หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 955 ตาย
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 955 ตาย
ฟู่! ฟู่!
บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เปลวไฟที่ดูเหมือนว่าจะก่อตัวขึ้นจากแสงดาวก็เริ่มลุกโชนขณะที่กวาดตัวออกก็กลายเป็นมังกรขนาดใหญ่ มังกรคำรามเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ประมุขหมู่ตึกเทวะทันที
ยามนี้ความกลัวผุดขึ้นบนใบหน้าของประมุขหมู่ตึกเทวะอย่างควบคุมไม่ได้ ความเสียใจสุดซึ้งหลั่งไหลมาจากหัวใจ เขาไม่คิดว่าการใช้พลังของแม่ทัพปีศาจทุนเทียนในการบรรลุขุมพลังจะทำให้เขามีจุดจบแบบนี้
นอกจากนี้เขาก็ไม่คิดว่าจอมพลสี่ซึ่งสิ้นชีพไปแล้วจะทิ้งไพ่ตายไว้เบื้องหลัง…
“ทุกอย่างเป็นเพราะไอ้เด็กสารเลวนั่น!”
ประมุขหมู่ตึกเทวะคำรามด้วยเสียงชั่วร้ายในใจ หากไม่ใช่เพราะความจริงที่มู่เฉินปลุกวิญญาณบ้านั่นขึ้นมาก่อนหน้านี้ เขาคงปราบเหล่าประมุขสำนักต่างๆ และได้รับชัยชนะครั้งสุดท้ายไปแล้ว
แต่ในเวลานี้ก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกเสียใจมากแค่ไหนก็ตาม มังกรแสงดาวที่ลุกโชติช่วงพุ่งเข้าใส่ไม่ยั้ง ที่แปลกประหลาดก็คืออุณหภูมิไม่ได้สูงขึ้น แต่ท่าทางของประมุขหมู่ตึกเทวะกลับยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น
นั่นเป็นเพราะแม้จะดูปกติดีบนพื้นผิว ทว่าภายในของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดจื้อจุนไห่ คลื่นหลิงพวยพุ่งบ้าคลั่งอย่างรุนแรง ทำราวกับอยากจะออกจากการควบคุมของเขา แยกตัวออกจากจุดที่สถิตอยู่
“แกต้องการอะไรกันแน่?! อย่าทำเกินไปนะ ถ้าปลาตายตาข่ายขาด เราทั้งคู่ไม่ได้ดีแน่นอน!” ประมุขหมู่ตึกเทวะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในจุดจื้อจุนไห่ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมกับกัดฟันกรอด
“ฮ่าๆ แกมาพูดเรื่องปลาตายตาข่ายขาดกับคนตายอย่างข้าเนี่ยนะ?” ที่ด้านนอกพีระมิดแสงดาวจอมพลสี่หัวเราะร่วนก่อนที่แววตาจะเย็นเยือกลง “ข้าบอกแล้วว่าจะเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้ากลับคืนมา!”
พูดจบตราประทับในมือก็เปลี่ยนไป เพลิงแสงดาวพุ่งขึ้นกลายเป็นเกลียวไฟนับไม่ถ้วนแทรกซึมผ่านรูขุมขนและจมูกของประมุขหมู่ตึกเทวะ เข้าสู่ร่างกายของเขา
อ้ากกกก!
เสียงคำรามสิ้นหวังดังก้องออกจากปากของประมุขหมู่ตึกเทวะ จากนั้นร่างกายสั่นเทิ้มรุนแรง ลำแสงหลิงขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากปากเขา คลื่นหลิงหนาแน่นจนแทบจะกลายเป็นของที่จับต้องได้
นี่คือคลื่นหลิงจากจุดจื้อจุนไห่ของประมุขหมู่ตึกเทวะ!
ในคลื่นหลิงนั้น มู่เฉินสัมผัสได้ถึงความผันผวนคุ้นเคย ทำเอาหัวใจของเขาสั่นไหวด้วยความหวาดผวาในดวงตา
นี่คือความผันผวนของของเหลวหลิงเสิน!
วิธีการของจอมพลสี่เผด็จการแท้จริง เขาสามารถดึงของเหลวหลิงเสินที่ประมุขหมู่ตึกเทวะได้ดูดซึมไปก่อนหน้าออกมา ด้วยวิธีนี้ประมุขหมู่ตึกเทวะที่สูญเสียของเหลวหลิงเสินไปจะกลับไปที่ขุมพลังดั้งเดิมแน่นอน!
“จอมพลสี่มีแผนการลึกซึ้งแท้จริง เขาทิ้งไพ่ตายเช่นนี้ไว้ข้างหลัง!” เมื่อมั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ ได้เห็นฉากนี้ ดวงตาก็หดลงอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าแต่ละคนดูไม่ดีเลย
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่เฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ของเหลวหลิงเสินที่เรากลั่นมาก่อนหน้านี้ ได้รับการประทับลับจากจอมพลสี่ ซึ่งจะแฝงตัวอยู่ลึกจนถึงจุดที่ข้ายังไม่สามารถรู้สึกถึงได้”
ใบหน้าของมั่นถัวหลัวกลายเป็นเคร่งเครียดขณะเอ่ยต่อ “แต่ก็ไม่มีเจตนาร้ายเบื้องหลังการประทับนี้ เมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะสูญสลายไปจากร่างกายของเรา แต่…ก่อนหน้านั้นถ้าถูกควบคุมโดยจอมพลสี่ เขาจะสามารถดึงออกจากร่างกายของเราคืนเมื่อไรก็ได้”
หัวใจของมู่เฉินตกใจไป มิน่าล่ะจอมพลสี่ถึงสามารถเปลี่ยนประมุขหมู่ตึกเทวะกลับคืนสู่สถานะเริ่มต้นได้อย่างง่ายดาย ที่แท้เขาทิ้งกลเม็ดไว้เบื้องหลังนี่เอง แต่โชคดีที่เขามุ่งเป้าไปที่ประมุขหมู่ตึกเทวะเท่านั้น มิฉะนั้นมั่นถัวหลัวและประมุขคนอื่นๆ ก็จะได้รับผลกระทบลึกไปด้วยเช่นกัน
ในเมื่อจอมพลสี่สามารถเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงของวังสวรรค์บรรพกาลได้ เขาย่อมไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ครั้งนี้ประมุขหมู่ตึกเทวะซวยเข้าแล้วจริงๆ
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ลำแสงไร้ขอบเขตก็พุ่งออกมาจากร่างของประมุขหมู่ตึกเทวะที่อยู่ในพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ คลื่นหลิงผันผวนรอบตัวเขาลดลงอย่างดุเดือด ไม่กี่อึดใจเขาก็หลุดออกจากระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายกลับไปเป็นขั้นต้นเช่นเดิม…
เมื่อเป็นเช่นนี้ประมุขหมู่ตึกเทวะที่พยายามสุดความสามารถในสงครามล่าครั้งนี้ก็เท่ากับคว้าน้ำเหลว
ดวงตาของประมุขหมู่ตึกเทวะว่างเปล่าไปชั่วครู่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในร่างกาย จากนั้นริ้วแสงสีแดงเข้มก็พวยพุ่งในนัยน์ตา ไม่มีใครรู้ว่าเขาวางแผนมากี่ปีเพื่อที่จะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ตอนนี้ความพยายามทั้งหมดกลับกลายเป็นอากาศธาตุโดยจอมพลสี่
การกระหน่ำเข้ามานี้เป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้ แม้จะเป็นคนใจเย็นแค่ไหนก็ตาม
“ไอ้จอมพลสี่!”
ประมุขหมู่ตึกเทวะคำราม เสียงเต็มไปด้วยความชั่วร้ายทะยานขึ้นไปในชั้นเมฆ คลื่นหลิงป่าเถื่อนที่แผ่ซ่านออกจากร่างทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวล้อมรอบบิดเบือนไป ห่วงตรวนที่ผูกเขาเอาไว้ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
“เจ้านั่นบ้าไปแล้ว เขาต้องการระเบิดจุดจื้อจุนไห่!” เมื่อมั่นถัวหลัวและคนอื่นเห็นภาพนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนแปรไปอย่างมาก ประมุขหมู่ตึกเทวะคลั่งถึงขนาดที่จะทำลายจุดจื้อจุนไห่ของตนเอง โดยไม่สนใจความเป็นตายของตัวเองแล้ว
ไม่ไกลนักเมื่อสมาชิกหมู่ตึกเทวะเห็นภาพนี้ ใบหน้าแต่ละคนก็ซีดเผือด สายตาหม่นหมองด้วยความสิ้นหวัง ยามนี้หมู่ตึกเทวะของพวกเขาคงไม่มีที่ยืนในภูมิภาคทางเหนืออีกต่อไป
ตู้ม!
เวลานี้ประมุขหมู่ตึกเทวะไม่สนใจสำนักของตนอีกต่อไป เขามองท้องฟ้าด้วยสายตาบ้าคลั่ง ขณะที่รอยแตกเริ่มปรากฏบนพื้นผิวของร่างกาย แสงยิงออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น อึดใจแสงเจิดจ้าก็ปะทุขึ้น ร่างของประมุขเทวะระเบิดฉับพลัน
ครืน!
คลื่นกระแทกที่อธิบายไม่ได้กวาดหายนะออกมา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวแตกสลาย พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ระลอกคลื่นปรากฏบนพื้นผิว ราวกับว่ากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงจากคลื่นพลังงานที่น่ากลัว
แม้ในขณะนี้ประมุขหมู่ตึกเทวะจะหล่นลงไปอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่ถ้าเขาวิกลจริตพอที่จะระเบิดจุดจื้อจุนไห่ พลังทำลายล้างก็ถึงขั้นหายนะเลยทีเดียว หากตอนนี้ไม่ได้เป็นพีระมิดปกคลุมไว้ ทุกคนที่อยู่ข้างนอกคงตายกันหมดแล้ว
จอมพลสี่มองไปที่พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจซึ่งดูเหมือนว่ากำลังจะแตกหักก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าการกระทำที่บ้าคลั่งของประมุขหมู่ตึกเทวะเกินความคาดหมายของเขาเช่นกัน
ถ้าพีระมิดถูกทำลายประมุขหมู่ตึกเทวะซึ่งถูกขังอยู่ภายในก็จะสามารถหลบหนีได้ ถ้าเขาเพาะบ่มขุมพลังใหม่อีกครั้งก็จะเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงแน่นอน
“เดิมพันชีวิตกับคนตายอย่างข้า เกรงว่าเจ้าจะคิดผิดแล้ว”
ทว่าสุดท้ายจอมพลสี่ก็ยิ้มอย่างเย็นชา ตัวเขาไม่มีชีวิตอีกต่อไป เขาเป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตสำนึกที่สนับสนุนหุ่นเงา ในเมื่อประมุขหมู่ตึกเทวะกล้าเสี่ยง แล้วเขาที่เคยเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งภูมิภาคทางเหนือจะมีอะไรต้องลังเลอีกล่ะ?
คิดถึงจุดนี้ จอมพลสี่ก็วาดกระบวนท่าในฝ่ามือ ทันใดนั้นร่างหุ่นเงาก็ระเบิดขึ้น กระแสคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวเทลงบนพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ
ด้วยการสนับสนุนของคลื่นหลิงที่น่าอัศจรรย์จากจอมพลสี่ การสั่นสะเทือนของพีระมิดก็ค่อยๆ สงบลง ประมาณหลายสิบลมหายใจผลกระทบจากการระเบิดตัวเองของประมุขหมู่ตึกเทวะก็ถูกระงับไว้อย่างสมบูรณ์
ท้องฟ้าในพีระมิดที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้รับการบูรณะอีกครั้ง แสงหลิงปรากฏขึ้นและขยายออก ก่อนจะก่อร่างของประมุขหมู่ตึกเทวะ
แต่ในขณะนี้ร่างกายของเขาราวกับภาพลวงตา ชัดว่าร่างเนื้อได้ถูกทำลายไปแล้ว เหลือไว้เพียงดวงจิต แต่ในขณะนี้ความกลัวพวยพุ่งขึ้นถึงขีดสุดบนใบหน้า
เขาไม่คิดเลยว่าแม้แต่การระเบิดจุดจื้อจุนไห่ก็ยังหนีไม่พ้นจากพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ!
“จอมพลสี่ เราไม่มีความแค้นระหว่างกัน ตอนนี้ข้าระเบิดร่างเนื้อตัวเองไปแล้ว ยังต้องการอะไรอีก?!” ประมุขหมู่ตึกเทวะแผดเสียง ดูจากน้ำเสียงน่าจะยอมแพ้แล้ว
ในพีระมิดคลื่นมิติผันผวนร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นนั่นคือจอมพลสี่นั่นเอง เขามองอย่างเหยียดหยามไปที่ประมุขหมู่ตึกเทวะพูดเบาๆ ว่า “ใครก็ตามที่ปนเปื้อนด้วยรัศมีปีศาจก็เท่ากับเป็นผู้ทรยศต่อมหาพันภพ ท่านเจ้าวังสวรรค์บรรพกาลตกทอดคำสั่งให้ทำลายแม้แต่ดวงวิญญาณของคนผู้นั้น!”
ขณะที่พูดจอมพลสี่ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ตราประทับเปลี่ยนแปลงเร็วรี่ เปิดใช้งานพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจแบบเต็มกำลัง ทันใดนั้นริ้วแสงดาวก็บีบกดลงมากลายเป็นสามเหลี่ยมสัญลักษณ์โบราณที่เปล่งพลังอันน่าสะพรึงกลัวเพื่อปราบปรามทุกสรรพสิ่ง
“ถ้าต้องการจะโทษใครสักคน จงโทษตัวเองที่ไร้ยางอายเถอะ!”
ตราประทับดักจับประมุขหมู่ตึกเทวะไว้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร เมื่อจอมพลสี่กำกำปั้นแน่น ตราประทับก็หดลงอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่อึดใจตราประทับก็มีขนาดเท่าฝ่ามือ ก่อนที่การระเบิดจะดังขึ้นแล้วแผ่กระจายไป ประกายแสงโปรยปรายไปบนท้องฟ้า
มู่เฉินและคนอื่นๆ ผงะไปเมื่อเห็นสะเก็ดชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน พวกเขารู้สึกหนังหัวชาดิก ใครจะคิดว่าประมุขขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคทางเหนือจะถูกสังหารโดยจอมพลสี่ในขณะนี้
แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเพราะพลังพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ แต่ก็ยังแสดงให้เห็นว่าคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ปกครองสูงสุดของภูมิภาคทางเหนือ เขาทรงพลังอำนาจมากเพียงใด
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจอย่างมากก็คือประมุขหมู่ตึกเทวะถูกจัดการไปแล้ว ทำให้ภัยคุกคามของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ถูกแก้ไขไปด้วยเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของมั่นถัวหลัวที่เกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะทะยานขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย อาจจะมากจนพวกเขาทิ้งห่างหมู่ตึกเทวะไปเลย กลายเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคทางเหนือ!
**สำนวนปลาตายตาข่ายขาด แปลว่าไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ถึงจะตายอีกฝ่ายก็ต้องเสียหายมากกว่า