หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1313 วิญญาณสงครามมังกรดำ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1313 วิญญาณสงครามมังกรดำ
“รวมพล!”
เมื่อเสียงทั้งสองตะโกนออกมา คลื่นจิตทรงพลังสองสายก็กวาดไปทั่ว ห่อหุ้มนักรบมังกรดำเบื้องล่างไว้อย่างรวดเร็ว ภายใต้คลื่นจิตนี้ นักรบหลายคนก็ถูกเรียกตัวทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นี่คือ?!”
เมื่อแม่ทัพมังกรดำเห็นฉากนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหดดวงตาด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นมู่เฉินที่เหมือนกันอย่างกับแกะอีกสองคน
“ร่างดวงจิตงั้นเหรอ? แต่ทำไมพวกเขาถึงมีพลังเช่นเดียวกับร่างหลัก? แม้แต่ความสามารถในฐานะของจั้นเจิ้นซือก็เหมือนกัน!” แม่ทัพมังกรดำตกตะลึง แม้จะมีประสบการณ์มากมายเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจกับฉากนี้
เขาไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะมีกลยุทธ์ที่น่าตกใจเช่นนี้ เพราะแม้แต่นายท่านของพวกเขาก็ทำไม่ได้
“ฮา”
ขณะที่แม่ทัพมังกรดำกำลังตกตะลึง มู่เฉินก็โล่งหัวใจ โชคดีที่ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงต้องทนทุกข์ในวันนี้แน่
ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาในมิตินี้ เขาได้ทิ้งร่างรองทั้งสองไว้ภายนอกเพื่อจัดการกับองครักษ์เงาสองคน แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เขาไม่อาจใช้พลังเต็มที่ เพราะก่อนที่จะจัดการกับองครักษ์เงาเรียบร้อย เขาไม่สามารถเรียกร่างรองของเขามาได้ มิฉะนั้นหลิงซีและคนอื่นๆ คงจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสามคนไม่ไหวแน่
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรอให้ร่างรองจัดการเรียบร้อย ถึงจะเรียกเข้ามาได้ โชคดีที่ร่างรองปรากฏตัวทันเวลา ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงลงได้
ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างเงานักรบประมาณสองพันคนปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วที่ด้านหลังมู่เฉินชุดดำและชุดขาว เมื่อนับรวมกับนักรบพันคนที่มู่เฉินควบคุมก่อนหน้า พวกเขาก็มีนักรบถึงสามพันคน
เป็นไปไม่ได้ที่มู่เฉินจะบัญชารัศมีจั้นยี่นักรบสามพันคนได้ แต่โชคดีที่ร่างรองของมู่เฉินทั้งสองสามารถแบ่งเบาภาระนี้ได้ นอกจากนี้ทั้งสามยังเชื่อมโยงกระแสจิตเพื่อให้พวกเขาสามารถสั่งการเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นจึงไม่แตกต่างจากคนคนเดียวเป็นผู้บังคับบัญชา
ตู้ม!
หลังจากที่ร่างรองมู่เฉินรวบรวมกำลังพลแล้ว พวกเขาก็เร้ารัศมีจั้นยี่ทันที ทันใดนั้นรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตก็กวาดออกไปพร้อมกับแรงกดดันที่น่ากลัว ทำให้ทั่วบริเวณโยกคลอนจากพลังอำนาจนี้
รัศมีจั้นยี่ที่สร้างขึ้นโดยนักรบมังกรดำสามพันคนน่าสะพรึงยิ่งนัก!
ภายใต้ความกดดัน สีหน้าของหวู่ทงก็กลายแข็งค้างด้วยความหวาดหวั่น เห็นได้ชัดว่าเขาตกตะลึงอย่างมากกับจำนวนนักรบสามพันคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉิน
เขาอุตส่าห์กินเม็ดยา คั้นศักยภาพที่มีทุกอณูออกมา ก่อนที่จะสามารถสั่งการนักรบมังกรดำสองพันคนเพื่อปราบปรามมู่เฉิน แต่ตอนนี้มู่เฉินกลับสามารถควบคุมนักรบมังกรดำสามพันคน จินตนาการได้เลยว่าถ้าปล่อยพลังโจมตีออกมาจะน่ากลัวเพียงใด
“เวรเอ๊ย! เวรที่สุด! มันทำได้ยังไง?!”
หวู่ทงพึมพำอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับความกลัวพล่านในดวงตา เมื่อเผชิญหน้ากับนักรบมังกรดำสามพันคน เขารู้สึกอยากจะเปิดหนีให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
แต่สุดท้ายหวู่ทงก็ระงับความรู้สึกนั้น แม้เขาจะไม่รู้ว่ามู่เฉินสามารถรวบรวมนักรบสามพันคนได้อย่างไร แต่เขาก็ไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถควบคุมกำลังพลนี้ได้อย่างแท้จริง
ถ้าเขาสามารถทำได้จริงๆ มู่เฉินก็ไม่ต้องกลัวจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มหน้าไหนด้วยจำนวนนักรบสามพันคนนี้
“มันต้องแกล้งทำอวดดีแน่! ตอนนี้มันจะต้องหมดพลังแล้ว!” หวู่ทงยิงฟันขณะที่สายตากลับมาโหดเหี้ยม เขาไม่ลังเลอีกต่อไป หอกซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยรัศมีจั้นยี่ของนักรบสองพันคนพุ่งออกไป ลวดลายจั้นเหวินนับล้านส่องประกาย ในเวลานั้นแม้แต่รัศมีจั้นยี่ที่เกิดขึ้นจากนักรบสามพันคนก็ถูกระงับ
“ตาย!”
เสียงคำรามของหวู่ทงดังก้องฟ้า
ฮึ่ม!
หอกซัดไปหามู่เฉิน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นจ้องมองหอกที่เข้ามาในทิศทางของตนเอง ก่อนที่จะพยักหน้าให้มู่เฉินชุดดำและชุดขาว
ทั้งสามวาดตราประทับพร้อมเพรียงกัน วินาทีต่อมาเสียงคำรามลึกต่ำก็ดังกึกก้องมาจากนักรบมังกรดำที่อยู่เบื้องหลังเขา รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตม้วนตัวแล้วแผ่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ครืน!
เมฆรัศมีจั้นยี่คำรามเสียงรุนแรง ราวกับมีรัศมีจั้นยี่ไม่มีวันสิ้นสุดถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน ปลดปล่อยแรงกดดันน่าสะพรึงเบาบางออกมา
ตู้ม ตู้ม!
หอกทะลวงผ่านมิติ ยิงไปที่ก้อนเมฆรัศมีจั้นยี่พยายามฉีกกลุ่มเมฆให้แยกออกจากกัน
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองหอกที่ขยายอย่างรวดเร็วในดวงตา อึดใจลมหายใจขาวขุ่มก็พ่นออกมาจากปากเขา
ตึง!
เมฆรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตสั่นสะเทือนรุนแรง ในเวลาต่อมาเมื่อหอกซัดลงมา กรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ก็ยื่นออกมาจากก้อนเมฆทันท่วงที
กรงเล็บนั้นเป็นสีดำสนิทและชัดเจนเสมือนกรงเล็บมังกรของจริงอย่างไรอย่างนั้น เมื่อมันยืดออกพลังมังกรยิ่งใหญ่ก็กวาดตัวออกไป
ปัง!
กรงเล็บมังกรเหยียดออกมาคว้าหอกไว้ แสงดำมืดระเบิดออกมาจากกรงเล็บ หยุดหอกไว้จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีกแม้แต่น้อย!
“อะไรน่ะ?!” หวู่ทงอุทานหลังจากเห็นหอกที่สร้างขึ้นจากการรวบรวมรัศมีจั้นยี่ของนักรบสองพันคนถูกหยุดอย่างง่ายดาย
ขณะที่เขากำลังตกตะลึงเสียงคำรามของมังกรก็ดังขึ้นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยรัศมีจั้นยี่เชี่ยวกราก
มังกรสงครามแปดแดน!
แปะ!
กรงเล็บมังกรสีดำกำแน่น หอกแตกเป็นประกายแสงกระจายบนท้องฟ้า
เมื่อหอกแตกสลาย ชั้นเมฆหนาทึบก็สั่นสะเทือน ในเวลาต่อมาเงาขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทุกสายตาจ้องมองไปที่เงาขนาดใหญ่ จากนั้นเสียงสูดอากาศก็ดังออกมา
มังกรดำปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินพร้อมกับรัศมีจั้นยี่ดุเดือดที่สร้างหายนะไปทั่วมิตินี้
เมื่อเห็นมังกรดำ แม่ทัพและนักรบมังกรดำก็เริ่มตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นในสายตา
“นั่นคือวิญญาณสงครามมังกรดำ!”
“เขาสามารถสร้างวิญญาณสงครามมังกรดำได้!”
เสียงตื่นเต้นดังออกมาจากกองทัพมังกรดำ นักรบหลายคนหันมองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตาร้อนแรง
แม้แต่แม่ทัพมังกรดำยังรู้สึกตื่นเต้นสายตาที่มองไปซับซ้อนขึ้น แม้ว่าวิญญาณสงครามมังกรดำจะอ่อนแอกว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในจุดสูงสุด แต่นี่ตีความได้ว่ามู่เฉินมีความเข้ากันได้ดีกับกองทัพมังกรดำ
หากมู่เฉินยังคงเติบโตต่อไป กองทัพมังกรดำอาจจะสามารถไปถึงจุดสุดยอดได้อีกครั้ง
มู่เฉินก็อึ้งไปเล็กน้อยเมื่อมองดูมังกรตัวใหญ่โต เขาสัมผัสได้ว่าเมื่อมังกรตัวนี้ถูกสร้างขึ้น รัศมีจั้นยี่ของนักรบมังกรดำทั้งสามพันคนก็พุ่งขึ้นสูงอย่างน่าตกใจ
ในการสร้างวิญญาณสงคราม เขาจะต้องหลอมรวมคลื่นจิตของตนกับรัศมีจั้นยี่ของกองทัพให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงจะสร้างวิญญาณสงครามอันเป็นเอกลักษณ์ของกองทัพได้
เห็นได้ชัดว่าเขาประสบความสำเร็จ
“เป็นเพราะวิญญาณมังกรแท้จริงเหรอ?” มู่เฉินก็ตกใจไปเช่นกันที่ตนเองสามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ ตามการประเมินเขายังคงต้องฝึกฝนกับกองทัพมังกรดำสักพักหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับทำสิ่งนี้สำเร็จในเวลาอันสั้น ดังนั้นจะต้องเป็นเพราะวิญญาณมังกรแท้จริงที่เขามีแน่นอน
เขาระงับความคิดในใจพลางมองหวู่ทงที่กำลังตกตะลึงด้วยสายตาไม่แยแส เขาไม่พูดอะไร แค่คิดมังกรดำก็คำรามแล้วเปิดปากพ่นลมหายใจยาวหลายหมื่นจั้งออกมา
สัมผัสกับรัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงกลัว หวู่ทงก็กลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง แต่เมื่อเขาพยายามควบคุมรัศมีจั้นยี่อีกครั้ง เขาก็พบว่ารัศมีที่อยู่ข้างหลังดูเหมือนจะจางลงไปมาก
เขาหันขวับไปมองก็เห็นว่าใบหน้าของนักรบมังกรดำแต่ละคนสติหลุดลอยไปหมด เมื่อพวกเขาจ้องมองมังกรขนาดใหญ่ ชัดว่าขวัญกำลังใจของพวกเขาได้รับผลกระทบรุนแรง
“เวร ไอ้พวกขยะ!”
มองขวัญกำลังใจที่ลดลงหวู่ทงก็สบถในใจทันที จากนั้นเขาก็ไม่สามารถสนใจอะไรได้ รีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว ทิ้งกองทัพมังกรดำไว้
“ขี้ขลาด”
เมื่อเห็นการกระทำของเขา นักรบมังกรดำก็ด่ากลับ ไม่มีใครที่จะเคารพจั้นเจิ้นซือที่คิดละทิ้งกองทัพของตนได้ทุกเมื่อหรอก
หากคนประเภทนี้กลายเป็นเจ้านายของพวกเขา จะต้องมีสักวันที่เขาจะทิ้งพวกเขาไปเช่นกัน
ใบหน้าของแม่ทัพมังกรดำมืดมน เขามองหวู่ทงด้วยความรังเกียจ
เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้ เขาก็สะบัดกแขนเสื้อ ลมปราณมังกรหดกลับ ในอนาคตนักรบทั้งหมดจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ดังนั้นหากนักรบสองพันคนถูกทำลาย เขาต้องรู้สึกปวดใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นเพื่อปกป้องพวกเขา เขายอมที่จะปล่อยหวู่ทงไปก่อน
เมื่อนักรบมังกรดำสองพันคนเห็นมู่เฉินเรียกลมปราณมังกรกลับ พวกเขาก็แลกเปลี่ยนสายตากันแล้วคุกเข่าลง
“พวกเราขอคารวะนายท่าน!”
เสียงเป็นระเบียบดังก้อง
ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณสงครามมังกรดำที่มู่เฉินสร้างขึ้นหรือวิธีที่ปกป้องพวกเขาโดยไม่ได้ไล่ตามหวู่ทง เขาได้รับการยอมรับแล้ว
กองทัพมังกรดำที่เบื้องล่างก็พยักหน้า ก่อนที่นักรบจำนวนมากมายจะคุกเข่าลง
“คารวะนายท่าน!”
ที่ด้านหลังมู่เฉิน นักรบมังกรดำสามพันคนก็คุกเข่าลงเช่นกัน
แม่ทัพมังกรดำมองไปที่มู่เฉินพร้อมรอยยิ้มระบานบนใบหน้าก่อนที่จะคุกเข่าลง “คารวะนายท่าน!”
เสียงคำรามดังก้องฟ้า ทำให้ทั้งมิติสั่นสะเทือน
“อ็อก”
ไม่ไกลออกไปใบหน้าของหวู่ทงก็เขียวคล้ำกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
เขารู้ว่าคราวนี้เขาแพ้มู่เฉินเต็มประตูแล้ว