หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 952 สถานการณ์อันตราย
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 952 สถานการณ์อันตราย
รัศมีสีดำเชี่ยวกรากแผ่กระจายไปทั่วมิติ
ไอชั่วร้ายผันผวนรุนแรง ทำให้สีหน้าประมุขแต่ละคนไม่น่าดูขึ้นทีละน้อย
พวกเขาไม่คิดว่าสาเหตุของประมุขหมู่ตึกเทวะที่มาขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน ไม่เพียงแค่รับของเหลวหลิงเสินเท่านั้น แต่ยังหมายตาพลังที่หลงเหลือของแม่ทัพปีศาจร้ายที่ถูกท่านจอมพลสี่ผนึกไว้ด้วย
ด้วยของสองสิ่งนี้ก็ไม่ยากเลยที่ประมุขหมู่ตึกเทวะจะโจมตีระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดมากในตอนนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบันประมุขหมู่ตึกเทวะเตรียมการทุกอย่างไว้อย่างเสร็จสรรพแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงพูดโอหังเช่นนั้น
เขาสามารถบอกได้ว่าแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวที่เล็ดลอดออกมา แม้ว่าจะยังไม่ได้เสถียรในระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ก็แข็งแกร่งกว่ามั่นถัวหลัวมากนัก
ดังนั้นหากต้องต่อสู้ แม้แต่มั่นถัวหลัวก็ไม่สามารถต่อกรกับประมุขหมู่ตึกเทวะได้
“วางแผนดีนักนะ!”
มั่นถัวหลัวสัมผัสได้ถึงประมุขเทวะที่น่าสะพรึงกลัวมากขึ้นก็กัดฟันกรอดก่อนที่จะพูดเสียงเยือกเย็น “แกนี่บ้าจริงๆ พลังเผ่าปีศาจไม่เข้ากับมหาพันภพของเรา แกจะต้องเสียใจในอนาคตแน่ที่ใช้มันในการบรรลุ!”
แม้ว่าแม่ทัพปีศาจทุนเทียนจะตายไปนานแล้ว แต่พลังนี่ก็ไม่ใช่ของมหาพันภพอยู่ดี ดังนั้นต่อให้ประมุขหมู่ตึกเทวะจะสามารถระงับได้ในขณะนี้ เขาก็จะต้องเผชิญกับอันตรายที่ซ่อนอยู่ในอนาคต
ทว่าประมุขหมู่ตึกเทวะกลับยิ้มตอบ “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่ต้องจ่ายราคาไป เพียงแต่ว่าราคานี้ยังอยู่ในช่วงที่ข้ายอมรับได้ ในอนาคตเมื่อข้าได้รับมรดกของวังสวรรค์บรรพกาล ข้าก็อาจเป็นเจ้าเหนือหัวทวีปเทียนหลัวได้ ทำให้หมู่ตึกเทวะของข้าเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจยิ่งใหญ่ของมหาพันภพ”
“เฮ้ โลภมากซะจริง!” เมื่อได้ยินคำพูดนั่นแม้แต่วั้นเซิ่งก็อดเยาะเย้ยไม่ได้ ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายแค่ต้องการที่จะครองภูมิภาคทางเหนือ แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้านี่ตั้งใจจะฮุบทั้งทวีปเทียนหลัวเลยทีเดียว
ทวีปเทียนหลัวเป็นหนึ่งในสิบมหาทวีปที่ยิ่งใหญ่ของมหาพันภพ หากได้ครอบครองปริมาณทรัพยากรและดินแดนคงไม่สามารถจินตนาการได้ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างสุดยอดสำนัก
แต่การครองทวีปเทียนหลัวจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง? เว้นแต่ประมุขหมู่ตึกเทวะจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้ ไม่งั้นนี่ก็จะกลายเป็นเรื่องผายลม
“มรดกของวังสวรรค์บรรพกาล?”
เมื่อวั้นเซิ่งส่งเสียงล้อเลียน ดวงตาของมู่เฉินและมั่นถัวหลัวก็กะพริบวาบ จากคำพูดของประมุขหมู่ตึกเทวะ เขารู้เกี่ยวกับความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปเทียนหลัวด้วย ซึ่งก็คือวังสวรรค์บรรพกาลที่ถูกซ่อนมาช้านาน!
นั่นคือสุดยอดสำนักยิ่งใหญ่มากในสมัยโบราณที่มีจอมยุทธ์มากเท่ากับเมฆบนท้องฟ้า กระทั่งจอมยุทธ์อย่างจอมพลสี่ที่ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นยังมีจำนวนมากกว่าหยิบมือ ยิ่งเจ้าวังสวรรค์เป็นถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว
หากพวกเขาค้นพบวังสวรรค์บรรพกาลและได้รับมรดก ก็อาจก่อให้เกิดสุดยอดสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเทียนหลัวได้อีกครั้งจริงๆ
แน่นอนว่ามรดกของวังสวรรค์บรรพกาลไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉินสนใจที่สุด เขาต้องการวิธีวิวัฒนาการร่างเทพสุริยะมากกว่า
ตามข้อมูลที่เขารวบรวมมาจนถึงตอนนี้ วิวัฒนาการของร่างกลางเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเขาต้องการให้ร่างเทพสุริยะของเขากลายเป็นร่างมหาเทพนิรันดร์
ตราบใดที่ร่างเทพสุริยะสามารถพัฒนาเข้าสู่ร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ มู่เฉินเชื่อว่าจะมีจุดยืนสำหรับเขาในมหาพันภพแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะมีความสามารถเผชิญหน้ากับพวกลึกลับที่จับมารดาเขาไป เขาจะได้ไม่ต้องระวังการใช้วิชามหาเจดีย์อีกต่อไป
“เจ้ารู้ความลับของวังสวรรค์บรรพกาลด้วยรึ?” มั่นถัวหลัวจ้องมองไปที่ประมุขหมู่ตึกเทวะขณะที่เค้นเสียงเย็น
การมีอยู่ของวังสวรรค์บรรพกาลไม่ได้เป็นความลับสุดยอดอะไรในทวีปเทียนหลัว แต่หลายปีที่ผ่านมาแม้เหล่าจอมยุทธ์จะพยายามอย่างดีที่สุด แต่ก็ยังหาสำนักโบราณนั่นไม่พบ ดังนั้นมั่นถัวหลัวจึงสงสัยในคำพูดของประมุขหมู่ตึกเทวะอยู่บ้าง
อีกฝ่ายยิ้มให้กับคำพูดของมั่นถัวหลัว ก่อนที่ดวงตาสีดำซึ่งเต็มไปด้วยความชั่วร้ายจะมองไปที่ประมุขคนอื่นแล้วแสยะยิ้ม “ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเจ้าคิดว่าข้ามีคุณสมบัติที่จะครอบครองภูมิภาคทางเหนือหรือยัง?”
ทั่วทั้งมิติเงียบกริบ เหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายก็ไร้ซุ่มเสียง ขนาดเหล่าประมุขยังมีสีหน้ามืดครึ้ม เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันไปไกลเกินความคาดหมายแล้ว
แววตาแต่ละคนวูบไหว สุดท้ายก็มองไปที่มั่นถัวหลัว ในตอนนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับประมุขหมู่ตึกเทวะได้
ใบหน้าของมั่นถัวหลัวก็น่าเกลียดลงในเวลานี้ นางจ้องเขม็งที่ประมุขหมู่ตึกเทวะ ก่อนที่จะหายใจลึกพูดเสียงขรึมว่า “อาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่สนใจที่จะสมคบคิดกับหมู่ตึกเทวะของเจ้า!”
นางบอกชัดเจนว่าไม่ต้องการอยู่ใต้บังคับบัญชาของหมู่ตึกเทวะ
ทว่าประมุขหมู่ตึกเทวะก็ไม่ได้มีท่าทางประหลาดใจกับคำพูดของมั่นถัวหลัว เขายิ้มบางพูดอย่างเฉยเมยว่า “ถ้าแบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีอาณาเขตกงเวทสวรรค์อยู่ในภูมิภาคทางเหนืออีกแล้ว”
คำพูดเรียบสงบเต็มไปด้วยจิตสังหารเย็นเยือกชัดเจน ทำให้จอมยุทธ์อาณาเขตกงเวทสวรรค์มีสีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่มู่เฉินก็ยังต้องหดดวงตา
ขั้วอำนาจอื่นก็มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
“งั้นเหรอ?! นั่นขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีความสามารถเพียงพอหรือไม่!” น้ำเสียงของมั่นถัวหลัวเย็นชา คลื่นหลิงน่าสะพรึงกระจายออกมาจากรอบตัวนาง ฉีกมิติออก
นางก้าวไปข้างหน้า มิติผันผวน สายตาแหลมคมยิงไปทางประมุขหมู่ตึกเทวะปานสายฟ้า ชัดว่ารู้ดีว่าวันนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะจบลงโดยดี ต้องสู้สุดชีวิตเท่านั้น!
“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่าขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย สามารถต่อสู้กับข้าได้จริงเรอะ” ประมุขหมู่ตึกเทวะหัวเราะเยาะเบาๆ จิตสังหารพล่านออกมาจากคำพูด
“ดูเหมือนอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะเป็นหินรองเท้าก้อนใหญ่สำหรับหมู่ตึกเทวะที่จะครอบครองภูมิภาคทางเหนือ หลังจากข้าล้างเจ้าออกไป ทุกคนที่นี่ก็คงจะเชื่อฟังข้า”
ประมุขหมู่ตึกเทวะกระตุกยิ้มพลางสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นรัศมีสีดำเชี่ยวกรากก็พวยพุ่งออกมาย้อมท้องฟ้าทั้งผืน พร้อมกับคลื่นหลิงในมิติเริ่มถูกปนเปื้อน ทำให้ประมุขคนอื่นๆ ไม่สามารถควบคุมพลังงานที่ปนเปื้อนนี้ได้…
มั่นถัวหลัวมองฟ้าดินที่ถูกปนเปื้อน สีหน้าก็ดิ่งลงไปอีกหลายส่วน ประมุขหมู่ตึกเทวะตั้งใจที่จะใช้พลังปีศาจเพื่อปนเปื้อนพลังงานในฟ้าดิน จนให้ที่นี่เหมือนเป็นคุกเพื่อไม่ให้มีใครหลบหนีออกไปได้
“ทุกคนสู้ด้วยกัน ช่วยกันฉีกมิติเพื่อหนีเถอะ ตราบใดที่เราออกไปแล้วกระจายข่าวไปให้ทั่ว ดูสิว่าหมู่ตึกเทวะจะยังคงอยู่ในภูมิภาคทางเหนือได้ยังไง!” แววตาของเยาตี้เปลี่ยนไป จากนั้นก็ตะโกน
ในมหาพันภพจอมยุทธ์ทุกคนต่างเฝ้าระวังเผ่าปีศาจต่างมิติ หากพวกเขารู้เกี่ยวกับการกระทำของหมู่ตึกเทวะ พวกเขาจะต้องเคลื่อนไหวออกมาต่อต้านแน่นอน ณ จุดนั้นแม้แต่ขั้วอำนาจชั้นสูงนอกภูมิภาคทางเหนือก็จะไม่ดูแบบนิ่งเฉย
“สู้ด้วยกัน!”
วั้นเซิ่งตระหนักถึงประเด็นนี้ทันที พวกเขาไม่ลังเลอีกต่อไป ทั้งหมดประสานพลังกัน ผลึกคลื่นหลิงที่น่ากลัวยิงออกมา กระแทกกับรัศมีสีดำที่น่าขนผองสยองเกล้า
ชี่ !ชี่!
แต่เมื่อพวกเขาเปิดการโจมตีก็ทำให้รัศมีสีดำกระจายออกไปเท่านั้น เวลาเพียงชั่วครู่รัศมีก็กวาดเข้ามารวมกันใหม่ ความหนาแน่นในการปนเปื้อนก็เพิ่มขึ้นอีกหลายระดับ
เมื่อเหล่าประมุขเห็นภาพนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที
“ฮ่าๆ อย่าเสียแรงเปล่าๆ เลย ข้าบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายแล้ว บวกกับพลังที่ถูกทิ้งไว้โดยแม่ทัพปีศาจชั่วร้าย พวกเจ้าที่อยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นจะทำอะไรกับข้าได้?” เสียงของประมุขหมู่ตึกเทวะดังก้องออกมาจากรัศมีสีดำ
มู่เฉินสูดลมหายใจเย็น เขาไม่คิดว่าพลังอำนาจของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะทรงพลังขนาดนี้… เขาหันไปมองมั่นถัวหลัวที่ตอนนี้มีสีหน้าน่าเกลียดมากเช่นกัน
“มีวิธีจัดการกับสถานการณ์นี้ไหม?” มู่เฉินถามเสียงต่ำ
“ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่าข้าจะร่วมมือกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคนอื่น ก็ได้แค่ปกป้องตัวเอง… นอกจากนี้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือเขาใช้คลื่นพลังของแม่ทัพปีศาจทุนเทียน หากเราปล่อยให้เขาทำการปนเปื้อนคลื่นหลิงในมิตินี้ เราจะต้องติดกับดักรอเพียงความตายที่จะโหมเข้าใส่เท่านั้น” มั่นถัวหลัวพูดพลางกัดฟันกรอด
“ตอนนี้เราไม่มีพลังเพียงพอ หากมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนอีกสักคนเข้าร่วม ก็อาจจะจัดการสถานการณ์ได้” แม้ว่าพลังของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีขีดจำกัด หากมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นอีกคนก็จะสามารถเผชิญหน้าได้
มู่เฉินยิ้มขมขื่น จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งหมดในภูมิภาคทางเหนือมารวมตัวกันที่นี่หมดแล้ว พวกเขาจะไปหาคนอื่นได้จากที่ไหน? จอมยุทธ์ระดับนี้ไม่ใช่สุนัขหรือแมวที่สามารถหาได้ทุกที่เสียหน่อย
เมื่อคิดถึงจุดนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เขาหรี่ตามองไปที่ระยะไกล หุ่นวิญญาณจอมพลสี่ที่เกาะหินเทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนไม่ใช่รึ?
หากพวกเขาล่อออกมาได้ก็จะจัดการกับประมุขหมู่ตึกเทวะได้ เพียงแต่…แนวป้องกันของหุ่นเงาตัวนั้นเหมือนจะไม่ไกลเกินกว่าเกาะหิน
มู่เฉินขมวดคิ้วไตร่ตรองไปพักใหญ่ก่อนที่จะกำมือแน่น วัตถุสามเหลี่ยมสีดำลึกลับปรากฏขึ้นในมือ ของชิ้นนี้ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถได้รับขวดดินเผาล้ำค่ามาอย่างง่ายดาย
แม้ว่ามู่เฉินจะไม่รู้ว่าใช้งานได้หรือไม่ แต่ในสถานการณ์นี้ ได้ไม่ได้ก็ต้องลองเสียหน่อยแล้ว
ฟู่
มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นไม่ลังเลสะบัดนิ้วออกไป วัตถุสามเหลี่ยมสีดำในมือพุ่งออกไปหาหุ่นเงา ก่อนที่รัศมีสีดำจะปิดกั้นทั้งหมด
สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่หุ่นเงา หัวใจก็เต้นรัวอย่างกังวลใจ หากวิธีนี้ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้พวกเขาก็อันตรายมากแล้วจริงๆ!