หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1274 บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1274 บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!
แนวคิดเกี่ยวกับเวลาหายไปในมิติเย็นเยือกนี้
เวลาช้ามากจนรู้สึกเหมือนเป็นนิจนิรันดร์ ราวกับว่าสติสัมปชัญญะแช่อยู่ในความมืด ขณะที่รอบตัวให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา
ภายใต้ความเงียบนี้การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็เกิดขึ้นอย่างช้าๆ
ท่ามกลางหมู่ดาวโบราณ ร่างเงาหนึ่งนั่งอยู่ราวกับก้อนหินพร้อมกับมีคลื่นหลิงโบราณก่อตัวขึ้นเป็นวงรัศมีอยู่รอบตัวเขา แสงสาดส่องลงมาบนร่าง ภายใต้ความมันวาวนั้นกระทั่งร่างกายของเขาก็เปล่งแสงลึกล้ำขณะที่เคลื่อนเข้าไปในเนื้อ กระดูกและเลือด ชำระร่างกายให้สมบูรณ์แบบ
เมื่อเวลาผ่านไปคลื่นหลิงโบราณและคลื่นหลิงของมู่เฉินก็ค่อยๆ เชื่อมโยงกัน เมื่อรวมเข้าด้วยกันได้คลื่นหลิงในร่างกายของเขาก็หนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่เป็นพัฒนาการลึกซึ้งยิ่งขึ้นของคลื่นหลิง ในแง่ของคุณภาพพลังงานนี้น่าจะสูงกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อยก็หนึ่งระดับ
คลื่นหลิงที่แข็งแกร่งไหลเวียนอยู่ในร่างกายเขา ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนภายในอย่างผันผวนไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับว่าทุกริ้วความผันผวนจะทำให้มันเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้น
การเสริมพลังนี้แรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังสะสมรอจังหวะปะทุขึ้นเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทวีปซีเทียน เมืองลั่วเสิน โถงวังลั่วเสิน
ลั่วหลีนั่งอยู่พร้อมกับเพ่งมองไปที่ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ชายคนนั้นดูผอมบางแต่ความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวเขาราวกับว่ากำลังแบกภูเขาไว้บนหลัง
นี่เป็นบุคคลอันตรายอย่างยิ่ง!
นี่คือการประเมินจากลั่วหลี แม้ว่านางจะเสร็จสิ้นการชำระล้างและพลังก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย แต่นางก็ไม่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ตอนนี้นางอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นระยะปลายสุด
เวลานี้นางอาจจะต่อสู้กับหลิงจั้นจื่อได้เลยทีเดียว
ทว่าชายวัยกลางคนผู้นี้มีพลังมากกว่าหลิงจั้นจื่อ จากการคาดเดาเขาอาจจะแตะระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว แม้ว่ายังไม่ได้เข้าไปอย่างเต็มตัว แต่อย่างน้อยก็อยู่ในขุมพลังเสมือนระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว
แม้ว่าจะเป็นเพียงเกือบบรรลุ แต่ก็ยังอยู่ในอีกระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย
ลั่วเทียนเสิน ลั่วเทียนหลงและผู้อาวุโสอื่นๆ ของตระกูลลั่วเสินก็ปรากฏตัว สายตามองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความหวั่นเกรงและตื่นตัว
“ท่านผู้อาวุโส มู่เฉินไม่อยู่ที่นี่ ถ้าท่านต้องการเจอเขาโปรดไปที่อื่นเถิด” ลั่วหลีพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ไม่กี่วันที่ผ่านมาชายวัยกลางคนคนนี้มาที่ตระกูลลั่วเสินเพื่อตามหามู่เฉิน ทว่าตอนนี้มู่เฉินยังคงอยู่ในกระบวนการชำระล้าง นอกจากนี้ต่อให้เขาอยู่ ลั่วหลีก็ไม่ต้องการให้คนคนนี้พบกับมู่เฉิน ก่อนที่นางจะยืนยันเป้าหมายของเขาได้
เผชิญหน้ากับคำพูดของลั่วหลี ชายวัยกลางคนก็ส่ายหัว “เขาจะต้องมาแน่นอนในเมื่อข้ามาที่นี่”
ลั่วหลีมุ่นคิ้ว “เจ้าตามหามู่เฉินเพื่ออะไร?”
“จะเชิญเขาไปที่แห่งหนึ่ง” ชายวัยกลางคนพูดอย่างไม่มีริ้วกระเพื่อมในน้ำเสียง
คิ้วของลั่วหลีขมวดกันมากยิ่งขึ้นขณะมองไปที่ชายวัยกลางคนอย่างลึกซึ้ง “ข้ากลัวว่าท่านจะไม่สามารถเชิญเขาไปได้”
ด้วยความเข้าใจของนางเกี่ยวกับมู่เฉิน หลังจากการชำระล้างพลังของมู่เฉินจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ในอดีตเขาสามารถต่อกรกับหลิงจั้นจื่อซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายระยะปลายสุดด้วยขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น
หลังจากการชำระล้างแม้ชายวัยกลางผู้นี้จะมีขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็คงไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดของลั่วหลี เขาก็ยิ้มตาหยีพลางหลุบตาลง “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็อยากลองดู ข้าหวังว่าเขาจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
‘ไม่เช่นนั้นก็เป็นการสิ้นเปลืองความพยายามของนายหญิงที่ปกป้องเขา’
ประโยคสุดท้ายเสียงต่ำลงจนไม่สามารถได้ยิน
เวลาไหลผ่านไปในความมืด
ไม่มีใครรู้ว่าความเงียบงันกินเวลานานแค่ไหน ทันใดนั้นริ้วสติก็กระเพื่อมไหวก่อนที่จะค่อยๆ ตื่นขึ้นจากสมาธิระดับลึก
ขณะเดียวกันแสงริ้วสุดท้ายก็เข้าสู่ร่างกายของมู่เฉินเรียบร้อย
ร่างกายที่ถูกแช่แข็งของเขาฟื้นคืนขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเขาลืมตาแสงลึกล้ำก็กะพริบวาบในม่านตาสีดำของเขา
แม้ว่าจะไม่ได้มีรัศมีอลังการอะไร แต่ก็หมายความว่ามู่เฉินได้มาถึงระดับใหม่ของการควบคุมคลื่นหลิง
มู่เฉินเหยียดแขนออกเงียบๆ
ครืน!
ทันใดนั้นกระดูกก็ส่งเสียงลั่นเปรียะ เสียงดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าคำรามในร่างกายของเขา
นอกจากนี้ทุกเสียงคำรามก็ทำให้มิติรอบตัวผันผวนไปหมด
มู่เฉินลุกขึ้นยืนเส้นผมกระจัดกระจายไปทั่ว อึดใจคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ไม่ถูกยับยั้งอีกต่อไป มันปลดปล่อยตัวเองออกมาราวกับคลื่นยักษ์
ตู้ม!
คลื่นหลิงเชี่ยวกรากกวาดออกไปพร้อมกับแรงกดดันไม่รู้จบล้อมรอบมิติทั้งหมดนี้
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของคลื่นหลิงยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่อึดใจก็มาถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นระยะปลายสุด
ทว่าก็ไม่มีสัญญาณว่าจะหยุดลง!
เสื้อผ้าของมู่เฉินเผยิบผยาบ กระทั่งผิวหนังของเขาก็ยังสั่นระริก ขณะที่คลื่นหลิงแล่นพล่านราวกับงูใต้ผิวหนัง
เพียงสิบกว่าลมหายใจ ลำแสงหลิงขนาดแสนกว่าจั้งก็ยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า
ปัง!
เสียงฟ้าลั่นคำราม ความผันผวนของคลื่นหลิงขยายตัว หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจก็ทะลุผ่านขอบเขตก้าวเข้าระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหวีดหวิวรอบร่างตัวมู่เฉิน ความหนาแน่นนั้นแข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาอยู่ในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายหลายเท่า!
ประกายคลื่นหลิงรอบร่างมู่เฉินเริ่มหดลง ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงอย่างช้าๆ มองไปที่ฝ่ามือตนเองซึ่งถูกปกคลุมด้วยพลังงานไร้ขอบเขต ในช่วงเวลานี้กระทั่งหัวใจของเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
“ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย”
ด้วยการชำระล้างนี้ เขาก้าวกระโดดครั้งสำคัญจากระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นเข้าสู่ขั้นปลายเป็นที่เรียบร้อย!
“กระบวนการครั้งนี้กินเวลาถึงสามปี”
ทว่าการเพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็ว ใช้เวลาสามปีเต็มในการทำให้สำเร็จ!
ที่จริงนี่ไม่ได้เป็นเวลาสามปีในมหาพันภพแต่เป็นในมิตินี้ พลังงานชำระล้างที่ลึกซึ้งทำลายเวลาทำให้ไหลช้าลง ดังนั้นในมหาพันภพเวลาน่าจะผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งปี
มู่เฉินรู้สึกโล่งใจ ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมาความเร็วในการฝึกฝนของเขาไม่ช้า ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มการเพาะบ่มมากเกินไปและสร้างความเสียหายต่อรากฐาน ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้มู่เฉินสามารถวางรากฐานได้ดียิ่งขึ้น
เห็นได้ชัดว่าการชำระล้างนี้สมกับความคาดหวังของมู่เฉิน ไม่เพียงแต่สามปีที่ช่วยให้เขาไปถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ยังทำให้เขาวางรากฐานแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
ด้วยสิ่งนี้จะไม่มีผลกระทบใดๆ ที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการของเขาในการบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มหรือกระทั่งระดับเทียนจื้อจุน
มู่เฉินยิ้มพอใจก่อนที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรวมตัวกันในฝ่ามือ เขารู้สึกได้ว่าคลื่นหลิงในตอนนี้แตกต่างจากในอดีต
คลื่นหลิงในปัจจุบันของเขาทั้งมีชีวิตชีวาและหนาแน่นยิ่งขึ้น
“เล่าลือว่าคลื่นหลิงในร่างของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุน ทุกหยดสามารถเปลี่ยนเป็นแม่น้ำ มีความหนาแน่นเท่ากับภูเขา”
มู่เฉินครุ่นคิด ดูเหมือนว่าคลื่นหลิงโบราณจะมีการเชื่อมโยงกับการพัฒนาในอนาคตสู่ระดับเทียนจื้อจุน
แม้ว่าเขายังมีระยะทางค่อนข้างไกลจากระดับเทียนจื้อจุน แต่เขาก็มีความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับเส้นทางนี้แล้ว
“การชำระล้างพลังงานทวีปวิเศษจริงๆ”
มู่เฉินยิ้มบาง เขายินดีกับการเก็บเกี่ยวของตนเอง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเทพจักรพรรดิอัคคีพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อคว้าโอกาสนี้สำหรับเขา
มู่เฉินเลื่อนสายตาไปยังทิศทางของลั่วหลี แต่เขาหานางไม่พบ ดูเหมือนว่านางจะเสร็จสิ้นกระบวนการก่อนแล้วออกจากที่นี่ไปแล้ว
“หืม?”
ทันใดนั้นมู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงแสงหลิงในทิศทางของลั่วหลี เขาโบกมือดึงมันเข้ามาก่อนที่เสียงลั่วหลีจะก้องดังในโสตประสาท
“มู่เฉินมีคนกำลังรอเจ้าอยู่ที่ตระกูลลั่วเสิน ข้าไม่รู้จุดประสงค์ของเขา แต่เจ้าต้องระวังตัวเมื่อออกจากการชำระล้างแล้ว”
“นอกจากนี้…ถึงแม้ว่าข้าจะไม่มั่นใจที่มาของเขา แต่ข้าเดาว่าเขาน่าจะมาจากเผ่าฝูถู”
เมื่อมู่เฉินได้ยินชื่อนี้ม่านตาก็หดแคบลงพร้อมกับรังสีสังหารกระจายอย่างช้าๆ บนใบหน้า
“เผ่าฝูถู”
เขาพึมพำกับแสงเย็นกะพริบในม่านตาสีดำ
“ในที่สุดก็มาหาแล้วหรือ?”
ภาพเงามู่เฉินเคลื่อนไหวหายวับไปจากมิติโบราณ เหลือเพียงเสียงเย็นของเขาสะท้อนไปทั่วบริเวณ