หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 909 ประจันหน้า
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 909 ประจันหน้า
“จะคืนคนหรือจะสู้กัน จวนยมโลกเลือกมาเลย”
ขณะที่เสียงเย็นเยือกที่อัดแน่นด้วยไอสังหารของซิวหลัวดังก้องไปทั่ว หัวใจของผู้อื่นก็สั่นสะท้านเนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะใช้ดาบแทงทะลุตรงๆ แบบนี้
แค่เริ่มต้นการชุมนุม สถานการณ์ก็เดือดปะทุเปรี้ยงปร้างเสียแล้ว
เมื่อเสียงซิวหลัวกระจายออกไป เทียนเสียที่สวมชุดเกราะสีดำยืนอยู่หน้ากองทัพยมโลกก็ยกตาขึ้นช้าๆ เขาแลกเปลี่ยนสายตากับซิวหลัว ไอเย็นเยือกในดวงตากวนตัวรุนแรงจนสามารถแช่แข็งได้แม้แต่บรรยากาศ
“ผู้บัญชาการซิวหลัวนี่เป็นท่าทางของคนที่ต้องการขอคนคืนเรอะ?” เทียนเสียกล่าวอย่างช้าๆ น้ำเสียงแฝงความเยาะเย้ย
“ถ้าอาณาเขตกงเวทสวรรค์สามารถลดความถือดีขอร้องข้า ข้าอาจปล่อยผู้บัญชาการปิงเหอไปจริงๆ แต่ท่าทางเจ้าตอนนี้ไม่เหมือนการมาเจรจาเลยนะ”
รอยยิ้มเย็นผุดบนใบหน้าซิวหลัวขณะมองไปที่เทียนเสีย “ผู้บัญชาการเทียนเสียสายตาอะไรของเจ้าที่เห็นว่าข้ามาเพื่อเจรจา ไม่ว่าเจ้าจะคืนผู้บัญชาการปิงเหอมาหรือไม่ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”
คำพูดของซิวหลัวมั่นคงและแน่วแน่พร้อมกับรู้สึกได้ถึงจิตสังหารหนาแน่น ปิงเหอถูกจับและผู้ใต้บังคับบัญชาถูกฆ่าจนไม่เหลือ หากพวกเขายอมกลืนความขุ่นเคืองนี้ ก็เท่ากับทำลายชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์จนไม่เหลือหลอ
รอยยิ้มเย้ยหยันที่แขวนบนใบหน้าเทียนเสียค่อยๆ หุบลง เห็นได้ชัดว่าความแน่วแน่และเด็ดขาดของซิวหลัวอยู่เหนือความคาดหมายของเขา ตอนแรกพวกเขาวางแผนที่จะทำลายชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ซิวหลัวเฉลียวฉลาด ไม่คิดประนีประนอมแม้แต่น้อย ทำให้แผนที่วางไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า
แต่แม้ว่าแผนจะล้มเหลว ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทั่วไป เรื่องวันนี้เป็นการวางกับดักอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไว้ตั้งแต่ต้น ใบหน้าของเทียนเสียสาดความน่าขนพองสยองเกล้าขณะพูดเสียงไม่แยแสว่า “ไม่คิดปล่อยเรื่องไป? ผู้บัญชาการซิวหลัว เจ้าคิดว่าจวนยมโลกเป็นขั้วอำนาจดาษๆ ที่พวกเจ้าเคยปะทะมาก่อนหน้าเรอะ?”
“วันนี้กองทัพทั้งหมดของจวนยมโลกมารวมกันที่นี่ ดังนั้นต่อให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะมากันหมดแล้วจะทำอะไรได้?”
ซิวหลัวตอกกลับเสียงเย็น “แล้วไง? อาณาเขตกงเวทสวรรค์ยอมเสี่ยงที่จะบาดเจ็บล้มตายเพื่อปะทะกับจวนยมโลก เมื่อถึงเวลานั้นเราก็กอดคอกันลงนรกไปด้วยกันเท่านั้นเอง!”
ทั้งสองฝ่ายเป็นขั้วอำนาจสูงสุดของภูมิภาคทางเหนือ ดังนั้นหากระเบิดศึกขึ้นจริงๆ ละก็ พวกเขาจะทุ่มทุกอย่างที่มีใส่ไม่ยั้ง ในเวลานั้นไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ ผลของชัยชนะอาจไม่ได้เป็นของพวกเขา แต่เป็นสำหรับคนอื่นที่จ้องมองรอคอยจังหวะนี่ต่างหาก
ม่านตาเทียนเสียหดเกร็ง ท่าทีเด็ดขาดของซิวหลัวทำให้พวกเขารู้สึกกดดันแท้จริง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาดในสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายแบบนี้
ขั้วอำนาจอื่นๆ ก็แอบเดาะลิ้นขณะที่ดูการประจันหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายพรั่งพรูด้วยจิตสังหาร โดยปกติพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าแทรกในการต่อสู้ระดับนี้เลย ดังนั้นตอนนี้ทำเพียงยืนชมการต่อสู้แตกออกพอ พวกเขาจะรอดูว่ามีโอกาสที่จะตกปลาตัวใหญ่เพื่อรับประโยชน์จากการศึกครั้งนี้หรือไม่
“ฮ่าๆ ผู้บัญชาการซิวหลัวยังคงเหี้ยมหาญเช่นเดิมกระทั่งผ่านมาหลายปี น่าชื่นชมๆ แต่ข้ากลัวว่าวันนี้ยากที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะสู้จนทำให้เสียหายทั้งสองฝ่ายสินะ” ขณะที่แสงเย็นวาบในดวงตาของเทียนเสีย เสียงหัวเราะดังกึกก้องก็ระเบิดออกมาจากอีกทิศหนึ่ง สายตานับไม่ถ้วนหันไป ทุกคนเห็นว่าเทียนหลงจู่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากองทัพหมู่ตึกเทวะกำลังยิ้มเอ่ย
เมื่อเทียนหลงจู่พูด กองทัพที่รายรอบก็สั่นสะท้านในใจ พวกเขารับรู้ถึงสถานการณ์ผิดปกติที่กำลังก่อตัว พวกเขาบอกได้ว่าในการชุมนุมครั้งนี้จวนยมโลกและหมู่ตึกเทวะต่างมีเป้าหมายที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์
ทว่าก่อนที่ความตกตะลึงในใจของพวกเขาจะสงบลง ชายสวมเกราะทองคำที่ยืนอยู่ต่อกองทัพตำหนักสุดนภาก็พูดเสียงต่ำ “ในเมื่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์ชอบสร้างศัตรู งั้นตำหนักสุดนภาก็ขอเข้าร่วมด้วย มาดูสิว่าพวกเจ้าจะสามารถหลบหนีไปในวันนี้ได้ไหม!”
โห้!
หลังจากที่เทียนเสินจากตำหนักสุดนภาพูดออกมา ทั่วทั้งบริเวณก็ระเบิดด้วยความโกลาหล สายตาของพวกเขาเปลี่ยนแปลงวูบไหว ชัดว่าพวกเขาไม่ได้คิดว่าจวนยมโลก หมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภาจะพุ่งเป้าไปที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์พร้อมกันแบบนี้!
เผชิญหน้ากับสามขั้วอำนาจสูงสุด แม้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะอยู่ในระดับสูงสุดด้วย แต่ก็ยากที่พวกเขาจะหนีจากชะตากรรมการทำลายล้างได้!
หรือว่าก่อนศึกชี้ชะตาของสงครามล่า อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะถูกทำลายที่นี่ซะก่อน?
เหล่าจอมยุทธ์แต่ละคนดวงตากะพริบวูบไหวขณะที่บรรยากาศเริ่มแข็งตัว เมื่อขั้วอำนาจสูงสุดทั้งสี่ยืนประจันหน้ากัน แรงกดดันนั้นเล่นเอาพวกเขาหายใจไม่ออกเลยทีเดียว
โยวหมิงแห่งจวนยมโลก ฟังยี่แห่งหมู่ตึกเทวะ หลิ่วเหยียนและเซียวเทียนแห่งตำหนักสุดนภาก็จ้องมองมู่เฉินที่ยืนอยู่หน้ากองทัพอาณาเขตสวรรค์ ทำราวกับอีกฝ่ายเป็นเหยื่อที่อยู่ในกำมือพวกเขา เพราะตอนนี้ถือเป็นสถานการณ์สิ้นหวังของอาณาเขตกงเวทสวรรค์อย่างแท้จริง
เผชิญหน้ากับการรวมตัวของขั้วอำนาจสูงสุดทั้งสาม ผลลัพธ์ของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ถูกกำหนดแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสี่คนรู้สึกประหลาดใจก็คือพวกเขาไม่เห็นอาการตื่นตระหนกบนใบหน้าของมู่เฉินเลย อีกฝ่ายยังคงรักษาความสงบไว้ได้
“เมื่อไรที่จับแกได้ จะดูสิว่าแกยังทำเป็นเก่งได้อีกไหม!” ทั้งสี่หัวเราะสาแก่ใจในใจ ขณะที่คิดว่ามู่เฉินแค่ทำเป็นแกร่งกร้าวต่อหน้าประชาชีเท่านั้น
ทั่วบริเวณเงียบกริบ บรรยากาศถูกแช่แข็ง
มู่เฉินยืนอยู่เบื้องหน้ากองทัพอาณาเขตสวรรค์ ก็สัมผัสได้ถึงสายตาของฟังยี่กับคนอื่น ทว่าเขาไม่ได้สนใจ เพียงแค่หลุบตาลง อึดใจก็มีเสียงสะท้อนออกมา ร่างกายที่ตึงเครียดของเขาคลายลง เพราะเสียงนี้มาจากฝั่งแดนปีศาจนั่นเอง
“ฮิๆ พวกเจ้าคิดหมาหมู่นี่ ทำเอาแดนปีศาจยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้เลย จวนยมโลกก็ควรให้คำอธิบายแก่พวกข้าในการทำลายอัฉริยะรัศมีจั้นยี่ของแดนปีศาจสักหน่อยนะ?” คนที่พูดออกมาก็คือเยาเซียนจื่อ นางหัวเราะเบาๆ ขณะจ้องเขม็งไปยังจวนยมโลก น้ำเสียงนุ่มนวลกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา
การแทรกแซงโดยแดนปีศาจได้ตีบรรยากาศแข็งทื่อจนแตกออก เทียนเสียอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนที่ใบหน้าจะมืดครึ้มลง เขามองเยาเซียนจื่อพูดเสียงเย็นเยือก “อะไรกันแดนปีศาจของเจ้าคิดจะเข้ามาแส่กับเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
“ในเมื่อทุกคนต่างไม่พอใจซึ่งกันและกัน งั้นยอดเขาหมื่นเทพของข้าเล่นด้วย”
ก่อนที่เยาเซียนจื่อจะตอกกลับเทียนเสีย ผู้อาวุโสเซิ่งแห่งยอดเขาหมื่นเทพก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสูงวัยเต็มไปด้วยความไม่แยแส “ถึงแม้ว่าหมู่ตึกเทวะจะทรงพลัง แต่ยอดเขาหมื่นเทพก็ไม่ใช่จะกลัวความแข็งแกร่งเช่นนี้ เมื่อไม่นานมานี้สำนักของเจ้าแอบซุ่มโจมตีผู้อาวุโสชิงของสำนักข้าจนเขาตาย เราก็น่าจะเอาปัญหานี้มาถกกันหน่อยนะ”
เมื่อยอดเขาหมื่นเทพเปิดเผยความตั้งใจเข้ามายุ่ง กองทัพอื่นๆ ก็พากันสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดพร้อมกับแววตกตะลึงในสายตา สถานการณ์ตอนนี้คืออะไร? ขั้วอำนาจสูงสุดทั้งหกกำลังจะประกาศสงครามกันเลยเหรอ?
ถ้าพวกเขาสู้กัน สถานการณ์ในภูมิภาคทางเหนือเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน!
กองทัพอื่นมองด้วยความสนใจ พวกเขาไม่คิดว่าการประจันหน้ากันครั้งนี้จะรุนแรงตั้งแต่เริ่มต้น
เมื่อเทียบกับกองทัพคนอื่น ผู้นำของจวนยมโลก หมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภาก็มีใบหน้ามืดครึ้มลงหลายส่วน การเข้ามายุ่งกะทันหันของแดนปีศาจและยอดเขาหมื่นเทพทำลายแผนการของพวกเขาลงอีกเปลาะแล้ว
พวกเขาไม่คิดว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะแอบติดต่อกับคนอื่นไว้อย่างลับๆ หากเป็นเช่นนี้การรุมสกรัมครั้งนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร
นั่นเป็นเพราะหากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ยอดเขาหมื่นเทพและแดนปีศาจรวมตัวกัน ความแข็งแกร่งของทั้งสามกองทัพก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าพวกเขาเลย ถ้าพวกเขาต้องสู้กันจริงจัง ก็เป็นราคาที่ไม่มีใครจะจ่ายไหว
“หึ บทแสดงยอดเยี่ยมมากวันนี้ แต่ตำหนักเจ้าอสรพิษของข้าไม่ขอยุ่งเรื่องวันนี้ พวกเจ้าจะเล่นอะไรก็เชิญ ข้าจะดูอยู่ข้างๆ เอง”
เสียงหัวเราะแปลกประหลาดระเบิดออกมาจากผู้อาวุโสวั้นหมั่งแห่งตำหนักเจ้าอสรพิษที่ยังไม่ได้ประกาศจุดยืน เขาโบกมือนำกองทัพตนเองหลีกห่างออกไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้
แต่ท่าทางที่จะมองจากด้านข้างกลับทำให้หัวใจของเทียนเสียและคนอื่นๆ ดิ่งลง ตำหนักเจ้าอสรพิษฉลาดแกมโกงแท้จริง พวกเขาวางแผนรอดูจากด้านข้างเพื่อจับปลาใหญ่เมื่อการต่อสู้แตกหักลง
บรรยากาศที่ทำให้คนอื่นรู้สึกหายใจไม่ออกหายไปอย่างสมบูรณ์ สถานการณ์ในปัจจุบันกลับเป็นอิหลักอิเหลื่อ นั่นเพราะทุกคนรู้ว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายมีพลังเท่ากัน โอกาสในการต่อสู้ก็จะลดลงอย่างมาก…
ผู้ที่หวังในใจว่าขั้วอำนาจสูงสุดจะเปิดศึกใหญ่ก็รู้สึกผิดหวัง เนื่องจากถ้าขั้วอำนาจสูงสุดเหล่านั้นไม่เปิดศึก แล้วพวกเขาจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อย่างไร?
บรรยากาศน่าอึดอัดใจยังดำเนินต่อไประยะหนึ่ง ก่อนที่เทียนเสียจะกล่าวเสียงขรึม “ช่างคิดนักนะไอ้พวกอาณาเขตกงเวทสวรรค์…”
สิ่งที่เขาหมายถึงก็คือสถานการณ์ที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ควรถูกล้อมด้วยสามกองทัพได้เปลี่ยนเป็นการเผชิญหน้าที่น่าอึดอัดใจแทน
“ก็เหมือนกันนี่” ซิวหลัวตอบเสียงเรียบ ทว่าสายตากลับเหลือบมองไปที่มู่เฉินที่อยู่ด้านข้างด้วยความชื่นชม นั่นเป็นเพราะมู่เฉินเป็นคนจัดการเรื่องเจรจากับยอดเขาหมื่นเทพและแดนปีศาจ
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของซิวหลัว มู่เฉินก็ยิ้มบาง จวนยมโลกพยายามใช้ความขุ่นเคืองที่พวกเขามีกับหมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภาเพื่อมาจัดการ แต่ดันลืมไปว่าพวกเขาก็สามารถใช้กลยุทธ์เดียวกันได้
แต่แม้ว่าการต่อสู้จะไม่เกิดขึ้นยามนี้ อีกฝ่ายคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้สงบลงง่ายๆ การปะทะของชุมนุมครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้นตอนนี้
ขณะที่มู่เฉินมีความคิดเช่นนี้ หลินหมิงที่ยืนเยื้องเบื้องหลังเทียนเสียที่จ้องมองมาตลอดก็แลบเลียริมฝีปากเปิดเผยรอยยิ้มน่าขนลุก ก่อนจะย่างเท้าออกมาช้าๆ ภายใต้การจับตามองของขั้วอำนาจใหญ่น้อยในสถานที่แห่งนี้
**สำนวนดาบแทงทะลุตรงๆ แปลประมาณว่าแบบเจาะประเด็นตรงๆ