หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 901 สิ้นสุดการฝึก
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 901 สิ้นสุดการฝึก
เหนือจุดจื้อจุนไห่
ร่างดวงจิตของมู่เฉินลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่มาจากพัฒนาการที่ดีของคลื่นจิต
พูดโดยทั่วไป คลื่นจิตของเขาจะอ่อนแออย่างยิ่งเมื่อแยกออกเป็นสองส่วน แต่ความจริงครั้งนี้ทำให้เขาประหลาดใจ เทียบกับเดือนที่ผ่านมาไม่เพียงคลื่นจิตจะไม่อ่อนแอลงเท่านั้น กลับเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นอีกต่างหาก
“ดูเหมือนหนึ่งเดือนในการสร้างภาพคุกสายฟ้าจะเพิ่มความเข้มข้นของคลื่นจิตมากเลยทีเดียว” มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง จากนั้นดวงตาก็อดเปล่งแสงไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจประโยชน์ยิ่งใหญ่ของทักษะการฝึกฝนคลื่นจิตแล้ว
เมื่อก่อนมู่เฉินไม่มีวิธีที่จะพัฒนาคลื่นจิต เขาพึ่งพาโอกาสบางอย่างเพื่อเสริมความเข้มแข็งเท่านั้น นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นก็ไม่ชัดเจน เพียงแต่ว่าเป็นการสะสมทีละน้อย ทำให้คลื่นจิตของเขาแซงหน้าจอมยุทธ์ธรรมดาไป
แต่ตอนนี้หลังจากได้รับคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ เขาที่ทำการฝึกฝนเพียงหนึ่งเดือน คลื่นจิตก็มีพัฒนาการเทียบเท่ากับหนึ่งปีก่อนเลยทีเดียว…
“มิน่าล่ะทำไมคนทั่วไปถึงเป็นจั้นเจิ้นซือได้ยากเย็นเช่นนี้ ถ้าไม่ได้รับทักษะการฝึกคลื่นจิต ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างวิญญาณสงครามที่มีลวดลายจั้นเหวินหมื่นลายเลย” มู่เฉินถอนหายใจขณะที่ส่ายหัว เพราะแม้ว่าเมื่อก่อนคลื่นจิตของเขาจะทรงพลัง แต่เขาก็ยังคงติดแหง็กอยู่ที่ลวดลายจั้นเหวินหมื่นลาย ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ ที่คิดจะเป็นจั้นเจินซือเลย
ในเส้นทางของจั้นเจิ้นซือ การเริ่มต้นเป็นส่วนที่ยากที่สุด
“ตอนนี้ข้าเห็นภาพคุกสายฟ้าแล้ว น่าจะพอประสบความสำเร็จในการก้าวทีละขั้นของคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ ในอนาคตเพียงแค่ขัดเกลาคลื่นจิตให้มากก็คงสามารถดูดดึงภัยพิบัติสายฟ้า ตราบใดที่สามารถผ่านภัยพิบัติประการแรกได้ ข้าก็จะได้รับคลื่นจิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก… ในเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงลวดลายจั้นเหวินหนึ่งหมื่นลาย แม้แต่ห้าหมื่นลายก็เป็นไปได้”
ขณะที่ความคิดแล่นในใจ เพียงแค่คิดถึงวันนั้นก็มอบความคาดหวังให้เขาแล้ว ลวดลายจั้นเหวินหนึ่งหมื่นลายไม่สามารถทำลายได้โดยจอมยุทธุ์มพลังจื้อจุนที่ต่ำกว่าขั้นเจ็ด หากเขาสามารถเข้าถึงลวดลายจั้นเหวินได้มากกว่าสามหมื่นลาย บางทีกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดก็ต้องหวาดกลัวเขา
แน่นอนมู่เฉินรู้ว่าตนเองต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองยาวนาน ก่อนที่จะสัมผัสกับประสบการณ์ภัยพิบัติประการแรก ทว่าส่วนที่ยากที่สุดในการสร้างโครงร่างเสร็จสิ้นแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของเวลาที่จะนำพาเขาผ่านภัยพิบัติไป
การเป็นจั้นเจิ้นซือทำให้มู่เฉินมีความมั่นใจมากขึ้น ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นจั้นเจิ้นซือ เขายังเป็นหลิงเจิ้นซืออีกด้วย ศาสตร์สองแขนงนี้มีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกันในสมัยโบราณ ดังนั้นจะต้องมีจอมยุทธ์ที่ศึกษาศาสตร์ทั้งสองในอดีต ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นยอดยุทธ์โดดเด่นกระทั่งในสมัยโบราณ
ฮา
มู่เฉินสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับคลื่นพลุ่งพล่านในหัวใจ จากนั้นด้วยความคิดสายหนึ่งเขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าของจุดจื้อจุนไห่ เจดีย์สีดำยังคงตั้งตระหง่านนิ่งเงียบต่อหน้าเขา
เปลวไฟสีทองสว่างไสว ขณะที่กลั่นควันสีฟ้าอมเขียวที่เข้ามาในเจดีย์อย่างไม่สิ้นสุด คลื่นหลิงเทลงมาจากเจดีย์พร้อมกับเสียงดังกึกก้องพล่านเข้าไปในจุดจื้อจุนไห่ที่อยู่เบื้องล่าง
ช่วงเวลาหนึ่งเดือน เจดีย์ฝูถูทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อกลั่นแก่นคลื่นหลิงในเม็ดยาหยุ่นลั้ว กลั่นโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย มู่เฉินรู้สึกได้ว่าเทียบกับเดือนก่อนคลื่นหลิงของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ระดับของความเข้มข้นในจุดจื้อจุนไห่ก็เพิ่มขึ้นด้วย
“คลื่นหลิงระดับนี้… ไม่ไกลจากระดับจื้อจุนขั้นห้าแล้ว”
ประกายแสงวูบไหวในดวงตาของมู่เฉิน ขณะที่เขาสัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ถึงปลายสุดของระดับจื้อจุนขั้นสี่แล้ว ซึ่งห่างจากขอบเขตของขั้นห้าอีกเพียงก้าวเดียว!
“แต่ถึงจะกลั่นยาหยุ่นลั้วสองหมื่นเม็ดหมดลง ก็กลัวว่ายังไม่สามารถบรรลุในก้าวสุดท้ายได้” ความคิดวนเวียนอย่างรวดเร็วในใจของมู่เฉิน อึดใจจิตใจก็เคลื่อนไหวออกจากสภาวะการฝึกฝน ร่างเขาที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาในถ้ำก็เปิดตาขึ้นอย่างช้าๆ
ควันสีฟ้าอมเขียวหนาแน่นในถ้ำบางเบาลงมาก เนื่องจากถูกมู่เฉินดูดซับและกลั่น ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมาเขาค่อยๆ กินยาหยุ่นลั้วสองหมื่นเม็ดเข้าไปจนหมด
มู่เฉินจ้องมองควันสีฟ้าอมเขียวที่จางลง จากนั้นก็จมลงในความคิดชั่วครู่ ก่อนที่จะตบกำไลเฉียนคุนบนข้อมือ ทันใดนั้นกระแสน้ำก็ไหลออกมา กระจายไปทั่วถ้ำ
กระแสน้ำที่พวยพุ่งออกมาก็คือของเหลวจื้อจุนจำนวนนับไม่ถ้วน กะคร่าวๆ น่าจะมีอย่างน้อยแสนหยด
ตอนนี้ชัดว่ามู่เฉินมีฐานะดีกว่าช่วงแรกที่เพิ่งเข้ามาในภูมิภาคทางเหนือมาก หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ปริมาณของเหลวที่มีครอบครองก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าจะใช้ไปพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังคงสะสมส่วนหนึ่งไว้สำหรับตัวเขาเพื่อช่วยในการมีพัฒนาการก้าวสุดท้ายนี้
ด้วยของเหลวจื้อจุนแสนหยดก็น่าจะเพียงพอสำหรับมู่เฉินที่จะบรรลุในครั้งนี้แล้ว
ครืน!
มู่เฉินวาดกระบวนท่าในมืออย่างรวดเร็ว เขาเปิดปากขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นของเหลวจื้อจุนก็หลั่งไหลเข้าไป
ท้องฟ้าแยกออกในจุดจื้อจุนไห่อีกครั้ง จากนั้นสายธารก็ตกลงมาราวกับน้ำตก ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในเจดีย์
ครืนนน!
พร้อมกับคลื่นหลิงจำนวนมหาศาลที่เพิ่มขึ้นจากของเหลวจื้อจุน ความเร็วในการกลั่นของเจดีย์ก็เริ่มเพิ่มขึ้นตาม ขณะที่เปลวเพลิงสีทองสว่างไสวก็กลั่นคลื่นหลิงจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเทลงในจุดจื้อจุนไห่ เปลี่ยนเป็นคลื่นหลิงของมู่เฉิน
มู่เฉินมองภาพเบื้องหน้าก็นั่งลงบนท้องฟ้า ตราประทับสร้างขึ้นในฝ่ามือ เขาหมุนเวียนวิชามหาเจดีย์ ทันใดนั้นเจดีย์ฝูถูก็เริ่มสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น มังกรจำนวนมากบินฉวัดเฉวียนออกมาจากเจดีย์ไม่สิ้นสุด…
จุดจื้อจุนไห่โยกคลอนตามด้วยเสียงกระหึ่ม ขณะที่คลื่นหลิงขนาดใหญ่กลิ้งตัวบนผิวน้ำรุนแรง ชั้นของคลื่นซ้อนทับกันพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้า
ภาพนี้ราวกับว่ากำลังพยายามทำลายตรวนไปให้ถึงระดับที่สูงขึ้น
เส้นทางการเป็นยอดยุทธ์ต้องไร้ความหวาดกลัวต่ออันตรายทุกรูปแบบ โดยไม่สนใจเพื่อพาตนเองบรรลุถึงจุดสูงสุดให้ได้ เพราะมีเพียงวิธีนี้พวกเขาถึงจะโดดเด่นท่ามกลางจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนในโลก กลายเป็นหนึ่งเดียวในมหาพันภพ!
ดังนั้นขณะที่มู่เฉินเริ่มรวบรวมสมาธิกลั่นยาหยุ่นลั้วและของเหลวจื้อจุนอย่างเต็มกำลัง เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไปอีกครั้ง…
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในเทือกเขาห่างไกล เสียงหวีดหวิวดังออกมาจากทุกทิศทาง ขณะที่ร่างแสงนับไม่ถ้วนพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนจะเคลื่อนตัวออกไปไกล ในเวลาเดียวกันร่างแสงจำนวนเดียวกันก็พุ่งมาจากระยะไกลพร้อมกับรัศมีรุนแรง
เทือกเขานี้เป็นสถานที่พักของหน่วยรบทั้งห้าแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ อันที่จริงพวกเขาไม่คิดเลยว่าการฝึกฝนของมู่เฉินจะกินเวลานานถึงหนึ่งเดือน
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาพวกเขาตั้งมั่นอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องมู่เฉิน ในกรณีที่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างการฝึกฝนของเขา แต่โชคดีหลังจากที่พวกเขาเดินทางออกจากซากอารยธรรมความตาย พวกเขาก็โกยยาหยุ่นลั้วมาได้เพียงพอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ประสบความสูญเสียใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้นขณะที่มู่เฉินเข้าสมาธิ พวกผู้บัญชาการก็ผลัดกันออกไปจากที่พักเป็นครั้งคราวเพื่อมองหาซากอารยธรรมอื่นเพื่อช่วยละลายความเบื่อหน่ายให้คลายลงได้บ้าง
ขณะที่พวกเขาออกไปก็ยังแอบไปสืบข่าวในสมรภูมิหยุ่นลั้วด้วย เห็นได้ชัดว่าเมื่อเวลาผ่านไปความโหดร้ายของสงครามล่าก็ลุกลามเป็นวงกว้าง
เพียงเวลาหนึ่งเดือนก็เกิดการต่อสู้โหดร้ายนับไม่ถ้วนในสมรภูมิหยุ่นลั้ว บางขั้วอำนาจที่อ่อนแอถูกทำลายล้างหรือทิ้งไว้เป็นซากในสนามรบโบราณนี้ ทั่วดินแดนโหดร้ายมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ในบรรดาขั้วอำนาจเหล่านั้นมีกระทั่งสำนักชั้นสูงที่จ่ายราคามหาศาลจนต้องถอยออกจากสนามรบ
แน่นอนว่า ยิ่งกว่านั้นความขัดแย้งก็ทวีความรุนแรงขึ้นขณะที่เวลาผ่านไป แม้แต่ขั้วอำนาจสูงสุดก็เริ่มมีการปะทะกัน
ทุกคนรู้สึกได้ว่าสงครามล่าตอนนี้มาถึงจุดที่บ้าคลั่งแล้ว… แม้แต่ขั้วอำนาจสูงสุดก็มีความเสี่ยงที่จะถูกทำลายล้าง!
บนยอดเขา
ร่างเพรียวบางของจิ่วโยวยืนท้าสายลมที่พัดเข้ามา สายตานางจับจ้องอยู่ที่ยอดเขาซึ่งอยู่ไม่ไกล ที่นั่นเป็นถ้ำที่ปิดแน่นหนา ซึ่งมู่เฉินกำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่
นับตั้งแต่มู่เฉินเข้าไปก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลย หากไม่ใช่ว่าพวกนางยังสามารถรู้สึกถึงความผันผวนของคลื่นหลิงจากด้านใน พวกนางอาจคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการฝึกฝนของมู่เฉินไปแล้ว
หนึ่งเดือนไม่ใช่เวลาสั้นๆ ในสงครามล่า หากพวกเขาไม่ได้เก็บเกี่ยวเพียงพอในซากอารยธรรมความตาย พวกเขาคงจะถูกทิ้งไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว
ฟิ้ว!
เสียงลมอัดอากาศดังก้อง ขณะที่ร่างจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นข้างจิ่วโยว พวกเขาก็คือผู้บัญชาการคนอื่นๆ แต่ละคนมองสถานที่ฝึกของมู่เฉินก็ขมวดคิ้ว “ผู้บัญชาการมู่ยังไม่มีทีท่าจะออกมาอีกเรอะ?”
จิ่วโยวส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น เห็นได้ชัดว่าเวลาในการเข้าสมาธิของมู่เฉินเกินความคาดหมายไปมาก
“ฮ่าๆ เข้าสมาธินานขนาดนี้ คงเก็บเกี่ยวดีงามแน่ ดูท่าหลังจากการเข้าสมาธิครั้งนี้พลังของผู้บัญชาการมู่จะได้รับการส่งเสริมขึ้นอย่างมากแน่” เสี่ยยิงยิ้มพูดจากด้านข้างโดยไม่ได้ร้อนใจอะไร
“แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาเราจะไม่ได้เก็บเกี่ยวมากมาย แต่ก็ถือว่าพักผ่อนเต็มที่และหลีกเลี่ยงบรรยากาศที่น่ากลัวในสมรภูมิหยุ่นลั้ว ไม่งั้นถ้าเราพบกับหมู่ตึกเทวะที่โหดขึ้นในตอนนี้ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน” หลิงเจี้ยนเอ่ย
เมื่อได้ยินคำว่าหมู่ตึกเทวะ สีหน้าของเหล่าผู้บัญชาการก็เย็นกระด้างขึ้น ครึ่งเดือนก่อนหมู่ตึกเทวะได้ปะทะกับยอดเขาหมื่นเทพซึ่งเป็นอีกหนึ่งขั้วอำนาจสูงสุดเหมือนกัน เพื่อที่จะแย่งชิงซากอารยธรรมระดับหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ทว่าผลลัพธ์กลับทำให้ทุกคนตกตะลึง
อัจฉริยะศาสตร์รัศมีจั้นยี่ของยอดเขาหมื่นเทพพ่ายแพ้ให้กับจินไถหลิวหลีแห่งหมู่ตึกเทวะ ไม่เพียงแต่เขาได้รับบาดเจ็บหนัก กระทั่งกองทัพชั้นยอดครึ่งหนึ่งก็ล้มหายตายจากในการต่อสู้ มิหนำซ้ำยังมีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกที่สิ้นชีพจากการปะทะกันครั้งนี้ ถือเป็นการสูญเสียที่น่าสลดใจนัก…
การต่อสู้ครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงให้กับจินไถหลิวหลีอย่างสมบูรณ์ ยิ่งใหญ่กว่ากระทั่งฟังยี่ที่เป็นเจ้าบันทึกมังกรหงส์ก็ดูหมองลงหลายส่วน
“จินไถหลิวหลีน่าจะบรรลุเป็นจั้นเจิ้นซือแล้ว” จิ่วโยวกล่าวอย่างเคร่งขรึม หากไม่เป็นเช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
สีหน้าของคนที่เหลือเคร่งเครียดลง การเผชิญหน้ากับจั้นเจิ้นซือที่ควบคุมกองทัพชั้นยอด แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็ยังกล้วจนลนลาน
“มีข่าวว่าช่วงนี้ฟังยี่ค้นหาร่องรอยของพวกเรา ดูเหมือนว่าพวกเขาอยากแก้แค้น เราเก็บตัวกันก่อนก็ดี” จิ่วโยวพูดเสียงเบาๆ “รอให้มู่เฉินออกจากสมาธิ เราก็สามารถเคลื่อนพลไปร่วมกับหน่วยรบอื่นพื่อรอคำสั่งท่านประมุข”
คนอื่นๆ พยักหน้าเป็นความจริงที่การเคลื่อนไหวของหมู่ตึกเทวะตอนนี้ดุร้ายยิ่งนัก บวกกับจินไถหลิวหลีซึ่งเป็นจั้นจิ้นซือ พวกเขาคงต้องรอจนกว่ามู่เฉินจะออกมาก่อนถึงจะไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายได้
ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่สามารถต้านทานคงหอกคมดาบของหมู่ตึกเทวะได้
ตึง!
ขณะที่ความคิดไหลเวียนอยู่ในหัว ทันใดนั้นผืนดินก็สั่นสะเทือน ทำให้เหล่าผู้บัญชาการตกใจไป พวกเขารีบเงยหน้าขึ้นมองดูปากถ้ำที่ปิดสนิทด้วยสายตาประหลาดใจและดีใจ
พวกเขารู้สึกได้ถึงคลื่นหลิงยิ่งใหญ่หลั่งไหลออกมาจากถ้ำคล้ายกับการระเบิดของภูเขาไฟในเวลานี้!
ชัดว่าคลื่นหลิงนี้เป็นของมู่เฉิน!
หลังจากอยู่ในสมาธิหนึ่งเดือนเต็ม ในที่สุดเขาก็มีการเคลื่อนไหวแล้ว!