หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1385 เร่งปฏิกิริยา
ครืน!
บนท้องฟ้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์กับสัตว์ปีศาจโลหิตปะทะกันจังใหญ่ พลังนั้นคล้ายกับการปะทะของอุกกาบาต ทำให้เกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับคลื่นกระแทกที่มองเห็นได้กวาดตัวออกมาราวกับพายุ
มิติโดยรอบพังทลายลงแม้แต่ผืนโลกยังสั่นสะเทือน
โฮก!
สัตว์ปีศาจปล่อยเสียงคำรามที่ทำเอาแก้วหูเกือบแตก พาดพลองลงมาที่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์
เคร้ง!
แต่ทันใดนั้นหอกสีม่วงทองก็พุ่งออกไปปะทะกับพลองทำให้เกิดประกายไฟขนาดใหญ่ ก่อนที่จะดีดพลองกลับไป
ทว่าสัตว์ปีศาจก็ยิ่งดุร้ายขึ้นขณะที่พาดพลองก็ทิ้งภาพไว้ข้างหลังนับไม่ถ้วน มุ่งเป้าไปที่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์
ร่างเทพสุริยะนิรันดร์เปล่งแสงสีทองหมื่นจั้ง พุ่งเข้าปะทะพร้อมหอกม่วงทองในมือ ซึ่งทำให้ทั้งฟ้าดินสั่นสะเทือน
มองภาพยักษ์สองตัวปะทะกัน ดวงตาของมู่เฉินก็วูบไหวก่อนที่ร่างจะทะยานไปหาเสี่ยหมัวที่อยู่ด้านหลัง
สัตว์ปีศาจตัวนั้นไม่ธรรมดา ต้องใช้เวลาในการจัดการ ทว่าจะจับใครให้จับผู้นำก่อน ตราบใดที่เสี่ยหมัวพ่ายแพ้ สัตว์ปีศาจก็จะหยุดการโผเข้าใส่เอง
เมื่อเห็นมู่เฉินพุ่งเข้ามาหา เสี่ยหมัวก็เยาะเย้ย “ไม่มีร่างดวงจิตและร่างเทห์สวรรค์ แกคิดว่าตัวเองจะเผชิญหน้ากับข้าได้เรอะ? รนหาที่ตายแท้จริง!”
เมื่อไม่มีทักษะเหล่านั้น มู่เฉินก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ขณะที่เสี่ยหมัวเหนือกว่าผู้บัญชาการทั่วไป พลังของเขาอยู่ห่างจากจอมปีศาจโลหิตอีกเพียงก้าวเดียว ดังนั้นก็เป็นปกติที่เขาจะไม่กลัวมู่เฉิน
ดังนั้นเขาจึงก้าวเท้าออกไปเมื่อเห็นมู่เฉินพุ่งเข้ามา ปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉินอย่างลึกลับ ร่างกายของเขาสั่นเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มพองตัวเป็นยักษ์ฟาดหมัดไปที่มู่เฉิน
ขณะที่กำปั้นวาดลง มิติก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา
“ร่างกายทรงพลังจริงๆ”
หมัดโลหิตขยายขนาดอย่างรวดเร็วในม่านตาของมู่เฉิน เมื่อรู้สึกถึงพลังนั่นมู่เฉินก็หรี่ตาลง ผลึกแสงกวาดออกมาจากดวงตา
คลื่นหลิงแผ่ออกมาจากร่างกายราวกับกระแสน้ำ
โฮก!
มู่เฉินกำหมัดแน่นชกออกไป ยามนี้เสียงคำรามของมังกรดังก้อง วิญญาณมังกรแท้จริงบินฉวัดเฉวียนไปที่แขนของมู่เฉินเชื่อมต่อกรงเล็บของมันกับนิ้วของมู่เฉิน ทำให้พลังเพิ่มระดับน่ากลัวขึ้น
ตู้ม!
หมัดและฝ่ามือปะทะกันรุนแรง มิติปะทุกลายเป็นหลุมดำ ร่างเสี่ยหมัวกับมู่เฉินสั่นสะท้านก่อนถลากลับ
“พลังกายของมันก็ทรงพลังเหมือนกันเรอะ!”
ความตกใจฉายขึ้นบนใบหน้าเสี่ยหมัว ความแข็งแกร่งของร่างกายของมู่เฉินอยู่เหนือความคาดหมาย ทว่าเขาก็ไม่กลัวเพราะเขารู้สึกได้ว่าถือไพ่เหนือกว่าเล็กน้อยในการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่
เสี่ยหมัวเค้นเสียงเย็น ไม่ปล่อยให้มู่เฉินพักพุ่งตัวออกไป พริบตาพายุการโจมตีก็ปกคลุมร่างมู่เฉิน
เขาต้องจัดการกับมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ขณะที่ร่างดวงจิตและร่างเทพสุริยะนิรันดร์กำลังถูกดักไว้!
ตู้ม ตู้ม!
เผชิญหน้ากับการโจมตีดุดันจากเสี่ยหมัว สายตาของมู่เฉินก็เคร่งขรึมลง ผลึกแสงกะพริบออกจากร่างกายพร้อมกับวิญญาณมังกรแท้จริง เขาเร้าพลังหลิงและพลังกายไปถึงขีดสุดแล้ว
เขาสัมผัสได้ว่าเสี่ยหมัวทรงพลังมากกว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนอื่นๆ เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเผชิญหน้ามาภายใต้ระดับเทียนจื้อจุน
ครั้งนี้การต่อสู้ยากแล้วจริงๆ
เหล่าจอมยุทธ์เฝ้าดูฉากนี้อย่างกังวล การเผชิญหน้าของทั้งสามคู่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าหนังชาหนึบไปหมด
การต่อสู้ในระดับนี้ เพียงแค่พวกเขาได้รับผลกระทบเล็กน้อยก็จะถูกทำลายจนสิ้นซาก
“จักรพรรดินี ท่านเทพดูเหมือนจะถูกยับยั้งโดยผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตนะ” จอมยุทธ์ชั้นแนวหน้าบางคนรวมตัวกันข้างๆ ไป๋ซู่ซู่ พวกเขาวิตกกังวลขณะมองไปยังมู่เฉินตัวจริง เสี่ยหมัวดูเหมือนจะกุมความได้เปรียบและควบคุมมู่เฉินด้วยพายุการโจมตี
แม้ว่าไป๋ซู่ซู่จะกำมือแน่น แต่ท่าทางก็ดูสงบนิ่งนัก นางติดตามมู่เฉินในช่วงวันที่ผ่านมาและรู้ว่าอีกฝ่ายยังมีไพ่ตายทรงพลังอีกใบ ตอนนี้ที่ยังไม่ใช้เพราะกำลังรอโอกาสที่ดีที่สุดอยู่
การต่อสู้ในระดับดังกล่าวเป็นการต่อสู้ที่เสี่ยง ดูว่าใครจะแสดงข้อบกพร่องออกมาก่อน
ครืนๆๆๆ!
ภายใต้สายตาวิตกกังวล การต่อสู้ระหว่างมู่เฉินและเสี่ยหมัวก็ยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อความได้เปรียบของเสี่ยหมัวชัดเจนขึ้น สมาชิกของเผ่าเสี่ยเสียในภูเขาก็เริ่มส่งเสียงโห่ร้องยินดี
ตู้ม!
มู่เฉินและเสี่ยหมัวแลกกระบวนท่ากันอีกครั้ง คลื่นหลิงพร่างพราวและแสงสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมาปกคลุมขอบฟ้า แต่ตอนนั้นเองที่รอยยิ้มน่ากลัวก็ปรากฏบนริมฝีปากของเสี่ยหมัว ก่อนที่ลำคอเขาจะบิดเกลียว จากนั้นก็ยืดออกมาราวกับงูแผ่แม่เบี้ย พุ่งไปกัดที่ลำคอของมู่เฉิน
แต่ในวินาทีนั้น มู่เฉินก็เอียงศีรษะเล็กน้อย ทำให้สุดท้ายกัดลงบนหัวไหล่ เลือดสดสาดกระเซ็น
“ข้าจะดูดแกให้แห้ง!” เสี่ยหม้วหัวเราะเยาะขณะที่เริ่มสูบเลือดของมู่เฉิน
แต่ในตอนนี้รอยยิ้มเย็นชากลับปรากฏขึ้นบนใบหน้ามู่เฉิน มือเขาสะบัดออกเจดีย์ผลึกแก้วใสก็บินออกมาห่อหุ้มร่างทั้งสองไว้
เขารู้ดีว่าหากต้องการเอาชนะก็จะต้องใช้วิชาเจดีย์แปดองค์ ทว่าเสี่ยหมัวว่องไวกว่าเขาส่วนหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะดักแล้วลากเข้าไปหากนำเจดีย์ออกมาเลย
เมื่อเจดีย์ครอบลงมาเสี่ยหมัวก็สะดุ้ง เขารู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจ พยายามที่จะถอนเขี้ยวออก แต่เขาก็ตกใจเมื่อพบว่าเนื้อของมู่เฉินยึดเขี้ยวของเขาไว้แน่น ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถถอนเขี้ยวออกมาได้
ครืน!
สถานการณ์ยันกันนี้ทำให้เจดีย์พุ่งลงมาห่อหุ้มทั้งสองเอาไว้ได้
ในเจดีย์
มู่เฉินรีบถอยออกเมื่อเข้ามาภายในเจดีย์ โดยไม่ได้สนใจเลือดที่หัวไหล่ เขายิ้มให้เสี่ยหมัวก่อนที่จะโบกมือ ของเหลวจื้อจุนก็ไหลบ่าออกมา
มีความผันผวนของคลื่นหลิงขนาดใหญ่กระจายออกไปภายในเจดีย์
ครั้งนี้มู่เฉินนำของเหลวจื้อจุนออกมาถึงแปดสิบล้านหยด เขารู้ว่าเสี่ยหมัวทรงพลังขนาดไหน ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะออกกระบวนท่าแล้ว ก็ต้องทำให้สะอาดหมดจด!
กระแสน้ำพลุ่งพล่าน มู่เฉินสร้างตราประทับขึ้น ร่างส่วนบนของภาพร่างปีศาจทั้งแปดยื่นออกมาจากกำแพง
ฮา
พวกมันอ้าปากกลืนกินของเหลวจื้อจุนเข้าไป
“วิชาเจดีย์แปดองค์ แสงเจดีย์ล้างปีศาจ!”
ไอเย็นเยือกรวมตัวกันในสายตาของมู่เฉิน ขณะที่เขาออกกระบวนท่าเจดีย์แปดองค์ ภาพร่างปีศาจทั้งแปดก็ยื่นนิ้วชี้ไปที่ร่างเสี่ยหมัว จากนั้นลำแสงแปดสายก็พุ่งออกมา
เมื่อลำแสงสีดำแปดสายถูกยิงออก ใบหน้าของเสี่ยหมัวก็เปลี่ยนไปด้วยความหวาดผวา เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกถึงความตายจากกระบวนท่านี้ของมู่เฉิน
“ให้ตายเถอะ เจ้านี่มีทักษะแบบนี้ด้วย!”
เสี่ยหมัวสาปแช่งพลางวาดตราประทับ แสงสีแดงเข้มไร้ขอบเขตพุ่งออกมา ก่อตัวเป็นลูกกลมแสงสีแดงล้อมรอบตัว
ชี่ ชี่!
ลำแสงทั้งแปดยิงเข้าถึงลูกแสงก็ทะลุผ่านสิ่งกีดขวางเข้าโจมตีเสี่ยหมัวในพริบตา
อ๊าก!
เสียงกรีดร้องสะท้อนพร้อมกับร่างเสี่ยหมัวระเบิดออก เลือดสาดกระเด็นไปทั่ว
สมกับเป็นพลังอำนาจของวิชาเจดีย์แปดองค์ วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน
เมื่อเห็นภาพนี้มู่เฉินก็สะบัดแขนเสื้อ ผลึกคลื่นหลิงห่อหุ้มเป็นตราประทับกลายเป็นลูกกลม
มู่เฉินก้มมองไปที่ลูกกลมก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าใบหน้าเสี่ยหมัวเผยท่าทางเลวร้าย ก่อนที่จะเริ่มจางหายไป
“รัศมีของมันหายไป? ชายคนนี้เป็นตัวปัญหาจริงๆ”
มู่เฉินเงียบไปก่อนที่จะกำมือแน่น ทำให้ผลึกทรงกลมแตกเป็นเสี่ยงๆ เขารู้ว่าเสี่ยหมัวไม่ได้ถูกฆ่า แต่อีกฝ่ายใช้ทักษะลับหลบหนีไป
ทว่าแม้เขาจะหนีทัน แต่ร่างกายก็ถูกทำลาย ดังนั้นพลังในการต่อสู้ของเขาจึงลดลงอย่างมาก
“ไม่ว่ามันจะทำอะไร ข้าต้องไปจัดการกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกสองคนก่อน”
ร่างของมู่เฉินทะยานออกจากเจดีย์ ตราบใดที่เขาจัดการกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกสองคนได้ การใช้วิชาสามพิสุทธ์จัดการกับเสี่ยหมัวก็จะเป็นเรื่องง่าย
ส่วนลึกของภูเขาเสี่ยหมัว
ในช่วงเวลาเดียวกันกลุ่มเลือดสีแดงเข้มรวมตัวกันกลายเป็นภาพเงาสีซีดเซียว นี่ก็คือเสี่ยหมัวที่มู่เฉินเพิ่งจัดการไป
ยามนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายจึงดูเป็นภาพลวงตา
เขามองออกไปนอกภูเขาด้วยสายตาที่น่ากลัวพลางกัดฟัน “ไอ้เวรนั่นมีกระบวนท่าที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้”
เขารู้สึกหวาดกลัวกับพลังของภาพปีศาจทั้งแปดในเจดีย์ หากไม่ใช่เพราะเขาทิ้งร่างครึ่งหนึ่งไว้ในอเวจีโลหิต เขาก็คงถูกจับฆ่าตายแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บหนัก ความสามารถในการต่อสู้ลดฮวบลง
แม้ว่าเขาหนีจากการต่อสู้มาได้ชั่วคราว แต่มู่เฉินก็จะจัดการกับผู้บัญชาการที่เหลืออีกสองคนได้อย่างแน่นอน คงใช้เวลาไม่นานก่อนที่ทั้งสองจะล้มลง
ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เปรียบในการต่อสู้นี้อีกต่อไป
สายตาเขาดูเคร่งขรึมขณะมองไปที่ไข่สีแดงเลือด ลวดลายที่น่ากลัวเต้นยุบยับไปมาบนเปลือกไข่ ราวกับว่ากำลังหายใจ
“เจ้านั้นผิดประหลาดมาก เพื่อจัดการกับมัน… ก็ต้องเร่งความเร็วในการถือกำเนิดของจอมปีศาจ”
เสี่ยหมัวหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกัดฟันปล่อยเสียงร้องแหลม
เสียงร้องสะท้อนออกไป จากนั้นรอบๆ ก็มีสมาชิกเผ่าเสี่ยเสียนับไม่ถ้วนเดินออกมาและสังเวยตัวเองลงไปในอเวจีโลหิตราวกับถูกควบคุมอย่างไรอย่างนั้น
ร่างแต่ละร่างละลายทันทีที่สัมผัสกับมหาสมุทรสีแดงเข้ม รวมเข้ากับอเวจีโลหิต…
ตุบ ตุบ!
จอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียกระโดดเข้าสู่อเวจีโลหิตอย่างต่อเนื่อง
คนแล้วคนเล่ากระโดดเข้าไป ลวดลายบนเปลือกไข่ที่น่ากลัวก็เรืองรองขึ้น รอยแตกเริ่มปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ…