The Great Worm Lich - ตอนที่ 124
เมื่อได้ยินเสียงของชีล่า ทีน่าก็รีบวิ่งไปที่ประตูนั้นทันที “ไม่เป็นไรนะชีล่า ฉันมาแล้ว ฉันจะช่วยเธอเอง” ด้วยการหมุนลูกบิดไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก
ภายในห้องมีขนาดค่อนข้างใหญ่และได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยของใช้หลายอย่างที่แสดงออกถึงความหรูหรา รูปแบบของห้องประกอบไปด้วย 1 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องนอนและระเบียงพร้อมสระว่ายน้ำขนาดเล็ก
เมื่อทีน่ารีบเข้ามายังด้านใน เธอก็เห็นเพื่อนสนิทของตัวเองซึ่งกำลังอยู่ในชุดชั้นในสีดำรัดรูปเซ็กซี่โดนตัวของเธออยู่ใต้โซฟาขนาดใหญ่
หญิงสาวรีบตรงไปหาด้วยความตกใจและออกแรงผลักโซฟานั้น “ชีล่า ทำไมเธอถึงมาอยู่ใต้โซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยชุดนี้ได้?”
“ทั้งหมดก็เพราะความขี้ขลาดของดูบิน! ฉันเห็นว่าเขามีความจริงใจดีฉันก็เลยชวนเขามาที่ห้องเพื่อ ‘พูดคุย’ กัน แต่จู่ ๆ เรือก็เกิดการกระแทก จากนั้นฉันถูกกดไว้ด้วยโซฟาภายในพริบตาและคนขี้ขลาดนั่นก็ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากหันหน้าหนีออกจากห้องนี้ไปเพียงคนเดียว!”
“โอ้ ‘พูดคุย’ บนโซฟาในห้องนั่งเล่นในขณะที่สวมใส่อะไรแบบนี้น่ะเหรอ? ดูเหมือนว่าเธอจะแข็งแกร่งและโดดเด่นยิ่งขึ้นหลังจากชิตตูจากไปสินะ แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เธอต้องมาเจอกับไอเวรนั่น!” ทีน่ายกโซฟาขึ้นด้วยพลังทั้งหมดของเธอและตะโกนออกมาดัง ๆ “ลี่เฉิน เร็วเข้า! มาช่วยฉันพาชีล่าออกไปที!”
จางลี่เฉินผู้มักมีการแสดงออกที่เย็นชาอยู่เสมอรีบก้มตัวลงกับพื้นในทันใดที่เขาเข้าไปในห้องพร้อมกับทีน่าและเห็นชีล่าในชุดที่เปิดโล่ง เขาพยายามคว้าข้อมือและลากชีล่าออกมาจากใต้โซฟาหลังจากได้ยินเสียงร้องของหญิงสาว
“นี่ลี่เฉิน! ฉันไม่ใช่กระสอบทรายนะ อ่อนโยนกับฉันบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน?! นายจับไหล่ของฉันแทนได้ไหม? ไม่มีใครช่วยคนอื่นได้ด้วยการคว้าผมคนอื่นหรอกนะ เข้าใจไหม!”
“หยุดบ่นน่าชีล่า ผมก็กำลังช่วยคุณในตอนนี้อยู่ไม่ใช่หรือไง?”
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ชีล่า ไหนมาให้ฉันดูสิว่าอาการบาดเจ็บของเธอรุนแรงแค่ไหน เจ็บตรงไหนบ้างไหม?” เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของเธอรอดพ้นจากอันตรายแล้วทีน่าก็ปล่อยมือจากโซฟาจนทำให้เกิดเสียงดัง “ ปัง” โดยไม่มีการเตือนก่อนล่วงหน้าและเริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บของชีล่าในทันที
ภายใต้แสงไฟสลัว เธอเห็นว่าชีล่าไม่ได้มีอาการบาดเจ็บผิวเผินอย่างเห็นได้ชัดนักและในไม่ช้าเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นเธอก็เริ่มกดข้อต่อที่เป็นส่วนอ่อนแอที่สุดของเพื่อนสนิทของเธอ “ตรงนี้เจ็บหรือเปล่า?”
“ไม่เลย”
“แล้วตรงนี้ล่ะ?”
“ฮ่าฮ่า…ไม่!”
“ตรงนี้?”
“มันไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลยแต่ตรงที่เธอจับมันกำลังจั๊กจี้ฉันอยู่นะ”
“นั่นก็หมายความว่าคุณไม่ได้เป็นอะไร คุณแค่ตกใจกลัวก็เท่านั้น” จางลี่เฉินพูดเสียงเบา ๆ อยู่ข้าง ๆ “ทีน่า ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนฉลาดและสงบที่สุดในหมู่เพื่อนสนิทของคุณแล้วสินะ”
ชีล่าตกตะลึงไปสักครู่ก่อนที่เธอจะเริ่มขยับแขนขาช้า ๆ แล้วก็ลุกขึ้นยืน “ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ งั้นตอนนี้เราออกไปตามหาทริชกันก่อนเถอะ ฉันหวังว่าเธอเองก็จะไม่เป็นไรด้วยเช่นกัน…”
ขณะที่ชีล่ากำลังพูดอยู่จู่ ๆ ทริชก็วิ่งเข้ามาจากประตูที่เปิดค้างเอาไว้
“เฮ้ทริช! ขอบคุณที่เธอวิ่งมาที่นี่พอดี ฉันขอโทษที่ฉันทะเลาะกับเธอไปเมื่อตอนเที่ยงที่ผ่านมา มันเป็นความผิดของฉันเอง ทั้งหมด…” จากนั้นเพื่อนสนิททั้ง 3 คนก็รวมตัวกัน เมื่อเห็นสายตาเป็นกังวลของทริชแล้วดวงตาของชีล่าก็ขึ้นสีแดงเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้ขณะที่เธอขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เลยชีช่า ไม่เป็นไรเลย ฉันเองก็ผิดเหมือนกัน ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอกำลังพูดในตอนนี้ดี ขอบคุณนะ…”
“ไม่มีเวลามากพอจะมาไร้สาระในตอนนี้ เนื่องจากทุกคนไม่เป็นไรแล้วตอนนี้พวกเราควรไปรวมตัวกันบนดาดฟ้าพร้อมกับคนที่เหลือก่อนจะดีกว่า” จางลี่เฉินประกาศเมื่อเขาก้าวออกจากห้องนั่งเล่น ที่ด้านนอกประตูเขามองไปทางซ้ายและขวาตามทางเดินที่ว่างเปล่าและเริ่มพึมพำคาถาออกมา “พู ชี ชี…”
ไม่นานหลังจากนั้นร่างเหนียว ๆ ขนาดมหึมาที่ดูเหมือนค้อนทะลุผ่านผนังห้องโดยสาร คางคกที่ล้อมรอบไปด้วยหมอกควันสีดำที่สูงเพียงไม่กี่เซนติเมตรได้กระโดดออกมาจากรูเล็ก ๆ บนกำแพง หลังจากมันตกลงบนพื้นมันก็เริ่มพองตัวเท่ากับขนาดของลูกบาสเก็ตบอลก่อนที่จะกระโดดเข้าไปในแขนของชายหนุ่ม
“นั่นอะไรน่ะ?” ชีล่าที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“เธอยังจำเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังที่อเมซอนได้ไหม? นั่นคือเมานท์โทด”
“ตะ..แต่นั่นไม่ใช่แค่นิทานหรอกเหรอ?”
“มันเป็นเรื่องจริงชีล่า มันเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของฉันและทริชที่ได้เจอจริง ๆ ไปกันเถอะที่รัก มันดีกว่าที่เราจะอยู่ใกล้กับลี่เฉินเขาเอาไว้ เขาจะปกป้องเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” ทีน่าเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกับจับมือเพื่อนสนิทไว้แน่นก่อนจะก้าวไปข้างหน้าตามหลังจางลี่เฉินอย่างใกล้ชิดขณะที่พวกเขาวิ่งไปตามทางเดินของห้องโดยสารสู่ดาดฟ้า
“ปกป้องเรา? เพียงแค่มีคางคกขนาดใหญ่อย่างเดียวเนี่ยน่ะหรอ?” ชีล่าพึมพำในขณะที่เดินโซเซไปมาภายใต้ไฟฉุกเฉิน
“คางคกนั่นสามารถฆ่าทุกคนบนเรือลำนี้ได้อย่างง่ายดายด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียวแล้วกลืนทุกคนลงไปในท้อง หยุดคำถามมากมายของเธอไว้ก่อนชีล่า เมื่อเราหนีรอดจากอันตรายได้เรียบร้อยแล้วตอนนั้นเราค่อยกลับมาคุยกันใหม่”
“ทริช นี่เธอพูดอย่างนั้นออกมาจริง ๆ น่ะเหรอ? บ้าเอ้ย เหมือนเธอเป็นคาทอลิคจอมปลอมยังไงก็ไม่รู้! อ่ะ…” ขณะที่พวกเขาวิ่งออกจากห้องโดยสาร ไฟฉายส่องสว่างก็แล่นเข้ามาทำให้ชีล่าตกใจอย่างมาก
ในตอนนั้นเอง บนดาดฟ้าเรือเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่หนีตายขึ้นมายังด้านบน เกือบครึ่งหนึ่งของพวกเขาได้รับบาดเจ็บแต่โชคดีที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มีแขกหลายคนที่กำลังอยู่ในชุดนอน บางคนก็เปลือยเปล่าเมื่อพวกเขารีบขึ้นมายังด้านบนดาดฟ้าด้วยผ้าปูที่นอนหรือผ้าห่มบาง ๆ ที่พันไว้รอบตัว เมื่อแสงไฟที่เพิ่งส่องอยู่บนหัวเรือค่อย ๆ หมุนไปรอบ ๆ เสาหินขนาดมหึมาทั้ง 2 ที่เกาะติดกับลำเรือทั้ง 2 ด้านในที่สุดก็เข้าสู่สายตาทุกคน
เสาหินมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อย 10 เมตร และมีความสูงที่ต้องสูงกว่า 100 เมตร เมื่อแสงไฟส่องผ่าน มันมีรูปปั้นยักษ์ดุร้ายที่มี 4 ใบหน้า 3 หัวปรากฏขึ้นบนผนังเสาและทำให้ผู้คนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
หลังจากกวาดตามองไปทั่วเสาหิน แสงสว่างจ้าก็โผล่ออกมาจากภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนาแน่น แวบแรกที่เห็นอาจคิดได้ว่าเรือจะต้องติดอยู่บนเกาะใหญ่หรือคาบสมุทรที่ยื่นออกมาจากทวีปตรงไหนสักแห่ง
เมื่อเห็นคุณลักษณะของภูมิประเทศนี้แล้วแม้แต่คนโง่เง่าที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ทะเลใกล้กับนิวยอร์กอีกต่อไป
“โอ้ พระเจ้า! นี่มันที่ไหนกันเนี่ย! พวกเรามาถึงไหนกันแล้ว?” กัปตันตัวจริงได้รีบกลับไปยังห้องควบคุมและกระตุ้นให้ลูกน้องของเขาที่กำลังอยู่ในภาวะสับสนวุ่นวายลองสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ เขาไม่คิดเสียเวลามาบ่นพวกลูกน้องตัวเองในตอนนี้ เขาต้องการดูว่าพวกเขาสามารถใช้โอกาสที่น้อยมากในการใช้คลื่นเพื่อนำเรือกลับสู่มหาสมุทรได้หรือไม่ เมื่อเห็นภูเขาและป่ากำลังผ่านไปมาที่หน้าต่างร่างของเขาก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพ่นคำสาปแช่งออกมาเสียงดัง
“ซะ…เซอร์ นี่น่าจะเป็นเกาะใหญ่ในแอฟริกาหรือไม่ก็อเมริกาใต้นะครับ ผมเคยเห็นมันในรายการทีวี ‘แปลกประหลาด’ มาก่อน ระ…เราต้องเจอ ‘ประตูปริภูมิ’ และข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมากว่าครึ่งและได้ชนเข้ากับเสาหินเหล่านี้โดยตรง… “
“อย่าทำเป็นเลี่ยงความผิดของตัวเองแฮร์รี่! ถ้านายอยู่ในห้องควบคุมซะตั้งแต่แรกเราจะไม่ชนกับเสาหลักทั้ง 2 ต้นนี้เลยแม้ว่าเราจะผ่านประตูหรืออะไรมาก็ตาม! ฉันอุตสาห์ไปคุยกันมิสเตอร์ฮัดเนอร์เพื่อให้นายขึ้นมารับตำแหน่งเต็มตัวแทนฉันในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติไปกับการตัดสินใจของฉัน!”
“เซอร์ เหตุผลที่คุณไปคุยกับผู้อำนวยการบริหารของบริษัทโอเชี่ยนชิปปิ้งคือการแนะนำให้ผมรับตำแหน่งกัปตันงั้นหรือครับ?”
“เรื่องนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว! สิ่งสำคัญคือตอนนี้เราได้พบกับสถานการณ์ที่เรือของเรากลายเป็นซากเรือไปอย่างลึกลับ ขอบคุณพระเจ้าที่ความเสียหายที่เกิดกับเรือยังไม่รุนแรงมากพอที่จะทำให้ถึงจุดต้องทิ้งเรือไป ทุกคนฟัง! ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ผู้โดยสารทุกคนสงบสติอารมณ์ตัวเองให้ได้ ครั้งนี้แขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวในช่วงวัยรุ่นตอนปลายและวัย 20 ต้น ๆ ความผันผวนทางอารมณ์ของพวกเขาจะมากขึ้นในกรณีฉุกเฉิน ดังนั้นมันจึงยากที่จะจัดการกับพวกเขา แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีทีมงานเต็มรูปแบบในส่วนของพนักงานบริการสำหรับการจัดงานปาร์ตี้ในครั้งนี้ ผู้จัดการเฟอร์นันด์ ผมต้องการให้คุณไปรวบรวมบริกรทุกคนบนเรือและบอกให้พวกเขาส่งผ้าห่ม น้ำดื่ม และถุงของว่างสำหรับแขกแต่ละคน แฮร์รี่ ไปรวบรวมลูกเรือทั้งหมดเพื่อเตรียมพร้อมที่จะปล่อยแพชูชีพได้ตลอดเวลา หากแขกคนใดถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่าได้ซ่อนความจริงจากพวกเขาเด็ดขาด ต้องทำให้ชัดเจนว่ามันเป็นเพียงมาตรการเพื่อเตรียมการป้องกันเท่านั้น ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่นำทาง แอเดแลด์ นายเป็นคนที่คุ้นเคยกับเครื่องมือทางทะเลมากที่สุด ตอนนี้ถึงเวลาที่นายจะต้องแสดงความเชี่ยวชาญของนายแล้ว ไปศึกษาพิกัดการนำทางที่บันทึกไว้ในระหว่างการเดินทางซะ ตรวจสอบให้แน่ใจว่านายมีความอดทนและศึกษามันเป็นรายเมตรได้เรียบร้อย! หากพบบันทึกที่ผิดปกติใด ๆ ให้รายงานฉันในทันที! อเลสซานโดร นายแค่อยู่ที่ตำแหน่งคนถือหางเสือเรือและรอฟังคำสั่งของฉันให้ดรเพื่อเตรียมหมุนหางเสือตลอดเวลา เอาล่ะชายหนุ่มทั้งหลาย ไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว! ควบคุมสติตัวเองให้ได้!”
กัปตันที่สงบอารมณ์จากความสับสนได้แล้วก็เริ่มออกคำสั่งในลักษณะที่เป็นระเบียบด้วยความเคร่งขรึม
เมื่อมองไปที่ความสงบและความสง่างามของชายชรา ผุ็จัดการของเรือก็กระซิบไปที่ข้างหูเพื่อนสนิทของเขา “เพื่อนรัก ฉันคิดว่านายยังห่างไกลจากกัปตันฟยอด์น่าอยู่มากทีเดียว ไม่แปลกใจที่เขาไม่ยอมให้นายแล่นเรือโดยลำพังเสียที”
“ฉันก็คิดเช่นนั้นเฟอร์นันด์ ดูเหมือนว่าฉันกลายเป็นคนงี่เง่าที่ประเมินความสามารถของตัวเองมากเกินไป ฉันไม่มีความสามารถที่จะขึ้นเป็นกัปตันได้เลย!” แฮร์รี่เจ้าหน้าที่ต้นเรือกระซิบขณะที่เขากัดฟัน “อย่างไรก็ตาม ฉันรู้วิธีชดเชยและพิสูจน์ว่าฉันเองก็เป็นเจ้าพนักงานที่มีความสามารถอยู่เหมือนกัน ไปกันเถอะเฟอร์นันด์ ไปทำตามคำสั่งของกัปตันและอย่าทำอะไรผิดพลาดกันเถอะ”
และเพราะแบบนั้น ภายใต้คำสั่งของกัปตันที่มีความเป็นผู้นำสูงทำให้แต่ละแผนกของเรือสำราญเอลิซาเบธ ฮอลิเดย์เริ่มทำหน้าที่ไปตามลำดับ การปฏิบัติการช่วยเหลือเรืออับปางเริ่มทำงานได้อย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า ผ้าเช็ดตัว ขวดน้ำสะอาดและของว่างก็ถูกส่งมอบให้กับทุกคน ด้วยผ้าเช็ดตัวที่ช่วยปิดกั้นลมหนาวของมหาสมุทรยามดึก ด้วยน้ำสะอาดเย็น ๆ ที่หล่อเลี้ยงปากแห้ง ๆ ของพวกเขาที่เกิดจากความตื่นตระหนก ไม่นานความกลัวของฝูงชนบนดาดฟ้าก็เริ่มจางหายไป
จางลี่เฉินเองก็เป็นหนึ่งในฝูงชนนั้นเช่นกัน หลังจากจิบน้ำสะอาดในมือแล้วเขามองไปที่ชายฝั่งที่มืดมิดและกระซิบโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าว่า “ทีน่า ผมต้องการคว้าโอกาสในความมืดนี้เพื่อขึ้นไปที่ชายฝั่ง… “
“อย่าไปนะลี่เฉิน… เสาหินที่ติดอยู่บนเรือนั้นแปลกประหลาดมาก ฉันกลัวว่านายอาจจะต้องเจอกับอันตรายจากการขึ้นฝั่งในเวลากลางคืนได้”
“ที่คุณพูดมาก็มีส่วนถูก” เมื่อได้ยินคำพูดของเธอจางลี่เฉินก็ไตร่ตรองอย่างรอบคอบอีกครั้ง ปากของเขาขยับเบา ๆ ขณะที่เขาพูด “งั้นผมค่อยไปดูเมื่อเหตุการณ์ปลอดภัยแล้วจริง ๆ ก็แล้วกัน”
เสียงแปลก ๆ “พู ชี ชี …” เริ่มออกมาจากปากของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาจนเหมือนเป็นเพียงเสียงลมที่ไม่มีใครได้ยิน เสียงคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ดังกึกก้องบนฝั่งที่มืดมิดข้างการล่องเรือ
หลังจากเสียงนั้นค่อย ๆ เงียบลง บนฝั่นก็เริ่มมีเสียงของต้นไม้และก้อนหินที่สั่น ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของคนดังขึ้นต่อมา
เนื่องจากมุมมองจากที่เรือติดอยู่ระหว่างเสาหินขนาดใหญ่ทำให้ไฟฉายไม่สามารถฉายไปถึงบนฉากด้านหน้าได้ เสียงลึกลับที่ไม่รู้ที่มาเริ่มปล่อยเสียงที่ก้องกังวานยิ่งขึ้นในทันใด