หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 938 การเผชิญหน้าของสามผู้แข็งแกร่ง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 938 การเผชิญหน้าของสามผู้แข็งแกร่ง
วาบ!!!
ร่างแสงพร้อมกับเสียงลมกรูกันออกมาราวกับฟ้าคำรน พุ่งไปยังใจกลางทะเลสาบ ซึ่งมีคลื่นหลิงทรงพลังและป่าเถื่อนกระเพื่อมอยู่รอบๆ ร่างแสงเหล่านั้น
เพื่อฉกฉวยก้อนแสงที่ผุดขึ้นมาจากทะเลสาบ ทุกคนก็เข้าสู่การแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดโดยไม่มียั้ง
นั่นเป็นเพราะของเหลวหลิงเสินที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทุกสำนักอาจซ่อนอยู่ในก้อนแสงเหล่านี้!
ยอดเขาที่ขั้วอำนาจสูงสุดยืนอยู่ห่างจากทะเลสาบเพียงไม่กี่พันจั้ง ด้วยความเร็วแค่อึดใจเดียวพวกเขาก็มาปรากฏตัวเหนือทะเลสาบแล้ว
ซ่า!
ทว่าขณะที่ทุกคนพุ่งเข้าไปในทะเลสาบกำลังมุ่งหน้าไปยังก้อนแสง พื้นผิวของทะเลสาบเบื้องล่างก็ระเบิดออก แสงสีเขียวหยกมรกตนับไม่ถ้วนปะทุขึ้นมายิงเข้าใส่ทุกคน
การโจมตีกะทันหันทำให้ทุกคนผงะไป แต่โชคดีที่พวกเขาเตรียมตัวไว้แล้ว เนื่องจากทุกคนรู้ถึงอันตรายของขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนดี หากประมาทชีวิตของพวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้นคลื่นหลิงจึงกวาดออกไปฉับพลันจากร่างจอมยุทธ์ทั้งหลายตามด้วยเสียงตะโกนขณะที่แสงหลิงแล่นแปลบปลาบ ทันใดนั้นลมใต้หมัดก็เหวี่ยงออก จอมยุทธ์บางคนถึงกับงัดอาวุธพบสวรรค์ทรงพลังซัดออกไป
ชี่! ชี่!
ทว่าถึงแม้จะเตรียมพร้อม แต่ทุกคนก็ยังดูถูกอันตรายที่อยู่ในทะเลสาบ แสงสีหยกมรกตยิงเข้ามา ทันทีที่มีการสัมผัส มันก็เจาะผ่านแนวป้องกันคลื่นหลิงของจอมยุทธ์หลายคน ทำให้เกิดเสียงร้องจ้าก้องทั่วมิติ
ยามนี้ทุกคนถึงได้มองเห็นแสงสีหยกมรกตได้อย่างชัดเจน ภายในแสงเป็นร่างงูสีเขียวมรกตตัวเล็กๆ แต่งูพวกนี้แปลกมาก พวกมันตัวแบนยาวเหมือนใบมีด เมื่อเกล็ดงูตั้งชันร่างก็ดูราวกับมีดดาบ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่น่าตกตะลึงก็คืองูเหล่านี้เต็มไปด้วยอักขระโบราณ ความรู้สึกคมชัดกระจายออกมาจากพวกมัน
แนวป้องกันคลื่นหลิงของมู่เฉินก็ถูกงูตัวเล็กเจาะเข้ามาเช่นกัน มันพุ่งมาที่ลำคอของเขา แต่ขณะที่มันกำลังจะสัมผัส ฝ่ามือของมู่เฉินก็ยกขึ้นกันเอาไว้ แสงสีทองเข้มพลุ่งพล่านอยู่บนผิวหนัง เสียงคำรามของมังกรดังก้อง ชัดว่าเขาใช้กายามังกรหงส์ทันที ทำให้การป้องกันร่างกายของเขาทรงพลังอย่างยิ่ง
เคร้ง!
งูสีเขียวมรกตปะทะเข้าที่ฝ่ามือของมู่เฉิน เกิดเสียงของโลหะปะทะกันดังขึ้น ผลกระทบนี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บหน่วงบนฝ่ามือ ใบหน้าเริ่มเคร่งเครียดขึ้น ก่อนที่เขาจะพลิกมือคว้าจับงู เมื่อแสงสีทองพลุ่งพล่านขึ้นมา เขาก็บีบร่างงูจนระเบิดทันที
แต่เมื่องูระเบิดออกกลับไม่มีเลือดกระเด็นออกมาสักหยด มันยุบตัวกลายเป็นแสงระยิบระยับสลายหายไป
“สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์เรอะ?!”
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้เข้าก็ตกใจ ตอนแรกเขาคิดว่านี่เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง แต่สังเกตจากตอนนี้มันถูกสร้างโดยมนุษย์ด้วยวิธีการพิเศษอย่างชัดเจน โดยรวมน่าจะคล้ายๆ กับการสร้างอาวุธพบสวรรค์
งูตัวเล็กเหล่านี้มีความคมของอาวุธพบสวรรค์ขั้นต่ำทุกตัว ยิ่งกว่านั้นด้วยจำนวนมหาศาล แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็ถูกโจมตีได้หากประมาท
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่านอกเหนือจากจอมยุทธ์ขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ที่มีพลังระดับเดียวกับเหล่าจอมพลทั้งสามแล้ว คนส่วนใหญ่อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย บางคนโชคร้ายเลือดตกยางออกได้รับบาดเจ็บ
มู่เฉินหันไปมองจิ่วโยวอย่างรวดเร็ว ทว่าแม้อีกฝ่ายจะถูกล้อมกรอบเอาไว้ แต่นางก็เป็นเทพอสูรที่มีร่างกายแข็งแรงกว่าและไม่ได้อ่อนแอกว่ามู่เฉิน ดังนั้นนางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ขณะที่เหล่าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์คนอื่นๆ อย่างเสี่ยยิงถึงกับหลั่งเลือด
“ทุกคนระวัง สิ่งเหล่านี้ได้รับการสร้างโดยทักษะของอาวุธพบสวรรค์ ซึ่งเอาไว้เจาะทะลุคลื่นหลิงโดยเฉพาะ!” เสียงคำรามของซุยนอนดังก้องในโสตประสาทของพรรคพวกฉับพลัน
“พวกเจ้าเกาะกลุ่มกันไว้ เทียนจิ้วกับหลิงถงมากับข้า ช่วยกันชิงสมบัติ!”
ซุยนอนมองไปทิศทางอื่น การฉกกัดรวดเร็วของงูเหล่านี้ ทำให้เกิดการกีดขวางสำหรับทุกคน แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางจอมยุทธ์ชั้นสูงได้ ดังนั้นจอมยุทธ์ชั้นสูงของขั้วอำนาจอื่นๆ ต่างกำลังเร่งรุดเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของทะเลสาบ ชัดว่าตั้งใจจะฉกฉวยสมบัติให้มากที่สุด
“ได้!”
เทียนจิ้วและหลิงถงพยักหน้าแข็งขัน ทั้งสามคนเร้าคลื่นหลิงถึงขีดสุด สลัดตัวออกจากดงงูเหล่านี้ด้วยความเร็วปานสายฟ้า ในเวลาไม่กี่ลมหายใจก็เข้าใกล้ก้อนแสงแล้ว
ซุยนอนแสงวาบผ่านดวงตา เอื้อมมือออกไปพร้อมกับแรงดูดพวยพุ่งออกมา ก่อนที่ก้อนแสงจะพุ่งเข้าหาฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว
“หึ วางลง!”
ทว่าขณะที่ซุยนอนกำลังจะสัมผัสกับก้อนแสง เสียงคำรามก็ดังลั่นขึ้น พร้อมกันนั้นลมคลั่งเย็นยะเยือกจากฝ่ามือก็ฉีกผ่านช่องว่างส่งเสียงหวีดหวิวซึ่งอัดแน่นไปด้วยคลื่นความเย็น ทำให้อากาศกลายเป็นน้ำแข็งทันที
แม้ว่าจอมยุทธ์ที่เข้าสู่เกาะหินจะถูกยับยั้งคลื่นหลิงในร่างกาย แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดในภูมิภาคทางเหนือที่อ่อนด้อยกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้น ดังนั้นการเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงยังคงทรงพลังอย่างมาก
ทว่าเมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้ ซุยนอนกลับเค้นเสียงเยาะเย้ยเย็นชา ก่อนที่เขาจะซัดฝ่ามือออกไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก่อตัวเป็นวังวนขนาดใหญ่ใต้ฝ่ามือทันที พลังงานหลิงรุนแรงกวาดหายนะออกมาจากในวังวน
“ฟิ้ว!”
วังวนส่งเสียงลั่นปะทะกับฝ่ามือเย็นยะเยือก ขณะที่วังวนบิดเบี้ยวก็กลืนฝ่ามือเข้าไปทันที ก่อนที่จะแตกออกกลายเป็นสะเก็ดแสง
“หึ!”
ไม่ไกลนัก ร่างร่างหนึ่งที่ทะยานเข้ามาก็ชะงักพร้อมกับเสียงครางออกมาจากลำคอ จากนั้นเขาก็หยุดเคลื่อนไหว จับจ้องไปที่ซุยนอนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
คนคนนี้แต่งตัวด้วยชุดสีเทา มีผมสีขาวแซม สายตาคมกริบ เขาก็คือหัตถ์ตะวันตกแห่งหมู่ตึกเทวะ ซึ่งมีขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดยามปกติ
แต่เห็นได้ชัดว่ากระบวนท่าก่อนหน้าเขาเสียเปรียบเมื่อเผชิญหน้ากับซุยนอน
“จอมพลซุยนอนแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์สมคำร่ำลือ แต่วันนี้หมู่ตึกเทวะของข้าจะขอต่อกรสักตั้งดูสิว่าจอมพลทั้งสามมีความสามารถมากเพียงใด!” หัตถ์ตะวันตกกล่าวเสียงขรึม ทันทีที่พูดจบ ร่างแสงอีกสองสายก็พุ่งมาจากสองทิศทาง เผยให้เห็นร่างของผู้อาวุโสสองคน
ซุยนอนกำหมัด ดูดก้อนแสงไว้ในมือ เมื่อแสงจางลงก็เผยภาพกระบี่สีฟ้ายาวสามฉื่อ บนตัวกระบี่มีแสงเย็นไหลอยู่ อักขระโบราณบิดเกลียวราวกับงู ขณะที่แสงเย็นหมุนวนอยู่บนใบมีด ทำให้กระทั่งมิติยังเกิดรอยแตก
นี่คืออาวุธพบสวรรค์ขั้นสูง
สมบัติในขุมทรัพย์นี้สุดยอดจริงๆ แค่เอื้อมมือก็คว้าอาวุธพบสวรรค์ขั้นสูงมาได้ ถ้าวัตถุแบบนี้ถูกนำขึ้นประมูลในภูมิภาคทางเหนือ ก็จะดึงดูดความโลภของจอมยุทธ์จื้อจุนมากมายแน่นอน
แต่สำหรับซุยนอนที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า มีเพียงอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมเท่านั้นที่ทำให้หัวใจเขาขยับได้ มิหนำซ้ำยังเพิ่มขีดพลังการต่อสู้ของเขาได้มากด้วย
แน่นอนว่ายังมีสมบัติที่อยู่เหนือกว่าอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม แต่สมบัติเหล่านั้นไม่ได้ถูกเรียกขานเช่นนี้ แต่ได้รับการขนานามว่าเป็นอาวุธมหสวรรค์ สมบัติหาที่เปรียบไม่ได้นี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ไม่มีครอบครอง ดังนั้นซุยนอนจึงไม่เคยคิดที่จะได้ครอบครอง
ซุยนอนปรายตามองอาวุธชิ้นนี้ ก่อนที่จะเก็บพลางขมวดคิ้ว มีก้อนแสงผุดขึ้นจากทะเลสาบมากมาย แต่ไม่รู้ว่าก้อนไหนคือของเหลวหลิงเสิน ด้วยสถานการณ์ที่โกลาหลแบบนี้ ไม่มีเวลาไปแย่งชิงทีละชิ้น เพราะแบบนั้นจะเสียเวลาเกินไป…
เมื่อความคิดวนเวียนอยู่ในใจ ซุยนอนก็เงยหน้าขึ้นมองตาเฒ่าสามคนที่เบื้องหน้า ก่อนที่จะกวาดมองแล้วหยุดอยู่ที่คนทางซ้ายสุด ชายผู้นี้สวมชุดสีขาว ดูอ่อนโยนและมีรอยยิ้มอบอุ่นประดับบนใบหน้า ทว่าซุยนอนสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่ไม่อ่อนแอกว่าตัวเขาเล็ดลอดออกมาจากอีกฝ่าย
ชายคนนี้ก็คือจอมยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาหัตถ์ทั้งสี่แห่งหมู่ตึกเทวะ…หัตถ์ตะวันออกที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าเช่นกันกับเขา!
หมู่ตึกเทวะส่งจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดมาเพื่อจัดการกับจอมพลทั้งสาม ซึ่งชัดว่ากำลังเล็งจัดการอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกเขาไม่คิดที่จะให้จอมพลทั้งสามมีโอกาสไปแย่งชิงของเหลวหลิงเสิน
“แยกกันจัดการ!”
ซุยนอนพูดกับพรรคพวก ทั้งสองคนก็พยักหน้าก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังทิศทางอื่น
“ฮ่าๆ ท่านประมุขสั่งไว้ว่าห้ามให้อาณาเขตสวรรค์ได้มีโอกาสสัมผัสกับของเหลวหลิงเสิน” เมื่อหัตถ์ตะวันออกเห็นสถานการณ์นี้ก็หัวเราะเบาๆ แต่ไม่มีรอยยิ้มใดในดวงตา ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยความเฉยเมย เขาพยักหน้าเบาๆ หัตถ์อีกสองคนก็ทะยานตามเทียนจิ้วและหลิงถงไป
“ข้ากลัวว่าหมู่ตึกเทวะยังไม่มีความสามารถขัดขวางอาณาเขตกงเวทสวรรค์สินะ” ดวงตาของซุยนอนที่หรี่ปรืออยู่เสมอก็ฉายแสงเย็นในตอนนี้ขณะจับจ้องหัตถ์ตะวันออก
“งั้นเชียว?”
หัตถ์ตะวันออกยิ้มบาง คลื่นหลิงมหาศาลก็ระเบิดออกจากร่างกายราวกับพายุ ภายใต้ผลกระทบของคลื่นหลิงแบบนี้ มิติทั้งบริเวณนี้เกิดการบิดเบือนทันที
สายตาเรียบเฉยของซุยนอนจ้องมองหัตถ์ตะวันออกที่เปี่ยมด้วยพลัง เขาค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้น แรงกดดันที่ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าอีกฝ่ายกระจายออกไป
ขณะที่สองจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าซึ่งเป็นรองขุมพลังตี้จื้อจุนก้าวเดียวเผชิญหน้ากัน ก็ทำให้สำนักอื่นๆ ล่าถอยไปจากบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในปะทะกันเช่นนี้
ฟิ้ว!
เมื่อมู่เฉินเห็นว่าจอมพลทั้งสามถูกหยุดไว้ก็ขมวดคิ้วทันที ดูท่าหมู่ตึกเทวะจะโกรธแค้นอาณาเขตกงเวทสวรรค์จริงๆ จากรูปการณ์ปัจจุบันพวกเขาตั้งใจที่จะขัดขวางอาณาเขตกงเวทสวรรค์ให้ไม่ได้รับของเหลวหลิงเสินอย่างสมบูรณ์
แต่หากพวกเขาคิดว่าสามารถขัดขวางอาณาเขตกงเวทสวรรค์จากการฉกสมบัติ โดยการขัดขวางสามจอมพลไว้เท่านั้นก็ดูจะไร้เดียงสาเกินไป
เมื่อคิดถึงจุดนี้ มู่เฉินก็อัดอากาศเข้าเต็มปอด มือทั้งสองสร้างตราประทับ แสงสีทองเจิดจรัสระเบิดที่แผ่นหลัง เสียงร้องคมชัดดังกึกก้อง ปีกหงส์ฟ้ามหึมาแผ่สยายที่ข้างหลัง
ปีกกระพือวูบไหว ทันใดนั้นก็ซัดงูเขียวมรกตที่เข้ามาทันที จากนั้นปีกสั่นไหว ความเร็วของเขาก็พุ่งพรวดสูงขึ้น ร่างกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป มุ่งหน้ายังใจกลางทะเลสาบ
เนื่องจากเกาะหินลอยนี้ ยิ่งจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังแข็งแกร่งจะถูกยับยั้งคลื่นหลิงมากกว่า ทำให้ในเวลานี้พลังของมู่เฉินแข็งแกร่งกว่าผู้บัญชาการคนอื่นมาก
แต่ชัดว่าสำนักอื่นให้ความสนใจกับม้ามืดอย่างมู่เฉินไว้นานแล้ว ดังนั้นทันทีที่เขาเคลื่อนไหวเพื่อเข้าไปที่จุดศูนย์กลางของทะเลสาบ ก็มีร่างแสงสองร่างพุ่งออกมาจากสองทิศทางเพื่อสกัดเขาไว้
มู่เฉินกวาดสายตามองทั้งสองก็อดหรี่ตาแคบลงไม่ได้ ไอเย็นเยือกแผ่ซ่านออกมา
นั่นเป็นเพราะเขาพบว่าคนที่มาขัดขวางก็คือโยวหมิงแห่งจวนยมโลกกับฟังยี่แห่งหมู่ตึกเทวะ!
ช่างเป็นเรื่องน่าบังเอิญที่สามอันดับแรกของบันทึกมังกรหงส์มารวมกัน นอกจากนี้ที่น่าแปลกก็คือที่หนึ่งและที่สองจับมือกันเพื่อจัดการกับมู่เฉินที่เป็นอันดับสาม…
โยวหมิงยืนอยู่บนท้องฟ้า หอกโลหิตชี้ปลายลงสภาพเตรียมพร้อม สายตามองมู่เฉินอย่างเย็นชา “ไม่มีรัศมีจั้นยี่ แกยังกล้าดีอยู่อีกเหรอ? ข้าแนะนำให้แกไสหัวไปจากทะเลสาบแห่งนี้ เพื่อที่จะยังรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้ได้!”
พอได้ยินคำพูดนี่ มู่เฉินก็ยิ้มอ่อนแต่ไม่ตอบอะไร นั่นเป็นเพราะคลื่นหลิงไร้ขอบเขตที่ระเบิดออกมาจากร่างเขาได้ตอบแทนแล้ว
โยวหมิงสาดแสงเย็นเยือกในดวงตาเมื่อเห็นเช่นนี้ มือกระชับที่หอกโลหิตแน่น
“ในเมื่อแกดื้อด้าน วันนี้ข้าก็จะให้แกรู้ว่าเมื่อไม่มีรัศมีจั้นยี่แกก็เป็นตัวไร้ค่าในสายตาของข้า!”