หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1373 พิภพเขตล่าง
ฟ้าดินถูกย้อมเป็นสีแดงเข้ม
แม้แต่ภูเขาก็ยังเป็นสีแดงจางๆ ราวกับถูกย้อมไปด้วยเลือดมากมายมหาศาล ทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยรัศมีโหดร้าย
ฮึ่ม!
ทันใดนั้นมิติก็ฉีกออกบนยอดเขาแห่งหนึ่ง ทางเดินก่อตัวขึ้นมีร่างเงาทอดลงมา
นี่ก็คือมู่เฉินที่เดินผ่านเส้นทางพิภพเขตล่างเข้ามา
ขณะที่ร่างกายเคลื่อนลงไป เขาก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอยู่รอบตัว ดังนั้นเขาจึงดึงคลื่นหลิงกลับคืนมา
“พลังงานในพิภพเขตล่างต่ำมากจริงๆ” มู่เฉินยื่นมือออก รวบรวมพลังงานระหว่างฟ้าดินให้เป็นทรงกลม เขาสัมผัสวูบหนึ่งก่อนที่คิ้วจะขมวดเข้าหากัน
พลังงานระหว่างฟ้าดินไม่บริสุทธิ์เท่ากับคลื่นหลิงในมหาพันภพ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลานานกว่าที่จะฟื้นตัวที่นี่
“แต่โชคดีที่ข้าเอาของเหลวจื้อจุนจากตำหนักมู่มาด้วย” มู่เฉินถอนหายใจ หากเขาไม่มีของเหลวจื้อจุน ในการต่อสู้เขาก็ต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียของคลื่นพลัง
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ให้ความสำคัญมากขึ้น กลัวว่าจะเกิดกรณีที่คลื่นหลิงหมดลงและเขาตกอยู่ในอันตราย
หลังจากถอนหายใจ ไข่มุกมังกรขาวก็ปรากฏขึ้นในมือ แสงสีขาวพวยพุ่งขึ้น แต่มู่เฉินก็ต้องประหลาดใจที่ผนึกภายในไม่ได้ถูกกระตุ้น
“หรือว่าข้าจะต้องไปถึงบ้านเกิดของจอมยุทธ์มังกรขาวเพื่อให้เจตจำนงถูกกระตุ้น?” มู่เฉินพึมพำ แต่ไม่ว่าอะไรเขาก็ต้องลองดู อย่างน้อยไข่มุกมังกรขาวก็ตอบสนองต่อพิภพเขตล่าง ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้มาผิดที่
“พิภพเขตล่างแห่งนี้น่าจะถูกครอบครองโดยเผ่าเสี่ยเสีย…” มู่เฉินกวาดมองพื้นที่สีแดงเข้ม เขาสามารถได้กลิ่นร่องรอยความผันผวนของเลือดที่ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายเขาปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นเผ่าเสี่ยเสียแน่นอน
ดูเหมือนว่าเผ่าปีศาจกำลังพยายามปรับเปลี่ยนพิภพเขตล่างนี้ โดยทำให้พลังงานระหว่างฟ้าดินกลายเป็นพลังที่พวกมันต้องการ
“ไม่รู้ว่าพลังของเผ่าเสี่ยเสียเป็นอย่างไร…” มู่เฉินพึมพำ หากไม่มีข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับศัตรู เขาก็ไม่สามารถทำอะไรโดยประมาทได้ อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่ามีราชันนักรบปีศาจในเผ่าเสี่ยเสียหรือไม่
ราชันปีศาจมีพลังในการต่อสู้เทียบเท่าจอมยุทธ์เทียนจื้อจุน คงจะไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเขาหากมีอยู่ เพราะโอกาสในการชนะของเขาคงไม่ดีเมื่อเผชิญหน้ากับราชันปีศาจแท้จริง
“ข้าต้องรวบรวมข้อมูลก่อน”
หลังจากตัดสินใจร่างมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นลำแสงทะยานออกไป แต่เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจ เขาเดินทางด้วยการบินระดับต่ำเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเผ่าเสี่ยเสียจับได้
ภายใต้ความเร็วเต็มพิกัด เขาก็บินผ่านเทือกเขา แต่ยิ่งเดินทางมาไกลขึ้นคิ้วก็ยิ่งเริ่มขมวดแน่นขึ้น เนื่องจากพบว่าไม่มีเสียงรบกวนจากสิงสาราสัตว์ใดในภูมิภาคนี้ ช่างเงียบสงัดจนดูเหมือนกับโลกใต้พิภพ
“หรือเผ่าเสี่ยเสียสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแล้ว?” เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สีหน้ามู่เฉินก็มืดมนลง เผ่าปีศาจต่างมิติโหดเหี้ยมขนาดนั้นเลยเหรอ?
ประสาทสัมผัสของมู่เฉินกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนบางอย่างในหนึ่งชั่วโมงต่อมา
ดังนั้นเขาจึงไปปรากฏตัวบนยอดเขามองเข้าไปจากระยะไกล เขาเห็นโครงร่างเมืองเบื้องหน้าสายตาได้อย่างเลือนราง
เมื่อมองไปที่เมืองนั้น มู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีมากมายที่อยู่ภายใน มีบางส่วนที่มีรัศมีคล้ายกับโลกใบนี้ ถ้าเขาเดาไม่ผิดพวกเขาน่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในพิภพเขตล่างนี้
“ยังมีคนอาศัยอยู่เรอะ?” สายตาของมู่เฉินเปล่งประกายก่อนที่จะไปปรากฏตัวบนท้องฟ้าเหนือเมืองพร้อมกับดึงพลังงานทั้งหมดกลับคืนมา ราวกับว่าหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่าไม่มีใครสามารถรู้สึกถึงเขาได้
เมื่อกวาดสายตาไป เขาก็มองเห็นทิวทัศน์เจริญรุ่งเรือง ผู้คนนับไม่ถ้วนเดินขวักไขว่อยู่ในเมือง
ทว่าเขาถึงกับขมวดคิ้วกับฉากนี้ เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติภายใต้ความรุ่งเรืองนี้
คนเหล่านี้แม้จะทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ แต่ก็เห็นใบหน้าของผู้คนซีดเซียว มีอาการด้านชาอยู่ในส่วนลึกของดวงตา
แม้จะมีชีวิต แต่พวกเขาราวกับผีดิบอย่างไรอย่างนั้น
หวือ หวือ!
ในขณะที่มู่เฉินรู้สึกสงสัยหนัก ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มก็ดังก้องจากในเมืองสะท้อนไปทั่วสวรรค์และโลก
ตู้ม!
เมื่อเสียงดังขึ้นเมืองที่พลุกพล่านก็วุ่นวาย ทุกคนหันหลังวิ่งกลับเข้าไปในอาคาร แม้แต่รอยยิ้มที่มีบนใบหน้าก็หายไปแทนที่ด้วยความกลัวหนาแน่น
“คึ คึ!”
ทันใดนั้นภาพเงาโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็บินออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะบาดหู พวกมันราวกับเหยี่ยวทะยานลงมาหาคนในเมือง
มู่เฉินหดดวงตาขณะมองไปที่เงาโลหิตเหล่านั้น พวกมันสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มใบหน้าซีดเซียว มีเขี้ยวแหลมสองข้างยื่นออกมาจากริมฝีปาก
นี่จะต้องเป็นเผ่าเสี่ยเสีย!
เมื่อพวกมันพุ่งลงมาก็ยื่นมือตะปบคนหนีตายขึ้นมา ก่อนจะทะยานกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า เขี้ยวสองข้างกัดเข้าที่คอเหยื่อ ไม่กี่อึดใจร่างเหยื่อก็เหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว ขณะที่พวกเขาดีดดิ้นอย่างบ้าคลั่งก่อนที่เลือดจะถูกสูบออกจนหมด จากนั้นมันก็โยนร่างแห้งเหี่ยวทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
ไม่กี่นาทีเมืองที่คึกคักก็เต็มไปด้วยซากศพและเลือด
มู่เฉินที่อยู่บนท้องฟ้าก็ได้สติ ใบหน้าเขาเขียวคล้ำ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เผ่าเสี่ยเสียรวบรวมผู้ที่อยู่อาศัยบนโลกใบนี้สร้างโรงปศุสัตว์ขึ้น เริ่มเข่นฆ่าเมื่อพวกมันหิวโหยและเพลิดเพลินไปกับความกลัวความสิ้นหวังของเหยื่อในเวลาเดียวกัน…
แม้ว่าผู้คนที่นี่จะรอดชีวิต แต่พวกเขาก็ถูกเลี้ยงเป็นอาหาร
โหดร้ายทารุณยิ่งนัก!
ร่างสีแดงเข้มร่างหนึ่งร่อนลงมาจากท้องฟ้าคว้าหญิงสาวที่กำลังวิ่งหนีไว้ได้ มือเย็นเฉียบของมันแตะที่แก้มของหญิงสาวคนนั้นที่ฉายความสิ้นหวังบนใบหน้า
ไม่ว่านางจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไร้ผล ร่างสีแดงเข้มเลียลำคอขาวผ่องเบาๆ พลางสูดกลิ่นก่อนที่มันจะยิ้มพร้อมกับหรี่ตา “ยังบริสุทธิ์ โชคดีอะไรแบบนี้”
ขณะที่พูดเขี้ยวแหลมคมก็วาววับกางออกพร้อมจะแทงลงบนคอขาว มันอดรนทนไม่ไหวที่จะลิ้มรสเลือดบริสุทธิ์ของสาวพรหมจรรย์แล้ว
แต่ก่อนที่เขี้ยวของมันจะฝังลงในลำคอ ทันใดนั้นหัวของมันก็ขยับไม่ได้ มือเรียวข้างหนึ่งจับหัวมันไว้แน่น
จอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะปรายตามองก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง ใบหน้าของมันเปลี่ยนไปกะทันหันตะโกนเสียงลั่น “แกเป็นใคร?! กล้าดีมารบกวนนายท่านคนนี้ในการกินอาหารได้!”
ปัง!
ทว่าการตอบสนองกลับมาก็คือสมองแตกดังโพละ เลือดสาดกระเซ็นบนใบหน้าหญิงสาว
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้หญิงสาวคนนั้นตกตะลึง นางมองจอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียล้มฟุบลง ลืมแม้กระทั่งเช็ดเลือดออกจากใบหน้า
แต่นางก็คืนสติในไม่ช้า ทว่าสายตาไม่มีแววความสุขเลย ตรงกันข้ามมีเพียงความสิ้นหวังเพิ่มอีกหลายส่วน นางมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับอาการตัวสั่น “เจ้าหนีไปเร็ว!”
ที่ผ่านมามีคนพยายามต่อต้านปีศาจเหล่านั้น แต่พวกเขาทั้งหมดถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่คนที่เหลือก็ยังได้รับผลกระทบจากความโกรธของเผ่าปีศาจ
ดังนั้นในความคิดนาง ครั้งนี้ไม่มีใครสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไปแล้ว
ทันใดนั้นสมาชิกเผ่าเสี่ยเสียคนอื่นก็รู้สึกได้ถึงสิ่งนี้ เสียงกรีดร้องโกรธเกรี้ยวดังขึ้นในเมือง อึดใจต่อมาเงาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าใส่ในทิศทางของมู่เฉิน
เมื่อชาวบ้านเห็นฉากนี้ พวกเขาก็ทรุดตัวลงกับพื้น ความสิ้นหวังฉายบนใบหน้า พวกเขารู้ดีว่าหลังจากที่พวกปีศาจแยกร่างชายผู้นี้ พวกเขาก็ต้องเป็นที่รองรับความโกรธของพวกมัน…
แต่…ก็ดี การตายคงดีกว่าการมีชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าตาย
วาบ วาบ!
เงาสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาหามู่เฉินภายใต้สายตาด้านชาของผู้คน
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ใส่ใจกับเงาเหล่านั้น เขายื่นมือเช็ดเลือดบนใบหน้าหญิงสาวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “วางใจเถอะ ไม่เป็นไรแล้ว”
พูดจบเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างสีแดงเข้มที่กำลังพุ่งเข้ามาหา สายตาค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเย็นชา แสงเย็นรวมตัวกันอยู่ในส่วนลึกของดวงตา
เขาค่อยๆ ยกเท้าขึ้นและกระทืบลงไป
ตู้ม!
พายุคลื่นหลิงกวาดอาละวาดโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง ส่งผลกระทบต่อชั้นฟ้าและชั้นดิน
ปัง ปัง ปัง!
ขณะที่พายุส่งเสียงหวีดหวิว เงานับหมื่นที่กำลังพุ่งเข้ามาก็แข็งค้างจากนั้นก็ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวัง ทว่าเมื่อเสียงของพวกมันเพิ่งจะดังออกมา ร่างกายก็กลายเป็นหมอกเลือดภายใต้คลื่นกระแทกหลิงที่น่าสะพรึงกลัว… เพียงไม่กี่สิบลมหายใจร่างสีแดงเข้มทั้งหมดก็ถูกลบออก
ทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบงัน
เมื่อชาวบ้านที่เตรียมตัวตายได้เห็นฉากนี้ พวกเขาก็ตะลึงเป็นเวลานาน พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าปีศาจที่อยู่ยงคงกระพันในสายตาของพวกเขาจะถูกลบออกไปอย่างง่ายดายราวกับแมลงวันภายใต้การกระทืบเท้าครั้งเดียวของชายคนนี้…
พวกเขาค่อยๆ หันหน้าไปมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่อยู่ภายใต้หมอกเลือด จากนั้นก็เริ่มตัวสั่น
หญิงสาวตัวสั่นก่อนที่จะคุกเข่าลงเบื้องหน้ามู่เฉิน
ในเวลาเดียวกันเสียงแหบก็ดังสะท้อน
“ท่านเทพ โปรดช่วยพวกเราด้วย!”
ในสายตาของนางคนที่สามารถสังหารปีศาจทรงพลังเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย นอกจากเป็นเทพแล้วจะเป็นอะไรได้อีก?