หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 878 ปลดปล่อยวิญญาณทั้งห้า
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 878 ปลดปล่อยวิญญาณทั้งห้า
“ปลดปล่อยรัศมีจั้นยี่!”
ขณะที่เสียงตะโกนของมู่เฉินสะท้อนไปในมิติมืดมิด หน่วยรบทั้งห้าก็เปล่งเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว รัศมีจันยี่ยิ่งใหญ่ทั้งห้ากวาดออกมาทั่วฟ้าดินราวกับพายุ
ตู้ม!
รัศมีจั้นยี่ห้าสายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกระจายขึ้นไปเหนือกองกำลังขนาดใหญ่ ราวกับมีเสียงคำรามไม่รู้จบดังออกมาซึ่งทำให้มิติกระเพื่อมไหวไม่หยุด
รัศมีจั้นยี่ทั้งห้าสายแผ่กระจายออกไป แต่กลับแยกกันอย่างชัดเจน ไม่ได้แสดงสัญญาณที่จะหลอมรวมเพียงเพราะไม่มีความเป็นศัตรูต่อกัน จากบางแง่มุมพวกมันไม่ใช่พลังประเภทเดียวกัน
นั่นเป็นเพราะภายในรัศมีจั้นยี่เหล่านี้เป็นการรวมตัวของความมุ่งของจอมยุทธ์หลายหมื่นคน ด้วยความมุ่งมั่นอันยิ่งใหญ่ หากไม่มีผู้คอยควบคุม ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลอมรวมเข้าด้วยกัน
ในบรรดารัศมีจั้นยี่ทั้งห้า หน่วยรบวิหคโลกันตร์และเหยี่ยวโลหิตสร้างวิญญาณสงครามขึ้นมาแล้ว เนื่องจากทั้งสองหน่วยรบอยู่ใต้การบัญชาของมู่เฉินมาตลอด
สำหรับรัศมีจั้นยี่อีกสามหน่วยรบ ก็เกิดเสียงคำรามลั่นดังออกมา แต่ไม่มีการแสดงสัญญาณหล่อหลอมเพื่อสร้างวิญญาณสงคราม
ในเวลาแบบนี้ ถ้าไม่สามารถสร้างวิญญาณสงครามขึ้นมาได้ สามหน่วยรบนี้ก็แทบจะช่วยอะไรมู่เฉินไม่ได้เลย
ดังนั้นเขาจะต้องสร้างวิญญาณสงครามของทั้งห้ากองทัพให้ได้พร้อมกัน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นมู่เฉินถึงจะสามารถใช้ชั้นเชิงนี้สู่กับเต่าดำได้
ฮา
มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกสุดปอด สีหน้าฉายแววเคร่งเครียด เขาเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความยากลำบากในการควบคุมวิญญาณสงครามทั้งห้าในเวลาเดียวกัน ความยากลำบากนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าจินไถหลิวหลีที่บัญชาการกองทัพผลึกฟ้าสามหมื่นคนเลย
ฝ่าเท้าของมู่เฉินแตะบนอากาศจากนั้นก็ทะยานตัวไปปรากฏที่เบื้องบนหน่วยรบทั้งสาม ใต้ฝ่าเท้าของเขาคือรัศมีจั้นยี่สามสายที่กำลังพลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำหลาก
มู่เฉินหลับตากระแสจิตกวาดออก ก่อนที่จะพุ่งเข้าสู่รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตของทั้งสามหน่วยรบทันที
ตู้ม! ตู้ม!
ทันทีที่กระแสจิตของมู่เฉินพุ่งเข้ามา เสียงคำรามดังกึกก้องก็สะท้อนออกมา นี่เป็นเสียงคำรามจากความมุ่งมั่นของนักรบนับหมื่น ซึ่งเพียงพอที่จะทำลายสติสัมปชัญญะและระเบิดหัวของใครบางคนเละได้เลยทีเดียว
ทว่ามู่เฉินเคยประสบกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ตอนที่สร้างวิญญาณสงครามของหน่วยรบเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกและละทิ้งการต่อต้านทั้งหมด ปล่อยให้กระแสจิตของเขารวมเข้ากับรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตของทั้งสามหน่วยรบอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับกระแสจิตของมู่เฉินหลอมรวมอยู่ภายใน รัศมีจั้นยี่ทั้งสามสายก็เริ่มแสดงสัญญาณเดือดพล่าน ราวกับว่าบรรลุสติและมาบรรจบกันอย่างรวดเร็ว แต่การบรรจบกันนี้ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในทันที เนื่องจากวิญญาณสงครามไม่ปรากฏขึ้นสักที มีเพียงโครงร่างให้เห็นเลือนรางเท่านั้น…
เม็ดเหงื่อหยดลงมาจากใบหน้าของมู่เฉิน ขณะที่เขากำหมัดแน่นพร้อมกับริ้วความยุ่งยากใจสะท้อนออกมาตรงหว่างคิ้ว การสร้างวิญญาณสงครามไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเท่ากับว่าเขาต้องแบ่งหัวใจออกเป็นห้าส่วน แม้เขาจะพอเข้าใจศาสตร์รัศมีจั้นยี่ได้ดี แต่ก็ไม่ง่ายที่จะบรรลุเป้าหมายนี้
ยิ่งไปกว่านั้นขณะที่เขาสร้างวิญญาณสงครามของสามหน่วยรบ วิญญาณสงครามเต่าดำก็ไม่ได้นั่งรอให้เขาทำจนสำเร็จ มันเปิดการโจมตีที่รุนแรงขึ้น ภายใต้การโจมตีนี้ วิหคโลกันตร์และเหยี่ยวโลหิตก็ร่นถอยไม่เป็นท่า ลวดลายบนร่างของพวกมันหม่นลงไปอีกหลายส่วน
ที่ด้านนอกค่ายกล หัวใจของจิ่วโยวและเหล่าผู้บัญชาการก็โลดมาถึงคอหอย สีหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าหากมู่เฉินไม่สามารถสร้างวิญญาณสงครามทั้งห้าได้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะวิญญาณสงครามเต่าดำ
ครืน!
ภายใต้การจับจ้อง รัศมีจั้นยี่ที่อยู่เหนือสามหน่วยรบก็กวนตัวอย่างต่อเนื่อง พวกมันเหมือนกำลังก่อร่างอย่างยากลำบากและเชื่องช้ามาก
“มู่เฉินน่าจะทำได้ แต่เขาต้องการเวลา หวังว่าวิญญาณสงครามวิหคโลกันตร์และเหยี่ยวโลหิตจะต้านเต่าดำไว้ได้ชั่วคราว” เมื่อพวกเขาเห็นหน่วยรบทั้งสามที่กำลังสร้างวิญญาณสงครามอย่างช้าๆ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ แต่ยังกังวลในหัวใจอยู่บ้าง นั่นเพราะพวกเขาเห็นวิญญาณสงครามของวิหคโลกันตร์และเหยี่ยวโลหิตกำลังถูกตีถอยอย่างต่อเนื่อง
ติ๋ง
เม็ดเหงื่อหยดออกมาจากใบหน้าของมู่เฉินมากขึ้น เขาสามารถได้ยินเสียงการปะทะของวิญญาณสงครามดังก้องจากบริเวณเบื้องหน้าไม่ไกล และเขาก็รู้สึกได้ถึงสองวิญญาณสงครามที่ใกล้จะต้านไม่ไหวแล้ว
แต่ในช่วงเวลาสำคัญนี้หัวใจของมู่เฉินกลับสงบนิ่งยิ่งขึ้น เพราะเขารู้ว่าถ้าตนเองตื่นตระหนกไปในเวลาแบบนี้ ก็จะยิ่งเข้าใกล้ความพ่ายแพ้มากขึ้น
“ใกล้แล้ว…”
มู่เฉินพึมพำเบาๆ
ตู้ม!
ลำแสงรุนแรงอีกสายหนึ่งปะทะกับแนวป้องกันที่สร้างจากวิญญาณสงครามวิหคโลกันตร์และเหยี่ยวโลหิต ทำให้นักรบจำนวนมากของสองหน่วยรบถึงกับกระอักเลือดออกจากปาก
โฮก!
เต่าดำคำรามอย่างดุเดือด สายตาเย็นชาของมันจับจ้องไปที่มู่เฉิน มันเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง หางเต่าดำซึ่งเป็นอสรพิษตัวใหญ่ก็เปิดปากอ้า ลำแสงรัศมีจั้นยี่สีดำทะลุผ่านมิติราวกับหอกยาวในวินาทีต่อมา ผ่าแนวป้องกันของวิญญาณสงครามวิหคโลกันตร์และเหยี่ยวโลหิต เล็งเป้าไปที่มู่เฉิน
เมื่อเห็นภาพนี้ใบหน้าของจิ่วโยวและเหล่าผู้บัญชาการก็เปลี่ยนไปทันที
ตู้ม!
ลำแสงรัศมีจั้นยี่สีดำวาบผ่าน แต่ทันทีที่กำลังจะโดนตัวมู่เฉิน มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ของสามหน่วยรบก็สั่นสะเทือนแล้วปะทุขึ้น ก่อนที่วิญญาณสงครามจะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
เหนือหน่วยรบกระบี่เทพเป็นวิญญาณสงครามนักรบถือกระบี่กำลังฟาดฟันลงมาราวกับโล่ป้องกันให้มู่เฉินและสกัดทางลำแสงเอาไว้
ปัง!
คลื่นกระแทกรัศมีจั้นยี่กวาดออกไป กระบี่ขนาดใหญ่ถูกดันกลับ แต่แค่เสี้ยวจังหวะวินาทีมู่เฉินก็พลิ้วตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็เผยตัวเหนือหน่วยรบทั้งห้า
เขายืนอยู่บนอากาศเหนือมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ทั้งห้าอันกว้างใหญ่ ระลอกคลื่นที่ทรงพลังกวาดออก ทำให้มิติถึงกับสั่นสะเทือน
การปรากฏขึ้นของวิญญาณสงครามทั้งห้าสร้างความตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก กองทัพอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกค่ายกลศึกมองอย่างตกตะลึงเต็มที่ แต่ละคนอ้าปากตาค้าง แม้แต่หลิ่วเหยียนแห่งตำหนักสุดนภาก็ยังมีท่าทางไม่น่ามอง ความตะลึงใจพล่านในดวงตาอย่างไม่สามารถปกปิดได้เลย
“เขาทำได้จริงๆ!”
เลี่ยซันโล่งอก จากนั้นก็เบะปากกล่าวชื่นชม “ผู้บัญชาการมู่เป็นชายหนุ่มที่มากพรสวรรค์อย่างแท้จริง การควบคุมวิญญาณสงครามหน่วยรบทั้งห้าในเวลาเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่อัจฉริยะรัศมีจั้นยี่คนอื่นยากที่จะทำได้สำเร็จ”
สีหน้ากังวลในตอนต้นของผู้บัญชาการคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้ม ทุกคนรู้สึกโล่งใจ เมื่อมองกระบวนทัพของหน่วยรบทั้งห้าในค่ายกลศึก พวกเขาก็อดทอดถอนใจไม่ได้ แม้ว่ามู่เฉินและกองทัพจะอยู่ในค่ายกลศึก ทว่าพวกเขาก็ยังรู้สึกถึงความแตกต่างพลังวิญญาณสงครามในมือของมู่เฉินเมื่อเทียบกับพวกเขา
กองทัพแบบนี้มีเพียงการอยู่ในมือของอัจฉริยะเท่านั้นถึงจะเป็นอาวุธชั้นยอดที่แท้จริง
ขณะที่กองทัพอื่นๆ กำลังแตกตื่นตกใจ มู่เฉินก็โล่งใจอย่างมาก โชคดีที่ก่อนหน้าเขาได้กลั่นวิญญาณสงครามเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงมีความเข้ากันได้บ้าง ไม่เช่นนั้นวันนี้คงจะใช้เวลานานกว่านี้ในการสร้างวิญญาณสงคราม เมื่อถึงตอนนั้นวิญญาณสงครามวิหคโลกันตร์และเหยี่ยวโลหิตคงจะแตกสลายลงเสียก่อน
แต่โชคดีที่เขาทำทันเวลา
มู่เฉินมองไปที่วิญญาณสงครามเหนือกำลังพล นอกเหนือจากวิญญาณสงครามนักรบกระบี่แล้ว วิญญาณสงครามของหน่วยรบแยกคีรีมีรูปร่างคล้ายขวานใหญ่ที่เต็มไปด้วยความดุร้าย ขณะที่หน้ารบเทพผาถ้ำเป็นเต่ายักษ์ที่มีขนาดใหญ่และมั่นคง
“ในบรรดาวิญญาณสงครามเหล่านนี้ หน่วยรบแยกคีรีน่าจะแข็งแกร่งที่สุด”
มู่เฉินกวาดสายตามองไปก็สัมผัสได้ถึงระลอกรัศมีจั้นยี่ที่แผ่ซ่านออกมาจากวิญญาณสงครามแยกคีรีแข็งแกร่งที่สุด ซึ่งมีลวดลายมากกว่าหกพันลาย เมื่อเปรียบเทียบกับวิญญาณสงครามวิหคโลกันตร์ที่มีสี่พันลายก็ถือว่าเข้มแข็งกว่ามาก
แน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพของหน่วยรบแยกคีรีดีกว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ แต่เป็นเรื่องของจำนวนนักรบที่มีมากกว่า ซึ่งหน่วยรบแยกคีรีที่มีนักรบหมื่นกว่าคนถือเป็นจำนวนสองเท่าของหน่วยรบวิหคโลกันตร์แล้ว
“ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่หน่วยรบของข้า ดังนั้นความเข้ากันได้จึงต่ำไปหน่อย” มู่เฉินรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย ด้วยจำนวนนักรบวิหคโลกันตร์ที่มี เขาสามารถสร้างวิญญาณสงครามที่มีลวดลายมากกว่าสี่พันลาย แต่หน่วยรบแยกคีรีที่มีจำนวนนักรบนับหมื่นกลับมีมากว่าเพียงสองพันกว่าลายเท่านั้น”
แม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียดาย แต่เขาก็รู้ว่าตนจะต้องพึ่งพาทัพรวมพลังนี้ในเวลานี้ เพื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณสงครามเต่าดำ
“อีกอย่างตอนนี้ข้าควบคุมกำลังพลราวสามหมื่นคน ดูเหมือนจะเริ่มฝืนตัวเองแล้ว ถ้ามีมากกว่านี้ บางทีข้าอาจจะลำบากในการควบคุม สติสัมปชัญญะของข้าก็จะถูกทำลายโดยรัศมีจั้นยี่ที่ป่าเถื่อนรุนแรงนี้…”
มู่เฉินกะพริบตาแผ่วเบาขณะที่ความคิดแล่นในศีรษะไม่หยุด “แต่ทำไมพวกจั้นเจิ้นซือที่ทรงพลังอำนาจเหล่านั้นถึงบัญชากองทัพที่มีนักรบเป็นแสนหรือเป็นล้านได้? กระแสจิตของจอมยุทธ์คนเดียวสามารถควบคุมกระแสความมุ่งมั่นของผู้คนมากมายได้ยังไง? ต้องมีบางสิ่งที่ข้าไม่รู้และบางทีนั่นก็จะเป็นความลับของจั้นเจิ้นซือ…”
ม่านตาสีดำของมู่เฉินวูบวาบด้วยประกายแสง จั้นเจิ้นซือเป็นบุคคลลึกลับแห่งยุคเลยทีเดียว ดังนั้นจึงมีข้อมูลน้อยนิดจนน่าสมเพชเกี่ยวกับคนเหล่านี้ ซึ่งทำให้มรดกของจั้นเจิ้นซือในซากอารยธรรมความตายมีค่ามากยิ่งนัก
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตราบใดที่สามารถผ่าเข้าไปได้ เขาก็น่าจะรู้ความลับของจั้นเจิ้นซือได้ ในเวลานั้นเขาจะบรรลุและกลายเป็นจั้นเจิ้นซือที่แท้จริง!
มู่เฉินค่อยๆ กำมือแน่นจ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ลุกโชน จดจ่ออยู่ที่วิญญาณสงครามเต่าดำดุร้ายเบื้องหน้า
ข้าไม่เชื่อว่าด้วยวิญญาณสงครามทั้งห้านี้ ข้าจะผ่าค่ายกลศึกทิศนี้ไม่ได้!