หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1391 โอกาส
แสงกระจายจากไข่มุกมังกรขาว
ก่อนที่จะค่อยๆ ก่อร่างเป็นภาพเงาของชายสูงวัย
ร่างนั้นสวมชุดคลุมสีขาว เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น แววตาดูสับสนในตอนแรก แต่หลังจากเห็นภูเขาขนาดใหญ่เบื้องหน้า ร่างกายเขาก็สั่นสะท้านพร้อมกับความตื่นเต้นพล่านในดวงตา
“ภูเขาเซิ่งหลง!”
เขาพึมพำจากนั้นดวงตาก็กะพริบวูบไหวขณะหันไปมองมู่เฉิน
“ผู้อาวุโสนานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน” มู่เฉินยิ้ม
“เจ้า…”
จอมยุทธ์มังกรขาวมองไปที่มู่เฉินด้วยความตะลึงงัน ก่อนที่จะนึกขึ้นได้อย่างรวดเร็วนานมากแล้วที่เขาได้พบกับมู่เฉิน แต่ตอนนั้นชายหนุ่มยังไม่ได้เข้าสู่ระดับจื้อจุนเลย แต่ตอนนี้กระทั่งเขายังไม่สามารถมองเห็นขุมพลังของมู่เฉินได้
“ผู้อาวุโสยังจำสิ่งที่ท่านฝากข้าทำได้ไหม?” มู่เฉินยิ้มพลางประสานมือ
จอมยุทธ์มังกรขาวเข้าใจในทันที ดวงตาของเขาสั่นไหวขณะมองสถานที่ที่คุ้นเคย “นี่คือบ้านเกิดของข้า!”
“เผ่าปีศาจล่ะ?” ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่ง ใบหน้าเปลี่ยนไป
“ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งหมดถูกข้าสังหารไปแล้ว” มู่เฉินตอบ
เมื่อจอมยุทธ์มังกรขาวได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึง สายตามองไปที่มู่เฉินด้วยความไม่เชื่อเพราะเขารู้ว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตเหล่านั้นเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มในมหาพันภพเลยทีเดียว พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่แม้แต่เขายังไม่สามารถเผชิญหน้าได้แม้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ชายหนุ่มคนนี้สังหารพวกมันทั้งหมดรึ?
“ท่านบรรพบุรุษไป๋หลง! สิ่งที่ท่านเทพบอกไม่ใช่เรื่องโกหก ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตถูกสังหารหมดแล้วเจ้าค่ะ!”
ขณะที่จอมยุทธ์มังกรขาวกำลังตกตะลึง เสียงกระจ่างใสก็ดังก้อง ร่างเงาหนึ่งสั่นไหวด้วยแรงอารมณ์
ไป๋หลงเอี้ยวไปมองก็เห็นไป๋ซู่ซู่มองมาด้วยน้ำตาคลอคลอง อารมณ์หลากหลายสะท้อนบนใบหน้านาง
“เจ้าคือ…” ไป๋หลงมองไปที่ไป๋ซู่ซู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะอุทาน “เจ้าเป็นทายาทสายเลือดมังกรขาวของข้าหรือ?”
“ไป๋ซู่ซู่ทักทายท่านบรรพบุรุษ!” ไป๋ซู่ซู่คุกเข่าลง ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง
จอมยุทธ์มังกรขาวมองไปที่นางพลางยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่คิดว่าลูกหลานของข้าจะเหนือกว่าขนาดนี้ ข้าไร้ประโยชน์นักที่ไม่สามารถปกป้องโลกได้”
เขาบอกได้เลยว่าไป๋ซู่ซู่แข็งแกร่งกว่าเขามากเมื่อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่
ไป๋ซู่ซู่รีบตอบ “ท่านบรรพบุรุษเป็นเพราะผู้อาวุโสของสำนักสละชีวิตเพื่อทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ ไม่ใช่ความสามารถของลูกหลานเอง ท่านแสวงหาความช่วยเหลืออย่างขมขื่นแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลก็ตาม นั่นคือเหตุผลที่ท่านเทพมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเรา”
จอมยุทธ์มังกรขาวอึ้งไปก่อนที่จะหลุบตาลง “ดูเหมือนว่าพวกเขาใช้หนทางสุดท้าย… แต่สิ่งนี้ก็ต้องการคนที่เหมาะสมเช่นกันและเจ้าก็ไม่ธรรมดาที่ทำได้สำเร็จ”
มู่เฉินยิ้ม “ตอนนี้ไม่ใช่เวลารำลึกความหลัง ผู้อาวุโสแม้ว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่ก็มีปัญหาใหญ่กว่าตอนนี้…”
เขาชี้ไปทางเจดีย์ “พวกมันแอบสร้างจอมปีศาจโลหิตขึ้นก่อนที่จะตาย ซึ่งเปรียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว”
เมื่อเขาพูดจบใบหน้าของจอมยุทธ์มังกรขาวก็เต็มไปด้วยความหวาดผวา เนื่องจากตัวเขามีโอกาสฝึกฝนขุมพลังในมหาพันภพ เขาจึงรู้โดยธรรมชาติว่าระดับเทียนจื้อจุนน่ากลัวเพียงใด
ใครจะคิดว่าเผ่าเสี่ยเสียจะสร้างจอมปีศาจในโลกของพวกเขาได้…
“แล้วเราจะทำยังไงดี? หรือว่าสวรรค์ต้องการทำลายล้างโลกของข้าจริงๆ” ใบหน้าของจอมยุทธ์มังกรขาวหดหู่ลงหลายส่วน
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับโอกาสที่ท่านเคยสัญญากับข้าในตอนนั้น” มู่เฉินยิ้ม
จอมยุทธ์มังกรขาวอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่ดวงตาจะสว่างวาบพลางมองไปที่มู่เฉินด้วยความตื่นเต้น “เจ้าอยู่บนเส้นทางที่จะเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนแล้วหรือ?”
“ตอนนี้ข้ากำลังค้นหาเส้นทางอยู่” มู่เฉินพยักหน้าพลางมองไปที่จอมยุทธ์มังกรขาวด้วยดวงตาที่ลุกโชน “ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสมีคำแนะนำอะไรหรือไม่?”
เขามาไกลและทุ่มเทมากเพื่อโอกาสที่จอมยุทธ์มังกรขาวสัญญาไว้ เขาต้องการลองดูว่าตนเองจะพบเส้นทางไปสู่ระดับเทียนจื้อจุนที่นี่ได้หรือไม่
ดวงตาของจอมยุทธ์มังกรขาวกะพริบขณะที่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กรณีนี้เราอาจคว้าโชคได้”
จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “ไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพจักรพรรดิสงครามหรือเปล่า?”
มู่เฉินพยักหน้า “ข้าเคยพบกับท่านเทพจักรพรรดิสงครามมาครั้งหนึ่ง”
เมื่อจอมมังกรขาวได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ เทพจักรพรรดิสงครามเป็นสุดยอดกระทั่งในมหาพันภพ ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ธรรมดา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ยากที่จะพบตัวเขา ดูท่าประสบการณ์ของมู่เฉินจะไม่ธรรมดา
“งั้นเจ้าก็น่าจะรู้ว่าเทพจักรพรรดิสงครามมาจากพิภพเขตล่างเช่นกัน ซึ่งมีสถานการณ์คล้ายคลึงกับที่นี่ โลกของเขาประสบกับการรุกรานของเผ่าปีศาจ แต่ต่อให้เขากำเนิดในพิภพเขตล่างก็ไม่ใช่บุคคลที่เราสามารถเทียบเคียงได้ เขาโรมรันไปทั่วหล้าฆ่าเผ่าปีศาจทั้งหมดจนสิ้นซาก…” ขณะที่ไป๋หลงพูดก็ถอนหายใจ มีเพียงสุดยอดอัจฉริยะอย่างเทพจักรพรรดิสงครามเท่านั้นที่สามารถสร้างตำนานได้
มู่เฉินพยักหน้า ทุกคนในมหาพันภพรู้เกี่ยวกับตำนานของเทพจักรพรรดิสงครามดี
“แต่เจ้าคงไม่รู้ว่าสาเหตุที่เทพจักรพรรดิสงครามสามารถเอาชนะราชันปีศาจได้นั้น เพราะมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก…” จอมยุทธ์มังกรขาวยิ้มก่อนที่จะพูดต่อ “สิ่งนั้นเรียกว่าดวงจิตแห่งพิภพ”
“ที่เรียกว่า ‘ดวงจิตแห่งพิภพ’ ถือได้ว่าเป็นจิตวิญญาณของพิภพเลยทีเดียว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโลก แต่สิ่งนั้นไม่มีความนึกคิด ดังนั้นหากเจ้าสามารถควบคุมได้ เจ้าก็สามารถใช้พลังของโลกแห่งนี้ได้”
“แต่ไม่ใช่พิภพเขตล่างทั้งหมดจะมีดวงจิตแห่งพิภพ เพราะสิ่งนี้ต้องการปัจจัยหลายอย่างในการสร้าง ดังนั้นมีเพียงพิภพส่วนน้อยที่จะมีสิ่งนี้”
จอมยุทธ์มังกรขาวชี้ไปที่โลกขณะที่พูดต่อ “ซึ่งในโลกนี้…มีดวงจิตแห่งพิภพอยู่พอดี”
“และอาศัยสิ่งนั้น…”
จอมยุทธ์มังกรขาวมองไปที่มู่เฉินเอ่ยต่อ “เจ้าจะสามารถฝ่าคอขวดและก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน!”
หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านพร้อมกับไฟลุกโชนในดวงตา เขาเดาถูกการมาที่โลกนี้จะสามารถช่วยให้เขาแสวงหาโอกาสที่จะบรรลุระดับเทียนจื้อจุน!
“แต่โดยทั่วไปแล้วดวงจิตแห่งพิภพจะสามารถรับรู้จากสิ่งมีชีวิตของโลกนี้เท่านั้น เทพจักรพรรดิสงครามก็รับรู้ได้ในตอนนั้น เขาสามารถเชื่อมต่อกับดวงจิตแห่งพิภพและจัดการเอาชนะผู้นำเผ่ายี่หมัวได้”
ขณะที่พูดเขาก็หันไปมองไปที่ไป๋ซู่ซู่ด้วยความเสียดาย “น่าเสียดายที่พวกเราในตอนนั้นไม่มีใครเข้าถึงระดับนั้นแบบเทพจักรพรรดิสงครามได้ แม้ว่าซู่ซู่จะไปถึงระดับนั้น แต่เนื่องจากพลังส่วนใหญ่ของนางมาจากภายนอก ดังนั้นนางจึงไม่สามารถสัมผัสถึงดวงจิตแห่งพิภพ…ต่อให้นางจะทำได้ แต่ก็ไม่มีทางที่นางจะปรับแต่งและเชื่อมต่อได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นมู่เฉินก็ขมวดคิ้ว เนื่องจากเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของโลกนี้
“ฮ่าๆ ไม่ต้องกังวล ในเมื่อข้าสัญญากับเจ้าแล้ว ข้าก็ย่อมมีวิธี”
จอมยุทธ์มังกรขาวหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะพูดต่อ “หากสิ่งมีชีวิตในโลกนี้มีความปรารถนาร่วมกัน พวกเขาก็สามารถใช้พลังแห่งความปรารถนาเพื่อช่วยให้เจ้ารู้สึกถึงดวงจิตแห่งพิภพ”
“สิ่งมีชีวิตทั้งหมด?” มู่เฉินตกอยู่ในภวังค์
“หัวใจของมนุษย์ยากหยั่งถึง ในช่วงปกติเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุสิ่งนี้ แต่โลกนี้ตกอยู่ภายใต้การคุกคามของเผ่าเสี่ยเสียมาเนิ่นนาน ทุกคนทนทุกข์ทรมาน ดังนั้นหากมีความหวังข้าเชื่อว่าพวกเขาจะไม่มีใครยอมแพ้” จอมยุทธ์มังกรขาวเอ่ย
เมื่อมู่เฉินได้ยินเช่นนั้น สายตาก็วูบไหว เขาโค้งคำนับต่อจอมยุทธ์มังกรขาว “ถ้าทำได้ข้าจะปกป้องความสงบสุขของโลกนี้ไว้เอง”
หากเขาสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน เขาก็ไม่ต้องกลัวจอมปีศาจโลหิตและจะง่ายสำหรับเขาที่จะปราบอีกฝ่าย ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรนเหมือนเทพจักรพรรดิสงครามในอดีต
นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเทพจักรพรรดิสงคราม แต่ตอนนั้นอีกฝ่ายอยู่ในพิภพเขตล่าง ดังนั้นวิธีการจึงมีอยู่อย่างจำกัด ส่วนมู่เฉินไม่เพียงแต่มาจากมหาพันภพ เขายังมีทักษะในตำนานถึงสองวิชา ดังนั้นหากเขาก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน เขาก็จะสามารถจัดการกับจอมยุทธ์คนใดก็ได้ในระดับเดียวกันอย่างง่ายดาย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอขอบคุณสำหรับการปกป้องของเจ้าพิภพมู่ด้วย…” จอมยุทธ์มังกรขาวกล่าวด้วยความเคารพ หากมู่เฉินสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้ เขาก็จะได้รับการจัดอันดับอยู่ในลำดับต้นๆ ของมหาพันภพและอาจได้รับการพิจารณาให้เป็นเทพจักรพรรดิเลยทีเดียว
เขาไม่พูดต่อ แต่นั่งลงแล้วหลับตา
ขณะที่เขาหลับตาลงความผันผวนก็กระจายออกไป เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ปกคลุมผืนดินเบื้องล่างทั้งหมด
ในเวลาเดียวกันในใจไป๋ซู่ซู่และคนอื่นๆ ก็เข้าใจบางสิ่งขึ้นมา
ดังนั้นทุกคนจึงนั่งลงทำจิตใจให้สงบ
เมื่อพวกเขานั่งลง ไม่นานแสงก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วลอยไปทางมู่เฉิน
มู่เฉินปล่อยให้แสงโปรยปรายลงบนร่างของเขา
เมื่อแสงวิ่งเข้ามามากขึ้น…มากขึ้นก็ปกคลุมฟ้าดินทั้งหมดด้วยจุดแสงอัศจรรย์
จุดแสงปกคลุมเข้ามาถักทอเป็นรังไหมห่อหุ้มร่างของมู่เฉิน
ภายใต้แสงพร่างพราวมู่เฉินก็หลับตาลงอย่างช้าๆ