หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1531 เทพจักรพรรดิปะทะเทพปีศาจจักรพรรดิ (1)
หลังจากที่แซ่ทั้งสองถูกจารึกไว้
ทำเนียบเหนือภพก็ค่อยๆ จางลง ไม่กี่ลมหายใจก็หายไปจนหมด
มีเพียงความกดดันที่ยังคงอยู่ในฟ้าดินที่ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น…
ภายในดินแดนวั้นมู่ สายตาที่ลุกโชนด้วยความเคารพนับไม่ถ้วนหยุดอยู่ที่ร่างทรงพลังของสองเทพจักรพรรดิ ขณะนี้ความกดดันที่เอิบอาบมาจากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว
“แม้เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามจะจารึกได้เพียงแค่แซ่ของพวกเขา แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปครึ่งทาง ในแง่ของความแข็งแกร่งก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์แล้ว!”
“ดูเหมือนว่ามหาพันภพจะไม่สิ้นชะตา ในอดีตเทพจักรพรรดินิรันดร์ก็ยืนหยัดสู้กับอันตราย และในวันนี้เราก็ยังมีเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม”
“ด้วยเทพจักรพรรดิทั้งสองในที่สุดมหาพันภพก็มีสุดยอดจอมยุทธ์ที่สามารถเผชิญหน้ากับเทพปีศาจจักรพรรดิได้!”
“…”
เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่ในดินแดนวั้นมู่เขียนความสุขไว้บนใบหน้า พวกเขารู้สึกสิ้นหวังจากเทพปีศาจจักรพรรดิ เนื่องจากนักรบผู้นี้ทรงพลังเหลือล้น สามารถปราบปรามจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายทุกคนได้
แต่ตอนนี้เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามได้จารึกแซ่ไว้บนทำเนียบเหนือภพ แม้ว่าพวกเขาจะทำสำเร็จเพียงครึ่งเดียว แต่ก็เริ่มเข้าสู่พลังงานลึกลับของเอกภพได้แล้ว
การมีอยู่ของทั้งสองไม่ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังเกี่ยวกับเทพปีศาจจักรพรรดิอีกต่อไป
ในที่สุดพวกเขาก็เห็นแสงสว่างท่ามกลางความสิ้นหวังและความมืดมิด
ทางฝั่งดินแดนวั้นมู่ส่งเสียงโห่ร้องยินดี แต่ทางฝั่งจักรวรรดิปีศาจกลับฉายสีหน้าไม่น่าดู
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพปีศาจจักรพรรดิที่สาดสายตาน่ากลัวใส่เซียวเหยียนและหลินต้ง เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์นี้เกินความคาดหมายของเขาไปไกล
เขาคิดว่าหลังจากการตายของเทพจักรพรรดินิรันดร์จะไม่มีใครในมหาพันภพสามารถหยุดเขาได้ แต่ยามนี้มีจอมยุทธ์สองคนสามารถเขียนแซ่ตนเองไว้บนทำเนียบเหนือภพได้…
“เวรเอ้ย!” จอมปีศาจเซิ่งเทียนกัดฟันกรอดพร้อมกับความโกรธพล่านในดวงตา สถานการณ์นี้เกินแผนการของพวกเขาไปไกล ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามหาพันภพจะต้องตกอยู่ภายใต้กำมือของพวกเขาเมื่อเทพปีศาจจักรพรรดิปรากฏตัว แต่หลังจากที่เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามจารึกแซ่ไว้บนทำเนียบได้ พลังของมหาพันภพในปัจจุบันก็แข็งแกร่งกว่าในสมัยโบราณเสียอีก
เนื่องจากในอดีตมหาพันภพมีเพียงเทพจักรพรรดินิรันดร์คนเดียวที่สามารถจารึกชื่อไว้บนทำเนียบ แต่ขณะนี้กลับมีถึงสองคน!
ภายใต้สายตาหลากหลายอารมณ์ เซียวเหยียนและหลินต้งก็เงยหน้าขึ้น พวกเขามองไปที่เทพปีศาจพร้อมกับเสียงราบเรียบสะท้อนออกมา “ดูเหมือนแผนการของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติที่อยากยึดครองมหาพันภพของเราจะล้มเหลวนะ”
ดวงตาของเทพปีศาจกะพริบด้วยแสงอันตรายขณะตอบว่า “พวกแกสองคนทำสำเร็จเพียงแค่ครึ่งเดียว มั่นใจแค่ไหนที่จะพูดคำเหล่านั้นกับข้า?”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น… พวกข้าก็ขอคำชี้แนะจากเทพปีศาจจักรพรรดิหน่อยนะ”
เซียวเหยียนและหลินต้งไม่พูดมาก ฉายยิ้มเฉยเมย จากนั้นแววตาก็เย็นชาลง เทพปีศาจจักรพรรดิคนนี้เป็นผู้นำของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ตราบใดที่พวกเขาสามารถปราบปรามได้ แผนการของพวกปีศาจก็จะล้มเหลว
นอกจากนี้เทพปีศาจคนนี้ก็เพิ่งหลุดออกจากผนึกได้และอยู่ในจุดอ่อนแอที่สุด ดังนั้นจะไม่ลงมือได้อย่างไร ถ้าไม่ปราบกันตอนนี้จะไปจัดการกันตอนไหน?
ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะยืดหยุ่น ดังนั้นจึงไม่คิดให้เวลากับเทพปีศาจในการฟื้นตัว ทั้งสองก้าวออกไปคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็รวมตัวกันทันที
ขณะที่เซียวเหยียนทำท่าทางคว้ามือ ดาบหัวตัดคล้ายไม้บรรทัดสีดำปรากฏขึ้นแล้วเฉือนลงไป ทันใดนั้นเพลิงจักรพรรดิที่ร้อนระอุก็พุ่งออกมากลายเป็นรัศมีกว้างใหญ่ไพศาลแผ่ซ่านออกไป
ในเส้นทางที่ดาบใหญ่พาดผ่าน มิติก็ถูกฉีกออก
ส่วนหลินต้งก็กำหมัดแน่นแล้วซัดออกไป เสียงคำรามมังกรดังก้อง กำปั้นสีฟ้าอมเขียวพุ่งข้ามขอบฟ้า
มังกรสีฟ้าอมเขียวคำราม พลังงานแปดสายก็รวมกันอยู่ในปากมังกร ดูเหมือนว่าสามารถทำลายสวรรค์และโลกได้
ยามนี้เมื่อเซียวเหยียนและหลินต้งเปิดการโจมตี ความปั่นป่วนก็เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม แรงกดดันที่แผ่ซ่านเข้ามาจากพวกเขาทำให้แม้แต่สีหน้าเทพปีศาจยังเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
“หึ ข้าจะดูสิว่าจอมยุทธ์ในทำเนียบจะมีความสามารถแค่ไหน!”
เทพปีศาจเค้นเสียงขึ้นจมูก ดวงตาชั่วร้ายที่กลางหว่างคิ้วกะพริบพร้อมกับรัศมีปีศาจพุ่งออกมา
“ปีศาจกินโลก!”
ลำแสงปีศาจพุ่งออกมาจากดวงตาชั่วร้ายขยายออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงคำรามแหลมคมกลายเป็นปีศาจรัตติกาลขนาดมหึมา
ปีศาจตัวนั้นมีรัศมีที่น่ากลัวไหลเวียนอยู่รอบตัวพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความรุนแรงราวกับว่าสามารถทำลายและกลืนกินทุกสรรพสิ่งในโลกได้
วาบ!
เมื่อปีศาจร้ายปรากฏขึ้น ดาบใหญ่ก็ผ่าลงมา
ปีศาจร้ายคำราม กรงเล็บปะทะจังใหญ่กับดาบใหญ่พร้อมกับพลังที่สามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้อย่างง่ายดาย ลบล้างการดำรงอยู่แบบสิ้นซาก
ชี่!
เมื่อดาบใหญ่กวาดผ่าน ร่างปีศาจร้ายมืดมิดก็ตัวแข็งทื่อก่อนที่เสียงคำรามโหยหวนจะดังก้องในช่วงเวลาต่อมาพร้อมกับกรงเล็บแตกหัก
โฮก!
มังกรสีฟ้าอมเขียวทะยานเข้ามาอ้าปากปล่อยลมหายใจรุนแรงสีรุ้งใส่ปีศาจร้ายตัวมหึมา
ตู้ม ตู้ม!
ขณะที่ปีศาจร้ายคำรามรุนแรงก็บินถลาออกไป แสงที่น่ากลัวบนร่างมันจางลง เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บมาก
การปะทะกันครั้งนี้เทพปีศาจตกอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบ เห็นได้ชัดว่าเทียบไม่ได้กับเทพจักรพรรดิทั้งสอง
ภายในดินแดนวั้นมู่เสียงโห่ร้องดังออกมา เหล่าจอมยุทธ์ต่างพากันชื่นชมยินดี
ส่วนทางจักรวรรดิปีศาจต่างมิติเงียบเสียงลง จอมปีศาจทุกคนแสดงสีหน้าเคร่งเครียด
“พวกแกคิดรังแกข้าในสภาพอ่อนแอที่สุดงั้นเหรอ?”
ดวงตาน่ากลัวของเทพปีศาจมองไปที่ปีศาจร้ายขนาดมหึมาที่กำลังพ่ายแพ้พร้อมกับไอเกรี้ยวกราดกะพริบในดวงตา จากนั้นก็เอี้ยวศีรษะ สะบัดแขนเสื้อ รัศมีปีศาจกวาดออกไปยังปีศาจนับไม่ถ้วนที่อยู่ข้างหลัง
ในเส้นทางของรัศมีปีศาจ ปีศาจนับไม่ถ้วนร่างฉีกออกจากกัน เทพปีศาจกลืนกินเลือดกลั่นของพรรคพวกเข้าไป
อ๊าก!
ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้สีหน้านักรบเผ่าปีศาจสีหน้าแตกตื่น เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหนีอย่างไรก็ถูกกลืนกินไปโดยรัศมีปีศาจ
เห็นได้ชัดว่าเพื่อฟื้นฟูพลังของตนเอง เทพปีศาจไม่สนใจวิธีที่ใช้แล้ว
เมื่อเหล่าจอมปีศาจเห็นฉากนี้ก็หดดวงตาลง ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ขัดขวางเนื่องจากรู้ดีว่ามีเพียงเทพปีศาจฟื้นคืนความแข็งแกร่ง ถึงจะมีพลังพอที่จะจัดการกับเทพจักรพรรดิทั้งสองได้
“เผ่าเล็กทั้งหลายฟังคำสั่ง ทุกเผ่าส่งนักรบราชันปีศาจคนหนึ่งเพื่อสังเวย!” เสียงเยือกเย็นของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดังก้อง ทำให้นักรบปีศาจหลากหลายเผ่ามีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
สำหรับเผ่าเล็กการสูญเสียนักรบราชันปีศาจหมายถึงการสั่นคลอนรากฐาน
แต่เผชิญกับความโหดร้ายของประมุขเผ่าใหญ่ พวกเขาไม่มีคุณสมบัติจะคัดค้าน ดังนั้นนักรบราชันปีศาจทีละคน…ละคนก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าหลังจากความวุ่นวายชั่วครู่
เทพปีศาจพยักหน้าพอใจกับภาพนี้ จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ รัศมีปีศาจคำรามและกลืนกินเหล่านักรบราชันปีศาจไป
“ไม่ต้องกังวล หลังจากที่พวกเรายึดครองมหาพันภพได้ ข้าจะชดเชยความสูญเสียของทุกคน” เสียงเยือกเย็นของเทพปีศาจดังก้อง จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึกและกลืนกินแก่นโลหิตที่ลอยอยู่ในอากาศเบื้องหน้า
ตู้ม ตู้ม!
แก่นโลหิตถูกกลืนกินชิ้นแล้วชิ้นเล่า ดวงตาของเทพปีศาจก็เปล่งรัศมีพร้อมกับแสงทรงกลดรัศมีปีศาจปรากฏขึ้นที่ด้านหลังศีรษะเขา แม้แต่รัศมีปีศาจรอบตัวก็ทะยานขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ แรงกดดันปีศาจที่เกิดจากรัศมีปีศาจก็ทำให้ดินแดนวั้นมู่โยกคลอนรุนแรง
ในดินแดนวั้นมู่ ความปีติยินดีของเหล่าจอมยุทธ์หดหายไป แม้แต่เซียวเหยียนและหลินต้งก็ยังหดดวงตาพร้อมกับท่าทางเคร่งเครียด
รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากกวาดออก ต้านทานแรงกดดันคลื่นหลิงที่มาจากเทพจักรพรรดิทั้งสอง
เมื่อรัศมีปีศาจภายในร่างเทพปีศาจน่ากลัวยิ่งขึ้น มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดวงตาที่ปิดสนิททั้งสองบนหน้าผากของเทพปีศาจสั่นไหวก่อนจะค่อยๆ เปิดออก
ม่านตาน่ากลัวทั้งห้าเปิดขึ้นพร้อมกัน รัศมีปีศาจไร้ขอบเขตก็ทำให้หัวคนทุกคนหวาดผวาไปหมด
“ม่านตาทั้งห้าเปิด…”
ปู้สื่อมองไปที่ภาพนี้พร้อมด้วยเสียงแหบดังก้อง “ในสมัยโบราณเทพปีศาจใช้ม่านตาสี่ดวงเท่านั้น…”
ทุกคนใจสั่นสะท้าน นั่นหมายความว่าเทพปีศาจแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนแล้วเรอะ?
ภายใต้สายตาหวาดผวาของทุกคน เทพปีศาจก็ค่อยๆ เหยียดมือออก พลังทำลายล้างพลุ่งพล่านภายในร่างกายทำให้เขาแสดงสีหน้าพอใจ
จากนั้นดวงตาทั้งห้าก็ก้มลงมองไปที่เซียวเหยียนและหลินต้ง
ในเวลาเดียวกันเสียงที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดก็ดังก้อง
“พวกแกตายตาหลับโดยไม่ต้องเสียใจที่บังคับให้ข้าใช้ห้าเนตรได้!”