หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1282 ราชสีห์เทวโลกพินาศ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1282 ราชสีห์เทวโลกพินาศ
ฮึ่ม ฮึ่ม
การปะทะกันจากคลื่นเสียงค่อยๆ กระจายออกไป ทำให้เกิดคลื่นยกตัวขึ้นรอบเกาะหัวใจหยก ซึ่งดูราวกับวันโลกาวินาศ
ยืนอยู่บนร่างราชสีห์เทวโลกใบหน้าของกู้ซือหวงก็มืดมนถึงขีดสุด พลังที่มู่เฉินแสดงให้เห็นทำให้เขาตะลึงพรึงเพริด ขณะเดียวกันจิตสังหารรุนแรงก็เพิ่มขึ้นในหัวใจ
แม้ว่ามู่เฉินจะมีมารดาที่เป็นยอดยุทธ์แบบชิงเหยี่ยนจิ้ง แต่เขากลับไม่เคยใช้ทรัพยากรสักอย่างเดียวของเผ่าฝูถู ถึงกระนั้นเขาก็ยังสามารถเข้าถึงระดับสูงดังกล่าวได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ดังนั้นในแง่ของพรสวรรค์มู่เฉินไม่ด้อยกว่าประมุขน้อยเฉวียนหลัว อัจฉริยะของเผ่าในรอบพันปีเลยทีเดียว
หากวันหนึ่งมู่เฉินสามารถกลับไปยังเผ่าได้ละก็ เขาจะกลายเป็นคู่แข่งที่ทรงพลังที่สุดที่จะชิงชัยตำแหน่งประมุขคนใหม่กับประมุขน้อยของพวกเขา
สายตาอัดแน่นด้วยความตั้งใจฆ่าหนาแน่น อึดใจกู้ซือหวงก็สูดหายใจลึก มือวาดตราประทับโดยไม่ลังเล
ตู้ม!
ขณะที่กระบวนท่าวูบไหว โลกก็สั่นสะเทือน เนื่องจากร่างราชสีห์เทวโลกเปล่งความกดดันที่น่ากลัว
เวลานี้แม้แต่มิติทั้งหมดยังโยกคลอน
โฮก โฮก!
เสียงคำรามอันน่าตื่นตะลึงระเบิดจากร่างราชสีห์เทวโลก ทุกเสียงคำรามพัดพาพายุไปทั่วบริเวณ เมื่อเสียงคำรามทวีความรุนแรงแสงสีดำก็รวมตัวกันที่หน้าผากร่างราชสีห์เทวโลก
เมื่อมู่เฉินมองดูแสงสีดำ ม่านตาก็หดแคบลง เขารู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวง ทันใดนั้นคลื่นหลิงในร่างกายก็ไหลเวียนอย่างรุนแรง ขณะที่เข้าสู่สภาวะการป้องกันสูงสุด
เมื่อผู้อาวุโสอสรพิษมรกตที่ติดอยู่ในค่ายกลที่เห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาเข้าใจกู้ซือหวงค่อนข้างดี เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามทำอะไรในตอนนี้
“กู้ซือหวงจะใช้กระบวนท่านี้จริงหรือ? ไอ้เด็กเหลือขอนั่นจัดการยากขนาดนั้นเชียว?”
สายตาของผู้อาวุโสอสรพิษมรกตวูบไหว ตัวเขาเคยปะทะกับกู้ซือหวง ดังนั้นจึงรู้ว่ากระบวนท่านี้น่ากลัวแค่ไหน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ไม่กล้ารับซึ่งหน้า
แต่ตอนนี้กู้ซือหวงกลับใช้กระบวนท่าดังกล่าวเพื่อจัดการกับมู่เฉินที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ซึ่งดูจะมากไปหน่อย…
ทว่าผู้อาวุโสอสรพิษมรกตก็เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ระวังตัวแจเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงบอกได้ว่าไม่ใช่เพราะกู้ซือหวงต้องการจะใช้กระบวนท่านี้ แต่ทักษะอื่นไม่เพียงพอที่จะจัดการกับมู่เฉินที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย
“สถานการณ์นี้ไม่ค่อยจะดีแล้วสิ”
ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตพึมพำกับตัวเอง ด้วยนิสัยของเขาฉลาดแกมโกงราวกับงูพิษ สาเหตุที่เขามาช่วยกู้ซือหวงเพราะเขาไม่รู้สึกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะเป็นภัยคุกคาม
แต่เมื่อมองจากตอนนี้ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
นอกจากนี้…
เขามองไปอีกทางหนึ่งที่เกิดการต่อสู้เช่นกัน ในเวลานี้เหลียงเสียหยูกำลังตกอยู่ในภาวะชะงักงันเนื่องจากคู่ต่อสู้ของเขาทั้งคู่ยากจัดการได้อย่างน่าประหลาดใจนัก
แม้ว่าหลงเซี่ยงจะมีขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แต่เขาก็มีพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัว แม้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็อาจต้องทนทุกข์เมื่อเผชิญหน้ากับเขา
สำหรับหญิงสาวสะคราญโฉมปานล่มเมือง นางทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อยิ่งกว่า แม้ว่าจะมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่ก็ทำให้ใบหน้าของผู้อาวุโสอสรพิษมรกตเปลี่ยนไป เมื่อเขาเห็นร่างเทห์สวรรค์ของนาง
เขาจำได้ว่านี่เป็นร่างเทพวารีของลั่วเสินที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ!
ด้วยพลังร่างเทห์สวรรค์ของลั่วเสิน แม้ว่าลั่วหลีจะได้แต่สนับสนุนหลงเซี่ยง แต่การโจมตีบางครั้งของนางก็ทำให้เหลียงเสียหยูมีปัญหาไป จนไม่สามารถตั้งสมาธิจัดการหลงเซี่ยงได้เต็มกำลัง
แม้ว่าการรวมตัวของพวกเขาจะดูหรูหราด้วยจำนวนจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสามคน แต่ตอนนี้กลับไม่มีข้อได้เปรียบในการต่อสู้แล้ว…
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ใบหน้าขอผู้อาวุโสอสรพิษมรกตก็ดิ่งลง ดวงตาวูบไหว ไม่รู้คิดอะไรอยู่
ขณะที่ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตตกอยู่ในความภวังค์คิด แสงสีดำก็ควบแน่นบนหน้าผากของร่างราชสีห์เทวโลก มองดูราวกับหลุมดำ
สายตาหนาวเหน็บของกู้ซือหวงจ้องเขม็งที่มู่เฉิน เสียงน่ากลัวดังก้อง
“หลายปีที่ผ่านมาคนที่ทำให้ข้าต้องใช้วิชานี้ล้วนเป็นจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นเต็มทั้งสิ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าใช้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย!”
“ดังนั้นครั้งนี้ถึงเวลาตายแล้ว!”
เมื่อพูดจบสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเป็นชั่วร้าย กระบวนท่าในฝ่ามือหมุนควงเร็วรี่ เสียงคำรามดังสะท้อน
“ทักษะเทห์สววรรค์ ราชสีห์เทวโลกพินาศ!”
เมื่อเขาคำราม หลุมดำบนหน้าผากร่างราชสีห์เทวโลกก็หมุนคว้างรุนแรง ลำแสงสีดำพุ่งถัดออกมา
ลำแสงสีดำก่อตัวเป็นสิงโตสีดำขนาดใหญ่หลายสิบจั้งที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกล้ำพร้อมกับรัศมีทำลายล้างเล็ดลอดออกมา
ขณะที่สิงโตเคลื่อนไหว ทุกอย่างในเส้นทางก็พังทลายลง พลังชีวิตทั้งหมดสูญสลาย
มองร่างสิงโตสีดำใบหน้าของมู่เฉินก็เคร่งขรึมลงหลายส่วน จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มทรงพลังอย่างแท้จริง ความสามารถของทักษะดังกล่าวนิยามได้ด้วยคำว่าน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น
พลังความสามารถของทักษะเทห์สวรรค์นี้เป็นสิ่งที่วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มบางวิชายังไม่อาจเทียบเคียง!
ฮา
มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึก เขารู้ว่ากู้ซือหวงได้นำกระบวนท่าขั้นสุดยอดออกมาแล้ว หากเขาไม่สามารถปิดกั้นได้ เขาจะต้องพ่ายแพ้ในวันนี้ แม้ว่าจะได้รับการคุ้มครองจากร่างสุริยะนิรันดร์ก็ตาม
ดังนั้นเขาจึงกระทืบเท้า เทคลื่นหลิงทุกหยาดหยดลงในร่างสีม่วงทอง
ฮึ่ม ฮึ่ม
ดังนั้นรหัสเทพอมตะก็เริ่มขดตัวรอบตัวเขาราวกับมังกรสีม่วงทองขนาดใหญ่
ในเวลาไม่กี่อึดใจ จำนวนก็มาถึงห้าสิบห้าลวดลาย!
นี่เป็นขีดจำกัดปัจจุบันของมู่เฉิน
มองดูลวดลายทั้งห้าสิบห้าลวดลาย กู้ซือหวงก็หัวเราะในใจ เขารับรู้ถึงพลังของรหัสเทพอมตะผ่านการแลกกระบวนท่าก่อนหน้า แต่ห้าสิบห้าลวดลายนี้ยังไม่สามารถสกัดการสังหารของเขาได้!
“ถ้านี่คือทั้งหมดที่มีก็นอนง่อยอยู่ที่นี่แล้วกัน!”
กู้ซือหวงยิ้มเหี้ยม ขณะที่สิงโตสีดำเพิ่มความเร็วพุ่งเข้าหาร่างสีม่วงทอง
ขณะที่สิงโตเข้าประชิด มู่เฉินก็เม้มปาก ตัวเขารู้ดีว่ารหัสเทพอมตะห้าสิบหน้าลวดลายยังไม่เพียงพอ…
“ในเมื่อเป็นแบบนี้…”
สายตาของมู่เฉินวูบไหวขณะที่วาดตราประทับ ครู่ต่อมามิติที่ด้านข้างก็ผันผวน ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
นี่คือมู่เฉินชุดดำ!
เมื่อกู้ซือหวงเห็นมู่เฉินปรากฏขึ้นอีกคน เขาก็จ้องเขม็งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเขารู้สึกได้ว่ามู่เฉินคนนี้ก็มีคลื่นหลิงทรงพลังไม่แพ้กัน
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายอีกคน!
“เป็นไปได้ยังไง?!” กู้ซือหวงอุทานลั่น
ทว่ามู่เฉินไม่สนใจ เมื่อมู่เฉินชุดดำปรากฏตัวก็วางมือบนร่างสุริยะนิรันดร์ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งออกมาจากร่างเขาเข้าสู่ร่างสีม่วงทอง
ด้วยแหล่งพลังงานอื่นร่างสีม่วงทองก็ผันแสงเรืองรอง ควบแน่นเป็นรหัสเทพอมตะที่มากขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจรหัสเทพอมตะที่รอบตัวก็เพิ่มขึ้นถึงแปดสิบลวดลาย!
ลวดลายทั้งหมดล้อมรอบมู่เฉิน เปล่งความผันผวนที่น่าสะพรึงออกมา ทำให้มิติโยกคลอนไปหมด
มองดูจำนวนของรหัสเทพอมตะ มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจก่อนที่จะโบกมือ รหัสทั้งหมดก็พุ่งออกมา
“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน โล่อมตะ!”
ลวดลายทั้งแปดสิบลวดลายถักทอกันเป็นโล่สีม่วงทองขนาดพันจั้งที่เบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมกับรัศมีอมตะที่ทำให้ดูเหมือนไม่สามารถทำลายได้
ด้วยการป้องกันแบบนี้ แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับกระบวนท่าขั้นสุดยอดของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ก็คงสามารถต้านทานได้บ้าง
ตู้ม!
เมื่อโล่ถูกสร้างขึ้นสิงโตสีดำก็มาถึง แม้จะมีขนาดเล็กกว่าโล่ แต่ดวงตาของมู่เฉินก็ถึงกับแคบลงทันทีที่เกิดการชนกัน
นั่นเพราะเขาพบว่าตนเองก็ยังประเมินกระบวนท่านี้ของกู้ซือหวงต่ำไป!
ครืน!
เสียงสะท้อนขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อดังก้อง พายุใหญ่คลื่นหลิงกวาดออกในบริเวณโดยรอบ ทำให้มิติแตกสลาย
รัศมีสีดำพัวพันบนโล่ ภายใต้การกัดกร่อนของรัศมีหายนะ รอยแตกก็เริ่มปรากฏขึ้นบนโล่
“ไอ้เด็กเวร แกต้องการหยุดกระบวนท่าข้าด้วยสิ่งนี้เรอะ? ฝันไปแล้ว!” กู้ซือหวงคำรามด้วยเสียงหัวเราะ
ปัง!
เมื่อเสียงหัวเราะดังขึ้นตัวโล่ก็มาถึงขีดจำกัดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อึดใจถัดไปพลังที่เหลือก็ห่อหุ้มไปในทิศทางของมู่เฉิน
ใบหน้าของกู้ซือหวงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา แม้โล่จะต้านพลังส่วนใหญ่ไว้ได้ แต่พลังที่เหลืออยู่ก็ยังสามารถทำร้ายมู่เฉินได้
แสงสีดำกระจายหายไป ทิศทางมู่เฉินก็เห็นได้ชัดขึ้น
เมื่อกู้ซือหวงมองไปใบหน้าก็ดิ่งลง เนื่องจากเขาเห็นว่ามู่เฉินยังคงยืนอยู่บนไหล่ของร่างสีม่วงทองโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ทว่าใบหน้าของมู่เฉินชุดดำซีดเผือดลง คลื่นหลิงรอบตัวเขาก็ลดลงสูญเสียพลังในการต่อสู้ไป
เห็นได้ชัดว่าในวินาทีสุดท้ายมู่เฉินชุดดำดูดซับความเสียหายทั้งหมด เพื่อที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อมู่เฉิน
“เจ้าเล่ห์เหลือเกิน!”
ใบหน้าของกู้ซือหวงเย็นชาขณะที่แสยะยิ้ม “แต่ก็ช่าง ร่างเสมือนของแกบาดเจ็บหนักแล้ว ข้าจะดูสิว่าแกจะทำอะไรได้อีกบ้าง”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำร้ายมู่เฉิน แต่เขาก็จัดการกับมู่เฉินชุดดำ ตอนนี้มู่เฉินไม่สามารถยืมพลังได้อีกต่อไป
ทว่าเผชิญหน้ากับเสียงหัวเราะบ้าคลั่งของกู้ซือหวง มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มผิดแผก
“ใครบอกแกว่าข้ามีร่างรองแค่ร่างเดียว?”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ม่านตาของกู้ซือหวงก็แคบลง ภัยคุกคามคลุมเครือห่อหุ้มหัวใจเขาไว้ เขาหันหลังควับ ทันใดนั้นก็เห็นสิ่งน่าสะพรึงกลัว มิติด้านหลังเขาฉีกขาดจากกันเงาสีขาวปรากฏขึ้น
นี่คือมู่เฉินชุดขาว ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายได้ถือกระบี่แก้วโบราณเอาไว้
เมื่อกู้ซือหวงมองไปที่กระบี่ วิญญาณของเขาก็แทบจะหลุดออกจากร่าง เพราะเขารู้สึกถึงรัศมีของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนบนกระบี่เล่มนั้น!
เห็นสายตาสิ้นหวังของกู้ซือหวง มู่เฉินชุดขาวก็ยิ้มอ่อน พริบตากระบี่แก้วใสในมือก็ตัดผ่านมิติ เฉือนลงไปที่หัวของกู้ซือหวงในลักษณะที่ไม่อาจหลบหนีได้
“ไอ้แก่ ตายซะเถอะ…”