หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1562 เทพปีศาจจักรพรรดิสิ้นชีพ
มิติถูกลดระยะห่างอย่างรวดเร็ว
พื้นที่นี้ตกอยู่ในความวุ่นวายด้วยพายุรุนแรง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ยังไม่กล้าแหย่เท้าเข้ามา
ท่ามกลางความโกลาหลมีความผันผวนเชิงมิติ
ลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมา กลายเป็นร่างคนซึ่งก็คือเทพปีศาจจักรพรรดิ
ขณะนี้ใบหน้าของเทพปีศาจมืดครึ้ม เขาอยู่ที่ชายขอบของมหาพันภพแล้ว อีกก้าวหนึ่งก็จะฝ่าปราการระนาบพิภพ เมื่อหลายหมื่นปีก่อนเขาเป็นคนที่นำจักรวรรดิปีศาจยาตราผ่านมาทางนี้เพื่อบุกเข้าสู่มหาพันภพ
ทว่าเขาไม่เคยคิดว่าหลายหมื่นปีถัดมาเขาก็ต้องหนีซมซานออกจากที่นี่เช่นกัน
“บ้าเอ้ย! มู่เฉิน เทพจักพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม คนอย่างข้ายังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายดายแบบนี้หรอก ข้าจะกลับมาอีกครั้ง!” เทพปีศาจกล่าวเสียงเย็นชา
ตู้ม!
แต่ทันใดนั้นเองมิติรอบตัวเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ลำแสงสายหนึ่งบินฉวัดเฉวียนเข้ามา
ลำแสงนี้ไม่สะดุดตา แต่กลับทำให้ใบหน้าของเทพปีศาจเปลี่ยนไป เนื่องจากเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายการทำลายล้างที่มาจากมัน
เสียงคำรามถูกปลดปล่อย รัศมีปีศาจก็พุ่งออกมาก่อตัวแนวป้องกันนับล้านๆ ที่เบื้องหน้าเขา
ปัง ปัง!
ทว่าแนวป้องกันเหล่านั้นก็พังทลายลงในพริบตา ขณะที่ลำแสงบินมาปรากฏเบื้องหน้าเทพปีศาจ เวลานี้เขาเห็นแล้วว่าสิ่งที่อยู่ภายในคือลูกปัดแพรวพราว
การสะท้อนแสงของลูกปัดฉายใบหน้าขนพองสยองเกล้าของเทพปีศาจ
แต่ก่อนที่เขาจะตอบสนอง ลูกปัดก็โผบินแล้วยิงเข้าที่ดวงตาชั่วร้ายที่หน้าผาก
ปุ!
ไม่ได้เกิดความปั่นป่วนใดๆ แต่เลือดสีดำสาดกระเซ็นออกมา ลูกปัดทำลายดวงตาฝังลึกอยู่ในตัวเขา
ร่างเทพปีศาจแข็งทื่อพร้อมกับความไม่เชื่อบนใบหน้า เขาตัวสั่นเมื่อสัมผัสหน้าผาก ลูกปัดทรงกลมก็ค่อยๆ แตกออกจากกัน ทันใดนั้นรัศมีจั้นยี่ที่บ้าคลั่งก็พลุ่งพล่านเข้าสู่ร่างกายเขา
“เป็นไปได้ยังไง…?” เทพปีศาจพึมพำ
ขณะที่มิติแปรปรวนเบื้องหน้าหน้าเขา ร่างร่างหนึ่งก็ก้าวออกมา มู่เฉินมองไปที่เทพปีศาจอย่างเย็นชาและพูดว่า “ทุกชีวิตอาจมีพลังจ้อยร่อย แต่เมื่อรวมกันก็สามารถทำลายเจ้าได้”
ใบหน้าของเทพปีศาจเปลี่ยนไปขณะที่เลือดไหลกระฉูดลงมาจากหน้าผากทำให้ดูน่าสยดสยองยิ่งนัก เมื่อรู้สึกถึงพลังทำลายล้างที่สร้างความหายนะภายในร่างกายเขาก็ถอนหายใจเบาๆ เอ่ยออกมา “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเทพปีศาจจักรพรรดิเช่นข้าจะต้องทิ้งชีวิตไว้ในมหาพันภพ…”
เขาเงยหน้าขึ้น แม้จะไม่มีดวงตาแต่ก็ยังมองไปที่มู่เฉิน “มหาพันภพได้รับพรจากสวรรค์แท้จริง อีกไม่นาน รวมเจ้าด้วยคงมีเทพผู้พิทักษ์ถึงสามคน หึ หึ น่าเกรงขาม…”
“มหาพันภพไม่ธรรมดาจริงๆ”
มู่เฉินจ้องมองไปที่เทพปีศาจตอบว่า “เทพปีศาจ เจ้าก่อกรรมทำเข็ญฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปทั่วจักรวาลของข้ามานับหมื่นๆ ปี ซ้ำยังก่อให้เกิดมหันตภัยใหญ่ครั้งที่สอง วันนี้ถือว่าเป็นหนี้ที่ต้องจ่ายให้ทุกคนที่สังเวยชีวิตไป”
เทพปีศาจฉายรอยยิ้มไม่แยแสตอกกลับว่า “พวกมันก็เป็นแค่มด ทำไมข้าถึงต้องสนใจในการฆ่าด้วยล่ะ? ในเมื่อวันนี้ข้าแพ้ด้วยน้ำมือเจ้าก็หมายความว่าชะตาลิขิต แต่ถ้าเจ้าต้องการให้ข้ารู้สึกเสียใจ ก็ดูถูกกันเกินไปแล้ว”
หลังจากหยุดชั่วครู่ดูเหมือนว่าจะมีความเสียดายแขวนอยู่ที่มุมปากบางเบาขณะที่พึมพำ “ตอนแรกยังคิดจะครอบครองมหาพันภพเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับจักรวรรดิปีศาจสักหน่อย”
“ช่างน่าเสียดาย…ที่ล้มเหลว”
เมื่อสิ้นเสียงเทพปีศาจ รอยแตกก็ปกคลุมไปทั่วร่าง
ตู้ม!
อึดใจร่างกายก็ระเบิด รัศมีปีศาจไร้ขอบเขตแผ่ออกมา
มู่เฉินยืนจ้องมองรัศมีปีศาจจากนั้นลำแสงก็พุ่งออกมาจากศีรษะ เจดีย์พลิ้วลงมาดูดรัศมีปีศาจทั้งหมดไป
ตู้ม!
เจดีย์ปล่อยตัวลงในดินแดนว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย ขณะเดียวกันแสงหลิงก็ส่องประกาย ปิดผนึกทั้งดินแดนไม่ให้ผู้ใดรับรู้ได้
เจดีย์ระงับไอปีศาจที่เทพปีศาจปลูกฝังในช่วงชีวิต ซึ่งจะทำให้คลื่นหลิงปนเปื้อนหากมีการแพร่กระจาย ดังนั้นจึงต้องระงับและค่อยๆ ชำระไป
แต่ครั้งนี้เทพปีศาจสิ้นชีพแล้ว
มู่เฉินมองไปที่เจดีย์เป็นเวลานาน จากนั้นก็สะบัดมือคลื่นหลิงพลิกผันฉายภาพเขาไปยังส่วนต่างๆ ในมหาพันภพ เสียงเขาสะท้อนออกมา
“เทพปีศาจจักรพรรดิสิ้นชีพแล้ว หายนะของมหาพันภพมลายหายไปสิ้น”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปใครที่คิดบุกรุกบ้านเราจะต้องถูกสังหารจนสิ้นซาก”
ตู้ม!
ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นจากทั่วทุกมุม ผู้คนนับไม่ถ้วนคุกเข่าลง ภายใต้มหันตภัยทำลายล้างพวกเขาราวกับมดตัวน้อย แต่โชคดีที่อัจฉริยะที่โดดเด่นปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤตขจัดภัยพิบัติลง
“เทพมหาจักรพรรดิมู่!”
“เทพมหาจักรพรรดิมู่!”
“เทพมหาจักรพรรดิมู่!”
เสียงโห่ร้องดังสนั่นไปทั่วจักรวสาล ทำให้โลกทุกใบสั่นสะเทือน
ในทวีปเป่ยชางทุกคนต่างก็ส่งเสียงร้องดีใจเช่นกัน แม้ว่าเสียงจะแหบแห้งหมดไป แต่ก็ไม่สามารถหยุดความปลื้มปริ่มได้ ดวงตาของพวกเขาลุกโชนขณะมองไปที่ร่างสง่างามนั้น
“เจ้านั่น… ไม่รู้ว่าจะสามารถตามรอยเขาในช่วงชีวิตตนเองได้ไหม?” เสิ่นชังเสิงถอนหายใจขณะเงยหน้าขึ้น
“ตราบใดที่ไม่ยอมแพ้ก็มีความหวัง เราต้องทำงานให้หนักยิ่งขึ้น” หลี่เฉวียนทงยิ้ม
ทั้งสองสบตากันก็หัวเราะร่า ย้อนนึกไปในอดีต ตอนอยู่ที่สำนักศึกษาเป่ยชาง แม้พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่ามู่เฉิน แต่ศิษย์น้องคนนี้เคยกลัวซะที่ไหน? เขายังคงมุ่งมั่นพยายามก้าวทีละขั้น…ทีละขั้น จนสุดท้ายก็อยู่เหนือพวกเขา
ตำหนักมู่
“ลูกชายข้าน่าเกรงขามจริงๆ” มู่เฟิงยืนอยู่เบื้องหน้าตำหนักพร้อมกับยิ้มตาหยี ถังซันและพรรคพวกก็ยืนอยู่ด้านข้าง คนเหล่านี้คือเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของเขาจากมณฑลเป่ยหลิง ตอนที่มหาพันภพเกิดภัยใหญ่เขาก็ไปรับพรรคพวกมาอยู่ด้วยกันที่ตำหนักมู่
เมื่อเห็นความภาคภูมิใจบนใบหน้าของมู่เฟิง ถังซันและคนอื่นๆ ก็อดส่ายหัวกับบิดาที่อวดลูกชายไม่ได้ ‘ลูกชายของเจ้าดำรงอยู่สูงสุดในมหาพันภพแล้ว เจ้ายังจะเอามาอวดอีกเรอะ?’
ทวีปหลิงหมัว
ลั่วหลียืนมือไพล่หลัง เงยหน้าเล็กน้อยมองไปในความว่างเปล่า
ครู่หนึ่งมิติเบื้องหน้าก็ผันผวน มู่เฉินก้าวออกมา
“อา ท่านวีรบุรุษกลับมาแล้วเหรอ?” ลั่วหลีฉายรอยยิ้มงดงาม
มู่เฉินยิ้มขณะเหยียดแขนออกโอบเอวบางไว้ “ข้ากลัวจริงๆ นะว่าจะปกป้องทุกคนไม่ได้”
ลั่วหลีเผยรอยยิ้มอบอุ่นขณะสวมกอดมู่เฉิน “มู่เฉิน… เจ้ายอดเยี่ยมที่สุดในจักรวาลและข้าภูมิใจในตัวเจ้าที่สุด”
“นอกจากนี้ตอนนี้เจ้าคือเทพจอมยุทธ์สูงสุดแท้จริง
“เจ้าได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้าในตอนนั้นแล้ว”
มู่เฉินก้มหน้าลงมองใบหน้าสะคราญโฉมก็ยิ้ม “งั้นเราจะแต่งงานกันเมื่อไรดี?”
ใบหน้าของลั่วหลีขึ้นริ้วแดง ม่านตาสดใสกะพริบด้วยความโหยหาตอบว่า “ทุกที่ทุกเวลา”
เมื่อมองไปที่คนรัก มู่เฉินก็นึกย้อนไปในเวลาที่พวกเขาพบกันในสงครามเทพยุทธ์ เขาเจอพบกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เย็นชาแต่ดื้อรั้น
“ลั่วหลี”
“หืม?”
“ดีใจที่เจ้าอยู่กับข้า”
“ข้าก็เช่นกัน”
หายนะจบสิ้นลงความสงบสุขก็กลับคืนสู่มหาพันภพ
หลังจากเทพปีศาจสิ้นท่า กองทัพจักรวรรดิปีศาจก็แตกฉานซ่านเซ็น แม้ว่าจอมยุทธ์ในมหาพันภพจะไล่สังหารไปมากมาย แต่ก็ยังมีนักรบปีศาจที่มีความสามารถใช้ช่องทางของพิภพเขตล่างหลบหนีออกจากมหาพันภพ
แต่เมื่อไม่มีเทพปีศาจแล้ว คนที่พ่ายแพ้ก็ไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป
หลังจากขับไล่เผ่าปีศาจต่างมิติได้ มู่เฉินก็หมุนเวียนพลังเอกภพทำความสะอาดดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยถูกยึดครองโดยเผ่าปีศาจ เพื่อให้คลื่นหลิงสามารถกลับไปปกคลุมดินแดนที่เหลือของมหาพันภพอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี
เมื่อมีการปลดปล่อยดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล การแข่งขันดุเดือดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ขั้วอำนาจจำนวนมากเริ่มต่อสู้เพื่อชิงทรัพยากร
อย่างไรก็ตามมู่เฉินไม่ได้ขัดขวางกับเรื่องนี้ เนื่องจากเขารู้ว่าการแข่งขันจะต้องเกิดทุกที่ในโลก ถ้าไม่มีการแข่งขันใดๆ ทุกสิ่งอย่างก็จะสูญสลายตามวัฏจักรชีวิต
หนึ่งปีต่อมา
มหันตภัยในมหาพันภพถูกลบออกไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ทุกที่เต็มไปด้วยความคึกคักที่มีชีวิตชีวา
เวลานี้ภาพงานแต่งงานยิ่งใหญ่กำลังฉายไปทั่วมหาพันภพ งานแต่งนี้จัดขึ้นที่ทวีปเทียนหลัว ตำหนักมู่
“หนึ่ง คำนับฟ้าดิน”
“สอง คำนับผู้อาวุโส”
สีแดงประดับประดาทั่วตำหนักมู่ฉายความรื่นเริง เสียงดนตรีไพเราะกำจายไปไกลในรัศมีหมื่นลี้
ในโถงกว้างชิงเหยี่ยนจิ้ง มู่เฟิงและลั่วเทียนเสิ่นนั่งอยู่บนที่นั่งบิดามารดา ขณะที่ยิ้มและมองไปที่บ่าวสาว
ที่ด้านข้างหลินต้งและเซียวเหยียนพร้อมทั้งฮูหยินก็นั่งอยู่ นอกเหนือจากพวกเขาแล้วยังมีจอมยุทธ์คนสำคัญในมหาพันภพอีกด้วย งานแต่งงานครั้งนี้ได้รับความสนใจมหาศาล ผู้คนทั่วมหาพันภพต่างก็ชื่นชมยินดี
“สาม คำนับกันและกัน!”
เสียงหนักแน่นดังขึ้น มู่เฉินในชุดสีแดงมองไปที่หญิงสาวที่สวมมงกุฎหงส์ ขณะที่ทั้งสองโค้งคำนับกันและกัน ดวงตาก็สบกันไปด้วย เมื่อเงยหน้าส่วนโค้งอ่อนโยนก็เผยบนริมฝีปาก นี่ช่างเหมือนภาพเด็กหนุ่มและเด็กสาวมองดูกันในสงครามเทพยุทธ์ตอนที่พบกันครั้งแรก
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านยี่สิบเจ็ดปีก็ผ่านไปในพริบตา
ในช่วงยี่สิบเจ็ดปีมหาพันภพเฟื่องฟูด้วยขั้วอำนาจใหม่มากมายที่ตั้งขึ้นและการเผยตัวของจอมยุทธ์จำนวนมาก
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะโดดเด่นแค่ไหนก็รู้ว่ามีสามคนที่ไม่มีใครเทียบได้
ทวีปเทียนหลัวที่ตั้งกองบัญชาการใหญ่ตำหนักมู่
บนยอดเขาสูงตระหง่านมู่เฉินนั่งลงพร้อมกับคลื่นหลิงไหลเวียน ที่ปลายยอดเขามีประตูขนาดใหญ่ นั่นก็คือประตูมังกรทะยาน
ที่หน้าประตูสมาชิกตำหนักมู่กำลังพยายามพร้อมคำอุทานที่ระเบิดออกมา
ขณะที่มู่เฉินกำลังเฝ้าดูฉากนี้อย่างเกียจคร้าน ร่างเล็กร่างหนึ่งก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
“ป้อ!” เสียงอ่อนโยนออดอ้อนดังขึ้น
มู่เฉินสวมกอดเด็กน้อยยิ้มสบายอารมณ์ นี่เป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่อายุประมาณสองขวบ นางเป็นเด็กหน้าตาน่ารักมาก ฟันสีขาวมุก ม่านตาสีสดใส สวมเสื้อผ้าสีฟ้าพร้อมกับถักเปียเล็กๆ บนศีรษะ ความน่ารักของนางทำให้หัวใจของมู่เฉินละลาย
นี่คือลูกสาวของเขาและลั่วหลี ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อให้นางไว้นานแล้ว—มู่หยุนซี
“เฮ้ หยุนซีน้อย คิดถึงพ่อหรือเปล่า?” มู่เฉินยิ้มพร้อมกับดวงตาหรี่ลงมองไปที่บุตรสาว
“กิ๊ด…ตึ๋ง!” มู่หยุนซีตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนที่จะคว้าผลไม้วิญญาณบนโต๊ะข้างๆ พร้อมกับน้ำลายไหลในแววตา เห็นได้ชัดว่าอาหารอร่อยๆ ดึงดูดใจมากกว่าบิดา
“เจ้าลูกหมู” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“พวกเจ้าเพิ่งแยกกันเมื่อครู่เองจะคิดถึงอะไรกันนักกันหนา?” เสียงดังก้องจากด้านหลังพร้อมกับลั่วหลีสวมชุดสีดำเดินเข้ามา นางมองคู่พ่อลูกสาวอย่างช่วยไม่ได้
ตั้งแต่ลูกสาวเกิดมา ความรักที่มู่เฉินที่มีต่อเจ้าตัวเล็กก็มากจนบางครั้งนางยังหึง
มู่เฉินหัวเราะเบาๆ ยื่นมือออกไปจับมือลั่วหลีให้นั่งเคียงข้างเขา ครอบครัวเล็กๆ สามคนเต็มไปด้วยความสุขและความรัก
ฮึ่ม!
มู่เฉินที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศ จู่ๆ ก็หรี่ตาลง เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนผิดปกติภายในมหาพันภพ
ตู้ม ตู้ม!
ไม่นานหลังจากนั้นมหาพันภพก็เริ่มสั่นสะเทือน
“เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วหลีสังเกตเห็นความวุ่นวายก็อุทานออกมา
มู่เฉินยืนขึ้นมองผ่านมิติพลางยิ้ม “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”
เมื่อเสียงของเขาดังก้อง ทุกคนในมหาพันภพก็สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วน พวกเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นกระดานโบราณพลิ้วลงมา นั่นคือทำเนียบเหนือภพ!
ขณะนี้ร่างสง่างามสองร่างยืนอยู่ในแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวู นิ้วของพวกเขาราวกับพู่กันตวัดชื่อสมบูรณ์สองชื่อบนกระดานโบราณ
“เซียวเหยียน!”
“หลินต้ง!”
มู่เฉินวางลูกสาวลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นประสานมือไปในทิศทางของแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวู
“ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสทั้งสองที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด!”
ในที่ไกลเซียวเหยียนและหลินต้งก็ยิ้มขณะประสานมือให้มู่เฉิน
นี่เป็นอีกครั้งที่มหาพันภพระเบิดเสียงโห่ร้องยินดี ในสายตาทุกคนฉายแววเคารพนับถือ พวกเขารู้ว่านับจากวันนี้เป็นต้นไปจะมีเทพจอมยุทธ์สูงสุดอีกสองคนในมหาพันภพ
ผู้คนนับไม่ถ้วนโค้งคำนับให้กับเทพจักรพรรดิทั้งสามคนของพวกเขา
ยามนี้มหาพันภพมีเทพผู้พิทักษ์ถึงสามคน ความเจริญรุ่งเรืองจะสืบทอดไปอีกหลายร้อยล้านปีโดยไม่มีวันล่มสลายอีกต่อไป
———————-
อวสาน
Comments for chapter "บทที่ 1562 เทพปีศาจจักรพรรดิสิ้นชีพ"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Than
เลื่อนลงมาบรรทัดสุดท้าย ใจหายไปแวบหนึ่ง
เหมือนการติดตามมาอย่างยาวนานได้สิ้นสุดลง
รู้สึกว่า จะทำอะไรต่อดีล่ะ ….
ขอบคุณแอด มากๆๆๆๆๆๆๆครับ
ส่งความสุขกันให้คนอ่านมาอย่างยาวนาน
ขอบคุณจริงๆ
Somsuk Yupadee
อ้า….จบจนได้ เรื่องนี้จบได้ดี เรียกได้ว่าจบเป็น บางเรื่องเขียนซะจบไม่ลง …แบบมึนๆ ตอนนี้ติดตามอ่านอยู่สามเรื่อง กลับไปอ่านต่อแล้วครับ….บ๊าย