หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 942 เขย่าขวัญ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 942 เขย่าขวัญ
ตู้ม!
เมื่อหอกทองคำปรากฏขึ้นในมือร่างเทพสุริยะ คลื่นหลิงรุนแรงอย่างยิ่งก็กวาดออกพร้อมกับระลอกคลื่นสีทองครอบครองรัศมีวงกว้างรอบร่างเทพสุริยะ
แรงกดดันที่น่าอัศจรรย์ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้เกิดความตกใจบนใบหน้าเหล่าจอมยุทธ์สำนักอื่น หอกทองคำนั่นเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกยังต้องหวาดผวา
มู่เฉินยืนอยู่บนหัวร่างเทพสุริยะ ขณะมองไปที่หอกทองคำ ริ้วความประหลาดใจวาบขึ้นในดวงตาเช่นกัน
ทักษะเทห์สวรรค์ของร่างเทพสุริยะลึกซึ้งอย่างยิ่ง พื้นฐานสิ่งนี้ก็คือคลื่นเก้าตะวัน ซึ่งใช้ประโยชน์จากการปลดปล่อยพลังงานของดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวงเพื่อขยายพลังในการต่อสู้
แต่คลื่นเก้าตะวันไม่ได้มีข้อจำกัดเท่านี้ เพราะยังสามารถสร้างทักษะเทพที่ทรงพลังยิ่งขึ้นด้วย อย่างตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์ที่มู่เฉินใช้ในอดีตและหอกห้าสุริยะที่ใช้ในครั้งนี้
ในบางแง่มุม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะเทห์สวรรค์ ทว่าถ้าต้องการใช้ทักษะเหล่านี้ก็จะมีเงื่อนไขที่ยากเย็นนัก ซึ่งก็คือต้องพัฒนาคลื่นเก้าตะวันไปทีละขั้น…ละขั้น
ยกตัวอย่างหอกห้าสุริยะ มู่เฉินสามารถนำออกหลังจากใช้กระบวนท่าย่อยเปิดห้าตะวันเท่านั้น
มู่เฉินรู้ว่านี่ไม่ใช่จุดสูงสุด แต่ทักษะเทพที่ทรงพลังยิ่งกว่าจากคลื่นเก้าตะวัน ต้องรอให้เขาฝึกคลื่นเก้าตะวันได้จนถ่องแท้ก่อน เขาถึงจะเห็นพลังที่แท้จริง ซึ่งนี่ทำให้มู่เฉินเต็มไปด้วยความคาดหวังยิ่งนัก…
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับเขาที่จะดื่มด่ำกับความคาดหวัง มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับหัวใจที่พลุ่งพล่านก่อนจะเงยหน้าขึ้น ลำแสงพันจั้งสองสายพุ่งเข้ามาราวกับมังกรยักษ์ ซึ่งนั่นก็คือกระบวนท่าโจมตีจากฟังยี่และโยวหมิง
ลำแสงขยายขนาดอย่างรวดเร็วในสายตาของมู่เฉิน ทว่าเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวนี้ มู่เฉินกลับยกยิ้มบนใบหน้าเท่านั้น
หลังจากปลดปล่อยพลังของห้าตะวัน เขาก็ไม่เกรงกลัวศัตรูหน้าไหน
“ตู้ม!”
ด้วยความคิดในใจ ร่างเทพสุริยะก็กำหอกห้าสุริยะแน่น ดวงตะวันลุกโชติช่วงทั้งห้าดวงก็โคจรรอบปลายหอก มองจากที่ไกลราวกับดวงอาทิตย์ของแท้ปล่อยแรงกดดันที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ให้ข้าลองดูว่าหอกห้าสุริยะที่จะใช้ได้หลังเปิดห้าตะวันเท่านั้นทรงพลังเพียงใด…” มู่เฉินพึมพำกับตัวเองจากนั้นนิ้วเรียวก็สะบัดเบาๆ
“ฮึ่ม!”
ทันทีที่สะบัดนิ้ว หอกทองคำในมือร่างเทพสุริยะก็พุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง สร้างคลื่นเสียงสะท้อนฉีกมิติออกจากกัน
“หอกห้าสุริยะ ทะลวงตะวัน!”
มู่เฉินกะพริบตาขณะดวงอาทิตย์ทั้งห้าที่หมุนรอบตัวระเบิดออกมา คลื่นหมอกสีทองที่น่าสยดสยองดันตัวขึ้น คลื่นกระแทกสีทองกระจายออก เผาผลาญกระทั่งอากาศ…
พร้อมกับการระเบิด เกลียวแสงสีทองจากหอกก็ขยายขนาดขึ้นอย่างทรงพลัง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นลำแสงสีทองที่มีขนาดหลายพันร้อยจั้งซัดออกไป
ลำแสงสีทองทรงประสิทธิภาพมากและพลังงานที่อยู่ในนั้นก็รุนแรงจนทำให้ผู้อื่นตกใจ ในระยะไกลเหล่าจอมพลและจอมยุทธ์คนอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าท่าทาง
ลำแสงสีทองแหวกผ่านมิติ ก่อนที่จะปะทะกับลำแสงทั้งสองอย่างจัง
ตึ้ง!
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจากการปะทะกัน ตามมาด้วยคลื่นกระแทกทรงพลัง ทำให้มิติโดยรอบแตกเป็นเสี่ยงๆ
โยวหมิงและฟังยี่เบิกตากว้างมองไปที่จุดปะทะกัน แต่อึดใจต่อมาสีหน้าทั้งสองก็กลายเป็นน่าเกลียดอย่างยิ่ง นั่นเพราะพวกเขาเห็นลำแสงที่สร้างขึ้นด้วยพลังทั้งหมดที่มีคงอยู่ได้เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ถูกทำลายด้วยแสงสีทอง
แกร็ก
ขณะที่ลำแสงแตกสลาย พวกเขาก็มองเห็นหอกและง้าวที่อยู่ภายในแตกละเอียดเป็นจุดแสง
“บ้าเอ๊ย!”
ใบหน้าทั้งสองมืดครึ้มลง เนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่าท่าไม้ตายนี้จะยังไม่สามารถกำจัดมู่เฉินได้
ฮึ่ม!
แต่ขณะที่พวกเขารู้สึกถึงความโกรธและความขุ่นเคืองในใจ ม่านตาสีดำของมู่เฉินกลับกวาดมองพวกเขาโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ แววตานั่นทำให้หัวใจของพวกเขาสะท้านจับจิต
มู่เฉินเหยียดนิ้วออกมา ชี้ไปที่ทั้งสองด้วยความเฉยเมยก่อนจะกดลงกลางอากาศ
ฟิ้ว!
ช่วงเวลานั้น ฟังยี่และโยวหมิงก็หวาดผวา เมื่อเห็นว่าลำแสงสีทองที่สกัดกั้นการโจมตีกระบวนท่าของพวกเขาไม่ได้สลายหายไป กลับแบ่งออกเป็นสองทาง ยิงใส่พวกเขา
กลิ่นอายความตายพล่านเข้ามา ใบหน้าทั้งคู่อัดแน่นด้วยความกลัว พวกเขาเข้าใจว่าถ้าถูกแสงสีทองซัดใส่ พวกเขาตายแน่นอน!
“ไอ้เวร!”
ใบหน้าของทั้งสองซีดขาว ก่อนที่จะกัดฟันกรอด ขณะที่ถอยกรูดออกไปทันที ร่างเทห์สวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ข้างใต้ก็พุ่งออกมา ใช้ร่างใหญ่โตปะทะกับแสงสีทอง ทั้งสองมีนิสัยเด็ดขาด แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการทำลายร่างเทห์สวรรค์นี้ แต่ก็ยังดีกว่าที่จะปะทะตรงๆ กับร่างเนื้อของพวกเขา เพราะร่างกายของพวกเขาไม่เหมือนกับมู่เฉินซึ่งเป็นมนุษย์เทพอสูร หากพวกเขาชนเข้ากับแสงนี่ พวกเขาถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน
ครืน!
ขณะที่ทั้งสองถอยออกไป ลำแสงสีทองก็ปะทะเข้ากับร่างเทห์สวรรค์ ทันใดนั้นเสียงก็ดังกึกก้องขึ้น เมื่อแสงสีทองกระจายออก ทุกคนก็เห็นรอยแตกพล่านออกไปจากร่างเทห์สวรรค์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับแสงสีทองพวยพุ่งออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น
ปัง!
ร่างเทห์สวรรค์ทั้งสองแตกสลายเป็นประกายแสงอย่างรวดเร็ว
ปุ! ปุ!
เมื่อร่างเทห์สวรรค์ถูกทำลาย โยวหมิงและฟังยี่ที่ถอยร่นออกมาก็กระอักเลือดเต็มปาก ใบหน้าซีดราวกับกระดาษ รัศมีอ่อนแอลง พวกเขาหมดสติไปทันที เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
ความปั่นป่วนที่เกิดจากมู่เฉินสุดยอดนัก ในรุ่นนี้ทั้งสามคนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในหมู่คนรุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ ทว่าความน่าตื่นตะลึงที่เกิดจากการเผชิญหน้าของพวกเขายิ่งใหญ่กว่าซุยนอนและหัตถ์ตะวันออกที่อยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าเสียอีก นั่นเป็นเพราะคลื่นหลิงของพวกเขาถูกระงับไว้ ทว่าความปั่นป่วนจากทั้งสามก็ยังคงดึงดูดความสนใจของทุกคน
หงหยูและซูปี้เยี่ยที่จ้องมองการต่อสู้ของมู่เฉินตลอดเวลาก็ได้แต่สูดอากาศเย็นเข้าปอด เมื่อเห็นว่าโยวหมิงและฟังยี่ล้มพับไปแล้ว พวกนางได้เห็นกระบวนท่าทั้งหมดที่ทำให้ทั้งสองคนพ่ายแพ้ยับเยิน…
ทว่าแม้จะเห็นด้วยสองตาตัวเอง แต่ก็ยังไม่สามารถระงับความตกใจในใจได้ ตอนแรกพวกนางคิดว่ามู่เฉินสามารถยันกับโยวหมิงและฟังยี่ได้ก็ดีมากแล้ว แต่ใครจะไปคิดได้ว่ามู่เฉินจะบดขยี้ทั้งสองจนหมอบราบคาบแก้ว…
“เขาน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เลย…”
หงหยูและซูปี้เยี่ยแอบถอนหายใจในใจ ย้อนกลับไปในเขตหลงเฟิ่ง มู่เฉินเพียงจัดการให้โยวหมิงต้องถอยร่นกลับด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่ตอนนี้กระทั่งโยวหมิงและฟังยี่ร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ยากที่จะจินตนาการได้ว่าในเวลาไม่กี่ปี ความเร็วในการพัฒนาของมู่เฉินจะถึงระดับไหน?
ทุกคนฉายแววตกตะลึงในนัยน์ตา ทว่าสายตาของมู่เฉินยังคงจับจ้องไปที่โยวหมิงและฟังยี่ จากนั้นเขาสะบัดนิ้ว ลำแสงหลิงสองสายก็พุ่งออกมาซัดใส่หัวของทั้งสอง ดูจากท่าทางแล้ว มู่เฉินตั้งใจจะกำจัดรากเหง้าของปัญหาอย่างชัดเจน
ฟิ้ว!
แต่แม้ว่ามู่เฉินจะลงมือเด็ดขาด แต่ทันทีที่ลำแสงจะปะทะคนหมดสติ ร่างแสงสองร่างก็ปรากฏขึ้น คนที่มาใหม่สะบัดแขนเสื้อทำลายคลื่นหลิงจนแหลกสลาย
มู่เฉินขมวดคิ้วเมื่อเห็นภาพนี้ ทั้งสองเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกของจวนยมโลกและหมู่ตึกเทวะ ดูท่าพวกเขาตั้งใจจะปกป้องทั้งสองตั้งแต่เริ่มต้น ตอนนี้จึงไม่มีทางปล่อยให้เขาฆ่าอีกฝ่ายได้
จอมยุทธ์ทั้งสองเข้าช่วยคนเจ็บแต่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างอื่นมาก สายตาที่มองไปที่มู่เฉินไม่มีแววประมาทอีกต่อไป แต่กลับถูกแทนที่ด้วยความกลัวที่หนาแน่น
นั่นเป็นเพราะกระทั่งพวกเขายังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะโยวหมิงและฟังยี่ให้มีสภาพนี้ได้รึเปล่า ทว่ามู่เฉินกลับทำสำเร็จ ซึ่งบ่งบอกว่าเขาคนนี้เติบโตขึ้นจนมีระดับเทียบเคียงกับพวกเขาได้แล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ประคองโยวหมิงและฟังยี่ไว้ จากนั้นก็ถอยฉากทันที เพราะกลัวว่ามู่เฉินจะหันมาซัดใส่พวกเขาต่อ
เมื่อมู่เฉินเห็นว่าอีกฝ่ายหนีไปรวดเร็วแค่ไหน เขายิ้มไม่ได้ไล่ตาม ไม่เพียงแต่ทั้งคู่จะใช้ทักษะลับ มิหนำซ้ำยังได้รับบาดเจ็บหนัก แน่นอนว่าสิ่งนี้จะทิ้งผลสะท้อนกลับเอาไว้อย่างรุนแรง ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรอดตาย แต่การเพาะบ่มพลังก็จะหยุดชะงัก เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาฟื้นตัวเต็มที่ มู่เฉินก็แซงหน้าพวกเขาไปไกลแล้ว…
มู่เฉินถอนสายตามองที่ใจกลางทะเลสาบ ตอนที่เขาต่อสู้กับโยวหมิงและฟังยี่ ก้อนแสงจำนวนมากก็ถูกครอบครอง แต่เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีใครได้รับของเหลวหลิงเสิน มิฉะนั้นความปั่นป่วนคงกระจายไปทั่วแล้ว
“ของเหลวหลิงเสินยังอยู่ที่นี่เรอะ…”
มู่เฉินจ้องมองก้อนแสงที่ยังมีอีกไม่มาก ตอนนี้มีก้อนแสงเหลืออยู่ไม่ถึงห้าก้อนเท่านั้น แต่พวกมันกลับกำจายรัศมีรุนแรง ความเร็วของพวกมันก็ไม่ธรรมดา มีจอมยุทธ์หลายคนพยายามที่จะดักจับไว้ให้ได้ แต่ความพยายามของพวกเขาก็ล้มเหลว
มู่เฉินจ้องมองก้อนแสงทั้งห้า แต่ขณะที่กำลังจะสัมผัสสิ่งของที่อยู่ในก้อนแสงเหล่านั้น หัวใจของเขาก็สั่นสะเทือน เขากำมือวัตถุสีดำลึกลับก็ปรากฏขึ้น
นี่เป็นโลหะสีดำรูปสามเหลี่ยมที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้
โลหะสีดำรูปสามเหลี่ยมที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดนับตั้งแต่มู่เฉินได้รับมา กลับร้อนขึ้นมากในตอนนี้…