หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 954 พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 954 พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
โลหะสามเหลี่ยมกำจายเกลียวแสงโบราณหมุนวนอยู่เหนือฝ่ามือของจอมพลสี่อย่างช้าๆ ขณะที่เคลื่อนไหวก็ส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา
สัญลักษณ์แสงโบราณปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ บนพื้นผิวราวกับกิ่งไม้ที่ยื่นออกจากต้นไม้โบราณ ขณะเดียวกันทุกคนในมิติก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้ทั้งมิติเหมือนจะเริ่มสั่นสะเทือน
กระทั่งมหาสมุทรเบื้องล่างยังบ้าคลั่งขึ้นมาทันที คลื่นยักษ์หมื่นจั้งก่อตัวขึ้นไม่หยุด ภาพนี้ตระการตายิ่งนัก
มั่นถัวหลัวและคนอื่นมองดูความปั่นป่วนอย่างตกกตะลึง ยามนี้พวกเขารู้สึกถึงคลื่นทรงพลังที่ทะลุทะลวงผ่านมิติ แล้วเคลื่อนลงมายังสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
“พลังงานนี่…”
ใบหน้าของประมุขหมู่ตึกเทวะเปลี่ยนไป อึดใจเขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าด้วยสายตามืดครึ้ม ตอนนี้ท้องฟ้าซึ่งควรจะเป็นสีดำสนิทกลับกระเพื่อมไหว ทันใดนั้นเขาก็ต้องหดดวงตาเมื่อเห็นวัตถุขนาดใหญ่เลื่อนผ่านมิติลงมาสู่บริเวณนี้
วัตถุนี้มีขนาดใหญ่มากจนไม่สามารถมองเห็นทั้งหมดได้ การเคลื่อนตัวลงมาช้าๆ แฝงด้วยความน่าสะพรึงกลัวครอบงำทุกสรรพสิ่ง ทำให้ดวงตาของเหล่าประมุขแข็งเกร็งขึ้นเลยทีเดียว
มู่เฉินและคนอื่นก็เงยหน้าขึ้นมองวัตถุขนาดใหญ่ที่ลดระดับลงมาด้วยแววตาตกตะลึง จากนั้นอึดใจก็พึมพำว่า “นี่มันพีระมิดสีดำ…”
วัตถุขนาดมหึมาที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขาก็คือพีระมิดสีดำขนาดใหญ่ที่พวกเขาเห็นหลังจากก้าวเข้าสู่ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนนั่นเอง!
“วัตถุนี้เรียกพีระมิดสีดำมาได้ด้วยเหรอเนี่ย?!” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเย็นเข้าปอด ตอนนี้เขารู้ชัดแจ้งแล้วว่าวัตถุนี้ไม่ใช่แค่โลหะรูปสามเหลี่ยมสีดำ แต่เป็นพีระมิดสีดำที่หดตัวลงจนเล็กจิ๋ว
ขณะนี้พร้อมกับการปรากฏของพีระมิดสีดำ พื้นผิวพีระมิดก็กระเพื่อมไหวด้วยแสงสีทอง แสงเหล่านั้นราวกับดวงดาว ก่อนที่รังสีแสงจะกระจายออกแล้วเชื่อมโยงเข้าด้วยกันเหมือนโซ่ทองที่ห่อหุ้มพื้นผิวพีระมิด ซึ่งทำให้ดูไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้
ยามนี้พวกเขาจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าพีระมิดสีดำเป็นอาวุธที่ทรงพลังเพียงใด พวกเขาลืมตระหนักไปตอนเข้าสู่ขุมทรัพย์จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนสุดยอดแห่งยุคโบราณ
“ไม่คิดเลยว่าพีระมิดสีดำนี้จะเป็นอาวุธมหสวรรค์…”
ใบหน้าของมั่นถัวหลัวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงขณะที่ส่ายหัวด้วยความรู้สึกเสียดาย “แต่จอมพลสี่ซ่อนไว้อย่างดีจนคนแบบข้าก็ไม่สามารถค้นพบได้”
“อาวุธมหสวรรค์?!”
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนี่หัวใจก็สั่นไหว ในมหาพันภพมีระดับอาวุธเทพได้แก่อาวุธสรรค์สวรรค์-พบสวรรค์-มหสวรรค์ ซึ่งอาวุธพบสวรรค์ไม่ใช่อาวุธเทพที่ทรงพลังที่สุด เนื่องจากเหนือขึ้นไปยังมีอาวุธมหสวรรค์ อาวุธระดับนี้เป็นวัตถุเทพที่หายากและทรงพลังมาก ต้องรู้ว่าขนาดจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังรู้สึกถึงความโลภที่พลุ่งพล่านขึ้น
ท่องยุทธภพมาหลายปีมู่เฉินไม่เคยเห็นอาวุธมหสวรรค์เลย วัตถุระดับนี้เกินกว่าที่จะเข้าถึงได้ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา
แน่นอนว่าไม่ใช่เขาคนเดียว แม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ไม่มีอาวุธมหสวรรค์ของแท้ แต่ยามนี้พีระมิดสีดำกลับเป็นอาวุธมหสวรรค์แท้จริง ดังนั้นมู่เฉินจะไม่ตกตะลึงในหัวใจได้ยังไง?
“นี่น่าจะเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำ จากที่ข้ารู้มามีอาวุธมหสวรรค์แปดชิ้นในวังสวรรค์บรรพกาล หนึ่งในนั้นรู้จักกันในชื่อพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ ถ้าข้าไม่เดาผิดนี่น่าจะเป็นอาวุธชิ้นนั้น” มั่นถัวหลัวถอนหายใจ
“อาวุธมหสวรรค์แปดชิ้น…”
มู่เฉินสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดอีกครั้ง สมกับเป็นวังสวรรค์บรรพกาลจริงๆ กระทั่งอาวุธมหสวรรค์ทรงพลังยังมีถึงแปดชิ้น เห็นได้เลยว่าสำนักโบราณแห่งนี้ทรงอำนาจเพียงใดเมื่อครั้งยังอยู่ ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไปกี่เท่า
“ถ้าข้ามีอาวุธมหสวรรค์สักชิ้น ข้าก็สามารถเผชิญหน้ากับประมุขหมู่ตึกเทวะในตอนนี้ได้” มั่นถัวหลัวยิ้มจนใจ
“ต่อให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเราจะทุ่มทั้งหมดที่มีก็ไม่สามารถหาอาวุธมหสวรรค์มาได้เหรอ?” มู่เฉินตะลึงไปเล็กน้อยขณะที่ถาม หากอาวุธมหสวรรค์ทรงพลังขนาดนั้นจริง งั้นอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็น่าจะพอหามาได้ถ้าทุ่มเงินทั้งหมดที่มีใช่ไหม?
“ตามการประเมินของข้า อาวุธมหสวรรค์ชิ้นหนึ่งมีราคาอย่างน้อยสิบล้านหยดของเหลวจื้อจุน…” มั่นถัวหลัวกล่าว
“สะ…สิบล้านหยดของเหลวจื้อจุน?”
มู่เฉินอึ้งไป ความไม่เชื่อเขียนบนใบหน้า ย้อนกลับไปที่ทวีปซังเคล็ดวิชาเก้ามังกรคชสารที่สามารถเปรียบเทียบได้กับทักษะขั้นยอดเยี่ยมก็ถูกประมูลไปด้วยราคาของเหลวจื้อจุนไม่กี่หมื่นหยด รายได้ของหอวิหคโลกันตร์ต่อปีก็มีไม่กี่หมื่นหยดเท่านั้น แต่ตอนนี้อาวุธมหสวรรค์ชิ้นเดียวกลับมีค่าเป็นสิบล้านหยดเหรอ?
ด้วยราคาที่สูงเช่นนี้ แม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะถูกคั้นจนแห้งก็ยากที่จะรวบรวมของเหลวจื้อจุนถึงสิบล้านหยดได้
“ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ การสร้างอาวุธมหสวรรค์ยากและมักใช้เวลานานมาก บางทีแม้จะผ่านหลายร้อยหรือหลายพันปีก็ยังไม่สามารถสร้างออกมาได้ชิ้นหนึ่งเลย”
มั่นถัวหลัวนิ่งสงบเกี่ยวกับเรื่องนี้ขณะที่พูดต่อ “พลังของอาวุธมหสวรรค์อาจถือได้ว่าเป็นพลังการทำลายล้างที่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนได้เลย”
“นอกจากนี้ในมหาพันภพมาตรฐานหนึ่งสำหรับการวัดขั้วอำนาจยักษ์ใหญ่ก็ดูว่ามีอาวุธมหสวรรค์ครอบครองหรือไม่ ดังนั้นในแง่มุมหนึ่งภูมิภาคทางเหนือของทวีปเทียนหลัวก็ไม่ถือเป็นอะไรเลย”
มู่เฉินจนคำพูดพลางยิ้มอย่างขมขื่น เขาได้เห็นระยะห่างระหว่างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแต่ละระดับแล้ว หากอาวุธมหสวรรค์สามารถชดเชยช่องว่างได้ ก็เข้าใจได้ในเรื่องราคาที่น่ากลัว
ไม่แปลกใจว่าทำไมขนาดอาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นยอดสำนักในภูมิภาคทางเหนือ พวกเขาก็ไม่สามารถมีอาวุธมหสวรรค์ในครอบครองได้
ขณะที่ที่มู่เฉินกับมั่นถัวหลัวสนทนากัน ผู้คนที่อยู่ที่นี่ก็ค้นพบต้นกำเนิดของพีระมิดสีดำ ดวงตาของเหล่าประมุขเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าพีระมิดนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของจอมพลสี่ละก็ พวกเขาคงไม่อาจยับยั้งชั่งใจตนเอง แล้วพุ่งเข้าไปกลุ้มรุมเพื่อแย่งชิงกันแล้วก็ได้
“ไม่คิดว่าพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจของวังสวรรค์บรรพกาลจะอยู่ในมือของจอมพลสี่… มีข่าวลือว่าอาวุธชิ้นนี้เป็นประเภทปราบปรามและปกป้อง คราวนี้ดูเหมือนประมุขหมู่ตึกเทวะจะซวยเข้าแล้ว”
เหล่าประมุขแลกเปลี่ยนสายตากันก็รู้สึกโล่งใจขึ้น ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดจอมพลสี่จึงมีความมั่นใจและเต็มไปด้วยคำปรามาสเมื่อเผชิญหน้ากับประมุขหมู่ตึกเทวะซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในเวลานี้ ถ้าจอมพลสี่สามารถยืมพลังพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ วันนี้ประมุขหมู่ตึกเทวะคงไม่สามารถหนีรอดจากความตายไปได้!
ขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบกัน ประมุขหมู่ตึกเทวะที่ยืนอยู่ในรัศมีเชี่ยวกรากก็มีใบหน้าบิดเบี้ยวจนไม่น่าดู สายตาจับจ้องไปที่พีระมิดสีดำที่พุ่งทะลุผ่านมิติ เขารู้สึกถึงความผันผวนน่ากลัวที่กำจายออกมา
นอกจากนี้คลื่นพลังของแม่ทัพปีศาจทุนเทียนที่เขาดูดซับมาก่อนหน้าก็เริ่มดิ้นพล่านราวกับกลัวพีระมิดสีดำ นั่นเป็นเพราะในอดีตแม่ทัพปีศาจทุนเทียนถูกจัดการโดยพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจจนร่างกายสูญสลาย…
“พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจเรอะ…”
แววตาของประมุขหมู่ตึกเทวะวูบไหว จากนั้นเขาก็กระทืบเท้าบนอากาศ มิติแปรปรวน รัศมีสีดำเชี่ยวกรากกวาดออก ก่อร่างเป็นอสรพิษสีดำขนาดใหญ่โตพุ่งแหวกอากาศซัดใส่จอมพลสี่
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เขาเลือกที่ออกกระบวนท่าใส่ศัตรูเป็นการระเบิดศึกก่อน
ทว่าประจันหน้ากับการโจมตีที่น่าตกใจของประมุขหมู่ตึกเทวะ จอมพลสี่ก็ยังคงสงบนิ่ง ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงวูบไหว ลำแสงสีดำบางจางกดลงมาลอยอยู่เบื้องหน้าจอมพลสี่ ม่านแสงสว่างปรากฏขึ้นพร้อมกับดวงดาวเชื่อมโยงกันเหมือนกับแผนที่ดาว
ต้นกำเนิดของแสงสีดำมาจากพีระมิดสีดำ
ตู้มมม!
อสรพิษสีดำกระแทกอย่างหนักหน่วงกับม่านแสง ระลอกคลื่นแปรปรวนปรากฏบนม่านสีดำบางๆ แต่ไม่มีสัญญาณของการแตกสลายใดๆ
พลังป้องกันดังกล่าว ทำให้มุมริมฝีปากของเหล่าประมุขยังอดกระตุกรุนแรงไม่ได้
ตัดสินจากมุมมองปกติ จอมพลสี่สามารถปะทะในระดับเดียวกับประมุขหมู่ตึกเทวะได้สบาย แต่ด้วยความช่วยเหลือของพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ อีกฝ่ายก็ไม่สามารถทะลุผ่านแนวป้องกันมาได้
ความสามารถในการป้องกันของพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
ประมุขหมู่ตึกเทวะเฝ้ามองฉากนี้ด้วยใบหน้ามืดครึ้มลงหลายส่วน แววตาวูบไหว อึดใจต่อมาเขาก็ตบตรงที่ว่างข้างหลัง มิติพังลงอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาก็เคลื่อนเข้าไปหวังจะซ่อนตัวอยู่ในรอยแตกของมิติ
“เขากำลังจะหนี!”
เมื่อมั่นถัวหลัวและคนอื่นเห็นภาพนี้ ดวงตาก็หดลง ประมุขหมู่ตึกเทวะเด็ดเดี่ยวจริง พอเห็นว่าตนเองไม่สามารถปะทะจอมพลสี่ได้ เขาก็เลือกถอยหลบไปอย่างรวดเร็ว
แต่ถ้าอีกฝ่ายหลบหนีไปได้ เขาก็จะเป็นภัยคุกคามใหญ่ของภูมิภาคแน่นอน
ขณะที่มั่นถัวหลัวและคนอื่นมีสีหน้าน่าเกลียดลงและคิดจะเข้าไปขัดขวางประมุขหมู่ตึกเทวะ จอมพลสี่ก็ยิ้มบางจากนั้นสะบัดมือ พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจก็กดอัดลงมากะทันหัน เงาปกคลุมไปทั่วมิติ
พีระมิดล้อมพื้นที่ที่ประมุขหมู่ตึกเทวะใช้หลบหนีทุกทิศทาง แสงดาวนับไม่ถ้วนกระจายออก วิ่งพล่านทะลุผ่านมิติ ครู่หนึ่งแสงก็หดกลับ เมื่อแสงหดกลับก็ดึงร่างที่น่าสมเพชออกมาด้วย
นี่ก็คือประมุขหมู่ตึกเทวะที่พยายามจะหลบหนี!
“ในเมื่อเจ้าดูดซับคลื่นพลังของแม่ทัพปีศาจทุนเทียนไปแล้ว งั้นก็อยู่ที่เถอะ”
เสียงไม่แยแสของจอมพลสี่ดังก้อง จากนั้นตราประทับในมือก็เปลี่ยนไป ห่วงแสงดาวนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากพีระมิด มัดเข้าที่แขนขาของประมุขหมู่ตึกเทวะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลากเข้ามา โดยไม่สนอีกฝ่ายที่ออกอาการดิ้นรนขัดขืนมากแค่ไหน
แสงดาวเต้นระริกบนพื้นผิวของพีระมิด จากนั้นก็กลายเป็นหลุมดำที่ราวกับกรามใหญ่ของฉลามขณะกลืนกินประมุขหมู่ตึกเทวะเข้าไป
จังหวะที่ประมุขหมู่ตึกเทวะถูกกลืนกิน มู่เฉินและคนอื่นก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวของพีระมิด ฉากภายในเผยออกมาให้เห็น ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวสีดำ ประมุขหมู่ตึกเทวะถูกพันธนาการด้วยห่วงดาวนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรเขาก็หนีไม่พ้น
เหล่าประมุขตกตะลึงในใจ ในเวลาไม่กี่นาทีประมุขหมู่ตึกเทวะก็ได้รับการปราบปรามโดยจอมพลสี่แล้ว
พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจน่ากลัวจริงๆ!
“จอมพลสี่ แกต้องการอะไร?!” ใบหน้าของประมุขหมู่ตึกเทวะเขียวคล้ำขณะแผดเสียงคำรามมาจากในพีระมิด เขาไม่คิดว่าสถานการณ์ซึ่งกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมทั้งหมดของตนจะถูกเปลี่ยนเพียงเพราะจอมพลสี่ที่น่าสาปแช่งปรากฏขึ้น
จอมพลสี่ยังคงแสดงออกไม่แยแสขณะที่ตอบว่า “เอาสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้าออกมา”
พูดจบเปลวไฟลุกโชติช่วงก็ลุกลามขึ้นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เปลวไฟนี้ดูพิเศษอย่างมากราวกับว่าสร้างมาจากแสงดาวพราวตระการตา
ทว่าเมื่อประมุขหมู่ตึกเทวะเห็นเปลวไฟนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด ขณะที่ความไม่สบายใจสุดขีดผุดขึ้นในหัวใจ