หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1533 เทพจักรพรรดิปะทะเทพจักรพรรดิปีศาจ (3)
แผนภาพปีศาจคลี่ออกปกคลุมท้องฟ้า
รัศมีปีศาจพลุ่งพล่านสะท้อนพร้อมกับเสียงคำรามของปีศาจนับไม่ถ้วน
ขณะที่แผนภาพปรากฏก็จะเห็นดวงตาชั่วร้ายทั้งห้าเปิดขึ้นช้าๆ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยการทำลาย
เมื่อมองไปที่ดวงตาทั้งห้าดวงเหล่าจอมยุทธ์ในดินแดนวั้นมู่ก็เย็นเยือกไปตามแนวสันหลัง แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายของพวกเขายังแสดงสัญญาณอาละวาด ทำให้พวกเขาต้องรีบเลื่อนสายตาออกไป
ตู้ม!
ขณะที่แผนภาพปีศาจคลี่ออก ดอกบัวขนาดมหึมาก็เคลื่อนเข้ามาถึงพร้อมเสียงหวีดหวิว เบ่งบานด้วยสีพร่างพราวแผ่กระจายออกไประหว่างฟ้าดินพร้อมกับคลื่นทำลายล้าง
ดอกบัวหมุนคว้างวาดแนวยาวเจิดจรัสข้ามขอบฟ้า เผชิญหน้ากับแผนภาพปีศาจ ดอกบัวก็ไม่แสดงอาการลังเล พุ่งเข้าใส่เต็มแรง
เมื่อพลังงานสองสายชนกันเพลิงไม่มีที่สิ้นสุดก็ปะทุออกมาจากดอกบัวราวกับภูเขาไฟระเบิด
ครืน!
เสียงแผ่นดินพิโรธดังกึกก้อง ทั่วดินแดนวั้นมู่โยกคลอนด้วยคลื่นความร้อนลุกโชน แม้อยู่ในระยะไกลทุกคนก็รู้สึกว่าผิวจะไหม้เกรียมไปหมด
คลื่นหลิงและคลื่นปีศาจพวยพุ่งขึ้นบนร่างจอมยุทธ์ทั้งสองฝ่ายเพื่อต่อต้านอุณหภูมิที่น่ากลัว
ฮึ่ม!
เมื่อดอกบัวผลิบานแรงกดดันทำลายล้างก็กลืนกินแผนภาพปีศาจ ในเวลาเดียวกันแผนภาพก็แก้ลำขณะดวงตาชั่วร้ายทั้งห้าระเบิดออกด้วยอักขระปีศาจนับไม่ถ้วน
อักขระเหล่านั้นถูกสลักไว้ด้วยพลังที่น่ากลัวซึ่งกระทั่งคลื่นหลิงในร่างจอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ปนเปื้อนได้ เมื่อสัมผัสถูกร่างกาย ทำให้ร่างพังทลาย ช่างโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
อักขระปีศาจนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเข้าปะทะกับเพลิงพร่างพราว ทั้งสองต่างกัดกร่อนซึ่งกันและกัน…
ภายใต้การกัดกร่อน มิติเต็มไปด้วยหลุมบ่อ
พลังงานทรงพลังทั้งสองปะทะกัน ทันใดนั้นพลังงานสายที่สามก็เข้าร่วมต่อสู้ ลวดลายทั้งแปดพุ่งไปปะทะกับแผนภาพปีศาจ…
ตู้ม ตู้ม!
ดอกไม้เพลิงผลิบานเมื่อพลังงานสามกลุ่มเผชิญหน้ากัน แม้แต่เหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งและเหล่าจอมปีศาจก็ยังไม่กล้าเพ่งมองไป พากันเลื่อนสายตาออกไป
พร้อมกับเสียงชุดระเบิดดังก้องไปทั่วมิติ ทุกความผันผวนที่เอิบอาบเข้ามาก็ทำให้สมาชิกทั้งสองฝ่ายรู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบไปหมด
พลังงานนั้นสามารถตัดสินชะตากรรมของโลกได้จริงๆ
หลังจากผ่านไปสิบกว่านาทีความผันผวนที่ตลบอบอวลก็ค่อยๆ จางหายไป
เกือบจะในทันทีที่จอมยุทธ์ทั้งสองฝ่ายก็หันไปมองการประจันหน้า เมื่อสักครู่เทพจักพรรดิทั้งสองฝ่ายไม่ได้รั้งไว้แม้แต่นิดเดียว พวกเขาหมุนเวียนพลังจนถึงขีดสุด
นี่เป็นพลังที่สามารถทำลายทั้งทวีปได้
การเผชิญหน้าครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงพลังสุดยอดของสองฝ่าย ว่าใครเหนือกว่ากัน
ฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าจะได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
ท่ามกลางการจดจ่อของผู้คน พายุก็เริ่มสลายและทุกอย่างสงบลง… ดอกบัวเพลิงขนาดใหญ่และพลังทำลายล้างหายไปแล้ว
มีเพียงแผนภาพปีศาจที่คลี่อยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับดวงตาทั้งห้าสั่นไหว
“การโจมตีร่วมกันของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามไม่สามารถทำลายแผนภาพปีศาจได้เหรอ?” เมื่อมองไปที่เบื้องหน้าจอมยุทธ์ทุกคนต่างก็แสดงออกรุนแรง ใบหน้าซีดลง
ส่วนทางจักรวรรดิปีศาจต่างมิตินักรบทั้งหลายฉายความสุขบนใบหน้า แต่มีเพียงคิ้วของเหล่าจอมปีศาจเท่านั้นที่ขมวดเข้าหากันแน่น
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง”
มู่เฉินพึมพำขณะจ้องมองท้องฟ้า
เซียวเหยียนและหลินต้งยืนไว้สง่าบนท้องฟ้าโดยไม่มีริ้วกระเพื่อมบนใบหน้า ดวงตาเย็นชาของพวกเขามองไปที่แผนภาพปีศาจก่อนจะสะบัดนิ้ว
เกลียวไฟพุ่งออกมาตกลงบนแผนภาพปีศาจ
ฟู่ ฟู่!
ช่างคล้ายกับประกายไฟตกลงบนทะเลฝ้าย แผนภาพปีศาจไฟลุกพรึ่บ ดวงตาชั่วร้ายทั้งห้าเปล่งเสียงคำรามลั่นก่อนที่จะระเบิด…
เมื่อม่านตาทั้งห้าระเบิดร่างของเทพปีศาจก็สั่นสะท้าน สีหน้าเคร่งขรึมลง ดวงตาทั้งห้าของเขาอาบไปด้วยเลือดสีดำทำให้เขาราวกับปีศาจร้ายก็มิปาน
ความปีติยินดีบนใบหน้าของเหล่านักรบปีศาจแข็งค้าง กลายเป็นความหวาดผวาขณะมองไปที่ฉากนี้…
เห็นได้ชัดว่าเซียวเหยียนและหลินต้งมีความได้เปรียบจากการต่อสู้กระบวนท่าก่อน มิหนำซ้ำพวกเขายังทำให้เทพปีศาจได้รับบาดเจ็บ สร้างความเสียหายให้กับดวงตาชั่วร้ายเหล่านั้น
ภายในดินแดนวั้นมู่เหล่าจอมยุทธ์ที่เฝ้าดูอย่างหน้าซีดก็ตะลึงไปก่อนที่จะระเบิดเสียงโห่ร้อง
“สวรรค์ประทานพรให้มหาพันภพอย่างแท้จริง ที่ส่งเทพจักรพรรดิสงครามและเทพจักรพรรดิอัคคีมา!” ปู้สื่อตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
ตอนแรกใครก็คิดว่ามหันตภัยเกิดขึ้นในมหาพันภพแล้วจากการหลุดลอดของเทพปีศาจจักรพรรดิ แต่ใครจะคาดคิดว่าเทพจักรพรรดิสงครามและเทพจักรพรรดิอัคคีจะก้าวขึ้นสู่ระดับเดียวกับเทพจักรพรรดินิรันดร์?
พวกฉิงเทียนก็พยักหน้าพลางถอนหายใจ “นี่เป็นพรจากสวรรค์แท้จริง เทพปีศาจทรงพลังยิ่งกว่าในอดีตถ้าเราไม่มีเทพจักรพรรดิสงครามและเทพจักรพรรดิอัคคี การขาดคนใดคนหนึ่งไปก็จะไม่สามารถเผชิญหน้ากับเทพปีศาจจักรพรรดิได้”
เทพปีศาจจักรพรรดิทรงพลังเกินไปจนถึงจุดที่เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามยังต้องร่วมแรงร่วมใจกัน
เทพปีศาจสวมสีหน้าเคร่งขรึมขณะลอยอยู่บนท้องฟ้า มืดปาดเลือดสีดำที่ไหลออกจากดวงตา ก่อนที่จะมองไปที่เซียวเหยียนและหลินต้งด้วยดวงตาไร้อารมณ์ “จากพลังที่มีพวกเจ้าเพียงคนใดคนหนึ่งก็โดดเด่นยิ่งกว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์ ไม่คิดว่ามหาพันภพจะโชคดีเช่นนี้”
เซียวเหยียนยิ้ม “เจ้าก็ทรงพลังเช่นกัน แต่เพื่อสิ่งมีชีวิตในมหาพันภพ พวกข้าก็ต้องใช้ประโยชน์จากจำนวนคน ชนะอย่างอยุติธรรมน่ะ”
เทพปีศาจกระตุกยิ้มแปลกประหลาด ไม่มีคลื่นกระเพื่อมในน้ำเสียงของเขาสำหรับความล้มเหลวครั้งก่อน “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าคาดการณ์ที่จะชนะ”
เสียงทุ้มลึกของหลินต้งดังก้อง “อย่างน้อยเจ้าก็ไม่สามารถเติมเต็มความทะเยอทะยานในการรุกรานมหาพันภพได้ชั่วคราว”
“แม้ว่าวันนี้ข้าสองคนจะได้เปรียบเพียงเล็กน้อย แต่อีกร้อยปีเมื่อพวกข้าจารึกชื่อเต็มเอาไว้ในทำเนียบเหนือภพได้ ถึงเวลานั้นพวกข้าเพียงคนหนึ่งก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าเจ้า”
เสียงของหลินต้งแผ่ไปด้วยไอสังหาร
เมื่อพวกเขาสามารถจารึกชื่อเต็มไว้บนทำเนียบเหนือภพ พวกเขาก็จะไปถึงจุดสูงสุดที่สร้างความมั่นใจได้ว่าจะสามารถสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย
เทพปีศาจหรี่ตาลงไม่ได้คิดหักล้างคำพูดเหล่านั่นแต่ถามว่า “ข้าไม่สามารถทำอะไรพวกเจ้าได้ก็จริง ถ้าไปถึงจุดสูงสุดนั่น แต่…”
เขาเอี้ยวศีรษะมองทั้งสองด้วยรอยยิ้มเย็นชา “แกคิดว่าข้าจะให้เวลาเหรอ?”
เซียวเหยียนหดตาด้วยสีหน้าเย็นชา “แล้วแกจะทำอะไรได้ล่ะ?”
รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากเทพปีศาจ เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดว่า “พวกเจ้าไม่คิดว่านี่แปลกเหรอ? ในสมัยโบราณพลังของข้าแข็งแกร่งกว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์อย่างชัดเจน แล้วเพราะอะไรข้าถึงให้โอกาสมันผนึกได้?”
“ง่ายมากเพราะข้าเต็มใจที่จะถูกผนึกไง”
คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าของเหล่าจอมยุทธ์ทั้งหมดเปลี่ยนไปพร้อมกับความตกใจในดวงตา มากจนกระทั่งเซียวเหยียนและหลินต้งถึงกับหดดวงตา
ตอนนั้นเทพปีศาจจักรพรรดิเต็มใจที่จะถูกผนึกโดยเทพจักรพรรดินิรันดร์เรอะ?
“ไร้สาระสิ้นดี!” เซียวเหยียนเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ผนึกอยู่ห่างออกไปเพียงก้าวเดียวก็จะฆ่าแกแล้ว มีเหตุผลอะไรที่ทำให้แกต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วย”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่เทพปีศาจก็ถอนหายใจมองไปในฟ้าดิน “พวกเจ้ารู้ว่าอะไรคือการปราบปรามโลกหรือไม่”
คำพูดของเขาทำให้เซียวเหยียนและหลินต้งขมวดคิ้ว
“สิ่งที่เรียกว่าการปราบปรามโลกคือเมื่อสิ่งมีชีวิตต่างมิติทรงพลังเข้ามาในโลกก็จะถูกปฏิเสธ เหมือนกับการที่เผ่าปีศาจเคลื่อนพลมายังมหาพันภพ ไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงได้”
“ยิ่งคนเข้มแข็งมากเท่าไร การปราบปรามก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
“ด้วยการปล่อยให้ตัวเองถูกปิดผนึกโดยเทพจักรพรรดินิรันดร์เป็นเวลาสี่หมื่นเก้าพันปี ผนึกนี้ทำให้รัศมีของข้าปนเปื้อน ดังนั้นตราบใดที่ข้าสามารถทำลายผนึกได้ ข้าก็จะสามารถหลอกโลกและหยุดไม่ให้มันปราบปราม ด้วยการถอดผนึกออกข้าก็จะสามารถปกครองทั้งมหาพันภพได้อย่างแท้จริงโดยไม่มีการปฏิเสธจากปณิธานเอกภพและยึดจักรวาลนี้เป็นของจักรวรรดิปีศาจ”
เทพปีศาจคลี่ยิ้มให้เซียวเหยียนและหลินต้งพูดต่อว่า “เจ้าคิดว่าห้าเนตรนี้เป็นพลังสุดยอดของข้าหรือ? ข้าขอบอกว่าพวกเจ้าซื่อเกินไปแล้ว”
เสียงนี้ช่างเย็นชา ทำให้เหล่าจอมยุทธ์ทั้งหมดรู้สึกหนาวสั่น แม้แต่ความสุขที่พวกเขาเคยได้จากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็หายไป…
“อดีตเมื่อนานมาแล้ว… ข้าถูกเรียกว่า…”
“เทพปีศาจเก้าเนตร…”