หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 980 เผ่าอีกาสายฟ้า
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 980 เผ่าอีกาสายฟ้า
“เผ่าอีกาสายฟ้า?”
เมื่อได้ยินเสียงเยือกเย็นของจิ่วโยวและมั่วเฟิง มู่เฉินก็หดดวงตาทันที ก่อนจะมองไปที่ก้อนอุกกาบาตที่อยู่ห่างออกไปมีเงาร่างสี่ร่างยืนอยู่บนนั้น
ทั้งสี่สวมเสื้อคลุมสีดำพร้อมกับประกายสายฟ้าแล่นแปลบปลาบบนพื้นผิวของร่างกาย ทุกคนมีสัญลักษณ์รูปสายฟ้าที่กลางหว่างคิ้ว เมื่อมองจากระยะไกลก็ราวกับดวงตาสายฟ้าเลยทีเดียว แต่ละคนอัดแน่นไปด้วยแรงกดดันที่แปลกประหลาด
“พวกเขามาจากเผ่าอีกาสายฟ้ารึ?”
มู่เฉินขมวดคิ้ว เผ่าอีกาสายฟ้าเป็นเผ่าสัตว์อสูรและชื่อเสียงของพวกเขาในมหาพันภพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่าวิหคโลกันตร์ ถ้าให้พูดจริงๆ พวกเขาก็เป็นขั้วอำนาจที่มีศักยภาพสูงพร้อมกับรากฐานที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
“ใช่ พวกมันน่ารังเกียจที่สุด มีเรื่องบาดหมางกับเผ่าวิหคโลกันตร์เยอะมาก ไม่คิดว่าครั้งนี้จะได้พบกับพวกมันก่อนที่จะเข้าสู่ดินแดนเสินโซ่อีก” มั่วหลิงที่อยู่ถัดจากมู่เฉินก็พยักหน้า ดวงหน้าอัดแน่นไปด้วยความเกลียดชัง เห็นได้ชัดว่านางไม่มีความรู้สึกที่ดีกับเผ่าอีกาสายฟ้าเลย
มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ตั้งตัวระวังขึ้น ดูจากสถานการณ์ตอนนี้เผ่าอีกาสายฟ้าก็สัมผัสถึงหินยักษ์นี้ ตามการประเมินของเขาเป็นไปไม่ได้เลยที่เรื่องนี้จะจบด้วยดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เผ่าวิหคโลกันตร์และเผ่าอีกาสายฟ้าไม่ถูกกันตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว
ขณะที่มู่เฉินเฝ้าระวัง ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็ก้าวออกมา เขาสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง สายตาคมชัดเหมือนใบมีด แค่การกวาดตาของเขามิติก็ดูเหมือนจะถูกแยกออกจากกัน
คนที่ก้าวออกมาจ้องมองกลุ่มมู่เฉินด้วยสายตามืดมน แต่ความสนใจส่วนใหญ่เน้นไปที่จิ่วโยวและมั่วเฟิง สำหรับมู่เฉินและมั่วหลิงอยู่นอกสายตาไปเลย เห็นได้ชัดว่าเขารับรู้ได้ว่าในบรรดาทั้งสี่คนมีแต่จิ่วโยวและมั่วเฟิงที่เป็นจอมยุทธ์ระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด
“เผ่าวิหคโลกันตร์แย่ลงทุกปีจริงๆ กำลังพลแค่นี้ยังกล้ามาที่ดินแดนเสินโซ่อีกหรือ ช่างรนหาที่ตายซะจริง” มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างเยาะเย้ย
สีหน้าของจิ่วโยวเย็นชาพูดด้วยเสียงเย็นเยือก “เจออีกาตั้งแต่ออกจากบ้านก็ซวยเหมือนกันแหละ”
เมื่อคนที่เดินนำออกมาจากเผ่าอีกาสายฟ้าได้ยินคำพูดของจิ่วโยว รังสีสังหารเย็นเยือกก็วาบขึ้นในดวงตา ก่อนที่เขาจะพูดอย่างน่าขนลุกว่า “ถ้าข้าเป็นเจ้า จะไม่เสียน้ำลายพูดเลย ข้าจะนับหนึ่งถึงสิบ พวกเจ้าไสหัวไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นหากความตั้งใจฆ่าระเบิดขึ้นเมื่อไร ข้าจะให้พวกเจ้าถูกฝังอยู่ที่นี่ก่อนที่จะได้เข้าไปในดินแดนเสินโซ่!”
ตู้ม!
ทันทีที่พูดจบคลื่นหลิงสีดำก็พลุ่งพล่านออกมาจากร่างราวกับคลื่นยักษ์ ทุกที่ภายในรัศมีหนึ่งพันจั้งอัดแน่นไปด้วยพลังงาน คลื่นหลิงราวกับคลื่นยักษ์แล่นแปลบปลาบด้วยสายฟ้า เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบดังก้องปกคลุมทั่วมิติตามมาด้วยแรงกดขี่ที่ทรงพลัง
จอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าทั้งสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็กระทืบเท้า คลื่นหลิงทรงพลังสามสายระเบิดออก ยิ่งทำให้ชายชุดดำดูแกร่งกร้าวยิ่งขึ้น
เมื่อมู่เฉินสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงทรงพลังทั้งสี่สาย สายตาก็วูบไหว จากการสัมผัสคลื่นพลังกลุ่มคนเหล่านั้นมีสองคนอยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด ส่วนอีกสองคนก็ทรงพลังไม่แพ้กัน จากการคาดเดาของมู่เฉินพวกเขาอาจเทียบได้กับเจียงย่าและฉิงเฉวียนเลยทีเดียว
แต่อย่างน้อยการตัดสินจากพื้นผิว การรวมตัวแบบนี้แข็งแกร่งกว่าพวกเขา เนื่องจากฝั่งพวกเขายังมีมั่วหลิงเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกอีกคนด้วย
เห็นได้ชัดว่าพลังการต่อสู้ของมั่วหลิงที่อยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเทียบกับตัวเขาไม่ได้
ไม่แปลกใจว่าทำไมเผ่าอีกาสายฟ้าถึงกล้าอวดความแข็งแกร่ง พวกเขาต้องพิจารณาแล้วว่าการรวมตัวของเผ่าวิหคโลกันตร์อ่อนแอกว่ามาก แต่บางทีแค่การเพาะบ่มที่เผยอยู่บนพื้นผิว ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงสักหน่อย…
ดังนั้นเมื่อจิ่วโยวได้ยินคำพูดของชายคนนั้น นางก็ไม่กลัว ตรงกันข้ามกลับมีริ้วอาการเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้านาง ก่อนที่จะส่งเสียงเย้ยหยัน “ขี้โม้ซะจริง ข้าว่าคนที่ควรไสหัวไปควรเป็นพวกแกซะมากกว่า!”
“รนหาที่ตาย!”
เมื่อผู้นำกลุ่มอีกาสายฟ้าได้ยินคำพูดของนางใบหน้าก็มืดครึ้มลงหลายส่วน อึดใจเขาก็ไม่คิดจะเล่นสงครามน้ำลายต่อ เขาคำรามเสียงน่าขนลุก “เหลยเฟิง เจ้ากับข้าจัดการพวกมันสองคน”
“เหลยกวง เหลยหยุน เจ้าสองคนไปเก็บโคลนโลหิต ถ้าพวกมันขัดขวางก็เชือดซะ รีบเอามาให้ได้ก่อนที่อุกกาบาตลูกนั้นจะออกจากพื้นที่ส่วนนี้ไป!”
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพวกเขาหรือกลุ่มของมู่เฉินก็ล้วนใช้อุกกาบาตใต้ฝ่าเท้าเป็นพาหนะมุ่งหน้าไปยังดินแดนเสินโซ่ อุกกาบาตลูกมโหฬารนั้นก็โคจรไปในทิศทางแตกต่างกัน ดังนั้นหากพวกเขาต้องการที่จะได้รับโคลนโลหิต พวกเขาต้องคว้ามาให้ได้ก่อนที่อุกกาบาตลูกนั้นจะออกจากบริเวณนี้ไป
“รับทราบ!”
ที่ด้านหลังชายรูปร่างผอมบางก็พยักหน้า ก่อนที่สายตาจะจดจ้องไปที่จิ่วโยวและมั่วเฟิง
เขาเป็นจอมยุทธ์อีกคนหนึ่งนอกเหนือจากคนนำที่อยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด ดังนั้นจึงมีพวกเขาเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถขัดขวางจิ่วโยวและมั่วเฟิงได้
สำหรับภารกิจในการแย่งชิงโคลนโลหิตก็จะเหลือสองคน แต่ก็มากเกินพอเนื่องจากอีกฝ่ายมีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกสองคนเท่านั้น หากสองคนนั่นกล้าที่จะเคลื่อนไหว พวกเขาก็จะฆ่าทันที
ตู้ม!
จอมยุทธ์ทั้งสี่จากเผ่าอีกาสายฟ้าเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เมื่อยืนยันแผนการกันเรียบร้อย พวกเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป คนนำกลุ่มและชายที่ถูกเรียกว่าเหลยเฟิงกลายเป็นสายฟ้าสีดำสองสายทะยานออกมา คลื่นหลิงสีดำขนาดร้อยจั้งผสมกับสายฟ้ารุนแรงกวาดมาทางจิ่วโยวและมั่วเฟิง
“มู่เฉิน มั่วหลิง สองคนนั่นเป็นหน้าที่พวกเจ้านะ”
จิ่วโยวและมั่วเฟิงแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนที่จะทะยานออกไปขัดขวางการโจมตีของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะไม่รู้แผนการของกลุ่มอีกาสายฟ้าได้อย่างไร แต่อีกฝ่ายคงคิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวถ่วงจะทำให้พวกเขาอึ้งตะลึงหงายอย่างมากเลยทีเดียว
เมื่อมู่เฉินและมั่วหลิงได้ยินคำพูดของจิ่วโยวก็พยักหน้า มั่วหลิงไม่มีความกลัวสักริ้วบนดวงหน้า ตรงกันข้ามสีหน้ากลับอัดแน่นด้วยความตื่นเต้น นางมองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในดวงตา ก่อนที่จะยิ้มยั่วแหย่มู่เฉิน “พี่ใหญ่มู่เฉิน เรามาแข่งขันกันดูว่าใครจะสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้เสร็จก่อนดีไหม?”
เมื่อมู่เฉินที่คิดจะลงมือจัดการคนเดียวได้ยินคำพูดของนางก็อดหรี่ตาลงไม่ได้ เขามองมั่วหลิงที่ไม่เหมือนจะพูดตลก ในใจก็อึ้งไปเล็กน้อยและอยากรู้ขึ้นมา นั่นเป็นเพราะตัดสินจากภายนอกมั่วหลิงมีขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเท่านั้น ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าเจียงย่าและฉิงเฉวียนเลย
“งั้นก็ลองดูกัน”
แม้ว่าจะฉงนในใจ แต่มู่เฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธกลับยิ้มพยักหน้ารับคำ นั่นเป็นเพราะเขาก็อยากเห็นฝีมือมั่วหลิงที่ได้รับหนึ่งในสี่ตำแหน่งของเผ่าวิหคโลกันตร์ไว้ได้เหนียวแน่น แม้แต่เจียงย่าและฉิงเฉวียนก็ไม่สามารถสั่นคลอนนางได้
“ได้เลย!”
เมื่อมั่วหลิงได้ยินว่ามู่เฉินเห็นด้วย นางก็ยิ้มใจละลายทันที อึดใจก็ทะยานไปที่อุกกาบาตก้อนมหึมาพร้อมกับหัวเราะเสียงใส
ร่างของมู่เฉินขยับทิ้งภาพลวงตาเอาไว้ ก่อนที่จะปรากฏตัวเหนืออุกกาบาตในไม่กี่อึดใจ
“ไสหัวไป โคลนโลหิตไม่ใช่สิ่งที่ขี้ผงอย่างพวกแกจะเอานิ้วมาจุ่มได้!”
เมื่อมู่เฉินมาถึง ร่างแสงร่างหนึ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องหน้าเขา ซึ่งเป็นจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าที่ได้สัมผัสกับระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดแล้ว อีกฝ่ายมองอย่างดูถูกพูดเสียงชวนขนลุก
ทว่ามู่เฉินกลับยิ้มบางตอบ ก่อนที่จะวาดตราประทับในฝ่ามือ ทันใดนั้นมิติที่อยู่ด้านหลังก็แปรปรวน ทะเลพลังในจุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นพร้อมกับคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัว
“มนุษย์?”
จอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าที่ปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉินอึ้งไป เมื่อเขาสัมผัสความผันผวนของคลื่นหลิงที่ไม่เหมือนกับสัตว์อสูรโดยสิ้นเชิง จากนั้นรอยยิ้มถากถางที่แขวนอยู่บนมุมปากก็เพิ่มขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่ามนุษย์มาจับกลุ่มกับเผ่าวิหคโลกันตร์ได้อย่างไร แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ก็อ่อนแอกว่าสัตว์อสูรในขุมพลังเท่าเทียมกัน ซึ่งใครๆ ก็รู้เรื่องนี้…
ดังนั้นเมื่อเห็นว่ามู่เฉินเปิดเผยตัวตนในฐานะมนุษย์ ในสายตาของเขาก็เท่ากับอีกฝ่ายจะตายเร็วขึ้นเท่านั้น
“ไม่ว่าเจ้าจะเข้ามายังไง แต่ถ้าตายที่นี่ก็ไม่มีใครสนใจหรอก”
จอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้ากระตุกยิ้มเย็นชา ก่อนที่สายฟ้าสีดำจะกวาดออกมาจากฝ่ามือ ช่างดูราวกับมังกรสายฟ้าโอบล้อมมู่เฉินไว้อย่างป่าเถื่อน
ถึงแม้ว่าจะมีอาการเยาะเย้ยบนใบหน้าจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้า แต่กระบวนท่าการโจมตีก็อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารโดยไม่มีความตั้งใจที่จะยับยั้ง เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้เป็นคนระมัดระวังตัว ไม่คิดทำผิดพลาดในการประเมินคู่ต่อสู้ของตนต่ำไป
ทว่าเผชิญหน้ากับการโจมตีดุเดือดของอีกฝ่าย มู่เฉินก็ยังแสดงออกอย่างเฉยเมย อึดใจฝ่ามือทั้งสองก็วาดตราประทับบน ทะเลพลังที่อยู่ข้างหลังเขาก็เปล่งเสียงคำรามของมังกรและช้าง
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เมื่อเสียงคำรามของสัตว์อสูรทั้งสองดังขึ้น ลำแสงสิบสองสายก็พุ่งออกจากจุดจื้อจุนไห่ เสียงกระหึ่มพล่านไปรอบๆ ตัวมู่เฉิน ก่อร่างเป็นมังกรและช้างอย่างละหกตัวยืนอยู่บนท้องฟ้า
ตู้ม!
แรงกระทบคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออก ทำให้มิติถึงกับสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
มือของมู่เฉินประกบเข้าหากันราวกับว่ากำลังกอบดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่บนฝ่ามือ มังกรและช้างครางกระหึ่ม จากนั้นก็ก่อตัวเป็นรัศมีแสงในฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมังกรคชสารบินฉวัดเฉวียนรอบวงรัศมี
พร้อมกับพัฒนาการขุมพลัง วิชาเก้ามังกรคชสารก็ค่อยๆ ก้าวหน้าขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ถ้าเป็นในอดีตเขาไม่สามารถบีบอัดมังกรและคชสารได้อย่างสวยงามเช่นนี้
ดังนั้นคลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นจากจานแสงมังกรคชสารจึงทำให้มิติโดยรอบแตกออก…
เผชิญหน้ากับคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงที่ระเบิดจากฝ่ามือของมู่เฉิน จอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าก็หดตาลงพร้อมกับริ้วความหวาดผวาผุดขึ้นบนใบหน้า นั่นเป็นเพราะภายใต้การกดขี่ของคลื่นหลิงนี้ กระทั่งเขายังรู้สึกถึงภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่
ไอ้เวรนี้สร้างกระบวนท่าโจมตีน่าตกใจขนาดนี้ได้อย่างไร?!
ทว่าขณะที่หัวใจอีกฝ่ายสั่นเทิ้ม มู่เฉินก็คงสีหน้าเฉยเมย เขาเหวี่ยงฝ่ามือออกมา จานแสงมังกรคชสารพล่านออกมา
“หกมังกรคชสาร…”
โฮก!
เสียงคำรามของสัตว์ทั้งสองกลายเป็นกระแสคลื่นพุ่งผ่านมิติ ก่อนที่จะห่อหุ้มร่างจอมยุทธ์เผ่าอีกาสายฟ้าไว้…
ในช่วงเวลานี้เองเกิดเสียงกรีดคมชัดดังกังวานในโสตประสาทของมู่เฉินทำเอาหัวใจสั่นเทาเลยทีเดียว เมื่อกวาดสายตามองไป ม่านตาก็ถึงกับหดเกร็ง
อีกด้านหนึ่งบนแผ่นหลังมั่วหลิงปีกสีแดงสยายออกพร้อมกับเพลิงเกรี้ยวกราด ก่อร่างเป็นนกเพลิงขนาดใหญ่เลือนรางที่ด้านหลัง นกตัวนี้ไม่เหมือนกับวิวัฒนาการของเผ่าวิหคโลกันตร์ มีแรงกดดันคุกคามทรงพลังปล่อยออกมาอย่างเงียบๆ
แรงกดดันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เผ่าวิหคโลกันตร์ครอบครอง นั่นเพราะเป็นแรงกดดันของหงส์ฟ้า!
นี่คือแรงกดดันเฉพาะของเผ่าหงส์ฟ้า!
มั่วหลิงเป็นเผ่าหงส์ฟ้าเรอะ?!