หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 916 คลื่นจิตที่เพิ่มขึ้นมหาศาล
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 916 คลื่นจิตที่เพิ่มขึ้นมหาศาล
บนท้องฟ้า
หลินหมิงยืนอยู่พร้อมกับรัศมีจั้นยี่รุนแรงก่อตัวเป็นพายุล้อมรอบตัวไว้ ขณะที่สาดความเผด็จการกระทั่งมิติยังไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้ ค่อยๆ บิดเบี้ยวลงทีละน้อย
ภาวะบีบคั้นที่น่ากลัวเล็ดลอดออกจากร่างกายของหลินหมิง
หลินหมิงรู้สึกว่ารัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนในหัวสมองราวกับภูเขาไฟ พลังงานนี้โหมกระหน่ำด้วยต้องการทำลายหัวของเขา ทำให้เส้นเลือดถึงกับบิดเกลียวไปมาบนหน้าผาก
ทว่าขณะนี้เขาได้ระงับความป่าเถื่อนในหัวสมองลงพลางจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตาแดงฉาน เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายปิดตาลง หางตาเขาก็กระตุกเล็กน้อย น้ำเสียงขนพองสยองเกล้าเอ่ยขึ้น “ถึงจุดนี้แล้วแกยังกล้าทำท่าแบบนี้ รนหาที่ตายจริงๆ!”
ในเวลาเดียวกันกับที่คลื่นจิตทรงพลังสร้างความเจ็บปวดรุนแรงต่อหัวสมอง สิ่งนี้ยังเพิ่มความมั่นใจกับเขา ภายใต้สภาวะนี้เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองสามารถปราบมู่เฉินได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือเหมือนกัน แต่จำนวนลวดลายจั้นเหวินที่เขาควบแน่นถือได้ว่าโดดเด่นมาก แม้จะอยู่ในระดับนี้ก็ตาม
ขณะที่มู่เฉินเพิ่งบรรลุวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือได้ ดังนั้นโดยพื้นฐานจึงยากที่มู่เฉินจะเผชิญหน้ากับเขา
ชัยชนะอยู่ในมือเขาแล้ว
ทว่าแม้จะคิดแบบนี้ในใจ แต่หลินหมิงก็ยังรู้สึกตงิดในใจ คนที่ระมัดระวังอย่างเขาบอกได้ว่าการต่อสู้นี้จะลากยาวต่อไปไม่ได้แล้ว มู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา ในเมื่อได้โอกาส เขาก็ต้องเอาชนะมู่เฉินให้จนถึงจุดที่อีกฝ่ายไม่มีแรงแม้แต่จะยืนขึ้นอีกตลอดกาล
เมื่อความคิดวาบผ่านในใจ แววตาของหลินหมิงก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงวูบไหว เหนือขึ้นไปกะโหลกดำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยเปลวไฟสีแดงเข้มก็ดูเหมือนมีชีวิตขึ้น
ตู้ม!
คลื่นรัศมีจั้นยี่รุนแรงที่มองเห็นด้วยตาเปล่าพุ่งออกจากกะโหลกดำ มิติบ้าคลั่งขณะที่ปากใหญ่เปิดขึ้นช้าๆ
ลวดลายจั้นเหวินสีดำรวมตัวกันอย่างรุนแรงใกล้ปากนั่นพร้อมกับความผันผวนของทำลายล้างเกิดขึ้นโดยปราศจากเสียงดังรบกวนใดๆ ทำให้จอมยุทธ์รอบด้านเปลือกตากระตุก
เหล่าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์กำมือแน่น ต่างจ้องมองมู่เฉินที่ดูสงบนิ่ง ในช่วงเวลานี้สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือหวังว่ามู่เฉินจะยังมีไพ่ตายในแขนเสื้อ
“ถ้ามู่เฉินหมดกลยุทธ์ เขาแพ้หลินหมิงแน่” แดนปีศาจและยอดเขาหมื่นเทพที่เฝ้ามองดูฉากนี้ จากนั้นพวกเขาก็ต่างส่ายหัว สถานการณ์ตอนนี้ถูกควบคุมโดยหลินหมิงอย่างสมบูรณ์ ถ้ามู่เฉินไม่มีกลยุทธ์ใดออกมาก็ยากที่จะสั่นสะเทือนชัยชนะในยกนี้ได้
ครืน!
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ดวงตาของหลินหมิงก็ลุกโชนด้วยแสงโชติช่วง ขณะที่ลวดลายจั้นเหวินสีดำในปากกะโหลกขนาดมหึมาถูกรวมจนถึงขีดสุด
มุมปากของหลินหมิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วช้า ก่อนที่จะประกบมือเข้าด้วยกัน น้ำเสียงอัดแน่นด้วยจิตสังหารดังก้อง “ทักษะดูดกลืนปีศาจ แสงความตายเขมือบปีศาจ!”
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ปากสีดำเปิดอ้ากว้างทันที คลื่นกระแทกสีดำก่อร่างเป็นลำแสงสีดำขนาดร้อยจั้งยิงออกไป
แสงสีดำนี้แปลกประหลาดมาก ไม่มีคลื่นความผันผวนใดๆ ช่างเป็นความตายที่นิ่งเงียบจมลึก กระทั่งคลื่นหลิงในฟ้าดินตรงทางผ่านก็ยังถูกทำลาย
เมื่อจอมยุทธ์ที่อยู่ที่นี่สัมผัสได้ว่าแสงสีดำทรงพลังเพียงใด หนังหัวพวกเขาก็ลุกชัน ถ้าพวกเขาถูกโจมตีจากกระบวนท่านี้ แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายก็จะถูกลบทิ้งจนหมดสิ้น การโจมตีของหลินหมิงครั้งนี้รุนแรงและเลวร้ายมาก
เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ มู่เฉินจะสู้อย่างไร?
“ฮึ่ม!”
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน แสงสีดำก็พุ่งทะลุขอบฟ้าครอบร่างมู่เฉินไว้ ความเร็วพอกับสายฟ้าฟาดไม่มีทางหลบพ้นได้
ที่ด้านหลังซิวหลัวก็ขมวดคิ้วแน่น ร่างเกร็งแน่นขึ้น ถ้ามู่เฉินไม่สามารถต้านทานหลินหมิงได้ละก็ เขาก็ต้องพุ่งออกไปช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้ก่อน
ลำแสงแห่งความตายปกคลุมไปทั่ว ทว่าขณะที่ทุกคนคิดว่ามู่เฉินยอมแพ้ในการต่อต้านแล้ว ทันใดนั้นเขาก็เบิกตาโพลง
สายฟ้าวูบไหวในม่านตาสีดำของเขาคมชัดประหนึ่งตาเหยี่ยว ราวกับว่าเขาสามารถทะลุผ่านมิติได้
จินไถหลิวหลีเป็นคนแรกที่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของมู่เฉิน ใบหน้าของนางเปลี่ยนแปลงอย่างอดไม่ได้ นั่นเป็นเพราะในฐานะจั้นเจิ้นซือ นางคุ้นเคยกับพลังจิตดี แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ได้มีรูปร่าง แต่ดวงตาของผู้ฝึกสามารถสำแดงเจตจำนงออกมาได้มากที่สุด ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของมู่เฉินจึงบอกได้เลยว่าคลื่นจิตของเขาทรงพลังอย่างยิ่งยวดในช่วงเวลานี้
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขาหลับตาคลื่นจิตก็แข็งแกร่งขึ้น!
“เจ้านี่ไม่สามารถคาดเดาได้จริงๆ” หัวใจตึงเครียดของจินไถหลิวหลีคลายลง ไม่ว่าอย่างไรนางกับมู่เฉินก็เคยร่วมมือกันอย่างจริงใจและรู้ความลับของกันและกัน เมื่อเปรียบเทียบกับคนเลวทรามอย่างหลินหมิงหรือเซียวเทียน นางยอมเป็นเพื่อนกับมู่เฉินมากกว่า ดังนั้นใจของนางจึงเอนเอียงเข้าข้างมู่เฉิน แม้ว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่หมู่ตึกเทวะอยากได้ก็ตาม
ทันทีที่มู่เฉินลืมตา แสงสีดำแห่งความตายก็กวาดเข้ามา สะท้อนภาพในดวงตาเขา ทำให้ดวงตาดูลึกซึ้งยิ่งขึ้น
กระบวนท่าในมือเขาวูบไหวอย่างรวดเร็วในเวลานี้
ร่างของเหล่านักรบทั้งห้าหน่วยรบก็กระตุกตัว ดูเหมือนพวกเขาจะสัมผัสได้ถึงพลังงานผิดปกติที่ส่งสัญญาณ ภายใต้สัญญาณผิดปกติ รัศมีจั้นยี่ที่พุ่งขึ้นจากร่างกายของพวกเขาก็มากจนถึงขีดสูงสุด
ตู้ม!
มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ที่ยิ่งใหญ่กวาดออกไปและพุ่งมารวมตัวอย่างรวดเร็วที่ด้านหลังมู่เฉิน ขณะที่พายุรัศมีจั้นยี่ส่งเสียงคร่ำครวญ ทุกคนก็เห็นภาพธงรบสงครามปรากฏขึ้นในพายุรัศมีจั้นยี่
พื้นผิวของธงรบห้อมล้อมด้วยสายฟ้า อัดแน่นไปด้วยลวดลายจั้นเหวินหนาทึบซึ่งเปล่งประกายสีสันสดใส ในช่วงเวลาที่ธงรบปรากฏขึ้นฟ้าดินก็ดำมืดลง
แรงกดดันที่อธิบายไม่ได้ถูกปล่อยออกมาจากธงรบนั่น
“ธงรบนั่น…” ม่านตาทุกคนหดลงขณะที่จ้องมองธงรบก่อนที่จะสูดเอาอากาศเย็นเข้าปอด นั่นเป็นเพราะพวกเขาพบว่ามีลวดลายจั้นเหวินหนึ่งหมื่นหกพันกว่าลายบนธงรบนั้น
ซึ่งมีมากกว่ากะโหลกสีดำที่หลินหมิงสร้างขึ้นเสียอีก!
เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินใช้ทักษะพิเศษเพื่อให้คลื่นจิตแกร่งกล้ากว่าเดิม ทำให้เขาสามารถควบแน่นลวดลายจั้นเหวินได้มากขึ้นในระดับของรัศมีจั้นยี่ที่ใกล้เคียงกัน!
“คิดแหกตาเรอะ!”
หลินหมิงก็เห็นภาพนี้ เมื่อตระหนักถึงจำนวนลวดลายจั้นเหวินนบนธงรบของมู่เฉิน ม่านตาก็หดเกร็ง ทว่าความคิดแรกของเขาก็คือมู่เฉินพยายามเล่นปาหี่เพื่อข่มขู่เขา ยิ่งกว่านั้นถึงแม้นี่จะเป็นเรื่องจริงพวกเขาก็ได้แค่อยู่ในระดับเดียวกัน ตอนนี้เขาได้เปรียบอยู่ ต่อให้มู่เฉินต้องการจะตอบโต้ก็ไม่ง่ายนักหรอก!
ดังนั้นหลินหมิงจึงไม่ลังเล แสงมฤตยูเคลื่อนไหวรุนแรงขณะที่บีบกดลงมาอย่างดุเดือด
มู่เฉินคว้าอากาศ ราวกับว่ากำลังคว้าธงรบผืนใหญ่โบกสะบัดลงด้วยสายตาเฉียบคม
“วิญญาณสงครามธงรบ!”
ธงรบขนาดใหญ่ราวกับใบมีดกวาดลงมาจากขอบฟ้า จังหวะที่กวาดลง หน่วยรบทั้งห้าเบื้องหลังก็ปลดปล่อยเสียงคำรามห้าวหาญ รัศมีจั้นยี่ดันตัวขึ้นราวกับคลื่นสึนามิ เทลงในธงรบทั้งหมด
พร้อมกับรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตหลั่งไหลเข้าไปในธงรบ ลวดลายจั้นเหวินก็ปรากฏบนธงรบมากขึ้น
“ลวดลายจั้นเหวินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!”
บางคนถึงกับอุทาน นั่นเพราะตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนลวดลายจั้นเหวินบนธงรบ!
ไม่กี่อึดใจลวดลายจั้นเหวินบนธงรบก็พุ่งมาแตะที่จำนวนหนึ่งหมื่นเจ็ดพันลาย!
ร่างกายจินไถหลิวหลีสั่นสะท้าน ใบหน้าเคร่งเครียดอย่างที่สุดด้วยความตะลึงงัน มู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นเท่าไรกัน? หรือว่าขีดจำกัดของเขาไม่ใช่ลวดลายจั้นเหวินแค่หนึ่งหมื่นหกพันลายเรอะ?
“เป็นไปได้ไง?!” สีหน้าหลินหมิงเปลี่ยนไปรุนแรงเช่นกัน ความไม่เชื่ออัดแน่นในดวงตา แต่ไม่นานเขาก็กัดฟันพูดขึ้นอีกครั้ง “ภาพลวงตาแบบนี้ ยังคิดแหกตาข้าเรอะ?!”
เขารู้ว่ามีจั้นเจิ้นซือบางคนที่เชี่ยวชาญทักษะลวงตาเพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ได้เปรียบในการต่อสู้ ดังนั้นความคิดแรกของเขาก็คือมู่เฉินพยายามใช้ทักษะเด็กเล่นเพื่อให้ได้เปรียบ
ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการตอบโต้ของมู่เฉิน เขาจึงไม่แสดงความลังเลใดๆ แสงมฤตยูสีดำยังคงเข้าปกคลุมร่างมู่เฉิน
เวลานี้ถ้าใครถอยกลับก็ต้องเผชิญกับการโจมตีทำลายล้างจากอีกฝ่าย
“ธงรบสะบัด!”
จังหวะนั้นมู่เฉินก็กดฝ่ามือลง ธงรบที่ราวกับใบมีดคมกริบก็พุ่งลงมาปะทะกับแสงสีดำแห่งความตายภายใต้การจ้องมองนับไม่ถ้วน
ทันทีที่เกิดการชนกัน สายตาของเหล่าจอมยุทธ์ก็พุ่งมองไป
เมื่อธงรบเฉือนลง ทุกคนก็รับรู้ได้ว่าจำนวนลวดลายจั้นเหวินบนธงรบมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งหมื่นแปดพันลายแล้ว!
กระทั่งจินไถหลิวหลียังหัวใจโลดขึ้นจากจำนวนลวดลายจั้นเหวิน