หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 984 เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 984 เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ
เมื่อแสงพร่างพราวกำจายที่เบื้องหน้ามู่เฉิน
เขาก็สามารถมองเห็นดินแดนขนาดใหญ่ในความสว่างได้อย่างชัดเจน
ทวีปโบราณนี้มีขนาดใหญ่มาก แม้ว่ามู่เฉินจะอยู่เหนือขึ้นไปมากก็ยังมองไม่เห็นจุดจบ ทั้งดินแดนเปล่งรัศมีรกร้างไร้ขอบเขต
“นี่คือดินแดนเสินโซ่รึ?”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง ในสมัยโบราณทวีปเสินโซ่เต็มไปด้วยจอมยุทธ์ทรงพลัง ซึ่งมีมากถึงสองถึงสามส่วนของสุดยอดในโลกสัตว์อสูร ดังนั้นจึงดึงดูดความสนใจของเผ่าปีศาจต่างมิติ พวกมันเข้ามากลุ้มรุมไม่ละเว้น ทำให้โลกสัตว์อสูรต้องทนรับศึกหนักหนาอย่างมากเลยทีเดียว
“หืม?”
ขณะที่มู่เฉินถอนหายใจ ดวงตาที่มองดินแดนเสินโซ่ก็หดตัว ริ้วความหวาดผวาปรากฏบนใบหน้า
เนื่องจากอยู่ในมิติว่างเปล่าที่เหนือดินแดนเสินโซ่ ทำให้มีมองมุมกว้าง มู่เฉินก็มองเห็นปากปล่องขนาดหลายล้านจั้งบนพื้นดิน เมื่อมองลงไปจากท้องฟ้าก็จะเห็นเป็นภาพฝ่ามือสุดจะพรรณนา
ฝ่ามือนั้นดูเหมือนบดขยี้ลงมาจากฟากฟ้า ฉีกดินแดนเสินโซ่ออกจากกัน หุบเหวกว้างใหญ่นับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกไป ผ่าดินแดนแห่งนี้จนมีภูมิประเทศเปลี่ยนไป
พลังทำลายล้างนี้เป็นการล้างบาปครั้งใหญ่ที่แท้จริง ยากที่จะจินตนาการได้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตทรงพลังเพียงใดกลายเป็นเถ้าถ่านภายใต้ฝ่ามือนี้
ภายใต้ฝ่ามือนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายอย่างมั่นถัวหลัวก็ไม่อาจเอาชีวิตรอดไปได้
“นี่คือการทำลายล้างที่เกิดจากเผ่าปีศาจต่างมิติในสมัยโบราณ” จิ่วโยวที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่เฉิน พูดขึ้นด้วยสีหน้าน่าเกลียด แม้ว่าโลกสัตว์อสูรจะมีกฎสัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็กและเต็มไปด้วยการแข่งขันที่โหดร้าย แต่นี่ก็เป็นเพียงกฎเท่านั้น ทว่าเผ่าปีศาจต่างมิติที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวกลับฉีกทุกกฎทิ้ง พวกมันบุกรุกไปทุกหัวระแหง สิ่งใดก็ตามที่ไม่เหมือนกับพวกมันจะถูกทำลาย
เพราะเป็นเช่นนี้ทั้งมหาพันภพถึงได้มองเผ่าปีศาจต่างมิติคือศัตรูผู้ยิ่งใหญ่
สงครามการปกป้องทำให้ขั้วอำนาจจำนวนมหาศาลในมหาพันภพล้มหายตายจากพร้อมกับการล่มสลายของยอดยุทธ์นับไม่ถ้วน ในเวลานั้นความไม่พอใจกันถูกละทิ้ง ทุกคนตั้งปณิธานที่จะปกป้องโลกที่เป็นบ้านของพวกเขา
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งขรึมลง แม้ว่ากาลเวลาจะผันผ่านไปหลายพันหลายหมื่นปีนับจากมหาสงครามครั้งนั้น แต่ทุกคนก็รู้ว่าเผ่าปีศาจต่างมิติไม่ได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ในการต่อสู้ครั้งนั้นต่อให้มหาพันภพจ่ายราคาที่แพงระยับก็ไม่ถือว่าได้รับชัยชนะ
นั่นเป็นเพราะมีพื้นที่มากมายในมหาพันภพถูกยึดครองไว้โดยเผ่าปีศาจต่างมิติ พวกมันยังคงออกล่าตีประชิดชายแดน มู่เฉินไม่สงสัยเลยว่าถ้าพวกมันมีกำลังพลพร้อมอีกเมื่อไร จักรวรรดิปีศาจต่างมิติก็จะปลดปล่อยการรุกรานทำลายล้างอีกครั้ง
ในเวลานั้นทั้งมหาพันภพก็ต้องเผชิญกับภัยพิบัติของมหาสงคราม
เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หัวใจของมู่เฉินก็ดิ่งลง จากนั้นเขาก็สะบัดหัวเพื่อให้หัวใจสงบลงก่อนที่จะมองไปที่ดินแดนเสินโซ่ ซึ่งพวกเขากำลังเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว และแล้วดวงตาของเขาก็หดเกร็งฉับพลัน
เขามองเห็นเสาขนาดหลายหมื่นจั้งสี่ต้นอยู่ในฝ่ามือมหึมา ดูเหมือนยอดเขาสูงตระหง่าน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดสิ่งนี้ทำให้มู่เฉินรู้สึกยำเกรง
“นั่นไม่ใช่ยอดเขา ในอดีตตอนที่เผ่าปีศาจเปิดการโจมตี ยอดยุทธ์คนหนึ่งในดินแดนเสินโซ่ก็มีลางสังหรณ์ล่วงหน้าเลยพยายามที่จะขัดขวาง เพื่อให้สรรพชีวิตในดินแดนแห่งนี้มีโอกาสที่จะหลบหนีไปได้”
จิ่วโยวมองไปที่ยอดเขาทั้งสี่ด้วยความเคารพ “เขาเป็นมหาเทพอสูรในตำนาน เทพเต่ากลืนสวรรค์ที่มีขุมพลังเทียนจื้อจุนด้วยพลังสุดยอดในการป้องกันที่แม้แต่จอมยุทธ์ในระดับเดียวกันก็ไม่สามารถทำลายได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถขัดขวางการโจมตีทำลายล้างของพวกจอมปีศาจต่างมิติ ร่างกายจึงถูกทำลายภายใต้การโจมตีเหล่านั้น เหลือเพียงสี่ขาที่ยืนตระหง่านปกปักชีวิตผู้คน”
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนี้ ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมพร้อมกับความเคารพที่มีต่อยอดยุทธ์ท่านนี้ในตำนาน เวลานั้นถ้าเขาต้องการหลบหนีด้วยพลังยิ่งใหญ่ก็สามารถหนีไปได้ แต่เขาก็ยังสละชีวิตเพื่อดินแดนเสินโซ่ แม้ว่าสุดท้ายจะไม่สามารถปกป้องดินแดนแห่งนี้ไว้ได้ แต่เจตจำนงอันยิ่งใหญ่ก็สมควรที่จะเคารพเทิดทูน
ตู้ม! ตู้ม!
ขณะที่มู่เฉินถอนหายใจในหัวใจ อุกกาบาตที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดินแดนเสินโซ่ ภายใต้แรงเสียดทานจากความเร็วสูง อุกกาบาตก็ร้อนฉ่า เปลวไฟเริ่มลุกโชน
ทุกคนรีบหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อปกป้องตัวเองทันที จากนั้นพื้นดินเบื้องล่างก็ขยายกว้างในดวงตา ทำให้พวกเขารู้ว่ากำลังจะถึงดินแดนเสินโซ่อย่างแท้จริง
ลูกไฟพุ่งผ่านขอบฟ้า ก่อนที่ดินแดนโบราณแตกสลายจะปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นในครรลองสายตา รัศมีรกร้างพัดผ่านทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกลับคืนสู่ยุคโบราณ
“ไป!”
มองพื้นดินขยับใกล้เข้ามา จิ่วโยวก็ตะโกนบอก จากนั้นนางก็กลายเป็นร่างแสงทะยานออกไปพร้อมกับพรรคพวกที่ติดตามมาอย่างใกล้ชิด
ทั้งสี่ปรากฏตัวที่ภูเขาห่างออกไปหมื่นจั้ง เมื่อพลิ้วตัวลงสู่พื้น เสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นก็ดังออกมาจากระยะไกล พื้นดินโยกไหวรอยร้าวกระจายไปทั่ว
กลุ่มของมู่เฉินมองตามไปในทิศนั้นก็เห็นเปลวไฟลุกโชนจากพื้นดินขึ้นมา อุกกาบาตสร้างหลุมลึกเอาไว้
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองภูมิประเทศที่ไม่คุ้นเคย ดินแดนนี้เต็มไปด้วยรัศมีรกร้างว่างเปล่า ทว่าแม้จะฉีกขาดเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความรกร้างจากสมัยโบราณ
ต้นไม้ใหญ่สูงหมื่นจั้งมากมายยืนตระหง่านราวกับยอดเขาสูง กิ่งก้านใบแผ่สาขาออกไปโดยรอบรัศมีหนึ่งพันจั้ง ช่างมองดูตระการตานัก
ก้อนหินรูปร่างเหมือนยักษ์กระจัดกระจายไปทั่ว มองจากที่ไกลดูราวกับรูปปั้นที่หลับใหลและมีแรงกดดันพิเศษแผ่ออกไป
“ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนเสินโซ่” ขณะที่มู่เฉินกำลังกวาดตามอง จิ่วโยวก็ยิ้มบางจากด้านข้าง
มู่เฉินยิ้มตอบ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในระยะไกล ลูกไฟนับไม่ถ้วนพุ่งลงมากระแทกกับพื้นดินส่วนต่างๆ ในดินแดนแห่งนี้
“ดูเหมือนว่าคนจากเผ่าอื่นๆ ก็มาถึงแล้ว” มั่วเฟิงมองไปที่ฉากนี้ก็เปิดปากพูดเบาๆ
เมื่อเขาพูดออกมา ท่าทางของทั้งสี่ก็เย็นชาลงหลายส่วน แววตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเล็กน้อย พวกเขารู้ดีว่าการแข่งขันในดินแดนเสินโซ่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า
“ตอนนี้เราจะทำอะไรต่อ?” มู่เฉินมองไปที่จิ่วโยวและถาม เขาไม่คุ้นกับดินแดนแห่งนี้ ความรู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ก็มีเล็กน้อยเท่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเห็นของจิ่วโยวและคนที่เหลือ
เมื่อจิ่วโยวได้ยินคำพูดของเขา นางก็หยุดคิดแวบหนึ่งก่อนจะมองมั่วเฟิงแล้วชั่งใจ “ข้าขอเสนอจุดแรกที่จะไปคือเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ”
“เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ?” มู่เฉินอึ้งไป
“ฮิๆ ในสมัยโบราณมีเจดีย์ฝึกพลังกายสามสิบองค์ในดินแดนเสินโซ่ซึ่งมีผลขั้นเทพในการปรับแต่งสภาพร่างกาย หากจอมยุทธ์สามารถผ่าด่านไปได้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับการปรับปรุงร่างกาย พวกเขายังจะได้รับรางวัลที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของแต่ละคน ว่ากันว่าคัมภีร์ระดับเสินทงและอาวุธเสมือนมหสวรรค์ก็รวมอยู่ในรางวัลเหล่านั้นด้วย… ” มั่วหลิงหัวเราะชอบใจ
“คัมภีร์ระดับเสินทง? อาวุธเสมือนมหสวรรค์?!” สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไป เขามองมั่วหลิงด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่คิดเลยว่าเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณจะให้รางวัลเช่นนี้ด้วย
ในมหาพันภพวิทยายุทธที่สูงกว่าคัมภีร์ระดับเสินซู่ขั้นยอดเยี่ยมก็คือคัมภีร์ระดับเสินทง!
ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ยังถูกล่อลวงด้วยคัมภีร์ระดับนี้ นั่นเป็นเพราะคัมภีร์เหล่านี้มีพลังทำลายล้างสูงยิ่ง
บางสิ่งที่เกินขอบเขตของคัมภีร์ระดับเสินซู่ก็คือคัมภีร์ระดับเสินทงนั่นเอง
จุดนี้สามารถมองผ่านสิ่งที่เรียกว่าทักษะเทห์สวรรค์
สำหรับอาวุธเสมือนมหสวรรค์ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย เนื่องจากเห็นได้จากพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ แน่นอนว่าพีระมิดนั้นเป็นอาวุธมหสวรรค์ของแท้ ซึ่งวัตถุนั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าของเสมือนอยู่แล้ว
แต่เพราะเหตุนี้ถึงดึงดูดใจสำหรับมู่เฉินมาก นั่นเป็นเพราะอาวุธมหสวรรค์ของแท้มีพลังเกินกว่าที่เขาจะใช้ได้และเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุม แต่ถ้าเป็นของเสมือนอาจสามารถช่วยเพิ่มพลังให้เขาได้จริง
“จริงเหรอ?” มู่เฉินมองจิ่วโยวด้วยความไม่เชื่อ ขณะที่ขอคำยืนยันอีกครั้ง
จิ่วโยวพยักหน้า “เรื่องจริง แต่ผู้เข้าไปจะต้องประสบความสำเร็จยอดเยี่ยมในเจดีย์ฝึกกายถึงจะได้รับคัมภีร์ระดับเสินทงหรืออาวุธเสมือนมหสวรรค์ ซึ่งผู้ที่สามารถบรรลุผลสำเร็จนั้นต่างเป็นอัจฉริยะของเผ่าเทพอสูรทรงพลัง”
มู่เฉินเลียริมฝีปากไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ ถ้าคัมภีร์ระดับเสินทงและอาวุธเสมือนมหสวรรค์สามารถได้รับมาแบบง่ายๆ จะเรียกว่าสิ่งหายากยิ่งกว่ายากได้ยังไง
“ในอดีตมีเฉพาะเผ่ายอดเยี่ยมเท่านั้นที่มีคุณสมบัติและความสามารถในการสร้างเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ แต่เจดีย์สามสิบองค์เหลืออยู่เพียงห้าองค์เท่านั้นในตอนนี้ นอกจากนี้ทั้งหมดยังได้รับความเสียหาย ดังนั้นทุกครั้งที่มีการเปิดของเจดีย์ ตำแหน่งจึงถูกจำกัดอย่างมาก การแข่งขันสำหรับตำแหน่งก็จะรุนแรงมาก” จิ่วโยวกล่าวเสริม
มู่เฉินพยักหน้า ในเมื่อตลาดมีมากกว่าอุปทาน ด้วยผลลัพธ์ยอดเยี่ยมของเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ คงไม่มีใครอยากปล่อยโอกาสไปง่ายๆ
“ในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าเจดีย์ฝึกกายมีความพิเศษเพียงใด เราก็ลงคะแนนว่าควรจะไปแข่งขันหรือไม่” จิ่วโยวมองพรรคพวก
เนื่องจากพวกเขาเป็นกลุ่มเดียวกัน ก็ควรรับฟังความคิดเห็นของทุกคนเพื่อป้องกันความแตกแยก
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะยกมือเห็นด้วย เขาสัมผัสขั้นสองของคัมภีร์หลงเฟิ่งแล้ว ถ้าเขาสามารถยืมพลังของเจดีย์ฝึกพลังกายเพื่อปรับสภาพร่างกายได้ เมื่อนั้นก็อาจจะบุกทะลุไปถึงขั้นสองได้ ในเวลานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อพลังการต่อสู้ของเขา
ดังนั้นเขาไม่อยากละทิ้งโอกาสนี้
มั่วเฟิงพยักหน้าเบาๆ “ในเมื่อมาที่ดินแดนเสินโซ่แล้ว ข้าก็ไม่เคยคิดว่าจะเอาสบาย ข้าอยากรู้จักอัจฉริยะเผ่าอื่นๆ ด้วย”
พูดจบมั่วเฟิงก็ยกมือ
เมื่อมั่วหลิงเห็นการตัดสินใจของมั่วเฟิง นางก็หัวเราะเบาๆ “ข้าว่าตามพี่ชาย”
จิ่วโยวคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์ จากนั้นนางก็มองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือขยายรอยยิ้มกว้าง “งั้นแบบนี้ เราก็ไปดูเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณที่มีชื่อเสียงให้ประจักษ์ตากันเถอะ”