หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 936 หุ่นวิญญาณทรงพลัง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 936 หุ่นวิญญาณทรงพลัง
แสงไหลกระทบปราการผลึก
แต่สายตาทุกคู่กลับจ้องมองไปยังร่างสวมชุดสีฟ้าอมเขียวที่เพิ่งปรากฏตัวพร้อมกับความตกใจอัดแน่นในดวงตา
กระทั่งยอดยุทธ์อย่างประมุขทั้งเจ็ดยังอดมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้
จากประสบการณ์ พวกเขารับรู้ได้ว่าร่างในชุดสีฟ้าอมเขียวก็คือเจ้าของลึกลับขุมทรัพย์นี้ ซึ่งก็คือจอมพลสี่แห่งวังสวรรค์บรรพกาลในสมัยโบราณนั่นเอง
“ท่านจอมพลสี่…”
ทุกคนฉายแววตื่นตะลึงในดวงตา แม้ว่าจอมยุทธ์อย่างเขาจะสิ้นชีพไปนานแล้ว แต่ชื่อเสียงก็ยังเป็นที่โจษขานไปทั่วทุกมุมโลก ว่ากันว่าในสมัยโบราณตอนที่วังสวรรค์บรรพกาลครอบครองทวีปเทียนหลัว จอมพลสี่เป็นผู้ปกครองรับผิดชอบภูมิภาคทางเหนือ แต่ทุกวันนี้ที่ภูมิภาคนี้กลับเต็มไปด้วยการแข่งขันโดยปราศจากผู้ปกครองที่แท้จริง
ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าพลังและความสำเร็จของจอมพลสี่ ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ทั้งเจ็ดคนนี้จะเปรียบเทียบได้ พวกเขาจึงตกใจมากเมื่อเห็นร่างนี้ปรากฏตัวขึ้น
ขณะที่พรรคพวกด้านล่างตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งเจ็ดที่ยืนอยู่โดยรอบเกาะหินโบราณก็จ้องมองไปที่ร่างสวมชุดสีฟ้าอมเขียวพร้อมกับคิ้วขมวดแน่น พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวสักกระผีก
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือจอมพลสี่แห่งวังสวรรค์บรรพกาล แต่พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าจอมยุทธ์ผู้นี้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนร่างร่างนี้น่าจะเป็นร่างดวงจิตที่ใช้วิธีการพิเศษเก็บรักษา แต่ถึงจะเป็นร่างดวงจิต มั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าที่จะดูถูก
ระหว่างระดับตี้จื้อจุนทุกขั้นก็มีช่องว่างขนาดใหญ่ แม้ว่าจอมพลสี่จะมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายตอนมีชีวิต ซึ่งฟังดูสูงกว่าพวกเขาเพียงขั้นเดียว แต่พวกเขาเข้าใจชัดเจนว่าขั้นเดียวเล็กๆ นี้เพียงพอที่จะบีบอัดพวกเขาบี้แบนเลยทีเดียว
ประมุขทั้งเจ็ดยืนอยู่บนท้องฟ้าจ้องมองไปที่จอมพลสี่พร้อมกับกำจายคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวรอบร่างพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหวาดกลัวอีกฝ่ายอย่างมาก
ภายใต้การรอที่เคร่งเครียด ในที่สุดร่างชุดฟ้าอมเขียวก็เปิดเปลือกตาขึ้น ในเวลาเดียวกันคลื่นมากมายก็ยกตัวขึ้นในมหาสมุทรไร้ขอบเขตพร้อมกับส่งเสียงครวญครางราวกับว่ากำลังต้อนรับการกลับมาของเจ้านาย
คลื่นหลิงที่กดดันแข็งแกร่งกว่าประมุขทั้งเจ็ดค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาจากร่างชุดฟ้าอมเขียว
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่กดดัน แม้แต่เหล่าประมุขสำนักก็ยังอดที่จะหดม่านตาลงไม่ได้
“ร่างดวงจิตที่เหลือไว้โดยท่านจอมพลสี่มีคลื่นที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ยังไง?” หลิ่วเทียนเต้ากล่าวอย่างเคร่งขรึม พูดโดยทั่วไปต่อให้จอมพลสี่เป็นจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นปลายตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว ถึงร่างดวงจิตจะเก็บรักษาพลังไว้ได้ก็ไม่ควรทรงพลังเช่นนี้
“ข้าเกรงว่านี่ไม่ใช่ร่างดวงจิตธรรมดา… ในสายตาเขาไม่มีจิตสำนึกอยู่เลย” เยาตี้พูดขึ้นพร้อมกับประกายแสงแวววาวในดวงตา
มั่นถัวหลัวพยักหน้า นางเองก็ตระหนักได้ว่าไม่มีเส้นใยแสงหลิงอยู่ในร่างดวงจิตของจอมพลสี่เลย ตรงกันข้ามกลับดูว่างเปล่าแทน แต่โดยทั่วไปแล้วร่างดวงจิตที่ถูกทิ้งไว้โดยจอมยุทธ์ระดับนี้ควรจะมีจิตสำนึกหลงเหลือบ้าง แต่ร่างดวงจิตตรงหน้ากลับดูเหมือนหุ่นเงาอย่างไรอย่างนั้น
ประมุขหมู่ตึกเทวะหรี่ตาก่อนจะพูดเสียงเบา “นั่นไม่ใช่ร่างดวงจิตธรรมดา ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก็ นี่น่าจะเป็นหุ่นวิญญาณที่ถูกสร้างมาเป็นพิเศษ ก่อนที่จอมพลสี่จะเสียชีวิต เขาได้เทคลื่นหลิงของตนลงไปและใช้ทักษะพิเศษบางอย่างในการเก็บรักษาเพื่อใช้ป้องกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของประมุขหมู่ตึกเทวะ มั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ ก็ตกใจไปเล็กน้อย จอมพลสี่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง เขาสามารถสร้างหุ่นเงาที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
“ไม่ว่าหุ่นวิญญาณนี้จะทรงพลังแค่ไหน ข้าไม่คิดว่ามันจะอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ตราบใดที่ไม่ใช่ ข้าเชื่อว่าเราทั้งเจ็ดคนจะสามารถจัดการกับมันได้!” ประมุขจวนยมโลกเค้นเสียงเย็น
“ทุกคนร่วมมือกัน!”
พอได้ยินเสียงแผดลั่นของประมุขจวนยมโลก มั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ ก็พยักหน้า หากพวกเขาต้องการที่จะเข้าสู่เกาะหิน ก็ต้องเอาชนะหุ่นวิญญาณของจอมพลสี่ให้จงได้ และหากต้องการที่จะเอาชนะมัน พวกเขาก็จะต้องร่วมมือกัน
ตู้ม!
คลื่นหลิงมหาศาลพลุ่งพล่านรอบตัวทั้งเจ็ดคน คลื่นพลังเหล่านี้ก็คือผลึกคลื่นหลิงจำนวนนับไม่ถ้วน ขณะที่เคลื่อนไหว แม้มิติก็ไม่สามารถรับแรงกดดันนั้นได้ ทำให้ถึงกับบิดเบี้ยวและแตกออก
“ไป!”
ทั้งเจ็ดลงมืออีกครั้ง แม่น้ำผลึกคลื่นหลิงทะลุผ่านเส้นขอบฟ้า ซึ่งดูราวกับมังกรตัวมหึมากวัดแกว่งกรงเล็บไปมา เสียงหวีดหวิวพุ่งเข้าใส่ร่างชุดฟ้าอมเขียว
ขณะที่จอมยุทธ์ทั้งเจ็ดออกกระบวนท่า จอมพลสี่ที่ยืนอยู่บนปราการผลึกก็มองอย่างไม่แยแสกับการโจมตีที่พุ่งเข้ามา ก่อนที่จะยกมือสองข้างขึ้น
ตู้ม!
ทันทีที่มือทั้งสองของเขายกขึ้น มหาสมุทรขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องล่างก็สั่นสะเทือน คลื่นขนาดหมื่นจั้งดันตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า มหาสมุทรแห่งนี้ไม่ใช่น้ำทะเลธรรมดา แต่เป็นคลื่นหลิงที่ถูกกลั่นละเอียดสูงเหมือนกัน
มหาสมุทรกวาดตัวไปทั่วสารทิศ กลายเป็นกระแสน้ำวนรอบร่างจอมพลสี่ ขณะที่กระแสน้ำวนหมุนคว้าง มิติหมื่นจั้งก็แตกสลายทั้งหมด เศษชิ้นส่วนมิติถูกลากเข้าไปในกระแสน้ำวน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำลายล้างที่น่ากลัว
ปัง! ปัง!
แม่น้ำผลึกทั้งเจ็ดสายพุ่งเข้ามากระแทกกับกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ ทันใดนั้นฟ้าดินก็เหมือนจะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น แม้แม่น้ำผลึกทุกสายจะทำให้กระแสน้ำวนหมุนช้าลง ทว่าก็ยังไม่สามารถทำลายกระแสน้ำวนลงได้
แม่น้ำผลึกโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง เมื่อแม่น้ำสายสุดท้ายระเบิดจากการปะทะ กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ถึงได้แตกสลายกลายเป็นสายฝนโปรยปรายลงมา
“จอมพลสี่… น่าเกรงขามอย่างแท้จริง!”
เมื่อมู่เฉินและคนอื่นๆ ที่อยู่ห่างออกไปเห็นการเผชิญหน้าที่น่าตกใจ พวกเขาก็อดตื่นตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะจอมพลสี่ แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนถึงเจ็ดคนได้ ซึ่งเป็นการท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง
ที่ยืนอยู่ตรงหน้าซุยนอน เทียนจิ้วและหลิงถงก็ฉายท่าทางที่เคร่งเครียด จากสายตาเฉียบแหลม พวกเขารับรู้ได้ถึงความน่าสะพรึงของจอมพลสี่ ซึ่งนี่ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ ไม่เข้าใจว่าทำไมจอมพลสี่ที่เสียชีวิตไปแล้วยังน่าขนพองสยองเกล้าขนาดนี้
ครืน!
ขณะที่ความตื่นตะลึงอัดเต็มใบหน้า การต่อสู้ก็เริ่มไปถึงตอนสำคัญ หลังจากได้รับเห็นความน่าสะพรึงจากหุ่นวิญญาณจอมพลสี่แล้ว มั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าที่จะรั้งกระบวนท่าอีก
ทั้งเจ็ดคนเร้าพลังไปถึงขีดสุด คลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก่อตัวขึ้นเป็นมิติที่ด้านหลังพวกเขา คลื่นหลิงที่ส่องประกายวูบวาบตกผลึกอย่างต่อเนื่อง ยิงเข้าใส่จอมพลสี่จากทุกทิศทาง
ภายใต้การโจมตีที่ดุเดือด มิติโดยรอบเกาะหินลอยหลายหมื่นจั้งก็แตกสลาย กระทั่งมหาสมุทรเบื้องล่างยังปรากฏรอยแตกมหึมา ใช้เวลานานกว่าน้ำมหาสมุทรจะกลับคืนสภาพเดิม
ประจันหน้ากับการโจมตีเลือดเดือดของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งเจ็ด จอมพลสี่ก็ยังยึดฐานที่มั่นเกาะลอยได้อย่างมั่นคง เขาไม่ได้ใช้วิธีการโจมตีใด กระบวนท่าทั้งหมดใช้เพื่อปกป้องทั้งนั้น ทว่าการป้องกันที่น่ากลัวนี้กลับทำให้ไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแม้แต่เพียงคนเดียวสามารถก้าวเข้าสู่เกาะหินลอยได้
ตู้ม!
มือเรียวบางของมั่นถัวหลัวที่สร้างจากผลึกคลื่นหลิงพุ่งทะลุผ่านขอบฟ้า ปกคลุมใส่ร่างจอมพลสี่ ดวงตาสีทองคำเปล่งประกายวูบไหวขณะลงมือ
ต่อสู้มาถึงตอนนี้ นางบอกได้ว่าหุ่นวิญญาณจอมพลสี่ไม่ได้มีความคิดในการโจมตี แต่มุ่งเน้นพลังทั้งหมดเพื่อปกป้องเกาะหิน
แม้ว่าทั้งเจ็ดคนจะรวมพลังกัน แต่มั่นถัวหลัวก็รู้ดีว่าทุกคนออมพลัง ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดลงไป นั่นเป็นเพราะไม่มีใครต้องการที่จะหมดพลังอย่างสูญเปล่า ในเมื่อ…ของเหลวหลิงเสินยังไม่ปรากฏออกมา…
ถ้าสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป พวกเขาจะไม่สามารถเข้าสู่เกาะหินได้ ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครได้รับของเหลวหลิงเสินไป แบบนี้พวกเขาไม่ต้องสู้จนหมดแรงกับหุ่นเงาตัวนี้เรอะ?
นี่โง่ไปหน่อยแล้ว
ประกายแสงในดวงตาของมั่นถัวหลัววูบไหวอย่างรวดเร็ว ไม่นานนางก็กวาดมองปราการผลึกรอบๆ เกาะหิน ทันใดนั้นดวงตาของนางหรี่แคบลง
“การต่อสู้ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะกินเวลาอีกนานแค่ไหน…” จากระยะไกลซุยนอนสังเกตการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ ขณะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาบอกได้เลยว่าทั้งเจ็ดคนไม่ได้มีความตั้งใจที่จะร่วมมือกันอย่างแท้จริง
มู่เฉินและคนอื่นๆ ยักไหล่ พวกเขาไม่ได้แปลกใจกับสถานการณ์นี้มากนัก ประมุขทุกคนต่างซ่อนความคิดของตัวเอง แล้วจะมาร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร?
“จอมยุทธ์อาณาเขตกงเวทสวรรค์ฟังคำสั่ง… ข้าจะหาโอกาสทำลายรอยแตกบนปราการผลึก ถึงตอนนั้นพวกเจ้ารีบเข้าไปค้นหาของเหลวหลิงเสิน!” ขณะที่มู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกช่วยไม่ได้ เสียงเคร่งเครียดของมั่นถัวหลัวก็สะท้อนในโสตประสาท
เมื่อได้ยินจอมพลทั้งสามและพวกมู่เฉินก็อึ้งไป จากนั้นก็แลกเปลี่ยนสายตาพลางพยักหน้าอย่างไม่ทันสังเกต ดูเหมือนว่าประมุขทั้งเจ็ดจะถูกผูกไว้กับศึกนี้เสียแล้ว ดังนั้นต่อไปจะต้องพึ่งพาพวกเขา…
ครืน!
คลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวสร้างความหายนะรอบเกาะหินอย่างต่อเนื่อง เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของประมุขทั้งเจ็ดคน หุ่นวิญญาณจอมพลสี่ก็ยังอยู่ในสภาพสงบนิ่ง ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปก็มีคลื่นกระแทกที่กระทบปราการผลึกทำให้มันสั่นไหว
แม้ว่าหุ่นวิญญาณได้สืบทอดพลังของจอมพลสี่มา แต่ก็ไม่มีจิตสำนึกซึ่งนี่เป็นโอกาสของพวกเขา
ตู้ม!
การเผชิญหน้าบ้าคลั่งเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ ได้อัดพลังลงไปเพิ่ม บีบบังคับให้หุ่นวิญญาณต้องถอยหลังกลับไปหลายก้าว
“โอกาสมาแล้ว!”
เมื่อจอมพลสี่ถอยหลัง แววตาของมั่นถัวหลัวก็วูบไหว นางสะบัดนิ้ว ลำแสงเจิดจ้าพุ่งออกมาจากปลายนิ้วมือ เจาะทะลุผ่านแนวป้องกันของหุ่นวิญญาณด้วยความเร็วที่อธิบายไม่ได้ ก่อนที่จะกระแทกกับขอบของปราการผลึก
ชี่! ชี่!
ลำแสงนี้แหลมมาก ทำให้กระทั่งปราการผนึกที่แข็งแรงยังเกิดรอยแตก
“ตอนนี้ล่ะ!”
มั่นถัวหลัวร้องเบาๆ ในใจ ทันใดนั้นเรือคลื่นหลิงก็พุ่งออกมาจากด้านหลังพุ่งผ่านรอยแยกปราการผลึกก่อนที่มันจะปิดตายอีกครั้ง
บนเรือคลื่นหลิงนี้มีร่างเหล่าจอมพลและพวกมู่เฉิน
“เข้าไปแล้ว!” เมื่อเห็นภาพนี้ มั่นถัวหลัวก็รู้สึกสมใจ แต่ก่อนที่นางจะคลายกังวล นางก็เห็นประมุขอีกหกคนพบโอกาสทองรีบไหลเวียนคลื่นพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพฉีกรอยร้าวบนปราการด้วยเช่นกัน
เมื่อรอยร้าวปรากฏขึ้น เบื้องหลังพวกเขาก็มีริ้วแสงปะทุขึ้นยิงเข้าไปในเกาะหิน
หมาจิ้งจอกเฒ่าฉลาดแกมโกงเหล่านั้น คิดวิธีเดียวกัน!
พวกเขาก็ส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปยังเกาะหิน เพื่อค้นหาและแย่งชิงของเหลวหลิงเสิน
มั่นถัวหลัวเงยหน้าขึ้นแลกเปลี่ยนสายตากับประมุขอีกหกคนพอดิบพอดี จากนั้นใบหน้าแต่ละคนก็ต่างกระตุกไปเล็กน้อย…