หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1348 คะแนนสังหารปีศาจ
ในตำหนักหมื่นพัน
เมื่อกลุ่มจากเผ่าฝูถูจากไป บรรยากาศตึงเครียดก็หายไป มือสังหารปีศาจหลายคนรู้สึกโล่งใจ หากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเหล่านั้นต่อสู้ที่นี่จริงๆ พวกเขาคงต้องรับลูกหลงกันอลหม่านแน่นอน…
คลื่นหลิงลุกโชนรอบร่างชื่อเหยียนก็ถอยกลับ ก่อนที่เขาจะหันมามองมู่เฉินจากนั้นก็หัวเราะเบาๆ ส่งให้ลู่ทงเอ่ยล้อเล่นว่า “ไม่คิดว่าวังมหาพันภพจะยอมรับฐานะของเขา นั่นหมายความว่ามู่เฉินจะกลายเป็นราชันสังหารปีศาจตัวจ้อยร่อยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้วล่ะสิ?”
โดยทั่วไปผู้ที่สามารถขึ้นเป็นราชันสังหารปีศาจจะต้องสามารถเผชิญหน้ากับจอมปีศาจระดับเทียนได้ ทว่าดูอย่างไรมู่เฉินก็ยังห่างไกลจากสิ่งนั้น…
ลู่ทงมองไปที่ชื่อเหยียน ก่อนที่จะหันไปมองมู่เฉิน “ตามข้ามา”
ท่าทางที่แสดงออกบ่งบอกว่าเขามีบางอย่างอยากจะพูดกับมู่เฉิน
มู่เฉินพยักหน้าจากนั้นก็ประสานมือให้แม่เฒ่าเหอตระกูลเวินเพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากนั้นก็รีบเดินตามลู่ทงไป
เดินตามเข้าไปในพื้นที่ภายในของตำหนักหมื่นพัน เมื่อมาถึงในห้องโถงลู่ทงก็หันกลับมามองไปที่มู่เฉิน จากนั้นก็พูดว่า “มู่เฉิน แม้ว่ากองบัญชาการใหญ่จะยอมรับตัวตนของเจ้าในฐานะราชันสังหารปีศาจ…”
“แต่เนื่องจากขุมพลังที่มี ทางวังไม่อาจมอบอำนาจที่เหมาะสมกับเจ้าในฐานะราชันสังหารปีศาจได้”
มู่เฉินไม่แปลกใจกับเรื่องนี้จึงพยักหน้ารับ เขาไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นจึงไม่คิดว่าฐานะราชันสังหารปีศาจที่ได้มาโดยบังเอิญจะสามารถปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของพีระมิดได้และมีอำนาจในการระดมพลของวังมหาพันภพ…
วังมหาพันภพมีรากฐานที่ลึกซึ้งและโครงสร้างของอำนาจชัดเจน ราชันสังหารปีศาจจะมีอำนาจและสถานะที่ยิ่งใหญ่ ถ้ามู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทางวังคงอ้าแขนต้อนรับเขาอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเกือบเต็มเท่านั้น
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเพลิดเพลินไปกับอำนาจของราชันสังหารปีศาจในวังมหาพันภพ หากเขาดึงดันจะเอามาให้ได้ก็อาจดึงดูดปัญหาเข้ามาแทน
ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครยอมฟังคำสั่งของราชันสังหารปีศาจที่มีพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มหรอก
“เจ้ายอมรับสิ่งนี้ได้รึ?” เมื่อเห็นมู่เฉินพยักหน้าแบบสบายๆ ลู่ทงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
มู่เฉินยิ้ม “ข้าเข้าใจการกระทำของวังมหาพันภพ ถ้าข้าต้องฝืนตัวเป็นราชันสังหารปีศาจละก็ คงต้องยอมขายหน้าตัวเองเท่านั้น”
ดวงตาของลู่ทงเป็นประกายด้วยความชื่นชม แม้ว่ามู่เฉินจะอายุน้อย แต่ก็ไม่ได้เย่อหยิ่งและรู้ว่าควรยืนอยู่ที่ไหน เขารู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ
“แต่อย่าเศร้าไป แม้ว่าเจ้าจะไม่มีอำนาจเต็มของราชันสังหารปีศาจ แต่สถานะก็ได้รับการยอมรับแล้ว หากใครคิดจะลองดี พวกเขาก็ต้องมองหน้าวังมหาพันภพบ้าง”
“นอกจากนี้เมื่อเจ้ามีพลังมากพอในอนาคตและยอมมาที่วังมหาพันภพ เราก็จะมอบอำนาจเต็มของราชันสังหารปีศาจให้เจ้าได้ทุกเมื่อ” ลู่ทงกล่าว
“ขอบคุณเจ้าตำหนักลู่” มู่เฉินประสานมือพลางยิ้ม เขาไม่ได้ไม่พอใจกับการตัดสินใจของวังมหาพันภพ นอกจากนี้เขายังรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาช่วยเขาออกจากสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อได้
ลู่ทงยิ้ม “นอกจากนี้แม้ว่าสถานะของเจ้ากลายเป็นธรรมดาไป แต่คะแนนของเจ้าเป็นของแท้นะ…”
มู่เฉินอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่ความสุขจะกระจายในนัยน์ตา “ท่านลู่ทงหมายถึงข้าสามารถใช้คะแนนสังหารปีศาจเหล่านั้นได้เหรอ?”
คะแนนสังหารปีศาจของวังมหาพันภพสามารถใช้เพื่อแลกเปลี่ยนได้หลายอย่าง เช่นอาวุธมหสวรรค์ ร่างเทห์สวรรค์ ยาอายุวัฒนะหรือแม้แต่วิทยายุทธเทพที่ไม่มีใครเทียบได้
เมื่อครู่มู่เฉินกังวลว่าฐานะราชันสังปีศาจที่มาจากอุบายเล็กน้อยจะทำให้คะแนนสังหารปีศาจของเขาไม่มีประโยชน์ แต่เมื่อตัดสินจากคำพูดของลู่ทง เขาสามารถใช้แลกเปลี่ยนเป็นสมบัติได้
มองไปที่ท่าทางมู่เฉินที่ลิงโลด ลู่ทงก็ยิ้มพลางพยักหน้าก่อนที่จะเดินลึกเข้าไปในห้องโถง “ตามมา”
ความยินดีกระจายบนใบหน้ามู่เฉิน เขาพุ่งตัวติดตามไปอย่างรวดเร็ว
เดินตามลู่ทงผ่านโถงหลายห้องก็มาถึงคลัง ลู่ทงสะบัดมือแสงหลิงที่พร่างพราวก็กำจายจากประตูทองแดง ก่อนที่จะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังออกมาขณะที่ค่อยๆ เปิดออก
เมื่อประตูเปิดออกแสงระยิบระยับก็พุ่งเข้าสู่ดวงตาของมู่เฉิน
เขาเพ่งมองออกไปก็อดไม่ได้ที่จะหายใจลึก เขาเห็นลูกแสงจำนวนมหาศาลในคลังขนาดใหญ่ ลูกแก้วแสงเหล่านี้ทุกลูกเปล่งประกายแวววาว บอกว่าของที่อยู่ในนั้นจะต้องมีความพิเศษ
“สมกับเป็นวังมหาพันภพ”
มู่เฉินมองไปที่สมบัติในคลังก็ชื่นชมวังมหาพันภพที่สมกับเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจชั้นยอดอย่างแท้จริง แค่ตำหนักเดียวยังมีสมบัติมากมายขนาดนี้ รากฐานนี้ไม่ใช่สิ่งที่ขั้วอำนาจธรรมดาจะสามารถแข่งขันได้
ลู่ทงเดินนำมู่เฉินเข้ามาด้วยยิ้ม “ลูกแก้วแสงมีราคา ตราบใดที่เจ้ามีคะแนนเพียงพอ ก็สามารถแลกเปลี่ยนได้ตามต้องการ”
สายตาของมู่เฉินร้อนแรง ก่อนที่จะเดินขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว สายตากวาดไปยังลูกแก้วแสงทีละลูก
“อาวุธมหสวรรค์ขั้นสูง หอกเพลิงสวรรค์คะแนนสังหารปีศาจแปดร้อยคะแนน”
“วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็ม ดัชนีแสงดาว หนึ่งพันหนึ่งร้อยคะแนน”
“ร่างพฤกษาพันปี อันดับสามสิบเก้าของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง หนึ่งพันสามร้อยคะแนน”
“…”
ลูกแก้วแสงทุกลูกบรรจุด้วยสมบัติล้ำค่า ทำให้มู่เฉินถอนหายใจด้วยความชื่นชม แต่ระดับปัจจุบันของเขาอาวุธมหสวรรค์หรือวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มนั้นไร้ประโยชน์ไปแล้ว
“ท่านลู่ทงมีที่ดีกว่านี้มีหรือไม่ขอรับ?” มู่เฉินถาม
ลู่ทงยิ้มก่อนที่จะชี้ไปทางซ้าย “อาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยมส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น ข้ารู้สึกว่าเหมาะสำหรับเจ้านะ”
พูดโดยทั่วไป อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมมีไว้สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ดังนั้นอาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยมจึงเป็นอาวุธที่ดีที่สุดสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังที่อยู่ต่ำกว่าระดับเทียนจื้อจุนจะรับได้
มู่เฉินเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เนื่องจากตัวเขาสนใจอาวุธเสมือนมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมอยู่บ้าง หลังจากพลังงานของกระบี่เกล็ดจักรพรรดิหมดลงแล้ว ดังนั้นเขาต้องการวัตถุที่สามารถใช้ได้
เขาหยุดลงที่เบื้องหน้าลูกแก้วแสงขนาดเท่าศีรษะ มองเห็นแส้สีดำลอยอยู่ข้างในช้าๆ แส้ถูกปกคลุมไปด้วยหนามแหลมขณะที่เปล่งประกายความมืดมิดและหนาวเหน็บออกมา ทุกส่วนของแส้ถูกสลักด้วยลวดลายโบราณที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อเคลื่อนไหว
“หืม?” มู่เฉินอุทานเมื่อได้เห็นแส้สีดำ เขารู้สึกถึงความคุ้นเคยเบาบางออกมาจากมัน
“นี่คือแส้ประสานเทพเป็นอาวุธเสมือนมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากกิ่งก้านของดอกแมนดาลาโบราณและระดับที่ดอกแมนดาลาอยู่นั้นบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้ว” ลู่ทงอธิบาย
“ที่แท้ก็ถูกสร้างขึ้นจากกิ่งก้านของดอกแมนดาลาโบราณนี่เอง” ตอนนี้มู่เฉินรู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับวัตถุนี้ แต่ของชิ้นนี้ยอดเยี่ยมมาก หากไปอยู่ในมือของมั่นถัวหลัวละก็ พลังทั้งหมดที่มีก็สามารถปลดปล่อยออกมา
หลังจากออกจากเมืองเซิ่งยวนแล้ว มู่เฉินตั้งใจจะกลับไปที่ทวีปเทียนหลัว ถึงยังไงตำหนักมู่ก็เพิ่งจะจัดตั้ง ในฐานะประมุขหากไม่กลับไปนาน อาจทำให้จิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มั่นคง ต่อให้มีมั่นถัวหลัวจัดการทุกอย่างอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
แส้ประสานเทพนี้เขาจะใช้เป็นของขวัญสำหรับมั่นถัวหลัว เพราะยังไงนางก็ทำงานหนักเพื่อช่วยเขาดูแลตำหนักมู่
เมื่อดูราคาก็มีค่าสองพันคะแนนซึ่งพอรับได้ มู่เฉินหยิบป้ายสังหารปีศาจออกมา กวาดไปที่ลูกแก้ว แสงกะพริบวาบก่อนที่ลูกแก้วจะค่อยๆ ลอยออกมาและเขาก็โบกมือเก็บลงไป
หลังจากแลกเปลี่ยนแส้ประสานเทพ มู่เฉินก็ไม่หยุดมุ่งหน้าต่อไป อึดใจเขาก็เล็งไปที่วัตถุชิ้นอื่นอีกครั้ง
วัตถุนี้เป็นต่างหูวิจิตรงดงามเหมือนจะหลอมมาจากอัญมณีใสมีของเหลวสีมรกตห้อยอยู่ ซึ่งเป็นของเหลวที่ผิดแผกทำให้ต่างหูนี้ไม่ธรรมดา
“เจ้านี่ตาแหลม นี่คือแก่นหยกวิญญาณสวรรค์ ก่อตัวมาจากพลังงานหลิงตามธรรมชาติที่ถูกบีบอัดเป็นเวลายาวนาน การสวมใส่สามารถเพิ่มความเร็วในการเพาะบ่มพลัง นับได้ว่าเป็นสมบัติประเภทช่วยเหลือการฝึกฝน แต่สิ่งนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ดังนั้นจึงจัดเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยมเท่านั้น” ลู่ทงอดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากเห็นสายตาของมู่เฉิน
มู่เฉินตกอยู่ในภวังค์ความคิด แก่นหยกวิญญาณสวรรค์เหมาะสำหรับลั่วหลีนัก ตอนนี้นางเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ถ้านางมีสิ่งนี้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฝึกฝน
เมื่อมองไปที่ป้ายราคา เขาก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่ามีราคาถึงสามพันคะแนน ดูเหมือนว่าอุปกรณ์การเพาะบ่มราคาจะแพงกว่าปกติ
แต่มันไม่มีอะไรเลย เนื่องจากนี่เป็นของขวัญสำหรับลั่วหลี ดังนั้นเขาจึงแลกเปลี่ยนโดยไม่ต้องคิดมาก
“เจ้าหนุ่มจ่ายเพื่อซื้อรอยยิ้มจากสาวงามสินะ ลงทุนจริงๆ” ลู่ทงยิ้ม นี่เป็นของที่หญิงสาวใช้ การที่มู่เฉินจ่ายหนักเพื่อซื้อชัดเจนว่าสิ่งนี้คงมีไว้สำหรับคนรักของเขา
มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะมองป้ายสังหารปีศาจ ตอนนี้เขาใช้คะแนนไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทำให้เขาพูดไม่ออก คะแนนเท่านี้ไม่เพียงพอจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่เหล่ามือสังหารปีศาจจำนวนมากก็อยู่ที่แดนเซิ่งยวนเพื่อรับคะแนนสังหารปีศาจ…
“จากนี้มาดูกันว่าจะมีอาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยมที่เหมาะกับข้าหรือไม่”
มู่เฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็คาดหวังไว้ในใจ เดินมองลึกเข้าไปเป็นเวลานานก่อนที่จะหยุดสายตาลง
เขามองไปที่ลูกแก้วด้านข้างด้วยสายตาผิดแผกไป
นี่ไม่ใช่อาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยม แต่เป็นของเหลวสีทองไหลวนอยู่ภายใน ระลอกคลื่นที่แปลกประหลาดเล็ดลอดออกมา
“นี่มัน…”
มู่เฉินดวงตาหดลงก่อนที่ความอัศจรรย์ใจจะปีนขึ้นในนัยน์ตา
“ของเหลววัชระทำลายวิญญาณ?”