หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1271 พิธีชำระล้าง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1271 พิธีชำระล้าง
แสงแวววาวไร้ขอบเขตเบ่งบานบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว
คลื่นหลิงโบราณไม่ได้อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป พลังที่น่าสะพรึงกลัวเล็ดลอดออกไป ทำให้มิติทั้งหมดแช่แข็ง
ท่ามกลางมิติที่แช่แข็ง เวลาก็เหมือนจะเคลื่อนช้าลง
ร่างกายของหลิงตงแข็งทื่อด้วยความโกรธ ทว่าเนื่องจากมิติแช่แข็งทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
แต่ถึงอย่างนั้นสายตาก็จ้องเขม็งไปที่มู่เฉินด้วยความไม่เชื่อ เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงฉับพลันที่เกิดขึ้น
เขาไม่เคยคิดเลยว่าในโค้งสุดท้ายการตอบโต้ของมู่เฉินจะดุร้ายขนาดนั้น กระบี่เล่มนั้นบรรจุรัศมีของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนไว้แน่นอน
ทว่าหลังจากที่ประมือ พลังอำนาจของมันก็ไม่ถึงระดับที่หลิงตงคิดไว้ แม้ว่ากระบี่เล่มนั้นจะทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง หากประมาทอาจต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่ทำให้เขาตื่นตระหนก เหตุผลที่เขาตอบสนองเช่นนั้นก็คือเขาถูกทำให้ตกใจจากรัศมีเทียนจื้อจุนที่อยู่บนกระบี่
เขากลัวว่าเทพจักรพรรดิอัคคีจะทิ้งไพ่ตายไว้ให้มู่เฉิน ไพ่ตายที่เตรียมไว้โดยจอมยุทธ์เทพเช่นนั้นเป็นสิ่งที่สามารถจัดการคนอย่างเขาได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นในเวลานั้นเขาจึงถอนคลื่นหลิงทั้งหมด สร้างการป้องกันเพื่อรักษาชีวิตตนเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้สุดท้ายเขาจะต่อต้านได้ แต่ก็สูญเสียส่วนแบ่งของการชำระล้างที่เขาต่อสู้ มิหนำซ้ำยังสูญเสียเพิ่มไปอีกหนึ่งส่วนด้วย!
ตอนนี้เขามีส่วนแบ่งเพียงสามส่วนเท่านั้น!
นี่ต่ำกว่าที่จัดสรรกันอย่างเหมาะสมซะอีก!
“บ้าเอ้ย! นรกเลย! ไอ้เจ้าเล่ห์นั่น!”
หลิงตงสาปแช่ง ขณะที่รู้สึกเสียใจอย่างมาก เขาไม่ควรหยิ่งผยองมากเกินไป หากเขาเตรียมการไว้ก่อนก็คงไม่ถึงขนาดตกใจกลัวกระบี่ของมู่เฉินจนสูญเสียทั้งหมดไปหรอก
ขณะที่หลิงตงรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ใบหน้าของจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำกับฉากนี้ ในขณะเดียวกันก็จ้องมู่เฉินด้วยสายตาประหวั่นพรั่นพรึง
กระบี่ก่อนหน้าบรรจุด้วยรัศมีเทียนจื้อจุนอย่างแท้จริง
แต่นั่นไม่ได้เป็นของเทพจักรพรรดิอัคคี นี่เป็นรัศมีที่ลึกล้ำและไม่อาจเข้าใจได้… หากเจ้าของรัศมีอยู่ในระดับสูงสุด กระทั่งเขาก็ไม่สามารถแข่งขันกับจอมยุทธ์ระดับนั้นได้
“เทพจักรพรรดิอัคคีบอกว่ามู่เฉินได้รับมรดกของจักรพรรดิฟ้า หากข้าเดาไม่ผิดละก็ กระบี่นั่นจะต้องเป็นของที่จักรพรรดิฟ้าทิ้งไว้ให้และนั่นคือวิธีที่เขานำส่วนแบ่งกลับคืนมาได้” สายตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์วูบไหว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะมีไพ่ตายซ่อนเอาไว้อีก
ยิ่งกว่านั้นความอดทนของมู่เฉินก็น่ากลัวอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับหลิงตง เขาก็ยังคงสงบรอจนถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนที่จะปล่อยไพ่ตายดึงส่วนแบ่งที่สูญหายคืน!
ความอดทนแบบนั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าอะไร
จักรพรรดิสัประยุทธ์หายใจลึกๆ และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้สนใจหลิงตงอีกต่อไป หันหลังกลับจากไป
ผลลัพธ์กำหนดแล้ว หลิงตงสูญเสียโอกาสสุดท้าย ดังนั้นแผนการที่เขาวางไว้ก็ถูกแก้ไขโดยมู่เฉินทั้งหมด
พลังงานได้เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว ดังนั้นหากไม่ได้ใช้พลังของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนเพื่อขัดขวางกระบวนการ เขาก็ไม่สามารถแทรกแซงการชำระล้างของมู่เฉินได้
แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้นก็จะผิดกฎมากไป ซึ่งจะสร้างความเหยียดหยามนับไม่ถ้วนหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ในฐานะที่เป็นคนกังวลมากต่อชื่อเสียง จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ไม่สามารถทนได้หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ไม่ต้องพูดถึงว่ามู่เฉินมีเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามหนุนหลัง ดังนั้นถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาอาจทำให้เทพจักรพรรดิอัคคีซึ่งพูดคุยกับเขาเมื่อไม่นานหันมาจัดการเขา
ชัดว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์ไม่เต็มใจที่จะจ่ายราคานั้นเพื่อจัดการกับมู่เฉิน
“ต่อให้เป็นนักรบทวีปแล้วยังไง? ตำแหน่งนี้แค่เพิ่มโอกาสสูงขึ้นเล็กน้อยในการบุกเข้าไปในระดับเทียนจื้อจุนเมื่อเทียบกับคนธรรมดาทั่วไป แต่คนเก้าส่วนก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้”
เมื่อความคิดนี้วูบไหวขึ้นในใจของจักรพรรดิสัประยุทธ์ เขาก็ยิ้มบางแล้วหายไป ตราบใดที่ไม่ใช่ระดับเทียนจื้อจุน ไม่ว่าจะเป็นระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นหรือขั้นเต็ม ก็ไม่ต่างอะไรกับมดในสายตาของเขา
เมื่อจักรพรรดิสัประยุทธ์ออกไป รอยยิ้มเจตจำนงในสายตาของมู่เฉินก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เขาพอใจกับผลลัพธ์นี้จริงๆ
สิ่งที่เขายืมมาก็คือพลังกระบี่เกล็ดจักรพรรดิที่จักรพรรดิฟ้ามอบให้เขาเอาไว้ รัศมีที่จักรพรรดิฟ้าทิ้งไว้บนใบมีดเป็นรัศมีระดับเทียนจื้อจุนที่แท้จริง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หลิงตงกลัวจนตัวสั่น
ทว่าผู้อาวุโสไม่ทราบว่าพลังงานบนกระบี่ส่วนใหญ่หมดไปแล้ว เมื่อตอนที่จักรพรรดิฟ้าสังหารจอมปีศาจทุนเทียน พลังงานที่เหลือสามารถให้มู่เฉินใช้งานได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ มู่เฉินจึงเลือกที่จะเคลื่อนไหวในวินาทีสุดท้าย ด้วยวิธีนี้เมื่อถึงเวลาที่s]b’ตงได้สติกลับมา ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดไว้แล้ว
และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามความคิดของมู่เฉิน มากจนเกินความคาดหวังของเขาไปด้วย
ตอนแรกเขาคิดแค่จะเอาส่วนของเราสองคนกลับมาเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะคว้าอีกหนึ่งส่วนจากหลิงตงมาด้วย
เห็นได้ชัดว่าเขาประเมินการข่มขวัญของรัศมีเทียนจื้อจุนที่มีต่อหลิงตงต่ำไป
แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ก่อนที่สายตาจะกวาดไปทางลั่วหลี ตอนที่เขายึดเขตแดนกลับมา ลั่วหลีก็แบ่งเขตแดน ทว่านางรับพลังไปเพียงสามส่วนยกสี่ส่วนให้กับมู่เฉิน
“ยัยคนนี้”
มู่เฉินรู้สึกจนหนทาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นั่นเป็นเพราะเขามีมู่เฉินชุดดำและชุดขาวอยู่ด้วย นี่เป็นสิ่งที่เขาทำโดยมีเจตนา เพราะเขาต้องการให้ร่างรองทั้งสองคนได้รับการชำระล้างด้วย
“เริ่มกันเถอะ”
มู่เฉินหลับตาพลางพึมพำในใจ
ฮึ่ม!
ราวกับว่ามิตินี้ได้ยินเสียงของเขา คลื่นหลิงโบราณก็เริ่มเปล่งประกายแวววาวสดใส ก่อนที่จะกวาดไปทั่วเขตแดนของเขา ห่อหุ้มร่างมู่เฉินทั้งสามไว้
เมื่อแสงครอบคลุม มู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงคลื่นหลิงโบราณที่ไหลสู่ร่างกายในทันที ทุกอณูคำรามตอบรับด้วยความตื่นเต้น ขณะที่กลืนกินพลังงานโบราณอย่างเมามัน
คล้ายกับทารกกินนมจากถันมารดาด้วยความกระหายจากส่วนลึกของสัญชาตญาณ
เมื่อพลังงานโบราณเข้ามาในร่างกายของมู่เฉินและสัมผัสกับคลื่นหลิง ก็เป็นความรู้สึกคล้ายกับน้ำหมึกเข้มข้นหยดลงในบ่อน้ำใส ยามนี้มู่เฉินสามารถบอกได้ว่าคลื่นหลิงของตนเองเริ่มข้นหนืดขึ้น
ภายใต้การชำระล้างมู่เฉินรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อ กระดูก เลือดและแม้แต่คลื่นหลิงก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
โฮก!
ขณะที่กระบวนการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นภายในร่างกาย ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคำรามของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่ไม่ได้ออกมานานปรากฏในร่างกายเขา
นับตั้งแต่มู่เฉินบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ไม่ได้มีพัฒนาการ ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออย่างมีนัยสำคัญในการต่อสู้ ตัวเขาก็เริ่มลืมเลือนไป
แต่ตอนนี้ภายใต้การชำระล้างมังกรและหงส์ฟ้าก็ได้ตื่นขึ้น พวกมันกินอย่างตะกละตะกลาม ขณะที่กลืนกิน มู่เฉินรู้สึกได้ว่าพลังของพวกมันเข้าใกล้ระดับตี้จื้อจุนมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยความเร็วนี้อาจใช้เวลาไม่นานที่พวกมันจะบรรลุระดับตี้จื้อจุน
เมื่อถึงเวลานั้นประโยชน์ของพวกมันที่มีต่อมู่เฉินก็จะเผยให้เห็นอีกครั้ง
“นักรบทวีปเต็มไปด้วยผลประโยชน์ไม่รู้จบ”
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในร่างกาย แม้แต่มู่เฉินก็กลั้นความสุขเอาไว้ไม่ได้ ไม่น่าแปลกใจที่หลิงตงวิตกกังวลมาก ที่แท้พลังก็มหัศจรรย์เพียงนี้นี่เอง
“การชำระล้างรุนแรงเกินไป ทำให้มิติแช่แข็งไปเลย ดังนั้นเวลาที่นี่จึงแตกต่างจากภายนอก ตามเวลาที่นี่การรับการชำระล้างอาจกินเวลาเป็นปีแต่ภายนอกคงผ่านไปไม่กี่เดือนเท่านั้น”
ขณะที่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย มู่เฉินก็สัมผัสได้ว่าเวลารอบตัวชะลอตัวลง เห็นได้ชัดว่าพลังงานแห่งการชำระล้างได้เปลี่ยนกฎของเวลาในสถานที่มิตินี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการชำระล้างครั้งนี้จะยาวนาน
เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงนี้มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจ ความเร็วในการฝึกฝนของเขาเกินกว่าคนธรรมดา แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะยอดเยี่ยม แต่บางครั้งเขาก็ต้องใจเย็นและขัดเกลาไปทีละน้อย
ไม่ว่าอัญมณีที่ยังไม่เจียระไนจะยอดเยี่ยมเพียงใด ช่างก็ต้องแกะสลักด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด บางครั้งจำเป็นต้องใช้เวลาในการถนอมกล่อมเกลา
ดวงตาของมู่เฉินค่อยๆ ปิดลง จิตใจก็นิ่งสงบเข้าสู่การฝึกฝนลึก ท่ามกลางการชำระล้างนี้ เขาก็ต้องขัดเกลาพัฒนาการของตนดีๆ
ภายใต้การสะสมลึกล้ำเท่านั้นถึงจะทำให้เขาบรรลุได้อีกครั้ง!
แสงไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง เวลาและมิติก็ตกลงสู่จุดเยือกแข็ง มีเพียงเงาทั้งห้าที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงยังคงปล่อยพลังชีวิตออกมา
ส่วนเวลาก็เลื่อนไหลไปภายใต้ความเงียบนี้