หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 974 ค่ายกลซ้อนสอง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 974 ค่ายกลซ้อนสอง
ตึง!!!
ทันใดนั้นเสียงกัมปนาทก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นออกมาจากลานหิน ประกายแสงแวววาวเปล่งออกมาภายใต้สายตาตกตะลึงที่จ้องมองมานับไม่ถ้วน
“เกิดอะไรขึ้น?!”
สมาชิกเผ่าวิหคโลกันตร์จำนวนมากมีสีหน้าตะลึงไป พวกเขาจ้องมองในลานประลองก็เห็นมีเกลียวแสงกระจายไปทั่วรัศมีพันจั้ง นอกจากนี้ยังห่อหุ้มร่างฉิงเฉวียนไว้พอดีด้วย
“มู่เฉินเหมือนทำอะไรบางอย่างไป!” มีคนอุทานออกมา เมื่อมองจากรูปการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่มู่เฉินทำขึ้นแน่นอน
บนแท่นหิน ผู้อาวุโสของเผ่าก็ฉายความตกใจและสงสัยบนใบหน้า ขณะที่สายตาจ้องมองฉากนี้ด้วยแววตาวูบไหว อึดใจดวงตาที่จ้องมองลานประลองก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนพวกเขาจะรู้สึกถึงบางสิ่ง
ภายใต้ความสนใจที่พุ่งมา ฉิงเฉวียนที่ยืนอยู่กลางแสงหลิงสว่างจ้าก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป เขามองรอยแตกที่กระจายออกใต้ฝ่าเท้า คลื่นหลิงแปลกประหลาดเปล่งออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้ฉิงเฉวียนตกใจไป ทันใดนั้นเขาก็ไม่ลังเล รีบควบคุมวิหคน้ำแข็งอเวจี ปีกขนาดใหญ่กระพือ พายุหิมะซัดกระหน่ำ ร่างใหญ่เตรียมโผทะยานออกไป
ยามนี้ฉิงเฉวียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าก่อนหน้าที่มู่เฉินหลบหลีกในสภาพน่าสมเพชเป็นแค่การหลอกสายตาคนอื่น แม้ว่าเขาจะไม่แน่ในสิ่งที่มู่เฉินทำไปรอบๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำตอนนี้คือออกจากบริเวณนี้ให้เร็ว เมื่อออกไปได้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือจัดการซัดมู่ฉินให้อ่วมไปเลย
ตู้ม!
พายุหิมะโหมกระหน่ำ ร่างใหญ่ของวิหคน้ำแข็งอเวจีโผทะยานออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ทำให้ยากที่จะขัดขวาง
ทว่าเผชิญกับความพยายามที่จะหลบหนีของฉิงเฉวียน มู่เฉินเพียงแต่ยิ้มบางก่อนที่จะหงายมือยกขึ้นเบาๆ
ฮึ่ม!
แสงทรงพลังในบริเวณนี้พวยพุ่งอย่างป่าเถื่อนจนถึงขีดสุด เกลียวแสงพล่านออกไปครอบคลุมรัศมีในระยะหลายพันจั้ง
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
จังหวะที่ความแวววาวห่อหุ้มไปทั่ว ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ยิงออกมาจากโดยรอบ ราวกับมีโซ่มากมายซ่อนอยู่ในริ้วแสง โซ่เหล่านั้นปกคลุมไปด้วยอักขระโบราณที่ดูเหมือนกับจะพริบพราวไปด้วยแสง
เมื่อโซ่กระจายออกมาก็ปกคลุมดวงอาทิตย์ราวกับตาข่ายล้อมรอบพื้นที่นี้ทั้งหมดไว้
โซ่ที่ปรากฏฉับพลันทำให้ฉิงเฉวียนตกใจ แต่ก่อนที่เขาจะขยับโซ่ก็พุ่งเข้ามา อึดใจเดียวก็พันรอบร่างวิหคน้ำแข็งอเวจีปานสายฟ้าฟาด
ตู้มมมม!
วิหคน้ำแข็งอเวจีดิ้นรนอย่างรุนแรง คลื่นหลิงน่าตื่นตาและรุนแรงระเบิดออกมาจากร่างมัน แต่ไม่ว่ามันจะมีดิ้นรนแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำอะไรกับโซ่เหล่านี้ได้
เพียงอึดใจเดียววิหคน้ำแข็งอเวจีก็ถูกผูกมัดไว้แล้ว
ภาพนี้ทำให้หัวใจของฉิงเฉวียนสั่นไหว เขากระแทกฝ่าเท้า ร่างเงาของเขาก็เตรียมกระโจนออกไป
ฉ่า!
แต่ทันทีที่เขาขยับ โซ่ก็ส่งเสียงดังมาจากเบื้องหลังราวกับงูพิษ มัดแขนขาของเขาเอาไว้
ปัง! ปัง!
คลื่นหลิงในร่างฉิงเฉวียนระเบิดอย่างรุนแรง พยายามจะสะบัดให้หลุดจากพันธนาการ ทว่าโซ่ก็ยังพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เกาะติดเขาราวกับผีเสื้อกลางคืน ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็หลุดพ้นไปไม่ได้
“ค่ายกล?!”
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันของสถานการณ์ ทำให้ใบหน้าของฉิงเฉวียนเปลี่ยนแปร ตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนที่มู่เฉินหลบหลีกการโจมตีอย่างทุลักทุเล อีกฝ่ายก็จัดตั้งค่ายกลทรงพลังเช่นนี้ออกมาบนพื้นดิน
“พลังในการผูกมัดของค่ายกลนี้ทรงพลังมาก ขนาดข้าก็ไม่สามารถฝ่าไปได้ทันที… ที่แท้เขาวางแผนไว้ตั้งแต่เริ่มต้นโดยใช้ค่ายกลยับยั้งความเร็วข้าและเข้าโจมตีข้า”
ดวงตาของฉิงเฉวียนกะพริบวาบ ตอนนี้เขาเข้าใจแผนการของมู่เฉินแล้ว มู่เฉินเข้าใจว่าการโจมตีระยะไกลของเขาจัดการยากเพียงใด ดังนั้นอีกฝ่ายจึงตั้งใจเผยจุดอ่อน เพื่อแอบจัดเรียงค่ายกลยับยั้งความว่องไวของเขา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฉิงเฉวียนก็อดสูดหายใจเย็นเข้าปอดไม่ได้ ทักษะการวางแผนต่อสู้ของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกอึ้งไป ชายคนนี้สามารถหาวิธีต่อสู้กับเขาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ตู้ม!
ขณะที่ฉิงเฉวียนตกตะลึงในใจ แสงสีทองก็กำจายออกมารอบร่างมู่เฉินที่อยู่ภายนอกค่ายกล อึดใจร่างสีทองขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น ดวงตะวันสีทองเจิดจรัสลอยอยู่ด้านหลังศีรษะ เปล่งคลื่นพลังงานที่น่ากลัวออกมา นี่ก็คือร่างเทพสุริยะของมู่เฉิน
เมื่อมู่เฉินเรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมาก็ไม่มีความลังเล ตราประทับในมือเปลี่ยนไป ดวงตะวันสีทองสว่างสดใสห้าดวงปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของร่างใหญ่ก่อนจะระเบิดออก
ครืน!
ทักษะเทห์สวรรค์ หอกห้าสุริยะ!
แสงสีทองพวยพุ่งขึ้น ก่อร่างเป็นหอกทองคำขนาดพันจั้งในมือของร่างเทพสุริยะ ที่ปลายหอกมีดวงตะวันหมุนคว้างห้าดวง ความโชติช่วงและความน่ากลัวครอบงำก็แผ่ซานออกมาจากมัน
เมื่อรู้สึกถึงความผันผวนในหอกทองคำ ฉิงเฉวียนก็อดไม่ได้ที่จะหดเกร็งดวงตา เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ ถึงเขาจะไม่ถูกพันธนาการ เขาก็ต้องใช้พลังทั้งหมดในการป้องกัน แทบไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ที่เขาถูกผูกไว้อย่างเหนียวแน่นเลย!
มู่เฉินเจ้าเล่ห์จริงๆ หากใช้วิธีนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเขาจะถูกบังคับให้อยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้ได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นฉิงเฉวียนจะระวังตัวแจ ไม่ให้โอกาสเขาในการตั้งค่ายกลจนสำเร็จ
ครืนนน!
ร่างสีทองขนาดใหญ่ย่างเท้าบนพื้นจากนั้นก็พุ่งทะยานออกมาพร้อมกับหอกทองคำเล็งเป้าไปที่ฉิงเฉวียนที่ถูกพันธนาการเอาไว้ ซึ่งกำลังหมุนเวียนคลื่นหลิงอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้หลุดพ้นจากค่ายกลนี้ไปให้จงได้
ทว่าเห็นได้ชัดว่าไม่มีเวลาแล้ว เมื่อเขาเห็นร่างทองคำมหึมาใกล้เข้ามาก็ร้องตะโกนว่า “เจียงย่า เจ้าจะยืนดูต่อไปอีกนานแค่ไหน?!”
นอกลานประลองใบหน้าของเจียงย่าอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน นั่นเป็นเพราะพลังการต่อสู้ที่มู่เฉินแสดงออกมา ทำให้เขารู้สึกสะดุ้งในใจ
ไอ้เวรนี้เป็นหลิงเจิ้นซือด้วย!
เขาซ่อนความสามารถไว้ตั้งแต่แรก!
สายตาของเจียงย่าเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เขาแสดงท่าทีเหนือกว่าเพื่อให้ฉิงเฉวียนออกไปจัดการมู่เฉิน หากเขาเข้าร่วมการต่อสู้ งานนี้จะถูกวิจารณ์ยับแน่นอน ทว่าตอนนี้เขารู้สึกถึงอันตรายจากตัวมู่เฉินแล้ว ถ้าเขาปล่อยให้ฉิงเฉวียนแพ้ แล้วเขาจะจัดการกับมู่เฉินคนเดียวได้ไหม?
ถ้าเป็นเมื่อครู่บางทีเขาอาจผงกหัวตอบโดยไม่ลังเล แต่ขณะนี้…เขาไม่มั่นใจพอที่จะพูดอย่างนั้นแล้ว
สายตาของเจียงย่าเปลี่ยนไป จากนั้นดวงตาหดลงโดยไม่ลังเลอีกต่อไป เขากำมือหอกยาวสีแดงเข้มก็ปรากฏในพริบตา คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิด
ฟิ้ว!
ร่างของเจียงย่าเปลี่ยนเป็นลำแสงทะยานออกไปพร้อมกับปลายหอกชี้ไปทางมู่เฉิน เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะฉวยโอกาส ในจังหวะที่มู่เฉินเอาชนะฉิงเฉวียนได้ เขาก็จะคว้าช่วงเวลานั้นเอาชนะมู่เฉินอีกต่อหนึ่ง
ด้วยวิธีนี้เขาจะกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย
การกระทำของเจียงย่าทำให้เกิดโกลาหลขึ้น สมาชิกบางส่วนของเผ่าถึงกับเบ้ปาก เมื่อครู่เจียงย่ายังทำตัวโอหัง แต่ตอนนี้เขากลับฉวยโอกาสจากมู่เฉินที่ปะทะกับฉิงเฉวียนอย่างเต็มกำลัง
แต่ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ว่ามู่เฉินจะชนะหรือแพ้ก็ไม่มีใครในเผ่าวิหคโลกันตร์กล้าสบประมาทเขาอีกต่อไป
ภายใต้สายตาที่จ้องมอง เจียงย่าก็พุ่งเข้าสู่รัศมีการต่อสู้ทันที คลื่นหลิงในร่างเขาก็ระเบิดโดยไม่มีการยับยั้ง เมื่อคลื่นหลิงแผ่ขยายออกไปก็พุ่งเป้าไปที่มู่เฉินทุกทิศทาง
การเคลื่อนไหวของเจียงย่าเห็นได้ชัดว่าทำให้มู่เฉินที่เพิ่งพลิกสถานการณ์ตกอยู่ในหายนะ เพราะไม่ว่าเขาเลือกโจมตีฉิงเฉวียนหรือหมุนกลับมาป้องกัน ก็จะทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
หากเลือกข้อแรกก็จะทำให้เขาพ่ายแพ้เจียงย่า หากเลือกข้อสองก็จะทำให้เขาสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการเอาชนะฉิงเฉวียน ทันทีที่เขาหยุดการโจมตี เขาจะต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมสองประสานจากเจียงย่าและฉิงเฉวียนแน่แท้
หากเป็นเช่นนั้นโอกาสในการชนะก็จะไม่สูงมาก
สายตามากมายจับจ้องไปที่มู่เฉิน แม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าก็อดจ้องมองไปไม่ได้ เพราะพวกเขาต้องการทราบว่ามู่เฉินจะจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างไร
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนเจียงย่าก็ทะยานเข้าใกล้มู่เฉินมากขึ้น
มู่เฉินยืนอยู่บนหัวของร่างเทพสุริยะเหลือบมองแสงที่พุ่งเข้าหาจากด้านหลัง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองฉิงเฉวียนที่ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มบางออกมา
เมื่อรอยยิ้มประดับบนมุมปาก เขาก็วาดตราประทับด้วยมือเดียวพึมพำว่า “ค่ายกลดาบบงกชไพลินเปิดใช้งาน!”
ฮึ่ม!
ทันทีที่เสียงของมู่เฉินดังก้อง ทุกคนก็เห็นดาบแสงสีฟ้ายิงขึ้นไปบนท้องฟ้า โลกถึงกับสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเมื่อดาบแผดเสียงดังกึกก้องระหว่างฟ้าดิน
โห่!
ความโกลาหลปะทุด้านนอกลานประลอง จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนตะลึงไป แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปโดยไม่สามารถควบคุมได้
นั่นเป็นเพราะพวกเขาตระหนักได้ว่ามู่เฉินวางค่ายกลอีกค่ายหนึ่งนอกค่ายกลตาข่ายฟ้า!
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้วางค่ายกลไว้เพียงหนึ่งเดียว แต่เป็นสองค่ายกล!
เพียงแต่ว่าค่ายกลที่สองถูกปกปิดโดยค่ายกลแรก ถึงจุดที่แม้แต่เทียนฮวงก็ยังไม่สามารถรู้สึกได้ เนื่องจากเทียนฮวงไม่ได้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเรื่องค่ายกล
มู่เฉินหลอกทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้!
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ในลานประลองมู่เฉินไม่ใส่ใจกับเสียงโห่ร้อง เขาพลิกนิ้วขึ้นเบาๆ แสงสีฟ้าที่ปกคลุมท้องฟ้าก็กวาดตัวก่อร่างเป็นดาบดอกบัวสีฟ้าพุ่งทะลุผ่านมิติยิงไปที่เจียงย่าซึ่งไม่ทันตั้งตัว
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อดาบดอกบัวสีฟ้าพุ่งเข้าหาเจียงย่า หอกในมือของร่างเทพสุริยะก็หยุดนิ่ง ก่อนที่จะพลิกกลับหลังหัน ร่างยักษ์ก้าวย่างออกมาภายใต้การจ้องมองน่าตกใจนับไม่ถ้วน ปรากฏที่เบื้องหน้าเจียงย่า หอกทองคำก็ซัดลงไป
หอกและดาบปิดเส้นทางการถอยของเจียงย่า นอกจากนี้การโจมตีกระบวนท่าสอดประสานนี้ก็ทำให้ใบหน้าของเจียงย่าซีดลงทันที
วินาทีนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าตั้งแต่เริ่มต้นฉิงเฉวียนไม่ใช่เป้าหมายของมู่เฉิน แต่อีกฝ่ายรอให้เขากระโดดลงมาเข้าร่วมวงการต่อสู้ต่างหาก!
ค่ายกลดาบที่ไม่ได้เปิดใช้งาน แสดงให้เห็นว่าทำเพื่อปกป้องการตลบหลังจากเขา!
และทันทีที่เขาลงมือโจมตีก็จะตกอยู่ในฐานะฝ่ายเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง!
ช่างเป็นจิตในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวนัก!
ในช่วงเวลานั้นแม้แต่เจียงย่าก็รู้สึกเย็นเยือกในหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือฉิงเฉวียนต่างก็พ่ายแพ้ในการปะทะกับมู่เฉิน!
ตู้มมมม!
ขณะที่ใบหน้าของเจียงย่าซีดลง หอกสีทองและดาบดอกบัวสีฟ้าก็ซัดออกมาพร้อมด้วยพลังงานหลิงที่น่ากลัว จากนั้นก็ระเบิดออกมาต่อหน้า ทำให้มิติฉีกขาดออกจากกันด้วยคลื่นครอบงำ
อ็อก!
ภายใต้ผลกระทบ ร่างของเจียงย่าก็ปลิวออกไปในสภาพน่าสลด การป้องกันทั้งหมดพังทลาย เขากระเด็นออกจากลานประลอง ทิ้งรอยลึกไว้บนพื้น
ร่างเจียงย่านอนพังพาบในหลุมซึ่งเต็มไปด้วยเลือดรัศมีมืดมนลง เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ใช่มู่เฉินยั้งมือไว้ละก็ การเผชิญหน้ากับค่ายกลระดับตี้ขั้นสูงและแรงเต็มอัตราศึกของหอกสีทอง เขาถูกฆ่าตายไปนานแล้ว
แต่กระนั้นเจียงย่าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นที่ไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้ได้อีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน เจียงย่าที่เพิ่งเข้าร่วมการประลองและกำลังออกกระบวนท่าซุ่มโจมตีเพื่อบังคับให้มู่เฉินตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง… ก็ต้องถลาออกไปพร้อมกับความล้มเหลว!