หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1290 วังมหาพันภพ ราชันสังหารปีศาจ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1290 วังมหาพันภพ ราชันสังหารปีศาจ
“ขั้วอำนาจที่ทรงพลังที่สุดในมหาพันภพ?”
หัวใจของพวกมู่เฉินสั่นรัวเมื่อได้ยินประโยคนี้จากชื่อเหยียน แต่ละคนแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ขุมกำลังนี้ทรงพลังยิ่งกว่าเผ่าโบราณทั้งห้าและขั้วอำนาจอื่นๆ ในมหาพันโลกอีกเหรอ?
“ไม่ทราบว่าใครเป็นประมุขวังมหาพันภพ?”
มู่เฉินอดถามขึ้นมาไม่ได้ การที่จะสามารถสร้างขุมกำลังที่น่าสะพรึงกลัวดังกล่าว เจ้าวังจะต้องเป็นสุดยอดจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาพันภพล่ะมั้ง?
“ปัจจุบันวังมหาพันภพไม่มีประมุข… แต่ในสมัยโบราณมีอยู่คนหนึ่งซึ่งก็คือเทพจักรพรรดินิรันดร์” ชื่อเหยียนส่ายหัวไปมา
“เทพจักรพรรดินิรันดร์?”
ม่านตาของมู่เฉินหดลงในทันที เนื่องจากตัวเขารู้จักเทพจักรพรรดินิรันดร์จากจักรพรรดิฟ้าที่เคยฝึกฝนร่างมหาเทพนิรันดร์
เพียงแต่มู่เฉินไม่คิดว่าจอมยุทธ์ผู้นี้จะเป็นผู้ก่อตั้งวังมหาพันภพขึ้น
“แต่ทำไมพวกเราไม่ได้ยินเรื่องขั้วอำนาจนี้ในมหาพันภพเลย?” หลิงซีรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงได้เอ่ยถาม
ชื่อเหยียนหัวเราะร่วน “เพราะนี่คือขั้วอำนาจที่จะมีอยู่จริงก็ต่อเมื่อเผชิญหน้ากับการรุกรานของเผ่าปีศาจต่างมิติ ในเวลาที่สงบสุขเช่นนี้วังมหาพันภพก็เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น”
กลุ่มมู่เฉินเข้าใจถ่องแท้ ที่แท้วังยิ่งใหญ่นี้ก็ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อประจัญบานกับเผ่าปีศาจต่างมิติโดยเฉพาะ แต่ทำไมถึงเป็นขุมกำลังทรงพลังที่สุดในมหาพันภพกัน?
“ตามกฎที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนส่วนใหญ่ในมหาพันภพจะถูกจดบันทึกไว้ในวังแห่งนี้ หลังจากการตรวจสอบ พวกเขาก็จะกลายเป็นอาคันตุกะของวังที่ยิ่งใหญ่นี้”
“และจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโส แต่ถ้าในกรณีที่มหาพันภพต้องเผชิญกับอันตราย อาคันตุกะผู้ทรงเกียรติและผู้อาวุโสของวังก็ไม่จำเป็นต้องรับหน้าที่อะไร”
“การรวมตัวเช่นนี้ถือว่าทรงพลังที่สุดในมหาพันภพหรือยัง?” ชื่อเหยียนมองทั้งสี่แบบล้อเล่น
มุมปากของมู่เฉินกระตุก ที่แท้ฉายาขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดก็ได้มาเพราะเหตุนี้ แต่หลังจากที่คิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง เขาก็รู้สึกได้ว่าวังมหาพันภพน่ากลัวเพียงใด นั่นเป็นเพราะในระดับหนึ่งวังนี้ก็คล้ายกับพันธมิตรมหาพันภพนั่นเอง เมื่อมหาพันภพเผชิญหน้ากับอันตราย พวกเขาก็จะรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับศัตรู
ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน พลังที่เป็นหนึ่งเดียวกันจะยิ่งใหญ่ที่สุดเสมอ
เผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่แข็งแกร่งอย่างจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ มหาพันภพต้องรวมตัวกันเพื่อต่อกรกับศัตรู ดังนั้นสามารถบอกได้ถึงการมองการณ์ไกลของเทพจักรพรรดินิรันดร์ผู้ก่อตั้งวังแห่งนี้
“แม้ว่าวังมหาพันภพจะเป็นเพียงสัญลักษณ์ในตอนนี้ แต่ก็อย่าประมาท พลังที่ครอบครองยังคงเกินจินตนาการของพวกเจ้า เพียงแค่ปกติไม่ค่อยได้แสดงให้เห็นเท่านั้น”
“นอกจากนี้วังแห่งนี้ยังมีสถานะสูงส่งในมหาพันภพ แม้แต่เผ่าโบราณก็ต้องสุภาพต่อสมาชิก บางครั้งแค่ตำแหน่งอาคันตุกะของวังก็น่ากลัวยิ่งกว่าผู้อาวุโสเผ่าโบราณทั้งห้าซะอีก”
เมื่อพูดถึงอาคันตุกะ ชื่อเหยียนก็ดูภูมิใจ ดูท่าตัวเขาก็คงเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
เมื่อพูดถึงจุดนี้ชื่อเหยียนก็เหลือบมองไปที่มู่เฉิน “ถ้าเจ้าได้เป็นอาคันตุกะของวังนี้ แม้แต่เผ่าฝูถูก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้”
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาก็ส่ายหัวอย่างจนใจ การเป็นอาคันตุกะหมายถึงตัวเขาจะต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก่อน และถ้าเขาบรรลุขุมพลังดังกล่าวจริงละก็ เขาจะกลัวเผ่าฝูถูไปทำไม?
ชื่อเหยียนรู้ว่ามู่เฉินกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคลี่ยิ้ม “การเป็นอาคันตุกะของวังไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเสมอไป”
“หืม?”
มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ หมายถึงมีวิธีอื่นเหรอ? ตำแหน่งในวังสูงตระหง่านในมหาพันภพนัก หากสามารถเป็นอาคันตุกะได้และไม่ถูกจำกัด เห็นได้ชัดว่าเป็นบางสิ่งที่เป็นประโยชน์โดยไม่มีอันตรายใดๆ แฝง
ชื่อเหยียนชี้ไปที่ศิลาสังหารปีศาจ
มู่เฉินมองตามไป ก่อนหน้านี้เขาได้แต่ตกใจเมื่อเห็นชื่อวังมหาพันภพ ตอนนี้พอมองไปที่นั่นอีกครั้งถึงได้เห็นรายชื่อที่ปรากฏขึ้นบนศิลา
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดคือชื่อที่อยู่ด้านบนที่วาววับด้วยแสงสีม่วงทองเปล่งรัศมีที่น่าขนลุกภายใต้แสงอาทิตย์
ราชันสังหารปีศาจ—ฉิงเทียน
ชื่อที่อยู่ด้านบนสุดของแผ่นศิลาประหนึ่งจักรพรรดิ ผู้คนมากมายมองดูชื่อด้วยดวงตาเปล่งประกายด้วยความเคารพ
ใต้ชื่อฉิงเทียนมีชื่อนับไม่ถ้วนกะพริบวูบวาบ
มือสังหารปีศาจขั้นสูง—หลิวตี้เฟิง
มือสังหารปีศาจขั้นสูง—หลู่ซัน
…
มือสังหารปีศาจขั้นกลาง—ลู่หลิงหยู่
…
มือสังหารปีศาจขั้นต้น—หลู่ซู
…
มีชื่อมากมายสลักอยู่บนศิลาสังหารปีศาจ นอกจากนี้เหมือนยังมีชื่อโผล่มาอยู่เรื่อยซึ่งระดับหน้าชื่อก็ได้เปลี่ยนแปลงไป
มู่เฉินมองศิลาสังหารปีศาจเป็นเวลานาน ก่อนจะเหลียวหาชื่อเหยียน ชัดว่าไม่แน่ใจเกี่ยวกับประโยชน์ของมัน
“ทุกคนที่เข้ามาในทวีปเซิ่งยวนจะได้ป้ายสังหารปีศาจจากวังมหาพันภพ ทุกครั้งที่สามารถฆ่านักรบปีศาจได้ ก็จะได้รับรางวัลเป็นคะแนนสังหาร ซึ่งสามารถแลกเป็นสมบัติในวังได้ มิหนำซ้ำตราบใดที่เจ้ามีคะแนนมากพอก็สามารถแลกเปลี่ยนได้กระทั่งวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดหรือร่างเทห์สวรรค์ที่อยู่ในยี่สิบอันดับแรก!”
“สามารถแลกวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอด?” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะตะลึง เขารู้ดีว่าแม้วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดจะไม่ติดในสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน แต่กระนั้นวิชาเหล่านี้ก็ไม่ธรรมดา จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนส่วนใหญ่ก็ใช่ว่าจะมีในครอบครอง
แต่ตอนนี้วังมหาพันภพกลับสามารถให้พวกเขาแลกด้วยคะแนนสังหาร นี่จะไม่ทำให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างไร
ไม่ต้องพูดถึงยี่สิบอันดับแรกของร่างเทห์สวรรค์ที่ยิ่งน่าตกใจกว่าเดิม เพราะร่างเทห์สวรรค์แบบนั้นหายากยิ่งกว่ายาก!
“ตามกฎของวัง ตราบใดที่คะแนนสูงถึงพันคะแนนก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งมือสังหารปีศาจขั้นต้นเป็นขั้นกลาง สามพันคะแนนจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมือสังหารขั้นสูงและจะสามารถเป็นอาคันตุกะของวังได้ แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ตาม”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายนี้ มู่เฉินก็ได้เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่ชื่อเหยียนสื่อถึง ตราบใดที่เขามีคะแนนสังหาร เพียงพอ เขาก็จะสามารถเป็นอาคันตุกะของวังมหาพันภพได้
แต่ดูเหมือนว่าการจะได้รับสามพันคะแนน ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากมู่เฉินสังเกตเห็นว่าจำนวนมือสังหารขั้นสูงมีไม่เกินยี่สิบคน
“ตามกฎการฆ่าสมาชิกเผ่าปีศาจระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นจะได้รางวัลห้าสิบคะแนนสังหาร หนึ่งร้อยคะแนนสำหรับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย และสองร้อยคะแนนสำหรับระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม… พวกนักรบปีศาจระดับแม่ทัพจอมพลมีค่าสามพันคะแนน นักรบราชันปีศาจที่มีพลังเทียบเท่าระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนมีห้าพันคะแนน สุดท้ายการสังหารนักรบราชันปีศาจระดับเทียนจะได้ถึงหมื่นคะแนน”
เมื่อได้ยินคำพูดของชื่อเหยียน กลุ่มมู่เฉินก็ตะลึง พวกเขาคาดไว้แล้วว่าคะแนนสังหารคงจะไม่ง่ายต่อการได้รับ แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องยากเพียงนี้
จากการคำนวณ พวกเขาจะต้องสังหารระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นยี่สิบคนหรือระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายสิบคนถึงจะได้ตำแหน่งมือสังหารขั้นกลาง?
สำหรับการไปถึงมือสังหารขั้นสูง พวกเขาจะต้องฆ่าสมาชิกเผ่าปีศาจต่างมิติสิบห้าคนที่มีขุมพลังเทียบเท่าระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม
นี่ปีศาจนะ ไม่ใช่โรงฆ่าไก่ ดังนั้นพวกเขาจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?
ดังนั้นบอกได้เลยว่ายากแค่ไหนที่จะได้ตำแหน่ง ไม่น่าแปลกใจที่มีรายชื่อมือสังหารปีศาจขั้นสูงเพียงยี่สิบคนเท่านั้น ไม่รู้ด้วยว่าพวกเขาใช้เวลานานแค่ไหนในการสะสมจนถึงตอนนี้
มู่เฉินปาดเหงื่อบนหน้าผากถามว่า “ถ้างั้นต้องมีคะแนนสังหารเท่าไรถึงจะเข้าสู่ตำแหน่งราชันสังหารปีศาจน่ะ?”
“ราชันสังหารปีศาจเหรอ” ชื่อเหยียนถอนหายใจ “จริงๆ แล้วเป็นเรื่องง่ายเพียงมีหนึ่งหมื่นคะแนนสังหาร ก็แค่ฆ่านักรบราชันปีศาจระดับเทียนสักตัว”
พวกมู่เฉินรู้สึกว่าหนังหัวเจ็บจี๊ดไปหมด ฆ่านักรบราชันปีศาจระดับเทียน? พูดฟังดูง่ายเนอะ การมีอยู่ในระดับนั้นเป็นสุดยอดนักรบ การสูญเสียคนหนึ่งจะส่งผลกระทบยิ่งใหญ่ต่อทั้งมหาพันภพหรือเผ่าปีศาจเลยทีเดียว
“ผู้อาวุโส แล้วฉิงเทียนคนนั้นฆ่านักรบราชันปีศาจระดับเทียนได้เหรอ?” ลั่วหลีอดถามไม่ได้
“ฉิงเทียนเหรอ”
ใบหน้าของชื่อเหยียนเปล่งประกายด้วยความนับถือขณะที่กล่าว “หลายปีก่อนตอนที่ฉิงเทียนยังเยาว์วัยเหมือนพวกเจ้า เขานำทีมเข้าสู่ทวีปเซิ่งยวนเพื่อฝึกฝน แต่เนื่องจากพวกเขาพบสมาชิกเผ่าปีศาจ กลุ่มของเขาถูกฆ่าล้าง ทุกคนเสียชีวิตหมดยกเว้นฉิงเทียนที่รอดมาได้”
“หลังจากนั้นเขาก็อยู่ในทวีปเซิ่งยวนไปตลอดสองร้อยปี ช่วงเวลานั้นเขาเหมือนคนบ้าไปทุกที่ที่มีข่าวการปรากฏตัวของเผ่าปีศาจ”
“ระหว่างสองร้อยปีนั้น เขาก็บรรลุระดับเทียนจื้อจุน หลังจากนั้นเขาก็โชคร้ายถูกส่งไปยังโลกปีศาจ ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาไม่มีโอกาสกลับมา จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวพร้อมกับศพของราชันปีศาจ”
“หลังจากนั้นเขาก็ได้รับตำแหน่งราชันสังหารปีศาจคนแรกตั้งแต่ยุคโบราณ… และไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้”
เมื่อชื่อเหยียนจบคำพูด พวกมู่เฉินก็ตะลึงงันเป็นเวลานาน ก่อนที่จะอดแลกเปลี่ยนสายตากันไม่ได้ พวกเขาเห็นความตกใจในแววตาของกันและกัน
ความสำเร็จเช่นนี้
ราชันสังหารปีศาจผู้นี้เป็นจอมยุทธ์ยอดเยี่ยมแท้จริง!