The Great Worm Lich - ตอนที่ 125
ความกระวนกระวายในใจของคนอื่น ๆ ทั้งหมดถูกส่งไปยังทีน่า หญิงสาวมองจางลี่เฉินด้วยความตื่นตระหนกและถามด้วยเสียงกระซิบ “ลี่เฉิน นายเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้หรือเปล่า? ไม่เอาน่า อย่าเป็นแบบนี้สิ ตอนนี้ทุกคนจิตใจอ่อนแอกันหมดแล้ว…”
“อย่ากลัวไปเลยทีน่า เดี๋ยวคุณอยู่ที่นี่กับชีล่าและทริชไปก่อน อีกสักพักผมจะกลับมา” จางลี่เฉินไม่ตอบคำถามของทีน่าตรง ๆ แต่เลือกวางผ้าห่มคลุมไว้บนไหล่ของเธอก่อนที่จะกอดเมานท์โทดของเขาและเดินตรงไปยังมุมมืดของดาดฟ้า
สังเกตเห็นโดยบังเอิญเมื่อชายหนุ่มเดินออกไปอย่างกระทันหัน ชีล่าซึ่งยืนอยู่ที่ขอบเรือขณะที่เธอจับราวบันไดเพื่อพยายามจะดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ผิวน้ำในมหาสมุทรมืดมิดก็เอ่ยถามทีน่าด้วยความประหลาดใจ “ที่รัก แฟนของเธอกำลังทำอะไรน่ะ?”
“เขายืนยันที่จะขึ้นฝั่งเพื่อไปตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบัน”
“เพื่อตรวจสอบสถานการณ์! ตอนนี้เนี่ยนะ?! เขาคิดว่าเขาเป็นนายทหารเรือหรือยังไงกัน?”
“ผู้ชายคนนั้นยังมีประโยชน์มากกว่าทหารเรือในสถานการณ์แบบนี้ซะอีก” ทริชตอบชีล่าในนามตัวแทนของทีน่า ขณะนั้นเอง จางลี่เฉินก็กำลังขึ้นขี่หลังของเกาะมังกรที่ซ่อนตัวและกระโดดลงจากเรือไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะลงสู่ร่างโครโคดราก้อนที่รออยู่ข้างล่าง
แขนขาที่ทั้งหนาและสั้นของโครโคดราก้อนขยับไปมาบนพื้นผิวมหาสมุทรและในไม่ช้าเขาก็ควบคุมให้สัตว์อาคมของตัวเองมุ่งหน้าไปที่ชายฝั่ง
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ไม่สามารถมองเห็นแม้กระทั่งแสงดาวหรือแสงจันทร์ได้ ทัศนวิสัยของจางลี่เฉินถูกจำกัดเหลืออยู่แค่เพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ปีนลงมาจากหลังเกาะมังกรแล้วเดินช้า ๆ ไปตามสันโค้งของโครโคดราก้อน มุ่งหน้าไปยังหัวของสัตว์อาคมที่น่าเกรงขามก่อนที่จะนั่งตรงระหว่างตาของมัน
จากนั้นจางลี่เฉินก็กระตุ้นให้เมานท์โทดพองร่างของมันก่อนที่จะปล่อยให้มันนั่งอยู่ด้านหลังของตัวเขาเพื่อให้มันคอยระวังทั้งหลังและศีรษะให้อย่างมั่นคง
หลังจากที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าการป้องกันนั้นเพียงพอแล้วในที่สุดเขาก็กระตุ้นให้เกาะมังกรมาอยู่เคียงข้างเขาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเริ่มการลาดตระเวนในขณะที่นั่งอยู่พร้อมการคุ้มกันจากสัตว์อาคมทั้ง 3 ตัว
โครโคดราก้อนเหยียบเท้าลงบนพื้นพลางพ่นเสียง “ชา ชา…” ออกมาเบา ๆ เมื่อลองมองดูอย่างถี่ถ้วนแล้วจางลี่เฉินมองเห็นชั้นทรายหยาบ ๆ ที่ด้านล่าง เขาพึมพำ “มันเป็นแค่เพียงหาดทรายธรรมดา ๆ” จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งให้โครโคดราก้อนกำทรายมา 1 กำมือให้เขา ด้วยแสงประกายเบา ๆ นิ้วมือของเขาถูกบาดเป็นรอยแผลเล็ก ๆ หลายแห่ง
“นี่อาจเป็นโลหะหรือเศษแก้วที่ละเอียดเหมือนเม็ดทราย อย่าบอกนะว่าตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่บนโลกอีกต่อไป!” ชายหนุ่มขว้างสิ่งของที่เป็นอันตรายออกไปและสั่งให้สัตว์อาคมของเขาเดินต่อไปข้างหน้า ทันใดนั้นเขาก็พบเสาหินที่สูง 4 – 5 เมตรซึ่งกำลังขวางทางเขาไว้อยู่ 1 ต้น
ขณะนั่งอยู่บนหัวของโครโคดราก้อน จางลี่เฉินเหลือบตามองเสาประหลาดที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเลก็น้อย เขาสั่งให้สัตว์อาคมเอนตัวไปด้านข้างเพื่อเข้าใกล้เสาหินให้มากขึ้นเพื่อพยายามที่จะดูว่ารูปปั้นที่แกะสลักลงบนเสายักษ์ทั้งสองในมหาสมุทรจะถูกแกะสลักไว้บนเสานี้ด้วยหรือไม่ แต่ในตอนนั้นเองเขาก็เห็นคนร่างผอมถูกแขวนอยู่เคียงข้างกันโดยเท้าของพวกเขาถูกมัดติดอยู่บนเสาหิน
ในขณะที่จางลี่เฉินกำลังสังเกตพวกเขาอย่างระมัดระวัง ร่างคนเหล่านั้นดูเหมือนจะมีความสูงไม่เกิน 1.2 หรือ 1.3 เมตร พวกเขาดูเหมือนคนแคระทั่วไป และแม้ว่าเขาจะไม่สามารถมองเห็นสีผิวของพวกเขาได้ดีนักแต่เขามั่นใจมากว่าพวกเขาจะต้องมีผิวสีแทน
ร่างกายส่วนบนของพวกเขาเปลือยเปล่าในขณะที่ร่างกายส่วนล่างสวมกางเกงที่ดูเหมือนทำมาจากหนัง ดวงตาของพวกเขาถูกเจาะออกมาอย่างโหดเหี้ยมและถูกขว้างทิ้งไปไว้ข้างหลังจนเหลือแต่เพียงเบ้าตาดำ ๆ 2 หลุม แม้จะบาดเจ็บสาหัสแต่ทว่าหน้าอกของพวกเขายังคงมีการเคลื่อนไหวเพื่อสื่อถึงการหายใจ
ชายหนุ่มที่พึมพำคาถาเริ่มจัดระเบีบยความคิดของตัวเองให้สงบนิ่งและไม่แสดงออกอะไรมากเมื่อเขาพยายามไตร่ตรองเรื่องราวต่าง ๆ จากนั้นเขาก็สั่งให้เกาะมังกรยื่นกรงเล็บอันแหลมคมของมันออกไปเปิดผิวของคนที่ถูกแขวนที่อยู่ใกล้ตัวเขามากที่สุด
เลือดสดพุ่งพรวดออกจากบาดแผลในทันที จมูกของจางลี่เฉินได้สัมผัสกับกลิ่นเลือดที่คาวเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน คนแคระตัวเล็กที่ได้รับบาดเจ็บจากสัตว์อาคมก็ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวช
“ยังมีชีวิตอยู่อย่างที่คิดไว้จริง ๆ” จางลี่เฉินไม่มีท่าทีแสดงความเห็นใจต่อเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมาเลยสักนิด เขาดำเนินการสั่งให้เกาะมังกรเฉือนร่างกายอื่น ๆ ขณะที่พวกเขาถูกแขวนคว่ำหัวอยู่บนเสาหินเหมือนกันคนแรก
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที การแสดงเดี่ยวของการร้องโหยหวนก็ดังขึ้นประสานกัน นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรอื่นที่ผิดปกติเกิดขึ้นเลย
อย่างไรก็ตามในขณะนี้สีหน้าของจางลี่เฉินเริ่มเอาจริงเอาจังมากขึ้นเรื่อย ๆ “พลังสัตว์อาคมไม่ได้รับการปรับปรุง…ถ้างั้นก็หมายความว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่สัตว์ที่ฉลาดอะไรเลยน่ะสิ หรือบางทีพวกเขาอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังมีความสุขมากจนไม่มีอารมณ์เชิงลบใด ๆ เข้าแทรก”
เขาควบคุมสัตว์อาคมของตัวเองเพื่อจบเสียงร้องที่น่าสังเวชที่น่าหงุดหงิดก่อนที่จะวางซากศพไว้ที่ตรงหน้า
ในที่สุดความรู้ทางชีวภาพของชายหนุ่มก็มีประโยชน์มากในตอนนี้ เขาลองตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าหน้าผากของทั้ง 3 ศพนี้มีส่วนที่ยื่นออกมาเล็กน้อย แต่เมื่อลองมองดูอย่างใกล้ชิดพวกเขาก็ยังดูเหมือนมนุษย์มากกว่าลิง
จางลี่เฉินสัมผัสฟันของพวกเขาและพบการสึกหรอของเหงือก พวกเขาจะต้องเป็นสัตว์ที่มีการกินอาหารปรุงสุกอยู่เป็นประจำ
เขาลูบฝ่ามือของพวกเขาเบา ๆ และพบว่าฝ่ามือของพวกเขาเต็มไปด้วยหนังหนาด้าน ๆ อย่างไรก็ตามจางลี่เฉินรู้สึกได้ว่าหนังหนาด้าน ๆ ที่เกิดขึ้นที่ปลายนิ้วและข้อต่อระหว่างฝ่ามือและนิ้วนั้นหนากว่าปกติมาก นี่เป็นลักษณะของการใช้เครื่องมือง่าย ๆ อยู่ตลอด
สุดท้ายคือกางเกงหนัง กางเกงหนังที่สวมใส่แต่เพียงครึ่งล่างของร่างเล็ก ๆ นั้นดูนิ่มนวลเป็นอย่างมาก มันจะต้องถูกเย็บหลังจากผ่านกระบวนการฟอกหนัง ใคร ๆ ก็สามารถบอกได้ว่าอารยธรรมของพวกเขาควรได้รับการพิจารณาว่าก้าวหน้ามากในแง่ของสังคมดั้งเดิม
“พวกเขามีสติปัญญาแต่ไม่มีความรู้สึกในแง่ลบเลยแม้แต่น้อย ถึงดวงตาของพวกเขาจะถูกเจาะเอาออกไปและถูกแขวนไว้ที่ชายหาด รวมถึงร่างกายของพวกเขาจะถูกเฉือนไปโดยสัตว์อาคมของเราและถึงแม้จะร้องไห้ออกมาแบบนั้นก็ยังไม่มีความรู้สึกแง่ลบใด ๆ คิดได้อย่างเดียวว่าคนพวกนี้น่ะเป็นบ้า! มีเพียงคนบ้าเท่านั้นที่จะไม่รู้สึกโกรธ ไม่รู้สึกสิ้นหวัง หรือหวาดกลัวในสถานการณ์เช่นนี้ได้” หลังจากที่เขาตรวจสอบเสร็จเขาก็สั่งให้สัตว์อามคมของตัวเองกินเศษซากศพนั้นก่อนที่จะพูดพึมพำกับตัวเอง “อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนบ้าพวกนี้ พวกเขาดูเหมือนจะเงียบเกินไปจนดูน่าขนลุก เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาไม่มีพลังงานเหลือมากพอที่จะต้องดิ้นรนเพราะถูกแขวนไว้นานเกินไป? ช่างเถอะ! สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญเลย ที่สำคัญคือสถานที่แห่งนี้มันอยู่ตรงไหนบนโลกต่างหาก?”
ขณะที่เขากำลังพึมพำกับตัวเองเขาก็ตรวจดูเสาหินถัดจากเขาอย่างระมัดระวังไปพลาง ๆ เขาสามารถเห็นการแกะสลักใบหน้าแปลก ๆ และสัตว์ประหลาดจำนวนมากได้
หลังจากรู้ว่าเสาหินบนทรายมีความคล้ายคลึงกับเสายักษ์ในทะเลแล้วจางลี่เฉินก็สั่งให้โคโรดราก้อนเดินไปรอบ ๆ ชายหาดต่อ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้พบกับเสาหินต้นที่ 2 ซึ่งมีคนแคระ 3 คนถูกพลิกคว่ำหัวอยู่ด้วยเหมือนกัน
หลังจากสั่งให้สัตว์อามคมของตัวเองดำเนินการในแบบเดียวกันแล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าร่างคนแคระที่ถูกแขวนคว่ำอยู่บนเสาหินนี้ก็ไม่มีความรู้สึกด้านลบเช่นกันเมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บเหมือนกับกลุ่มที่อยู่บนเสาแรก
จางลี่เฉินตกตะลึงอยู่สักพักก่อนจะควบคุมสัตว์อาคมของเขาให้คลานไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ 2 – 3 นาทีต่อมาเสาที่ 3 ที่มีคนแคระ 3 คนแขวนอยู่บนนั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง
“วันนี้เป็นวัน ‘ทำความสะอาด’ ของชาวพื้นเมืองบนเกาะนี้หรือไงกัน? ทำไมถึงมีคนบ้ามากมายถูกแขวนไว้ในเวลาเดียวกันแบบนี้ได้” จางลี่เฉินเค้นยิ้มขณะที่การแสดงออกของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นรุนแรงมากยิ่งขึ้น อีกครั้งที่เขาเคลื่อนไหวให้เกาะมังกรฉีกร่างของคนที่ถูกแขวน
เสียงร้องไห้และเสียงโหยหวนดังก้องเข้ามาในหูของเขาอีกครั้งแต่ก็ยังเหมือนเดิม สัตว์อาคมของเขาไม่ได้รับการบิดเบือนใด ๆ จากอารมณ์ที่คนพวกนั้นส่งออกมาเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมองคนแคระด้วยท่าทางที่บูดเบี้ยวซึ่งที่เบ้าตาของคนพวกนั้นยังเต็มไปด้วยเลือดสด ๆ คนแคระกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เขาใกล้ชิดมากที่สุดในการตรวจสอบขณะที่เขาพึมพำ “หรือบางทีพวกนี้จะไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหุ่นเชิดที่มีชีวิต…”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นแสงสีเหลืองจาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นในป่าทึบ ไฟยังคงสั่นไหวราวกับมีใครบางคนวิ่งเข้าหาเขาพร้อมกับคบเพลิง
เมื่อเห็นแสงไฟที่ใกล้เข้ามาจางลี่เฉินก็ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาไตร่ตรองสักครู่ก่อนที่จะเคลื่อนไหวสัตว์อาคมของเขาให้เข้าไปหาไฟ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะก้าวไปได้มากกว่านี้ชายหนุ่มก็รู้ว่าแสงไฟนั้นได้ถูกเปลี่ยนเป็นแสงไฟจำนวนมากก่อนที่จะกลายเป็นดวงไฟที่มีมากกว่าสิบดวง ท้ายที่สุดเปลวไฟหลายร้อยดวงก็สว่างขึ้นท่ามกลางความมืดมิด
จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของจางลี่เฉินที่สามารควบคุมสัตว์อาคมที่ทรงพลัง 3 ตัวได้คือร่างกายของเขาที่อ่อนแอเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ในการเผชิญหน้ากับชาวพื้นเมืองหลายร้อยคนซึ่งมีความแข็งแกร่งในความมืดเช่นนี้ ม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นแรงกดดันอย่างใหญ่หลวงสำหรับเขามากขนาดไหน
โครโคดราก้อนที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าหยุดชะงักเนื่องจากความคิดของจางลี่เฉินที่กำลังหวั่นไหว อย่างระมัดระวัง เขาควบคุมสัตว์อาคมให้หมุนตัวและคลานกลับไปที่น้ำอย่างรวดเร็ว
หลังจากโครโดราก้อนกลับไปที่เรือแล้วเขาก็ล้างมือตัวเองจนสะอาดก่อนที่จะเปลี่ยนไปขี่เกาะมังกรและกลับไปที่ดาดฟ้าเรืออย่างเงียบ ๆ
จางลี่เฉินเดินอุ้มเมานท์โทดกลับไปหาทีน่าท่ามกลางความมืดแต่เธอไม่ทันได้สังเกตว่าเขากลับมาแล้ว เธอกำลังถามเด็กชายลูกผสมที่มีผิวคล้ำเล็กน้อยอย่างประหม่า “ยูโดร่า นายคิดว่าแสงบนฝั่งนั้นคืออะไรกัน?”
“อาจจะเป็นชาวพื้นเมืองของเกาะที่มาล้อมเราด้วยคบไฟของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาไม่มีไฟฉายไว้ใช้เพื่อส่องสว่างท่ามกลางความมืด นั่นหมายความว่าอารยธรรมของพวกเขาไม่ได้มีมากไปกว่าพวกเรา ไม่ต้องกังวลนะทีน่า กัปตันเรือเอลิซาเบธ ฮอลิเดย์เป็นกะลาสีที่มีประสบการณ์มาก เมื่อพิจารณาจากวิธีการที่เขามอบผ้าห่ม อาหารและน้ำให้กับพวกเราทีละคนแล้วนั่นหมายความว่าเรือนี้ยังพอสามารถควบคุมได้อยู่ ลองดูสิ ทุกคนบนเรือเริ่มสงบจิตใจลงได้มากแล้วใช่ไหมล่ะ? เขาจะต้องมีวิธีจัดการกับชาวพื้นเมืองเหล่านี้แน่นอน นอกจากนี้เอลิซาเบธ ฮอลิเดย์ของเรายังสูงประมาณ 100 เมตรอีก ดังนั้นแม้ว่าชาวพื้นเมืองเหล่านี้ต้องการจะโจมตีเรามันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะขึ้นเรือมาได้สำเร็จ”
“แล้วชายฝั่งล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีใครบางคนจากเรือขึ้นไปบนฝั่ง?”
“ถ้าให้เดาคน ๆ นั้นก็คงเป็นพวกคนบนชายฝั่งนั่นน่ะแหละ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันเป็นเวลากลางคืนและสถานการณ์ยังไม่ชัดเจนดังนั้นฉันจึงสงสัยจังว่าจะมีใครบนเรือไปที่ฝั่งนั่นจริง ๆ น่ะเหรอ?”
“ถูกต้อง! ไม่มีใครบนเรือคิดอยากจะไปบนชายฝั่งนั่นหรอก” จางลี่เฉินผู้ซึ่งอยู่ข้าง ๆ จู่โจมด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังขณะที่เขาหยิบผ้าเช็ดตัวบนไหล่ของทีน่าไปห่อรอบ ๆ ตัวเขาเอง
“โอ้! ฉันรู้ว่านายจะต้องไม่เป็นไร! ฉันรู้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนายแน่นอน!” ทีน่าตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะสวมกอดชายหนุ่มด้วยความดีใจ
“สถานการณ์แย่มากทีน่า ทรายบนชายฝั่งมีความคมมากจนสามารถตัดผ่านผิวหนังนิ้วมือพวกเราได้ นอกจากนี้ยังมีคนแคระจำนวนมากถูกแขวนอยู่บนเสาหินที่สูงประมาณ 3 – 4 เมตรโดยที่ตาของพวกเขาถูกเจาะออกมา และตอนนี้มีชาวพื้นเมืองก็อยู่รอบ ๆ เรือด้วยคบเพลิงที่อยู่ในมือของพวกเขา สถานการณ์เลวร้ายมากจริง ๆ ผมจะไม่มีทางทิ้งคุณและคุณจะต้องฟังทุกสิ่งที่ผมพูดให้ดีด้วย เข้าใจไหม?” จางลี่เฉินกระซิบข้างหูของหญิงสาว
หญิงสาวผงกหัวด้วยความตกใจ หลังจากที่เธอฝังความคิดไว้ครู่หนึ่งเธอก็ปล่อยมือของจางลี่เฉินโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าและชี้ไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ “ลี่เฉิน นี่ยูโดร่า เขาเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโรงเรียนฟอร์ดแฮมของพวกเรา ตอนนี้เขากำลังวิเคราะห์สถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่และฉันคิดว่ามันสมเหตุสมผลมากทีเดียว”
“อย่างนั้นเหรอ? สวัสดีครับมิสเตอร์ยูโดร่า ผมจางลี่เฉิน ยินดีที่ได้รู้จัก คุณช่วยบอกความคิดของคุณให้ผมฟังทีจะได้ไหมครับ?”
“สวัสดีครับมิสเตอร์ล้านดอลลาร์ เรียกผมว่ายูโดร่าก็พอ ความคิดเห็นของผมเองก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่นักหรอก ผมแค่คิดว่าเอลิซาเบธ ฮอลิเดย์กำลังอยู่ในสถานการณ์แบบในหนังเรื่อง ‘อลิซในดินแดนมหัศจรรย์’ เช่นเดียวกับอลิซ พวกเราได้ตกลงไปใน ‘หลุมกระต่าย’ และตกลงไปยังโลกอีกใบหนึ่ง มีทางเดียวเท่านั้นที่จะกลับสู่ความเป็นจริงได้นั่นคือการทำเหมือนกับอลิซในตอนท้ายของเรื่อง… เราต้องปีนออกจากโพรงกระต่ายนั้นอีกครั้ง…”
“คุณหมายถึงให้เดินทางกลับตามเส้นทางที่เราผ่านมางั้นสินะ?” จางลี่เฉินตกตะลึงไปชั่วขณะ