หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1425 ดวลเดือดกับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน
รัศมีพร่างพราวแผ่ออกมาจากร่างเฉวียนจุน
ปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้มิติแปรปรวนเมฆม้วนตัว ทั่วฟ้าดินโยกคลอนจากพลังของเขา
ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนด้อยกว่าระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในมหาพันภพเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าจอมยุทธ์เหล่านี้อยู่ในระดับสูงสุดก็ว่าได้
ไม่ว่าจะขั้วอำนาจน้อยใหญ่ใดก็ตาม แม้กระทั่งเผ่าฝูถูจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างแท้จริงที่ได้เห็นจอมยุทธ์ระดับนี้ปลดปล่อยพลังออกแบบไม่ยั้ง
ผู้นำหลายคนในหมู่ผู้ชมต่างแสดงสีหน้าหนักใจ ขณะที่พวกเขาถอนหายใจจากพลังจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ในเวลานี้แต่ละคนมองไปทางมู่เฉินด้วยความใคร่รู้ พวกเขาสงสัยว่าชายหนุ่มจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้ได้อย่างไร
ภายใต้สายตาโดยรอบ มู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน แม้ว่าพลังในการต่อสู้ของเขาจะสูง แต่เขาก็ไม่สามารถดูถูกจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแท้จริง
ฮา
ขณะที่เขาพรูลมหายใจออกมายาว ควันขาวขุ่นพ่นออกมาจากปาก อึดใจรัศมีแวววาวก็เปล่งประกายออกมาจากร่างกาย คลื่นหลิงมหาศาลจากกายาหลิงเทียนจุนทำให้มิติสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
ตอนนี้พูดไปก็ไร้ประโยชน์ แม้ว่าเขาจะชนะมาสามรอบแล้ว แต่การจะได้ชัยชนะแท้จริงก็ต่อเมื่อเขาชนะยกสุดท้ายนี้ มิฉะนั้นความพยายามทั้งหมดก็จะลอยไปกับสายน้ำ
นอกจากนี้ในเมื่อเฉวียนกวางยอมรับว่ามีส่วนในการคุมขังชิงเหยี่ยนจิ้ง ดังนั้นมู่เฉินก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอะไร วันนี้เขาต้องยึดตำแหน่งสภาผู้อาวุโสจากตระกูลเฉวียนมาให้ได้
ถือว่าเป็นการเก็บดอกเบี้ย
ตู้ม!
เฉวียนจุนมีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าเขาไม่ได้ใช้ทักษะเทพใดๆ เขากระทืบเท้าฉีกผ่านมิติพุ่งใส่มู่เฉินราวกับอุกกาบาต
หมัดไม่มีกลยุทธ์แฝงเบื้องหลัง นี่เป็นพลังเต็มรูปแบบที่อยู่เบื้องหลังกายาหลิงเซียนจุนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงธรรมดาก็จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แม้ว่ากายาหลิงเทียนจุนจะแข็งแกร่งก็ตาม
มู่เฉินมองไปที่หมัดนั้นก็หดดวงตาลงแต่ไม่ได้ถอยหนี ไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนในดวงตา เขาต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนซึ่งๆ หน้าเลย!
มู่เฉินหัวเราะร่ากำหมัดขึ้นพร้อมกับรัศมีจะเปล่งประกาย จากนั้นเขาก็ซัดหมัดปะทะกับหมัดของเฉวียนจุน
ตู้ม!
เสียงกัมปนาทแสบแก้วหูมาพร้อมกับผลกระทบที่น่ากลัว แท่นที่อยู่ใต้เท้าไม่ได้พังทลายลง กลับเป็นยอดเขาลูกนี้ที่ยุบตัวลงเป็นหน้ากลอง
ตึง!
ร่างมู่เฉินปลิวออกไป หลังจากการปะทะนี้ เท้าลากรอยยาวลงบนพื้น อุณหภูมิสูงจากแรงเสียดทานทำให้เขารู้สึกว่าฝ่าเท้ากำลังไหม้ไปหมดแล้ว
“โอหัง”
เฉวียนจุนไม่ได้ขยับพลางยิ้มขำในใจ ขณะสายตาเยือกเย็นมองไปที่มู่เฉิน
มู่เฉินกล้าที่จะปะทะซึ่งหน้ากับพลังของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะจริง
มู่เฉินมองไปที่กำปั้นก็เห็นรอยแตกบนกำปั้นอัญมณีจากผลกระทบ
“กายาหลิงเซียนจุนทรงพลังมากจริงๆ” สายตาของเขากะพริบวูบไหว เขาได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งนี่แล้ว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าระดับของเขาหลายเท่า
มิน่าล่ะคนส่วนใหญ่ถึงไม่มองในทางที่ดีเกี่ยวกับเขาที่ท้าทายอำนาจจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ที่แท้สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเพียงกายาหลิงเซียนจุนก็สามารถปราบจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงได้แล้ว
“ไอ้เด็กเวร เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ แม้ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ แต่การมีสายตาคับแคบก็รังแต่ทำลายตัวเอง!” เฉวียนจุนเค้นเสียงพร้อมกับความดุร้ายในดวงตา ก่อนที่ร่างเขาจะพุ่งออกไป กายาหลิงเซียนจุนดั่งอัญมณีราวกับเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมที่สุดในโลก พุ่งไปที่มู่เฉินโดยไม่มีกลยุทธ์ใดเลย
เฉวียนจุนมุ่งมั่น เขารู้ว่าสามารถพึ่งพาความได้เปรียบของตนในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเพื่อปะทะกับมู่เฉินโดยไม่ต้องใช้ทักษะเสินทงใดๆ
เมื่อเห็นเฉวียนจุนพุ่งใส่อย่างดุร้าย แสงเย็นก็กะพริบในดวงตาของมู่เฉิน “ไอ้เต้าล้านปีอย่าพยายามเอาอายุมาเบ่ง เดี๋ยวก็ได้ม้วนหางกลับไปหรอก!”
เขาวาดตราประทับขึ้นในมือโดยไม่มีอาการหลบหลีกการเคลื่อนไหวนั้น เมื่อคลื่นพลังกำลังจะชน มิติก็แปรปรวนที่ด้านข้าง เงาสีดำและสีขาวปรากฏขึ้น
ร่างทั้งสองก็เปลี่ยนเป็นพลังกายภาพระดับเทียนจื้อจุน จากนั้นหมัดทั้งสามก็พุ่งเข้าใส่เฉวียนจุนด้วยการรวมพลังอย่างแท้จริง
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
การปะทะกันครั้งนี้น่าตกใจยิ่งกว่า มิติพังทลายลง แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือเฉวียนจุนไม่ได้เป็นฝ่ายเหนือกว่าจากที่เคยเป็นมาก่อน ตรงกันข้ามร่างกายของเขาสั่นสะท้าน กระเด็นกลับไป ทำให้พื้นที่ใต้เท้าแตกเป็นเสี่ยง
อีกด้านหนึ่งมู่เฉินทั้งสามก็ก้าวถอยหลังไปหลายสิบก้าว
เฉวียนจุนมีสีหน้าน่ากลัวขณะทรงตัว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นม่านตาก็หดลง เนื่องจากเขาเห็นร่างรองสองร่างที่คล้ายกับมู่เฉินอย่างไรอย่างนั้น
“นั่นคือ… วิชาสามพิสุทธิ์?!” ด้วยสายตาที่แหลมคมของเฉวียนจุน ทำให้เขาจำได้ทันทีว่านี่คือวิชาอะไร
ด้วยทักษะเทพนี้ มู่เฉินสามารถแบ่งเป็นสามคน นอกจากนี้ยังมีการประสานงานยอดเยี่ยม ดังนั้นพลังที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีจะแข็งแกร่งขึ้นและก็ไม่ใช่เหมือนกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคนผนึกกำลังกัน
มู่เฉินไม่สามารถเอาชนะเขาได้โดยร่างเดียว แต่การโจมตีร่วมกันจากร่างรองอีกสองร่างเป็นสิ่งที่แม้แต่เฉวียนจุนยังไม่สามารถสร้างความเหนือกว่าได้
ความปั่นป่วนกวนตัวไปทั่วบริเวณ หลายคนดวงตาแดงก่ำขณะมองไปที่มู่เฉิน มีเพียงวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเท่านั้นที่เป็นเพชรยอดคทาของมหาพันภพ บ่งบอกได้ว่ามันเป็นของหายากเพียงใด แต่มู่เฉินมีครอบครองถึงสองวิชา
‘เจ้านี่สวรรค์ประทานพรแบบไหนกัน?’
สายตาของเฉวียนกวางมืดครึ้มลง เขาคิดว่าเฉวียนจุนจะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย แต่เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะยังเหลือไพ่ตายเอาไว้อีก
“เฉวียนจุนไม่ต้องออมมือ จัดการมันซะ” เสียงเคร่งขรึมของเฉวียนกวางส่งไปยังโสตประสาทของเฉวียนจุน
เฉวียนจุนพยักหน้าหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะมีร่างสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลัง
ร่างใหญ่โตราวกับเป็นมังกรดำที่ขดตัว ทำให้เกิดพายุปกคลุมทั่วทั้งสวรรค์และโลก
“นั่นคือ…ร่างเทพโลกันตร์?”
สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อเห็นภาพนี้ เขาจำได้ว่านี่เป็นร่างเทห์สวรรค์อันดับยี่สิบสามบนทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง
“ในที่สุดก็ดึงพลังแท้จริงออกมาแล้วรึ?”
มู่เฉินวาดตราประทับวูบไหว เกลียวแสงระเบิดออกจากนัยน์ตา กลายเป็นเจดีย์กดทับเข้าที่ร่างเทพโลกันตร์
การเผชิญหน้ากับร่างเวทสวรรค์โดยใช้วิชาเจดีย์แปดองค์เป็นวิธีที่มีประโยชน์มากที่สุด
“หึ แกไร้เดียงสาเกินไปที่คิดจะใช้เจดีย์เพื่อจัดการกับข้า” เฉวียนจุนมองไปที่เจดีย์ โดยไม่มีความกลัวบนใบหน้าพลางเค้นเสียงเย็น เขาสั่นศีรษะลำแสงพุ่งออกมา เจดีย์สีดำปะทะกับเจดีย์ของมู่เฉิน เกิดความผันผวนจากการปะทะ
มู่เฉินขมวดคิ้ว ตาแก่คนนี้ไม่ง่ายที่จะรับมือ มิหนำซ้ำมีความรู้เกี่ยวกับวิชาเจดีย์แปดองค์ แม้ว่าตอนนี้มู่เฉินจะใช้วิชาเจดีย์แปดองค์นอกเจดีย์ได้ แต่ก็ไม่ได้มีพลังมากเท่ากับเมื่ออยู่ภายในเจดีย์
อีกฝ่ายก็มีเจดีย์ฝูถูเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับตาแก่เข้าไปในเจดีย์ เพื่อกักขังเอาไว้ภายใน พลังอำนาจของวิชาเจดีย์แปดองค์ก็ถูกจำกัด
“ไอ้เด็กเวร อย่าคิดว่ามีวิชาเจดีย์แปดองค์แล้วจะไม่ต้องกลัวอะไรเลย!”
เฉวียนจุนเค้นเสียงเย็นพลางกระทืบเท้า ทันใดนั้นร่างเทพโลกันตร์ก็ระเบิดออกมาพร้อมกับของเหลวสีดำไร้ขอบเขตห่อหุ้มไปทางมู่เฉิน
รัศมีสีม่วงทองปลดปล่อยออกมาที่ด้านหลังมู่เฉิน เขาเร้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา รหัสเทพอมตะควบแน่นก่อตัวเป็นม่านแสงปิดกั้นของเหลวไว้
การเผชิญหน้านี้ทำให้เกิดความผันผวนทั่วบริเวณ โดยการโจมตีของทั้งสองฝ่ายไม่แสดงความผ่อนปรนใดๆ
เมื่อเห็นการเผชิญหน้านี้ หลายคนก็กลั้นหายใจ สายตาพุ่งไปมองโดยไม่กล้าพลาดแม้แต่ฉากเดียว
“มู่เฉินนั้นเคี้ยวไม่ง่ายเลย เขาสามารถสู้กับเฉวียนจุนได้จนถึงระดับนี้” เสียงหลายเสียงดังก้องพร้อมกับถอนหายใจ นั่นเป็นเพราะตัดสินจากการต่อสู้ครั้งนี้ มู่เฉินเริ่มตั้งหลักได้อย่างชัดเจนและความได้เปรียบของเฉวียนจุนก็ไม่ปรากฏเหมือนตอนเริ่มอีกต่อไป
เมื่อผู้อาวุโสตระกูลชิงเห็นฉากนี้ พวกเขารู้สึกโล่งใจ ความสุขกระจายบนใบหน้า
ในทางตรงกันข้ามฝั่งตระกูลเฉวียนกัดฟันจากภาพนี้ พวกเขาหวังว่ามู่เฉินจะถูกเฉวียนจุนฉีกออกจากกันเป็นชิ้นๆ ในวินาทีต่อไป
ตู้ม!
การปะทะเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าเฉวียนจุนจะได้เปรียบเล็กน้อย แต่ใบหน้าก็ไม่น่าดูเนื่องจากข้อได้เปรียบแค่นี้ไม่เพียงพอสำหรับชัยชนะ
“ประเมินไอ้เด็กนี่ต่ำไป”
สายตาของเฉวียนจุนเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวพร้อมกับความดุร้ายเผยออกมา ร่างของเขาค่อยๆ ลอยไปบนท้องฟ้า ลวดลายสีดำปรากฏขึ้นบนร่างเป็นเลขเจ็ด
“เส้นหลิงเจ็ดชีพจร… เฉวียนจุนครอบครองเส้นหลิงขั้นเสิน… ดูเหมือนเขาจะนำทักษะของเส้นหลิงออกมาใช้แล้ว” ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นจากฉากนี้
“เจ้าจงภาคภูมิใจที่บังคับให้ข้าต้องใช้ทักษะหลิงไม่เสินทงออกมาเพื่อปราบเจ้า!”
เสียงของเฉวียนจุนดังสะท้อน จากนั้นเขาก็ดันมือขึ้น พริบตาแม่น้ำสีดำสนิทก็หลั่งไหลออกมาจากร่างกายปกคลุมไปทั่วฟ้าดินราวกับจะแช่แข็งทั้งหมด
ขณะเดียวกันเสียงเยือกเย็นของเฉวียนจุนก็ดังก้อง
“ทักษะหลิงไม่เสินทงเจ็ดชีพจร แม่น้ำใต้พิภพคร่าชีวิต!”
ยามนี้เฉวียนจุนเผยเขี้ยวเล็บแล้ว