หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1283 น้ำเต้าแดง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1283 น้ำเต้าแดง
วาบ!
กระบี่แก้วเจาะทะลุมิติทันที เฉือนลงไปในทิศทางของกู้ซือหวง การจู่โจมกะทันหันนี้ช่างเต็มไปด้วยกลยุทธ์มากมาย แม้จะมีขุมพลังนี้ กู้ซือหวงก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีนี้ได้ เขาได้เพียงแต่ยืนมองกระบี่กวาดผ่านไปด้วยสีหน้าหวาดผวา
วินาทีนั้นแม้แต่วิญญาณก็หลุดออกจากร่าง เขาสามารถรู้สึกได้ว่ากระบี่ในมือของมู่เฉินชุดขาวเปล่งประกายรัศมีที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวออกมา
รัศมีนี่เป็นเอกลักษณ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน!
ในอดีตเจ้าของกระบี่เล่มนี้จะต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริงแน่นอน!
ดังนั้นเมื่อกระบี่เคลื่อนผ่าน แม้แต่กู้ซือหวงก็รู้สึกหวาดผวา ทั้งๆ ที่เขามีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม เขาไม่เคยคิดเลยว่ามู่เฉินจะมีอาวุธที่น่ากลัวเช่นนี้
กระบี่แก้วนั่นจะต้องอยู่เหนือระดับอาวุธมหสวรรค์ขั้นสูงแน่
เมื่อกระบี่ฟาดลงมาก็รู้สึกราวกับว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ในฐานะจอมยุทธ์มากประสบการณ์ อึดใจสุดท้ายกู้ซือหวงก็ขยับศีรษะเล็กน้อยในมุมแปลกประหลาด
ชี่!
กระบี่เฉียดใบหูเฉือนลงบนไหล่ของเขา แม้ว่าจะมีร่างกายทรงพลัง กู้ซือหวงก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่อธิบายไม่ได้มาจากตรงที่โดนฟัน
อ๊าก!
กู้ซือหวงร้องเสียงหลง เกือบครึ่งหนึ่งของร่างกายส่วนบนจากไหล่พาดลงมาราวกับสะพายแล่ง นอกจากนี้ยังมีแสงผลึกวูบไหวบนร่างกาย แม้จะมีการฟื้นตัวอันแข็งแกร่งของเขาในฐานะจอมยุทธ์ตี้จื้อจุน ก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ เลือดปกคลุมทั่วร่างดูน่าสมเพชอย่างไม่น่าเชื่อในขณะนี้
ปัง!
ด้วยความหวาดหวั่นใหญ่หลวง กู้ซือหวงก็ถอยกลับอย่างลนลานโดยไม่สนใจบาดแผลของตนเอง หนีไปไกลหมื่นจั้ง ก่อนที่จะหยุดมองไปที่มู่เฉินชุดขาวด้วยความตะลึงพรึงเพริด
“น่า-เสีย-ดาย”
มู่เฉินชุดขาวจับกระบี่เกล็ดจักรพรรดิมองไปที่กู้ซือหวงพลางส่ายหัวอย่างเสียดาย ด้วยร่างหลักและร่างรองร่างหนึ่งที่เป็นเหยื่อล่อก็ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของกู้ซือหวง ดังนั้นร่างรองอีกร่างจึงสามารถซ่อนตัวเพื่อลอบโจมตีที่ไม่คาดคิดได้
ผลลัพธ์ค่อนข้างดีทีเดียว แม้แต่กู้ซือหวงก็ไม่สามารถหลบได้ เพียงแต่สุดท้ายหลบจุดตายได้ มิฉะนั้นต่อให้กู้ซือหวงไม่ตาย เขาก็จะสูญเสียพลังในการต่อสู้ทั้งหมด
มู่เฉินชุดขาวสะบัดเลือดบนกระบี่ออก ก่อนที่เบนสายตาไปกระบี่แก้ว เขาสามารถสัมผัสถึงพลังงานส่วนที่เหลือภายในหายไปอีกส่วน
ตามการประเมินกระบี่เล่มนี้อาจจะใช้งานได้อีกสองครั้งก่อนที่จะหมดประโยชน์อย่างแท้จริง ในเวลานั้นกระบี่เกล็ดจักรพรรดิจะไม่มีพิษสงเช่นนี้อีกต่อไป
“แต่พลังการต่อสู้ของกู้ซือหวงก็น่าจะลดลงหกถึงเจ็ดส่วนแล้ว เขาไม่ได้เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป”
มู่เฉินชุดขาวมองร่างหลัก เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า เขาจึงพุ่งเข้าไปอีกครั้ง แสงกะพริบวูบวาบบนกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ ในเวลานี้กู้ซือหวงตกอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด ดังนั้นเขาจะปล่อยโอกาสดีเช่นนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อเห็นมู่เฉินชุดสีขาวพุ่งตรงมา กู้ซือหวงก็ถอยจ้าละหวั่น เห็นได้ชัดว่าเขากลัวกระบี่เล่มนั้นมาก
ฮึ่ม!
เมื่อมู่เฉินที่ยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะนิรันดร์เห็นสิ่งนี้ เขาก็เร้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ รหัสเทพอมตะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่จะทำการโจมตีกู้ซือหวง
กู้ซือหวงในตอนแรกได้เปรียบทุกประตูก็ตกเป็นเบี้ยล่าง เขาหลบหนีการไล่ล่าของมู่เฉินชุดขาวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังต้องป้องกันการโจมตีของมู่เฉิน ยามนี้รอบด้านถูกล้อมไปด้วยอันตรายแล้ว
ขณะที่กู้ซือหวงตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต เหลียงเสียหยูที่ตึงมืออยู่กับหลงเซี่ยงและลั่วหลีก็สังเกตเห็นภาพนั้นเช่นกัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่เคยคิดว่ากู้ซือหวงจะถูกบีบอยู่ในจุดนั้น
“บ้าเอ้ย ไอ้เด็กกาลกิณีนั่นมีทักษะแบบนี้ด้วยหรือ?!”
หัวใจของเหลียงเสียหยูสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก หากกู้ซือหวงพ่ายแพ้ เขาก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ดีกว่าแน่
ดังนั้นเขาต้องไปช่วยเหลือพรรคพวก!
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ!”
ทว่าขณะที่สมาธิแตกซ่าน เสียงหัวเราะร้ายกาจก็ดังก้อง หลงเซี่ยงมาปรากฏตรงหน้าแล้วซัดหมัดออกมา นี่เป็นหมัดที่มาพร้อมกับเสียงคำรามของมังกรพลายที่บรรจุด้วยพลังของสัตว์อสูรทั้งสองไว้อย่างล้นหลาม กระแทกลงบนม่านพลังที่เบื้องหน้าเหลียงเสียหยู
ปัง!
ม่านแข็งแกร่งแตกออก เหลียงเสียหยูก็ถลาออกไปพร้อมกับใบหน้าสลับไปมาระหว่างสีขาวกับสีเขียว ขณะที่เขาพยายามระงับคลื่นหลิงที่พลุ่งพล่านในร่างกาย เขาก็เห็นหลิงเซี่ยงพุ่งมาอีกครั้ง ดังนั้นเขาได้แต่ตั้งสมาธิจัดการหลงเซี่ยงและลั่วหลีที่อยู่ตรงหน้า
ขณะที่เหลียงเสียหยูกำลังติดพันการต่อสู้ ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตที่ถูกขังอยู่ค่ายกลก็มองไปที่กู้ซือหวงด้วยสีหน้ามืดมน จากนั้นเขาก็จ้องมองที่กระบี่ในมือมู่เฉินด้วยริ้วความหวาดหวั่นในดวงตา
เมื่อครู่เขาเห็นมู่เฉินชุดขาวที่ถือกระบี่เกือบสังหารกู้ซือหวงได้แล้ว
“ไอ้เด็กเหลือขอนั่นแปลกประหลาดเหลือเกิน มันเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น แต่กลับมีร่างรองสองร่างที่มีขุมพลังเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่แก้วนั่นต้องเป็นของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนอย่างแน่นอน!”
“หรือว่ามันมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหนุนหลังอยู่?”
แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้หัวใจของผู้อาวุโสอสรพิษมรกตเย็นยะเยือก เขาเป็นจอมยุทธ์อิสระ ไม่มีการสนับสนุนที่ทรงพลังอย่างเผ่าฝูถู ถ้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินปรากฏตัวขึ้นละก็ แม้ว่าเขาจะสร้างปัญหาให้เผ่าฝูถูไม่ได้ แต่จะทำอะไรกับคนอย่างเขาไม่ได้เชียวเหรอ?
กู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูมีเผ่าฝูถูสนับสนุน แต่เขาไม่มีอะไรเลย!
“ไอ้หมาแก่ แกลากข้าเข้าไปในเรื่องวุ่นจริงๆ ไอ้เด็กประหลาดนั่นดูเหมือนคนที่ไม่มีเบื้องหลังตรงไหน?!”
ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตสาปแช่งในใจ สถานการณ์นี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสิ่งที่กู้ซือหวงพ่นบอกก่อนหน้า
“ข้าอยู่ต่อไม่ได้แล้ว นี่เป็นเรื่องระหว่างไอ้เด็กเหลือขอกับเผ่าฝูถู คนอย่างข้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตกัดฟันกรอด กระดาษรางสีทองปรากฏในมือทำให้เกิดความผันผวนในมิติ
นี่คือกระดาษรางโบราณเป็นสิ่งที่เขาได้รับจากซากอารยธรรมโบราณ ตราบใดที่ใช้มันเขาก็จะสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์อันตรายใดๆ ได้
ตอนแรกเขาก็ไม่ต้องการใช้ แต่ถ้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินปรากฏตัว เขาก็ไม่มีทางหนีได้อีกแล้ว
ด้วยความคิดนี้ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตก็ไม่ลังเล นิ้วสะบัดออกไป กระดาษรางลุกโชติช่วง ทำให้เกิดระลอกคลื่นมิติผันผวนเข้มข้น ก่อร่างเป็นวังวนทำลายพันธนาการของค่ายกลสะเก็ดดาวไหลเวียนสวรรค์
“อสรพิษมรกต เจ้าคิดจะทำอะไร?!” เมื่อสัมผัสถึงความผันผวนมิติที่รุนแรง กู้ซือหวงที่สังเกตเห็นก็ตะคอกลั่น
แต่ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตไม่ตอบสนองอะไร เขาก้าวเข้าไปในอุโมงค์มิติหายวับไปกับตา
“ไอ้เวร!”
เฝ้ามองการหนีของผู้อาวุโสอสรพิษมรกต กู้ซือหวงก็โกรธจนแทบคลั่ง หากไม่มีอีกฝ่ายคอยช่วยต้านค่ายกล หลิงซีก็จะใช้ค่ายกลประสานแรงเข้าช่วย เผชิญหน้ากับค่ายกลทรงพลังนี้ ไม่มีความหวังใดๆ สำหรับเขาที่หลังชนฝาแล้ว
ฮึ่ม ฮึ่ม
ความคิดนี่ไม่ผิดเลย ทันทีที่ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตหลบหนีค่ายกลสะเก็ดดาวไหลเวียนสวรรค์ที่ล้อมรอบเกาะก็เริ่มเคลื่อนไหว แสงดาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าพยายามกักขังเขา
เมื่อกู้ซือหวงเห็นแสงดาวเหล่านั้นก็รู้สึกหนังหัวชาหนึบไปหมด ค่ายกลนี้สามารถจัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้ ถ้าเขาอยู่ในสภาพเต็มร้อยก็ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่นี่ไม่เพียงเขาได้รับบาดเจ็บหนัก เขายังต้องเผชิญกับการโจมตีที่ดุเดือดของมู่เฉิน ถ้าเขาติดอยู่ในค่ายกลบวกกับมู่เฉินใช้กระบี่อีกครั้ง งานนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้ว
เพียงแค่คิดความตายก็ทำเอากู้ซือหวงรู้สึกกลัวไม่รู้จบ ก่อนที่เขาจะกัดฟันคำราม “ไอ้สารเลว แกบังคับข้าเองนะ!”
ขณะที่คำรามก็ถือแผ่นหยกบดขยี้ลงไป
ปัง!
แผ่นหยกที่ถูกขยี้ก็กำจายแสงหลิงไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นวังวนขนาดใหญ่เกิดความผันผวนน่าสะพรึงกลัว
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป ความผันผวนของคลื่นหลิงช่างลึกซึ้งและไม่อาจหยั่งรู้ แค่รู้สึกสั้นๆ ก็ทำให้รู้สึกสิ้นหวัง
“จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน!”
ม่านตามู่เฉินหดลง เขาไม่คิดว่ากู้ซือหวงจะสามารถเชิญจอมยุทธ์ระดับนี้ของเผ่าฝูถูมาได้
ทันใดนั้นหินสลักอักขระชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา หากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจากเผ่าฝูถูมาถึงจริง เขาก็จะต้องใช้ความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายเชิญเทพจักรพรรดิสงครามมา
ความปั่นป่วนนี้ทำให้สนามรบฝั่งลั่วหลีหยุดลง เหลียงเสียหยูก็เคลื่อนไหวไปปรากฏตัวข้างกู้ซือหวงมองวังวนขนาดใหญ่ “ตาเฒ่า เจ้าไม่รู้หรือไงว่าท่านผู้อาวุโสใหญ่พูดมาก่อนว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวกับการจัดการไอ้เด็กนี่”
“ตอนนี้ข้าไม่สนอะไรแล้ว!”
กู้ซือหวงกัดฟันขณะพูดต่อ “ผู้อาวุโสเฮยกวางอยู่ข้างเรา แค่ซ่อนเรื่องให้ดี ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่รู้หรอก”
เหลียงเสียหยูได้แต่พยักหน้าตามคำพูดไป
“ทำลายอุโมงค์มิติ!”
มู่เฉินคำราม หากพวกเขาสามารถทำลายช่องทางนี้ได้ จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็จะไม่สามารถมาที่นี่ได้
เมื่อมู่เฉินคำราม แสงดาวนับไม่ถ้วนจากค่ายกลก็ตกลงมาราวกับอุกกาบาตมุ่งไปทางอุโมงค์มิติ
มู่เฉินสั่งร่างเทพสุริยะนิรันดร์ รหัสเทพอมตะก็ทะยานขึ้นไปพุ่งเข้าหาอุโมงค์มิตินั่น
แม้แต่หลงเซี่ยงและลั่วหลีก็ออกกระบวนท่า พวกเขาปลดปล่อยการโจมตี พยายามทำลายอุโมงค์นั้น
แต่เผชิญหน้ากับการกระทำของพวกเขา กู้ซือหวงก็ยิ้มเย้ยหยันเท่านั้น
อุโมงค์มิติขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อการโจมตีพุ่งไปถึง เสียงแก่ชราก็ดังกึกก้องพร้อมด้วยแรงกดดันมหาศาลเดินทางผ่านมิติห่างไกลสะท้อนออกมาในภูมิภาคนี้
“ไอ้พวกโอหัง แกกล้าที่จะไร้มารยาทต่อหน้าชายชราคนนี้เหรอ?!”
ตู้ม!
มือคลื่นหลิงที่จินตนาการไม่ได้ยื่นออกมาจากมิติ สลายการโจมตีทันทีก่อนที่จะโอบล้อมเกาะทั้งหมดไว้
ใบหน้าของหลงเซี่ยงขาวซีด เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้เลย
สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม เขามองฝ่ามือตั้งใจจะบดขยี้หินสลัก
แต่ทันใดนั้นมิติเบื้องหน้าพวกเขาก็แตกออก น้ำเต้าสีแดงบินออกมาอย่างแปลกประหลาด
“เฮ้ ชายชราคนนี้อุตส่าห์พบเมล็ดพันธุ์ชั้นดี ถ้าโดนเผ่าฝูถูของพวกเจ้าทำลาย เผ่าไท่หลิงโบราณของข้าจะไม่จบเรื่องง่ายๆ แน่!
เมื่อน้ำเต้าสีแดงบินออกมา เสียงหัวเราะลั่นก็ดังที่ด้านข้างกลุ่มมู่เฉิน