The Great Worm Lich - ตอนที่ 139
ท่าอากาศยานนานาชาติโฮโนลูลูมีประวัติยาวนานมากว่า 30 ปี สิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างอาจมีความล้าสมัยไปบ้างเล็กน้อยแต่โดยรวมก็ยังสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลกสู่ฮาวายได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากจางลี่เฉินมีพาสปอร์ตสัญชาติอเมริกันเขาจึงไม่จำเป็นต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบิน ทันทีที่เขาออกจากเครื่องบินมาเขาสามารถรู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาจากดวงอาทิตย์ เขาสะพายเป้หลังถูกส่งตรงไปยังช่องทางออกของสนามบินโดยรถบัสพร้อมกับผู้โดยสารที่ไม่ต้องผ่านการตรวจเข้าเมืองคนอื่น ๆ
เมื่อเขาขึ้นไปบนรถบัสทันใดนั้นเขาก็พบว่าอย่างน้อยหนึ่งในสามคนรอบตัวเขาล้วนแต่เป็นชาวเอเชียซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่นและคนจีน
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินทางมาฮาวายเขาได้เรียนรู้จากอินเทอร์เน็ตมาว่าด้วยความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาทำให้พ่อค้าชาวญี่ปุ่นได้ซื้อโรงแรมระดับไฮเอนด์ 80% และสิทธิในทรัพย์สินสนามกอล์ฟเกือบทั้งหมดในฮาวายไป ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่มีคนญี่ปุ่นจำนวนมากมาปรากฏตัวที่สนามบินโฮโนลูลูในช่วงหน้าร้อนแบบนี้
สำหรับกลุ่มเพื่อนร่วมชาติที่มาจากประเทศจีนข้างหน้าเขานั้น ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าเศรษฐกิจของจีนจะทรงพลังมากเมื่อเขายังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขาของมณฑลเสฉวน อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาได้ย้ายมาอยู่ที่อเมริกาเขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าจากการสนทนาของผู้คนรอบตัวพบว่าคนรวยจากจีนมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรอีกต่อไปกับการได้เห็นคนจีนที่ต่างประเทศ
“พ่อ สนามบินของฮาวายยังดีได้ไม่เท่าสนามบินผู่ตงของเราเลย…”
“หยาง ฉันอยู่บนเครื่องบินตลอดทั้งวันและตอนนี้ฉันก็เวียนหัวอย่างมาก วันนี้ฉันคงออกไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ ฉันจะพักผ่อนก่อนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราค่อยไปดูการก่อสร้างเทศบาลของโฮโนลูลูแทนก็แล้วกัน!”
“ที่รัก ที่นี่คือฮาวาย! หาดทรายที่สวยที่สุดและใสที่สุดในโลกอยู่ที่นี่แล้ว…”
เมื่อได้ยินสำเนียงท้องถิ่นจากประเทศบ้านเกิดซึ่งเขาไม่ได้ยินมานานจางลี่เฉินก็เผลอเดินลงจากรถบัสตามไปโดยไม่รู้ตัว เขาเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนชาวจีนที่ดูถูกฮาวายหรือดูตื่นเต้นขณะมองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย
หลังจากเดินเล่นจนเต็มที่แล้วเขาก็กดโทรหาทีน่าอีกครั้ง “ทีน่า ผมมาถึงสนามบินโฮโนลูลูแล้ว”
“ฉันก็คิดว่านายน่าจะถึงแล้วเลยกะจะโทรหานายอยู่พอดี อลิซรอนายอยู่ที่ทางออกของสนามบินแล้วนะลี่เฉิน”
“อลิซ? เมื่อไม่นานมานี้พวกเราเพิ่งผ่านประสบการณ์ลง ‘หลุมกระต่าย’ มาและตอนนี้…ว้าว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้พบกับตัวละครดั้งเดิมที่อยู่ในเรื่องนั้นเข้า”
“นายพูดเรื่องอะไรน่ะลี่เฉิน?”
“ไม่มีอะไร ถ้างั้นแล้วมิสอลิซคือคนที่จะเป็นไกด์ให้ผมที่โฮโนลูลูแล้วค่อยส่งผมไปหาคุณที่เกาะคาไวอีกทีใช่ไหม?”
“ถูกต้อง! ฉันขอร้องอลิซเอาไว้แล้ว เธอสวยและมีความสามารถมาก … เอ่อ! ฉันเพิ่งทำพลาดไปสินะ ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนที่ฉันจะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน ห้ามนายเข้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น…” หญิงสาวพูดติดตลก
“คุณหมายถึงอะไรที่ว่า ‘ห้ามไปยุ่งกับคนอื่น?’ นั่นมันฟังดูแย่มาก! หรือว่าคุณสูญเสียความทรงจำไปอย่างสิ้นเชิงแล้วกัน อย่าบอกผมนะว่าคุณลืมแม้กระทั่งว่าผมเป็นคนแบบไหน!”
ทีน่าซึ่งอยู่อีกปลายสายโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง “ไม่พูดถึงเรื่องการสูญเสียความทรงจำของฉันจะได้ไหม ลี่เฉิน…”
“โอ้ ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไร แค่อย่าทำอีกก็แล้วกัน!” น้ำเสียงของทีน่ากลับมารื่นเริงอีกครั้ง “โอ้ ใช่ แล้วธุรกิจของนายตอนนี้เป็นไงบ้างล่ะหลังเปิดโรงฆ่าสัตว์แห่งใหม่ไปแล้ว?”
“ไม่เลวเลย ปัจจุบันยังคงมีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 150,000 ดอลลาร์ต่อวัน”
จำนวนตัวเลขที่จางลี่เฉินบอกกล่าวทำให้เกิดสัญชาตญาณตามธรรมชาติของหญิงสาวขึ้นในทันที “ว้าว! เกินความคาดหมายของฉันไปมากเลยนะเนี่ย! กำไรสุทธิ 150,000 ดอลลาร์ทุกวัน หากนายสามารถรักษาสิ่งนี้ไว้ได้สามเดือน บริษัทของนายจะมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในกรณีนี้เพียงแค่คืนเดียวนายจะกลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในนิวยอร์ก ในอเมริกาหรือแม้แต่บนโลกทั้งใบ…”
“ผมไม่อยากให้บริษัทผมเป็นที่รู้จักต่อสาธารณะนักแม้ว่ามันจะทำให้ผมกลายเป็นเศรษฐีขนาดไหนก็ตาม ผมลองคำนวณแล้ว ผมสามารถสร้างรายได้ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ต่อปีเมื่อขั้นตอนที่สามเสร็จสมบูรณ์ นี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม”
“สำหรับตอนนี้! แต่ที่รัก นายจะไม่พอใจเมื่อนายมีมากขึ้นนั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์” หญิงสาวพูดอย่างมั่นใจ “ฉันได้ทำการประมาณเอาไว้แล้ว ตลาดที่กินเนื้อมีประชากร 18 ล้านคนทั่วนครนิวยอร์กยกเว้นคนจนและเกษตรกรที่สามารถซื้อเนื้อสัตว์แช่แข็งเองได้ หากนายครอบครองตลาดโรงฆ่าสัตว์ต้นน้ำในลักษณะอิ่มตัวตามราคาของนาย นายจะได้รับที่อย่างน้อยปีละ 800 ล้านดอลลาร์หรือแม้กระทั่งหนึ่งพันล้านดอลลาร์ถ้าตลาดเป็นไปด้วยดี! ฉันเพียงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจของนายแต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่ามันจะกลายเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล”
“ทีน่า มันฟังดูเป็นตัวคุณมากนะรู้ไหมเมื่อคุณพูดเรื่องแบบนี้” หลังจากเดินตามหลังฝูงชนมานาน จางลี่เฉินที่ได้ออกมาด้านนอกสนามบินก็เห็นผู้คนตามทางที่มีป้ายชื่อพร้อมเสียงตะโกนเรียกก่อนจะพูดว่า “ทีน่า ตอนนี้ผมออกมาอยู่ด้านนอกแล้ว เสียงมันดังมากผมคงต้องวางสายก่อน แล้วไว้เจอกัน ลาก่อนทีน่า”
“อลิซสูงประมาณฉันเลย ผิวของเธอเป็นสีคาราเมลอ่อน ๆ และเธอมีใบหน้าสวยงามที่สะดุดตามาก ฉันจะรอพบนายอยู่ที่เกาะคาไว ลาก่อนลี่เฉิน! ฉันรอนายอยู่นะ!” หญิงสาวพูดอย่างรวดเร็ว
หลังวางสายจางลี่เฉินก็รีบมองหาผู้หญิงสวย ๆ ตัวสูงตามคำอธิบายของทีน่าในฝูงชนที่มารอรับในทันที
ไม่นานเขาก็เห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งโบกแท็บเล็ตในมืออย่างต่อเนื่องโดยใช้คำว่า ‘ลี่เฉิน จาง’ ด้วยตัวอักษรสีสันท่ามกลางฝูงชนและชาวฮาวายพื้นเมือง
ผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อยืดเล็ก ๆ ที่โชว์สะดือของเธอในขณะที่เธอสวมกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วเพื่อปกปิดร่างกายส่วนล่าง จากลักษณะใบหน้าของเธอเธอน่าจะเป็นสาวผิวขาวทั่วไปที่ดูต่างจากชาวฮาวายพื้นเมืองที่มีผิวเข้มคล้ายชาวแอฟริกัน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากสาเหตุที่ผิวของเธอสัมผัสกับแสงแดดต่อกันเป็นเวลานานผิวของเธอจึงเปลี่ยนสีเป็นคาราเมลไม่เหมือนกับผิวเดิมตามเชื้อชาติของเธอ เธอสูงประมาณ 175 เซนติเมตรพร้องด้วยร่างกายที่มีสัดส่วนน่าชื่นชมและแข็งแรง
รูปร่างที่พอดีดังกล่าวนั้นสมบูรณ์แบบมากในสายตาของชาวตะวันตกแต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีผลอะไรมากนักในสายตาของชาวเอเชีย “โอ้ หญิงสาวที่ดูแข็งแรงคนนั้น… โชคดีที่ทีน่าไม่เป็นแบบเธอ…”
จางลี่เฉินเดินตรงไปหาหญิงสาวขณะพึมพำกับตัวเอง
เสียงของเขาไม่ได้ดังมากและสภาพแวดล้อมโดยรอบก็ค่อนข้างเสียงดัง ทว่าหญิงสาวที่ชื่ออลิซก็มีประสามสัมผัสไวมากดังนั้นจางลี่เฉิงจึงเสร็จสิ้นกับความคิดเห็นที่เขามีต่อเธอลงไปในทันทีที่เธอจ้องมองมา
หลังได้จ้องตากับหญิงสาวแล้วจางลี่เฉินก็เริ่มรู้สึกเสียใจกับการพูดของตัวเองอย่างกระทันหัน อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่เขาได้พัฒนาขึ้นมาเป็นพ่อมดระดับ 5 และได้รับคาถา“ลดความซับซ้อน” มาเขาไม่จำเป็นต้องพึมพำคาถาเพื่อสั่งการพ่อมดของเขาอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะของความมีเหตุและผลแบบสัมบูรณ์เขาจึงไม่ได้เอ่ยปากขอโทษเธอออกไปแต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจและเลือกที่จะถามว่า “คุณคืออลิซใช่ไหม?”
“ใช่”
“ผมคือเพื่อนทีน่า และเป็นเจ้าของชื่อที่คุณเขียนอยู่บนแท็บเล็ตนี้ด้วย”
“โอ้ งั้นหรอกเหรอ? งั้นก็ไปกันเถอะ” ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มพูดว่า “โชคดีที่ทีน่าไม่เป็นแบบเธอ…” หญิงสาวก็พอรู้ตัวตนของจางลี่เฉินได้ก่อนจะหันหลังออกจากสนามบินไปในทันทีเมื่อพูดจบ
มันยากสำหรับจางลี่เฉินที่จะเข้าใจว่าความผิดพลาดของเขานั้นร้ายแรงเพียงใดกับการใช้คำว่า “ดูดี” เพื่ออธิบายหญิงสาวที่ค่อนข้างหยิ่งคนนี้เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาและร่างกายของเธอ เขารู้สึกว่าการที่อลิซแสดงสีหน้าที่เย็นชาต่อเขาแบบนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะชดเชยให้กับความผิดพลาดของเขา
ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนจะเดินตามหลังหญิงสาวไปแล้วพูดว่า “ทีน่าบอกว่าคุณจะช่วยผมจัดการทุกอย่างที่โฮโนลูลู คุณช่วยพาผมไปที่โรงแรมที่ดีที่สุดของที่นี่เพื่อเก็บกระเป๋าเดินทางของผม…”
“โรงแรมดี ๆ ทั้งหมดของที่นี่เต็มหมดแล้วสำหรับฤดูกาลนี้…” อลิซตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นเรื่องยากสำหรับชายร่างผอมที่กำลังติดตามเธอจากด้านหลังซึ่งดูไม่มีท่าทีเสียใจต่อคำพูดตัวเองเลย
“แต่เพราะทีน่ารู้ว่าผมกำลังจะมาหาเธอก็น่าจะจองห้องพักโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองนี้ให้ผมไว้แล้วไม่ใช่หรอ?”
อลิซนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง “เหอะ ใช่! นายพูดถูก! เธอได้จองห้องพักที่โรยัลฮาวายเอี้ยนไว้ให้นายแล้ว”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันพวกเขาก็ค่อย ๆ เดินออกจากสนามบินไป ในทันใดนั้นจางลี่เฉินก็รู้สึกถึงแดดแรง ๆ ที่ปะทะเข้ากับใบหน้า โชคดีที่อุณหภูมิของสภาพแวดล้อมกลางแจ้งของโฮโนลูลูนั้นเย็นกว่าที่เขาคาดไว้มาก แม้ว่าดวงอาทิตย์จะแผดเผาอย่างแรกแต่มันก็รู้สึกร้อนแค่เพียง 30 องศาเท่านั้น
ชายหนุ่มสูดอากาศชื้นที่อบอุ่นและเค็มเล็กน้อยซึ่งเป็นลักษณะของเกาะเขตร้อน เขาวางมือบนที่พักพิงและถามว่า “รถของคุณอยู่ที่ไหนล่ะอลิซ? คุณสามารถขับมาตรงนี้ได้ไหม”
เหตุผลที่จางลี่เฉินร้องขอเช่นนั้นเป็นเพราะเขาเพิ่งเดินลงจากเครื่องบินและถือกระเป๋าเดินทางของเขามาด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามอลิซที่มีความประทับใจครั้งแรกกับจางลี่เฉินไม่ค่อยดีนักเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเขาอีกเธอจึงรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังปฏิบัติต่อเธอในฐานะคนขับรถรับจ้างมากกว่าสถานะเพื่อนของเพื่อนเขา
“นายควรจะเดินไปที่รถพร้อมกันกับฉัน” หญิงสาวตอบขณะพยายามระงับความโกรธของตัวเอง
เมื่อเห็นการแสดงออกที่รุนแรงของเธอจางลี่เฉินก็ตอบกลับไปว่า “ก็ได้!” ก่อนจะตามเธอไปยังลานจอดรถนอกสนามบิน หลังจากเดินไปสักพักหนึ่งพวกเขาก็หยุดชะงักต่อหน้าโฟล์คสวาเกน บีเทิลสีชมพู
“ดูเหมือนรถคันนี้จะเก่ามาก…” ชายหนุ่มตบหลังคารถขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรเพิ่มเติม “หญิงสาวที่สามารถขับรถคันนี้จะต้องเป็นคนที่มีรสนิยมมากแน่… ” และทันใดนั้นอลิซก็เปิดประตูเข้าไปยังที่นั่งคนขับโดยไม่ทันฟังจนจบว่าเขาจะพูดอะไร
“ฉันรู้ว่ารถของฉันเก่ามากแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองและสามารถอยู่ในรีสอร์ทระดับห้าดาวได้ทุกครั้งที่ไปเที่ยวพักผ่อน! ขึ้นรถมิสเตอร์จางลี่เฉิน! ฉันจะไปส่งที่โรยัลฮาวายเอี้ยนโลกที่นายคุ้นเคย!”
จางลี่เฉินที่ตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งก็ขึ้นไปนั่งบนที่นั่งผู้โดยสารถัดจากที่นั่งคนขับโดยไม่ได้อธิบายอะไรและตัดสินใจที่จะผูกมิตรกับผู้หญิงคนนี้อีกทีหลังจากที่เขาไปถึงโรงแรม
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ตามลำพังอลิซก็ขับรถออกจากลานจอดรถของสนามบินโฮโนลูลูเพื่อไปตามถนนในฮาวาย
ระหว่างทางจะมีรูปปั้นผิวดำของผู้นำชนพื้นเมืองที่สวมผ้าลินินสี ๆ พร้อมกับสวมหมวกหนังซึ่งสามารถมองเห็นได้ที่ด้านหน้าอาคารสไตล์อังกฤษที่ล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าสีเขียวถัดจากถนน
หลังจากผ่านตึกสูงระฟ้าหลายแห่งเขาก็สามารถเห็นพ่อค้าขายของเดินอยู่ริมถนนที่ขายหุ่นและไม้แกะสลักแปลกตา
จากทางแยกไฟแดง ทิวทัศน์ในระยะทางด้านข้างของเขาคือท้องฟ้าสีฟ้าคราม อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกเขาขับรถผ่านทางแยกสิ่งที่เขาเห็นต่อไปก็คือสุสานที่เต็มไปด้วยไม้กางเขน
เมื่อได้ลองสังเกตเมืองที่แปลกประหลาดแห่งนี้ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรดึกดำบรรพ์ของชาวพื้นเมืองเมื่อ 200 ปีก่อนแต่ปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองหลวงที่อายุน้อยที่สุดของประเทศที่พัฒนาแล้วที่สุดในโลก จางลี่เฉินรู้สึกว่าโฮโนลูลูเป็นเมืองที่มีอารยธรรมมากมายที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอยู่ตลอด
และสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่เชื่อมโยงกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ