หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 907 ชุมนุม
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 907 ชุมนุม
“ข้าเสนอให้ช่วยเหลือผู้บัญชาการปิงเหอ”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของมู่เฉินก็มีการเปลี่ยนแปลงในท่าทางอยู่บ้าง แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองมา เมื่อเห็นดังนี้มู่เฉินก็ยิ้ม “ข้าเชื่อว่าทุกคนรู้ข้อดีข้อเสียแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผู้บัญชาการปิงเหอก็ยังเป็นสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หากเราปล่อยให้เขาถูกประหารต่อหน้าขั้วอำนาจอื่นๆ ก็จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเรา ขั้วอำนาจที่ปล่อยให้นักรบของตนต้องตายแบบน่าอับอายและไม่ทำอะไร เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของผู้อื่นเหน็บหนาวได้”
“การกระทำของจวนยมโลกเป็นการพยายามทำลายขวัญกำลังใจของเราจากภายใน ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปกองทัพของเราก็จะตกต่ำอย่างไม่ต้องสงสัย ในเมื่อศึกสุดท้ายใกล้เข้ามา หากขวัญกำลังใจลดลงพลังในการต่อสู้ก็จะได้รับผลกระทบแน่นอน”
“ดังนั้นถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ก็จะเป็นไปตามแผนที่จวนยมโลกต้องการ”
ใบหน้าของคนอื่นๆ ฉายความเคร่งเครียดลงหลายส่วนขณะที่พยักหน้า พวกเขาสัมผัสได้ถึงแผนเหี้ยมโหดของจวนยมโลก
“แต่ข้าเกรงว่าจวนยมโลกคงไม่ให้เราช่วยเขาได้ง่ายนัก นอกจากนี้อาจเป็นการขุดหลุมเพื่อให้เรากระโดดเข้าไปซะมากกว่า” จิ่วโยวเอ่ย
“ด้วยพลังของจวนยมโลก ในกรณีที่จอมยุทธ์ชั้นสูงของทั้งสองฝ่ายอยู่ไม่ครบ ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะกลืนกินพวกเรา ดังนั้นพวกมันไม่สามารถทำอะไรได้หรอก”
ม่านตาสีดำของมู่เฉินกะพริบ จากนั้นก็พูดต่อเบาๆ “ในเมื่อนี่เป็นการชุมนุม พวกมันต้องเชิญหมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภามาด้วยแน่…ซึ่งคนเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับเราที่แย่มาก หากทั้งสามมารวมกันพวกมันอาจฝังกลบเราได้จริงๆ”
เมื่อได้ยินแม้แต่ใบหน้าของซิวหลัวก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไป ถ้าขั้วอำนาจสูงสุดทั้งสามมีความตั้งใจเช่นนั้น สถานการณ์คงย่ำแย่อย่างยิ่งสำหรับอาณาเขตกงเวทสวรรค์
“แล้วเราจะยังไปช่วยเขาอยู่ไหม?” บางคนขมวดคิ้ว จวนยมโลกร้ายกาจแท้จริง บังคับพวกเขาให้ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้
“ในเมื่อจวนยมโลกหาคนมาช่วยได้ ทำไมเราทำมั่งไม่ได้ล่ะ? ” มู่เฉินยิ้ม
เหล่าผู้บัญชาการมองหน้ากัน
“จวนยมโลกสังหารอัจฉริยะรัศมีจั้นยี่ของแดนปีศาจ ดังนั้นความโกรธแค้นระหว่างสองกองทัพจึงเป็นเรื่องใหญ่หลวงอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดคุยข้อตกลงไปบ้าง ถ้าจะจัดการกับจวนยมโลกพวกเขาก็ยินดีที่จะร่วมมือกับเรา มิหนำซ้ำยอดเขาหมื่นเทพก็ไม่ค่อยพอใจหมู่ตึกเทวะ ถ้าหมู่ตึกเทวะเข้าร่วมก็ไม่ยากที่เราจะเชิญยอดเขาหมื่นเทพร่วมกับทางเรามั่ง ด้วยวิธีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวทั้งสามที่รวมพลังกันหรอก” มู่เฉินกล่าวช้าๆ
“เจ้าทำข้อตกลงกับแดนปีศาจไว้แล้วรึ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน แม้แต่ซิวหลัวก็ยังฉายสีหน้าประหลาดใจ ขณะคนอื่นๆ ถึงกับตกตะลึงไป ในสงครามล่าไม่ว่าใครก็ถือว่าเป็นศัตรูทั้งหมด ยากยิ่งที่จะได้รับการสนับสนุนความร่วมมือ แต่มู่เฉินกลับสามารถร่วมมือกับแดนปีศาจได้ ช่างเกินความคาดหมายนัก
มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ยากเกินสำหรับความร่วมมือในสงครามล่า ตราบใดที่ได้ผลประโยชน์ก็ไม่มีใครปฏิเสธหรอก เหมือนกับที่หมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภาร่วมมือกับจวนยมโลกไง ทั้งสามมีเป้าหมายเดียวกันซึ่งก็คือกำจัดอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเราให้พ้นทาง”
พวกซิวหลัวพยักหน้า จากนั้นก็ครุ่นคิดก่อนที่จะกวาดสายตา “ถ้างั้นทุกคนยังมีความเห็นอื่นอีกไหม?”
คนที่เหลือส่ายหน้า ในเมื่อตัดสินใจแล้ว พวกเขาก็ไม่คิดกลัวจวนยมโลก เพราะการกระทำครั้งนี้ของจวนยมโลกเพิ่มความเกรี้ยวกราดให้กับจอมยุทธ์ชั้นสูงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ยิ่งนัก หากพวกเขาก้มหน้ารับชะตากรรม อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะเหลือฐานรากในภูมิภาคทางเหนือได้อย่างไรในอนาคต?
“ตกลง งั้นแจ้งคำสั่งออกไป เราจะเคลื่อนทัพไปยังเทือกเขากู่ไหสามวันนับจากนี้ แล้วมาดูกันสิว่าจวนยมโลกจะกระหายอยากมากจนกินอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเราได้หรือไม่!” ซิวหลัวเผยรอยยิ้มเย็นขณะที่พูดอย่างเย็นชา
เมื่อคนอื่นได้ยินคำพูดของเขาก็พยักหน้าหนักแน่น ตอนนี้พวกเขารวบรวมจำนวนยาหยุ่นลั้วได้เรียบร้อยแล้ว ได้แต่รอคำสั่งของมั่นถัวหลัวและจอมพลทั้งสาม ในเมื่อจวนยมโลกกล้าปีนเกลียวกันแบบนี้ พวกเขาก็ต้องบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าต้องจ่ายราคาสูงระยับแค่ไหนในการทำเช่นนั้น!
“ผู้บัญชาการมู่เป็นจั้นเจินซือแล้วใช่ไหม?” เมื่อเห็นบรรยากาศพลุ่งพล่านรอบตัวทุกคน ซิวหลัวก็ยิ้มพลางมองไปทางมู่เฉิน
เมื่อเห็นสายตาของซิวหลัว มู่เฉินก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
“ฮ่าๆ ได้ข่าวว่าผู้บัญชาการมู่ช่วยผู้บัญชาการเลี่ยซันและหน่วยรบกลั่นวิญญาณสงครามแล้วใช่ไหม?” ซิวหลัวยิ้มตาหยี
เมื่อผู้บัญชาการคนอื่นได้ยิน ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายทันที แต่ละคนมองมู่เฉินด้วยแววตาน้ำลายสอ ความตั้งใจของพวกเขาชัดเจนล้นเหลือ
เมื่อเห็นสายตาเหล่านี้ มู่เฉินถึงกับขนลุกชัน ผู้บัญชาการซิวหลัวข่าวไวจริงๆ เขายังไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ถูกรู้เข้าแล้ว
แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่มีเหตุผลใดที่มู่เฉินจะปฏิเสธ เขายิ้มอย่างไม่คิดปิดบัง “ถ้าทุกคนไว้วางใจข้า สามารถนำหน่วยรบของเจ้ามาให้ข้าเพื่อกลั่นวิญญาณสงครามได้ แต่วิญญาณสงครามที่ถูกกลั่นโดยข้าจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไรก็ขอให้รับรู้ไว้ก่อน”
สิ่งที่เขาพูดก็คือการที่เขากลั่นวิญญาณสงครามก็จะมีรอยประทับของเขาหลงเหลืออยู่ ดังนั้นถ้าหน่วยรบหันกลับมาต่อต้านเขา แค่ความคิดสายเดียวของเขาก็เพียงพอจะทำลายรัศมีจั้นยี่ของพวกเขาจนไม่เหลือซาก
แต่ถึงแม้จะรู้เรื่องนี้แล้วก็ไม่มีใครใส่ใจ “ผู้บัญชาการมู่ทำไปให้เต็มที่เลย”
พวกเขาไม่คิดว่าจะมีวันไหนต้องใช้หน่วยรบมาสู้กับมู่เฉิน เพราะหากสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะต้องตกอยู่ในจลาจลแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นคงไม่มีใครสนใจเรื่องนี้หรอก
เมื่อได้ยินเสียงคำอนุญาตของพวกเขา มู่เฉินก็ยิ้มพลางพยักหน้า “งั้นปล่อยเป็นหน้าที่ข้า อีกสามวันข้างหน้าข้าจะคืนหน่วยรบที่กลั่นวิญญาณสงครามเรียบร้อยให้พวกเจ้า”
ด้วยพลังในปัจจุบันของเขาในฐานะวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือ ไม่ยากสำหรับเขาที่จะช่วยหน่วยรบเหล่านี้กลั่นวิญญาณสงคราม แต่เมื่อวิญญาณสงครามหลุดออกจากการควบคุมของเขา ความสามารถกองทัพที่จะปลดปล่อยออกมาก็จะลดลงอย่างมาก
แต่ไม่ว่าจะอ่อนแอแค่ไหน ก็ยังแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน ตอนนี้สงครามใหญ่กำลังจะมาถึง ถ้าพลังการต่อสู้ของกองทัพสามารถยกระดับเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย บางทีอาจสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงได้ ไม่ว่าอย่างไรการบำรุงกำลังนักรบเหล่านี้ ผู้บัญชาการทั้งหลายก็เสียพลังงานและทรัพยากรไปมาก
“ขอบใจสำหรับเรื่องนี้ผู้บัญชาการมู่!”
เมื่อคนอื่นเห็นมู่เฉินพยักหน้า พวกเขาก็ยินดีประสานมือขอบคุณทันที ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าทำไมพวกเลี่ยซันถึงได้สุภาพต่อมู่เฉินนัก กระทั่งเสี่ยยิงที่เคยกระทบกระทั่งกับจิ่วโยวและมู่เฉินก็ยังเต็มไปด้วยมารยาท ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถดูถูกตัวตนของมู่เฉินในฐานะจั้นเจิ้นซือได้
มู่เฉินยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติและตอบสนองต่อพวกเขาด้วยการยกมือคารวะ เขาไม่หยิ่งผยองเพียงเพราะตัวตนของเขาในฐานะจั้นเจิ้นซือ นี่ทำให้ผู้บัญชาการคนอื่นๆ พยักหน้าในใจ ถึงแม้ว่ามู่เฉินจะอ่อนอาวุโสมาก แต่เขาก็ไม่หยิ่งทะนงส้นฟ้าจนเกินไป ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกดี ความคิดที่ผ่านมาของพวกเขาที่มองมู่เฉินยังเด็กและไม่มีประสบการณ์ที่จะได้รับการจัดอันดับเดียวกับพวกเขาถูกกำจัดไปแล้ว
มู่เฉินไม่ได้พึ่งพามั่นถัวหลัวและจิ่วโยวเพื่อให้ตนเองมาได้ไกลขนาดนี้ เขาพึ่งพาความแข็งแกร่งและการทำงานหนักของตนเอง
สามวันถัดมาอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เตรียมกระบวนทัพ
ทุกหน่วยรบมีกำลังใจในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแผนการชั่วที่จวนยมโลกกระทำต่อพรรคพวกกระจายออก ทำให้นักรบทุกคนถึงกับเดือดดาล พวกเขารู้สึกภูมิใจที่เป็นสมาชิกของอาณาเขตกงเวทสวรรค์เสมอ ทว่าตอนนี้จวนยมโลกจับตัวผู้บัญชาการปิงเหอไว้เพื่อประหารต่อหน้าธารกำนัล พวกมันตั้งใจจะเหยียบหัวกัน
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะทนไม่ได้!
ขณะที่นักรบทุกคนของอาณาเขตกงเวทสวรรค์กำลังเตรียมปะทะกับกองทัพจวนยมโลก ข่าวการชุมนุมก็ถูกกวนตัวในช่วงสามวันที่ผ่านมา ก่อนที่จะกระจายไปถึงหูของทุกขั้วอำนาจ
พื้นที่ส่วนในมีความปั่นป่วนบางส่วนเกิดขึ้นเช่นกัน บางคนที่ได้รับข้อมูลพิเศษก็รู้เรื่องผู้บัญชาการปิงเหอแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ถูกจับตัวไปโดยจวนยมโลก ซึ่งนี่ทำให้หลายคนตกตะลึง ที่เรียกว่าการชุมนุมอาจเป็นลานประหารซะมากกว่า แต่…อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะง่ายต่อการฆ่าจริงเหรอ?
นั่นเป็นขั้วอำนาจสูงสุดที่ยืนหยัดอยู่ในภูมิภาคทางเหนือมาหลายปีเหมือนกันนะ!
ด้วยความภาคภูมิใจของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกเขาจะนั่งดูผู้บัญชาการของตนถูกประหารโดยจวนยมโลกได้อย่างไร? ดังนั้นคงจะเกิดการเผชิญหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างสองยักษ์ใหญ่
หลายขั้วอำนาจที่มีประสาทสัมผัสว่องไวก็รู้สึกคลุมเครือว่าในการชุมนุมนี้ อาจจะเกิดการต่อสู้ดุเดือดที่สุดตั้งแต่เริ่มสงครามล่า ไม่แน่อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอันดับขั้วอำนาจของสงครามล่าครั้งนี้ก็ได้
เพราะตอนนี้จอมยุทธ์ชั้นสูงทั้งหมดอยู่ในส่วนที่ลึกของสมรภูมิหยุ่นลั้วเพื่อค้นหาขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน หากหนึ่งในนั้นสามารถก่อหายนะหนักหน่วงกับกองทัพอื่นๆ ได้ก็จะเป็นข้อดีอย่างมาก
ดังนั้นการชุมนุมครั้งนี้จะต้องเป็นการเผชิญหน้าที่ดุเดือดที่สุด ก่อนการปรากฏขึ้นของขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน
จึงไม่ควรพลาดการชุมนุมนี้อย่างเด็ดขาด
เมื่อเกิดความคิดซ่อนเร้นนี้ขึ้น ทุกขั้วอำนาจที่ยึดถือความคาดหวังเหล่านี้ก็เดินทางอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดกระแสความปั่นป่วนในพื้นที่ด้านในทั้งหมด เงาร่างนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากทุกทิศทางเข้าไปในส่วนลึก
ในเวลาเดียวกันบนท้องฟ้าของหุบเขาขนาดใหญ่ กองทัพมหึมายืนตระหง่าน รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตพวยพุ่ง ทำให้แม้แต่หุบเขายังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
ซิวหลัว มู่เฉิน จิ่วโยวและผู้บัญชาการคนอื่นยืนอยู่หน้ากองทัพใหญ่ แต่ละคนแลกเปลี่ยนสายตากัน สายตาของพวกเขาคมขึ้นกล้า ซิวหลัวค่อยๆ ยกมือขึ้นแล้วสะบัดมือลง น้ำเสียงเหี้ยมหาญดังก้องไปถึงขอบฟ้า
“กองทัพอาณาเขตสวรรค์เคลื่อนพล—ช่วยเหลือ!”