู่จิ้งฮั่วมานานแล้ว ถ้ามีโอกาสข้าจะไปเยี่ยมแน่นอน” จักรพรรดิสัประยุทธ์พยักหน้า แม้ว่าพวกเขาจะเป็นขั้วอำนาจสูงสุดเช่นเดียวกัน แต่เขาก็รู้ว่ารากฐานของแคว้นหวู่จิ้งฮั่วไม่ใช่สิ่งที่ตำหนักซีเทียนจะสามารถนำมาเปรียบเทียบได้
เซียวเหยียนยิ้มจากนั้นก็มาปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉินและลั่วหลี “มู่เฉิน ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก”
มู่เฉินประสานมือด้วยความเคารพ ขณะที่ลั่วหลีก็ทักทายด้วยมารยาทเช่นกัน
“หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสเซียว ข้ากลัวว่าจะไม่ได้รับสิทธิ์เช่นนี้ ผู้น้อยคนนี้จะจดจำบุญคุณเอาไว้ไม่ลืมแน่นอน” มู่เฉินกล่าวอย่างจริงจังเนื่องจากเขารู้ว่าหากไม่ใช่เซียวเหยียน จักรพรรดิสัประยุทธ์คงไม่อนุญาตให้เขาเข้าร่วมการประลองอย่างแน่นอน
เซียวเหยียนโบกมือยิ้มให้ “อย่าแกล้งเด็กขณะที่เขายังเด็ก นี่คือสิ่งที่ข้าประสบมากับตัว ดังนั้นแล้วข้าจะผิดพลาดได้อย่างไร? มู่เฉินข้าเชื่อว่าสักวันเจ้าจะยืนอยู่ที่ระดับเดียวกับข้า”
เมื่อเห็นความสำคัญที่เซียวเหยียนวางไว้ให้ มู่เฉินก็เขินอายเล็กน้อย แม้ว่านั่นจะเป็นเป้าหมายของเขาก็ตาม
“ในเมื่อการแข่งขันจบลงแล้ว ข้าก็ต้องกลับไปแคว้นหวู่จิ่งฮั่วแล้ว หากเจ้าสนใจก็สามารถไปเยี่ยมเยือนที่แคว้นข้าได้ ข้าเชื่อว่าเซียวเซียวคงดีใจที่ได้พบเจ้า” เซียวเหยียนยิ้ม คำเชิญของเขานั้นเป็นกันเองยิ่งกว่าที่เขาพูดกับจักรพรรดิสัประยุทธ์เสียอีก
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนั่นก็พยักหน้า
เซียวเหยียนไม่คิดอ้อยอิ่งอยู่ต่อ เขาโบกมือก่อนที่ร่างจะเลือนหายไป
“ตามข้ามา”
หลังจากที่เห็นเทพจักรพรรดิอัคคีไปแล้ว จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็กวาดมองผู้ชนะทั้งสามแล้วโบกมือ แสงหลิงก็ล้อมรอบตัวทั้งสามคน อึดใจร่างทั้งสี่คนก็หายไป
เมื่อทั้งสี่คนไปแล้ว เสียงถอนหายใจก็ดังก้องทั่วบริเวณ ทุกคนเริ่มแยกย้ายไปเช่นกัน ดังนั้นบอกได้ว่าข่าวศึกนักรบทวีปจะแพร่กระจายไปอย่างไร บางทีคงไม่ใช้เวลานานสำหรับชื่อทั้งสามที่จะดังก้องไปทั่วมหาพันภพ
เมื่อวิสัยทัศน์ชัดเจนขึ้น
มู่เฉินก็ตระหนักได้ว่าสภาพแวดล้อมมืดสนิทราวกับท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว ความเงียบช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง
สัมผัสเย็นฉ่ำยื่นเข้ามาจับมือเขาเบาๆ มู่เฉินก็จับมือนั้นไว้ก่อนที่จะหันไปมองลั่วหลีที่อยู่ข้างกาย
ตอนนี้ความมืดเริ่มจางหาย เบื้องหน้าพวกเขาสามารถมองเห็นท้องฟ้าพร่างพราวเต็มไปด้วยดวงดาว
ท้องฟ้านี้ดูแปลกประหลาดมาก บางครั้งมีวาฬขนาดใหญ่ กระเรียนใหญ่และต้นไม้ใหญ่โต ทั่วทั้งบริเวณราวกับอยู่ในโลกดึกดำบรรพ์
ในที่แห่งนี้มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานหลิงบริสุทธิ์โบราณที่ไม่เหมือนโลกภายนอก ราวกับว่าคลื่นหลิงมีต้นกำเนิดมาในยุคโบราณ
เก่าแก่และบริสุทธิ์
“นี่คือจุดรวมคลื่นหลิงของทวีปซีเทียน ฉากนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการรวมกันหลายร้อยปีและการชำระล้างก็จะเกิดขึ้นที่นี่”
“ตอนนี้เจ้าสามคนจะเข้าไปซึมซับ สำหรับผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเจ้าเอง” จักรพรรดิสัประยุทธ์เอ่ยเสียงแผ่วเบา
มู่เฉินไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อจักรพรรดิสัประยุทธ์กล่าวสิ่งนี้ แต่สายตาลั่วหลีกลับวูบไหวพูดขึ้นว่า “จักรพรรดิสัประยุทธ์กำลังบอกว่าเราต้องพึ่งพาความสามารถของตนเองในการรับการชำระล้างหรือ?”
จักรพรรดิสัประยุทธ์พยักหน้าตอบ
สายตาของลั่วหลีวาวโรจน์ด้วยความโกรธ นางขมวดคิ้วเข้าหากัน “จักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ?”
เมื่อมู่เฉินสังเกตเห็นท่าทางของลั่วหลี เขาก็ขมวดคิ้วฉับ สายตาจับจ้องที่จักรพรรดิสัประยุทธ์ดูเหมือนชายคนนี้กำลังวางแผนบางอย่างอีกแล้ว