หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1269 แย่งส่วนชำระล้าง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1269 แย่งส่วนชำระล้าง
เมื่อเสียงโกรธเกรี้ยวของลั่วหลีดังก้อง
บรรยากาศก็แข็งค้างไปพร้อมกับแรงกดดันทรงพลัง ส่งผลให้มิติถึงกับสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
“สามหาว!” ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิสัประยุทธ์ หลิงตงก็คำรามลั่น สายตาคมกล้าจ้องเขม็งไปที่ลั่วหลีที่กล้ารุกรานเจ้านายของตน
มู่เฉินขมวดคิ้ว ปราดเข้ามาปกป้องลั่วหลี หินสลักอักขระโบราณกำไว้ในมือ เมื่อไรที่เขาบดขยี้ของชิ้นนี้ เขาก็จะสามารถเชิญเทพจักรพรรดิสงครามมาได้
แม้ว่านี่จะเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายที่อยู่ในมือ มู่เฉินก็ไม่ลังเล ถ้าจักรพรรดิสัประยุทธ์คิดรังแกพวกเขาจริง เขาก็จะเชิญหลินต้งมาจัดการซะให้เฮี้ยนเต้ไปเลย ในเวลานั้นเขาจะดูว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์จะจัดการปัญหาอย่างไร
จักรพรรดิสัประยุทธ์ท่าทางสงบนิ่งหันมามองลั่วหลี “ข้าคนนี้ทำอะไรเกินไป?”
แม้จะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิสัประยุทธ์ผู้เป็นใหญ่ในทวีป ลั่วหลีก็ไม่แสดงอาการหวาดกลัว นางขมวดคิ้ว “ทำไมจักรพรรดิสัประยุทธ์ต้องแสร้งไม่รู้ไม่เห็น? พลังงานการชำระล้างมีปริมาณจำกัด ในอดีตสิ่งนี้ถูกแจกจ่ายตามกฎ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นและขั้นปลายจะได้คนละสามส่วน ขณะที่ขั้นเต็มจะได้สี่ส่วน”
“แต่จักรพรรดิสัประยุทธ์กลับไม่สนใจเรียกร้องให้เราต่อสู้แย่งชิงกันเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วหลีในที่สุดมู่เฉินก็เข้าใจว่าปกติพลังงานการชำระล้างจะได้รับการแบ่งสรรอย่างเป็นธรรมและยุติธรรม เพราะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแข็งแกร่งกว่าอีกสองคน ดังนั้นถ้าเกิดแย่งชิงพลังงานส่วนใหญ่ก็จะตกเป็นของอีกฝ่าย
ตามการประเมินของมู่เฉิน หลิงตงอาจยึดการชำระล้างได้ถึงหกส่วนและทิ้งสี่ส่วนหรือน้อยกว่านั้นไว้ให้พวกเขา
พลังงานทวีปเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการสะสม ดังนั้นความแตกต่างในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็จะมีผลที่แตกต่างกันไป
เห็นได้ชัดว่าแม้จักรพรรดิสัประยุทธ์จะยอมรับพวกเขาสองคนที่โผล่มาแย่งพลังชำระล้าง แต่เขาก็ต้องทำอะไรขัดขวางบ้าง
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลั่วหลีพูด จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ไม่มีความผันผวนในดวงตาพลางยิ้ม “การจัดสรรแตกต่างกันทุกที่ ผู้ปกครองทวีปเป็นคนตัดสินใจเองเสมอ ดังนั้นข้ามีสิทธิ์ที่จะแจกจ่ายด้วยวิธีนี้ เรื่องนี้ต่อให้เจ้าเรียกเทพจักรพรรดิอัคคีมา ข้าก็มีเหตุผล”
“ในเส้นทางการฝึกยุทธ์ คนอ่อนแอก็จะตกเป็นเหยื่อของคนแข็งแกร่งอยู่เสมอ หากพวกเจ้าไม่สามารถแย่งพลังงานชำระล้างได้อย่างเพียงพอ นั่นหมายความว่าปัญหาเกิดขึ้นที่เจ้าสองคน หากเจ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ต่อให้เป็นนักรบทวีป เจ้าก็เข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนไม่ได้”
ได้ยินคำพูดน่าทุเรศของจักรพรรดิสัประยุทธ์ ลั่วหลีก็ขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะโต้แย้ง นางก็ถูกหยุดลงโดยมู่เฉิน
“แม้เรื่องที่จักรพรรดิสัประยุทธ์ทำจะดูใจแคบ แต่สิ่งที่ท่านพูดสมเหตุสมผลดี” มู่เฉินยิ้ม
เมื่อได้ยินการเสียดสีซ่อนอยู่หลังคำพูดของมู่เฉิน จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็เลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม เขาเพียงแค่จ้องมองมู่เฉินอย่างประหลาดใจ “หมายความว่าเจ้าไม่คัดค้านวิธีการจัดสรรของข้าเรอะ?”
มู่เฉินพยักหน้าพลางยิ้ม “ไม่มีความยุติธรรมแท้จริงในโลก คนเราต้องพุ่งไปอย่างหาญกล้าผ่านเส้นทางเพื่อเป็นหนึ่ง หากไม่มีความสามารถเพียงพอจนทำให้เสียโอกาส ก็ทำได้เพียงตำหนิตนเองเท่านั้น”
ลั่วหลีหันไปมองมู่เฉิน แม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเห็นด้วยกับการจัดสรรที่ไม่ยุติธรรมนี้ แต่นางก็ยังคงเงียบเพราะเชื่อใจเขา
เมื่อเห็นว่ามู่เฉินไม่ค้าน สายตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็วูบไหว เผชิญหน้ากับมู่เฉินที่คาดเดาไม่ได้ แม้แต่เขาก็ไม่กล้าดูถูกชายหนุ่มคนนี้
“ในเมื่อจักรพรรดิสัประยุทธ์ตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดสรรแล้ว งั้นข้ามีคำถามอื่นอีกนิด หากผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งที่ท่านหวัง ท่านจะขัดขวางอีกหรือไม่?” มู่เฉินยิ้ม
จักรพรรดิสัประยุทธ์ขมวดคิ้วพูดด้วยสีหน้าบิดเบ้ “เจ้าคิดอย่างไร?”
หากเขามีเหตุผลเพียงพอที่จะเปลี่ยนกฎการจัดสรรก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้ว่าเรื่องนี้จะแพร่งพรายออกไป แต่ถ้าเขาแทรกแซงผลที่ตามมาก็ต้องถูกรังเกียจเหยียดหยามแน่นอน ซึ่งเป็นผลกระทบต่อชื่อเสียงเขาอย่างมาก
เมื่อเห็นการตอบสนองนั่น มู่เฉินก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าก็วางใจ งั้นเรามาเริ่มกันเลยไหม?”
เมื่อไม่เห็นความกังวลใดๆ ในนัยน์ตาของมู่เฉิน จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ได้แต่ขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขาไม่รู้หรอกว่ามู่เฉินกำลังแกล้งทำไหม แต่ไม่ว่าอย่างไรจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็ปะทะกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มไม่ได้หรอกมั้ง?
ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจ สีหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ดีขึ้น เขามองไปที่หลิงตงที่พยักหน้าตอบมา
หลิงตงเข้าใจความตั้งใจของจักรพรรดิสัประยุทธ์ นั่นคือให้เขาไม่ต้องออมมือ พยายามแย่งชิงพลังให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ประโยชน์ตกอยู่กับมู่เฉิน
เผชิญกับคำขอนี้หลิงตงก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร ตรงกันข้ามเขาดีใจในใจอย่างเหลือล้น เพราะโดยปกติการจัดสรรในอดีตตัวเขาจะได้รับสี่ส่วน แต่ถ้าพึ่งพาความสามารถทั้งหมดที่มีละก็ เขามั่นใจว่าจะได้รับเพิ่มอย่างน้อยอีกคนละหนึ่งส่วนจากมู่เฉินและลั่วหลี นั่นหมายความว่าเขาจะสามารถได้รับเป็นหกส่วน นี่เท่ากับส้มทั้งเข่งหล่นลงมาจากท้องฟ้าเลยทีเดียว
บอกเป็นนัยกับหลิงตงแล้ว จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็โบกมือ “ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไรงั้นก็เริ่มเลย พวกเจ้าต้องจำไว้ว่ามีเวลาเพียงหนึ่งก้ามธูปในการแบ่งปริมาณชำระล้าง หลังจากการชำระล้างเริ่มขึ้น ภายใต้สภาวะนั้นจะไม่สามารถแย่งชิงได้อีกต่อไป”
สายตาของมู่เฉินวูบไหว นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องกำหนดปริมาณของการชำระล้างภายในเวลาหนึ่งก้านธูป เมื่อถึงเวลาปริมาณพลังที่ครองก็จะถูกชำระเข้าตัว
วาบ!
มู่เฉินกับลั่วหลีแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนที่ทั้งสองจะทะยานเข้าสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว หลังจากนั้นร่างหลิงตงก็ตามมาช้าๆ
ไม่กี่ลมหายใจทั้งสามคนก็ปรากฏตัวในท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว
วาฬว่ายช้าๆ ต้นไม้โบราณสะบัดกิ่งก้านใบ แต่พวกมันก็เป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อสัมผัสร่างพวกเขาก็ทะลุผ่านไป
ทว่ามู่เฉินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานหลิงบริสุทธิ์และเก่าแก่เป็นพิเศษในตัวพวกมัน นี่เป็นสิ่งที่มู่เฉินไม่เคยรู้สึกมาก่อนราวกับว่ามันมีอยู่ในสมัยโบราณเท่านั้น
ฮึ่ม!
ขณะที่มู่เฉินจมลงไปในความรู้สึก กระแสหลิงทรงพลังก็พวยพุ่งเข้าหาทั้งสี่ทิศทาง ความผันผวนกลายเป็นม่านพลังแยกพลังงานในท้องฟ้าออกจากกันทันที
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองหลิงตงที่ปลดปล่อยคลื่นหลิงของตนเพื่อจัดสรรพื้นที่
มู่เฉินและลั่วหลีแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว คลื่นหลิงระเบิดออกมาจากร่างในเวลาเดียวกัน โดยไม่ลังเลก็กระจายคลื่นพลังงานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในเวลาเริ่มต้นพวกเขาไม่ได้ปะทะกับหลิงตง หลีกเลี่ยงอีกฝ่ายเพื่อกางเขตแดนที่หลิงตงไม่ได้แตะต้อง
ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีทั้งสามคนก็แบ่งเขตแดนเรียบร้อย
ในช่วงเวลานี้หลิงตงครอบครองพลังงานการชำระล้างอย่างหยาบๆ ประมาณห้าส่วน แม้ว่ามู่เฉินกับลั่วหลีจะผสานงานกัน ทั้งสองก็ยังได้รับไว้ห้าส่วนเท่านั้น
“หึ!”
หลิงตงตะเบ็งเสียง คลื่นหลิงเชี่ยวกรากก็พุ่งออกไปในเขตแดนของมู่เฉินกับลั่วหลี
เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มแย่งการจัดสรรของทั้งสองแล้ว
ประจันหน้ากับหลิงตง มู่เฉินกับลั่วหลี่ก็ประสานพลังกัน คลื่นหลิงก่อร่างเป็นม่านพลังพยายามจะสกัดกั้นอีกฝ่าย
ทว่าก็ตามที่จักรพรรดิสัประยุทธ์คาดไว้มู่เฉินกับลั่วหลี่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น การเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แม้ว่าพวกเขาจะรวมพลังเข้าด้วยกัน ก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเผชิญหน้าได้
ดังนั้นการป้องกันของพวกเขาจึงถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเขตแดนก็ถูกยึดโดยหลิงตง
ในเวลานี้หลิงตงได้รับผลรวมหกส่วนแล้ว!
เมื่อได้เห็นภาพนี้ ความโลภก็วาวขึ้นในดวงตา เขาต้องการมากกว่านี้เพราะนี่จะเพิ่มโอกาสในการบรรลุระดับเทียนจื้อจุน
“ในเมื่อเจ้าสองคนไม่มีโชคชะตาก็ให้ชายชราคนนี้รับแทนแล้วกัน!” หลิงตงเย้ยหยันไม่ลังเลอีกต่อไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพัดพาลอนคลื่นไปในทิศทางเขตแดนของมู่เฉินกับลั่วหลี
เผชิญหน้ากับความโลภนี้ ใบหน้าของลั่วหลีก็เย็นชาลง นางเรียกร่างเทพวารีออกมาทันที
สายตาของมู่เฉินเปล่งประกายก่อนที่จะนำร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา
ทั้งสองสาดสายตาเย็นชาไปยังหลิงตง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แต่เขาก็ฝันกลางวันแล้วที่จะยึดสิ่งที่เป็นของพวกเขาไป!
เมื่อเห็นสายตาของทั้งสอง รอยยิ้มเหยียดหยามก็ลุกขึ้นตรงมุมปากของผู้อาวุโสตง
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสองคนพยายามขัดขวางเขา ช่างไม่ประมาณตนจริงๆ!
“ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็น ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะแค่ไหน พวกเจ้าก็ทำได้แค่เพียงก้มหน้าต่อพลังเท่านั้น!”
หลิงตงเย้ยหยันพลางกางมือทั้งสองออก ทันใดนั้นคลื่นหลิงเชี่ยวกราก็กวาดออกมา