The Great Worm Lich - ตอนที่ 143
คนแปลกหน้าที่พวกเขาเจอบางคนก็สวมชุดเกราะหนัก ๆ บางคนก็คลุมตัวด้วยผ้าคลุมสีดำ บางคนย่างก้าวด้วยการลงน้ำหนักเต็ม ๆ ขณะที่บางคนก็เดินเพียงเบา ๆ ราวกับสายลมพัดผ่านขณะเดินออกจากป่า จางลี่เฉินกำมือของเขาแน่น ทั่วทั้งตัวเขากำลังรู้สึกประหม่าและตื่นตัว
อลิซไม่ได้มีท่าทีแปลกใจเท่าไหร่กับการเจอคนแต่งตัวประหลาด ๆ แบบนี้เพราะโฮโนลูลูเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ผสมผสานวัฒนธรรมหลายวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน แม้ว่ามันจะดูเป็นความคิดที่สร้างสรรค์เอามาก ๆ กับการแต่งตัวเป็นอัศวิน นักเวทและอื่น ๆ เพื่อมาตั้งแคมป์ปิ้งบาร์บีคิวแต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่สำหรับชาวฮาวาย
“เฮ้ กำลังเล่นซ่อนหากันอยู่หรอพวก? ว้าว เป็นชุดที่เยี่ยมไปเลยนะเนี่ย! แต่มันดูเหมือนจะร้อนไปสักหน่อยไหมนะ โชคดีที่พระอาทิตย์กำลังตกดินแล้วเพราะงั้นก็คงไม่ร้อนกันเท่าไหร่หรอกใช่ไหม?…” ชาร์ล็อตต์และคาร์ไมน์แสดงความคิดเห็นอย่างสนุกสนานขณะเดินไปตามเส้นทางในป่า พวกเขาทักทายคนแปลกหน้าด้วยเรื่องตลกราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขาที่ทำเป็นปกติ
ในตอนนั้นเองสองสาวนางแบบก็กลับมาให้ความสนใจที่จางลี่เฉินกันอีกครั้ง แอชลีย์เริ่มต้นบทสนทนากับเขาด้วยเสียงที่นุ่มนวลกว่าเดิมว่า “ว้าว มิสเตอร์ลี่เฉิน คุณเป็นคนที่น่าทึ่งมาก! คุณสามารถตั้งโรงงานขนาดนั้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ … เอะ ทำไมคุณเหงื่อออกมากขนาดนี้ล่ะ? ให้ฉันช่วยอะไรคุณไหม?”
ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เข้าใจว่าเธออาจทำร้ายศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเมื่อถามชายหนุ่มออกไปแบบนั้นแต่เธอรู้ว่าชายหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ช่วงชีวิตวัยรุ่นสามารถสร้างรายได้มากกว่า 100 ล้านต่อปีไม่อาจเป็นคนธรรมดาเหมือนที่ตัวเขาเป็นไปได้
หากเธอต้องการตีสนิทกับเขาให้ได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อสร้างมิตรภาพและมีความสัมพันธ์ต่อกัน วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเธอคือการริเริ่มไล่ตามเขาอย่างรุนแรงและทำอย่างเดิมซ้ำ ๆ โดยไม่ปิดบังความสนใจที่เธอมีลงเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่แอชลีย์ไม่ได้พยายามจะจีบจางลี่เฉินเพื่อความสัมพันธ์อย่างนั้นแต่อีกด้านหนึ่งทั้งชาร์ล็อตต์และคาร์ไมน์ต่างก็เริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเมื่อพวกเขาได้เห็นกลุ่มคนคอสเพลย์ที่มาตั้งแคมป์เมื่อครู่นี้ถอดหมวกที่ใส่มาออกพร้อมเผยให้เห็นใบหน้าที่เป็นสีดำทางด้านซ้ายในขณะที่มีจุดด่างดำสีเขียวอยู่ทางด้านขวาพร้อมจ้องมองมาที่พวกเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว
“โอ้ เวร! เอ่อ ผมหมายถึง เซอร์ เราไม่ได้คิดร้ายอะไร! พวกเราเพียงแค่ล้อเล่นกันเป็นปกติแบบที่เรา เอ่อ เราเสียใจมากที่…” เมื่อแสงอันรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชาร์ล็อตต์ยืนกลืนน้ำลายขณะพยายามฝืนปั้นยิ้มขึ้นบนใบหน้าภายใต้แสงสลัว
คำตอบที่เขาได้รับกลับมาคือควันสีเขียวจาง ๆ ไร้กลิ่นซึ่งกระเด็นออกมาจากปากของชายร่างผอม
ควันสีเขียวลอยเข้าจมูกของชาร์ล็อตต์ในทันที เขาอ้าปากค้างราวกับพยายามตะโกนอะไรบางอย่างด้วยความกลัวทว่าเขากลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลยสักคำ
จากนั้นผิวของเขาเริ่มเปลี่ยนจากสีน้ำตาลสุขภาพดีมาเป็นสีเขียวอ่อน ไขมันในร่างกายของเขาเริ่มไหลออกมาจากรูขุมขนและเริ่มไหลหยดลงบนพื้น ในท้ายที่สุดเขาเป็นเหมือนกับเทียนไขที่น้ำตาเทียนหยดไหลงลงตัวเรื่อย ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงไปกับพื้นเป็นกองเนื้อเน่า ๆ
“โอ้ ไม่นะ ไม่ ๆ ๆ!!” จอร์จินาที่เห็นแฟนหนุ่มของตัวเองล้มลงไปกับพื้นก็รีบโยนข้าวของในมือเธอทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เธอคุกเข่าลงไปกับพื้นเพื่อนโอบศีรษะของแฟนหนุ่มที่ละลายไปเกือบครึ่งขึ้นมา ในไม่ช้าผิวของเธอก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนจากนั้นร่างกายก็เธอก็เริ่มหลอมเหลวและกองไปอยู่ที่พื้นเหมือนกับแฟนหนุ่ม
ทุกคนที่ได้เห็นเช่นนั้นต่างก็พากันกรีดร้องอย่างสุดความสามารถกับภาพสยดสยองที่ได้เห็น มีเพียงจางลี่เฉินเท่านั้นที่กำลังแบกเป้ขนาดใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตายก่อนจะก้มตัวลงบนพื้นพร้อมกับกุมหัวไว้ด้วยมือของตัวเอง
จากนั้นก็มีเสียงโหยหวนร้องทักทายขึ้นมาจากคนที่มีจมูกและปากทรงกว้างพร้อมท่าทางบ้าดีเดือด เขาเป็นชายร่างใหญ่ที่มีความรุนแรงชวนให้ความรู้สึกเหมือนสิงโต
ราวกับกำลังตัดฟาง คนที่โดนโจมตีลำดับต่อมาก็คือเชลซีตากล้องของสองนางแบบและคาร์โรไลน์นางแบบสาวที่มาจากแอลเอพร้อม ๆ กับบอนนี่ที่ถูกแยกตัวออกเป็นสองส่วนจนทำให้เลือดสดกระจายไปทั่วทุกมุม
เลือดที่กระเซ็นไปทั่วทุกที่ในไม่ช้าก็ทำให้ทุกคนเงียบสงบ
เส้นทางเดินป่ากลายเป็นความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงร้องไห้จาง ๆ ที่ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนเท่านั้นที่ได้ยิน
ในตอนนั้นเองชายชราหลังค่อมผู้ถือหนังสือด้วยมือทั้งสองข้างก็ก้าวออกมาตรงกลาง ผมตรงกลางศีรษะของเขาถูกโกนออก
เขามองไปที่อลิซ แอชลีย์และคนอื่น ๆ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ก่อนจะเปิดหนังสือในมือของเขาออก
เสียงต่ำ ๆ ของชายชราดังก้องอยู่ในป่า ซากของเหยื่อทั้งห้าซึ่งได้แก่ชาร์ล็อตต์ จอร์จินา และอีกสามคนบนพื้นเริ่มก่อตัวรวมกันเป็นเงามนุษย์ที่มีรูปร่างบิดเบี้ยว
เงานี้เป็นเหมือนหมอกควันสีดำที่ดูเหมือนกับกำลังดิ้นรนด้วยพลังทุกอย่างที่พวกเขามีเป็นครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดพวกเขาก็ถูกดูดเข้าไปโดยหนังสือเล่มใหญ่ในมือของชายชรา
เมื่อเงามนุษย์ถูกกลืนหาย หน้าหนังสือขนาดใหญ่ก็เริ่มแสดงภาพเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดที่ชาร์ล็ออต์ จอร์จินา บอนนี้ เชลซี และคาร์โรไลน์ที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิต
ชายชราตระหนักได้ว่าบันทึกชีวิตของพวกเขานี้ประกอบไปด้วยเรื่องราวส่วนตัวเช่นความรักที่ยุ่งเหยิงหรือช่วงเวลาดี ๆ กับพ่อแม่และครอบครัว ด้วยความผิดหวัง เขาปิดตาของเขาและค่อย ๆ ปิดหนังสือราวกับว่าเขากำลังแบกภาระที่หนักอึ้ง
เมื่อหนังสือถูกปิด ภาพวาดของชาร์ล็อตและอีกสี่คนก็กลายเป็นหมอกควันที่ดูเหมือนเป็นคำภาษาอังกฤษลอยกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่งก่อนจะกระแทกเข้าร่างของนักฆ่าเหล่านั้น
หลังจากใช้เวลาประมาณสามถึงสี่นาทีในการปิดหนังสือให้สนิทสมบูรณ์ ในที่สุดชายชราก็เผยให้เห็นการแสดงออกที่สนุกสนานก่อนที่เขาจะพูดอย่างเหนื่อยล้าออกมาว่า “ ‘การตรัสรู้’ นี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปได้อย่างราบรื่น ในช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนครบทั้งหมดเก้าครั้ง เราจะสามารถใช้ภาษาของปีศาจเหล่านี้ได้อย่างอิสระตามที่เราต้องการ”
จากนั้นคำพูดของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสัญลักษณ์ของภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราแล้วชายผู้มีรูปร่างคล้ายสิงโตที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดึงดาบยาวของเขาออกมา “ระยะเวลาเพียงเก้าวันก็เพียงพอแล้ว ท่านนักปราชญ์ โลกนี้เป็นโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนต์จริง ๆ มันมีสัตว์ร้ายตัวยักษ์ที่มีความยาวลำตัวประมาณสี่สิบศอกวิ่งอย่างอิสระไปทั่วป่าซึ่งสามารถสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของมันได้อย่างชัดเจนโดยญาณทิพย์ของท่าน แม้ตัวข้าและหมอผีจะร่วมมือกันก็ไม่สามารถฆ่าพวกมันลงได้ ถึงอย่างนั้นเจ้าของโลกนี้ก็ช่างอ่อนแอจริง ๆ … ”
“อ่อนแอรึ? แคสเดีย เมื่อพวกเขาอยู่ในเครื่องจักรโลหะเหล่านั้นที่สามารถบินขึ้นไปในอากาศและวางระเบิดเพื่อฆ่าเพื่อนร่วมชาติของเจ้าไปหลายร้อยคนเจ้าคงไม่คิดว่าเขาอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน”
ชายร่างผอมที่มีใบหน้าสีเขียวและดำตั้งข้อสังเกต ด้วยความช่วยเหลือของแสงจันทร์เขามองดูเหยื่อที่ยังเหลืออยู่ “ท่านนักปราชญ์ เมื่อท่านเสร็จสิ้นการตรัสรู้แล้วท่านสามารถส่งเหยื่อพวกนี้ให้ข้าได้หรือไม่? ข้าอยากรู้โครงสร้างสมองของคนพวกนี้มากเหลือเกิน”
“หมอผียูลีนาส เราต้องทำความเข้าใจโลกของปีศาจเหล่านี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด นักโทษชุดแรกมีความสำคัญอย่างยิ่งดังนั้นข้าจึงไม่สามารถมอบคนพวกนี้ให้เจ้าได้ ต้องขอโทษเจ้าด้วย แคสเดีย นำพวกนักโทษเข้าป่าและสอบสวนพวกเขาแยกกัน”
เมื่อชายชราออกคำสั่ง นักรบก็เริ่มผูกตัวเหยื่ออย่างชำนาญด้วยเชือกหนา ๆ ที่พวกเขาเพิ่งทำมาจากเปลือกต้นไม้ก่อนที่จะแยกพวกเขาออกจากกันและลากเข้าไปในป่า
จางลี่เฉินที่มองว่าการยอมทำตามอย่างว่าง่ายไปก่อนตอนนี้คือวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว มือของเขาถูกผูกเข้าด้วยกันก่อนที่จะถูกลากเข้าไปในป่าบนพื้นดินโดยชายหนุ่มหัวล้านที่สวมเสื้อเกราะภายใต้ในเสื้อคลุมสีดำในขณะที่ถือคันธนูและลูกธนู
จางลี่เฉินยังคงนิ่งเฉยแม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่าเมานท์โทดที่อยู่ในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาสามารถขยายร่างเพื่อปกป้องผู้เป็นนายได้ถ้ามีใครบางคนมาทำร้ายนายของมัน แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดมันอาจตายไปพร้อมกับศัตรูได้
หลังจากที่จางลี่เฉินถูกลากเข้าไปในป่าลึกได้ระยะหนึ่ง ชายหนุ่มหัวโล้นก็คลายเชือกและหันหลังกลับมาอย่างนุ่มนวลเพื่อเลื่อนคันธนูลงจากไหล่ของตัวเองก่อนที่จะยิงธนูออกไปทางด้านหลังของจางลี่เฉิน
ลูกศรปัดไปทั่วคอของจางลี่เฉินแล้วก็เป้สะพายหลัง พลังที่แข็งแกร่งส่งชายหนุ่มบินออกและตรึงเขาไว้ที่ลำต้นของต้นสนขนาดใหญ่ที่มีความสูงสามสิบสี่เมตร เสียง “วู้ช” ของลูกธนูที่ดมชัดดังก้องเข้ามาในหูเขาได้ในทันที
จางลี่เฉินเคยผ่านสถานการณ์ชีวิตและความตายมาก่อนแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหมดหนทาง หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงดังก้องอยู่ในหู “ถ้าเจ้าคิดอยากลองหนีลูกธนูถัดไปจะทะลุผ่านหัวเจ้า หากเจ้าโกหกข้าจะแทงแขนขาทั้งสี่ของเจ้าลงบนต้นไม้โดยใช้ลูกธนูของข้า!”
ด้วยเสียงที่เหนื่อยหอบอย่างหนัก จางลี่เฉินคิดว่ามันคงเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปก่อน อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ถึงขั้นสิ้นหวังอย่างที่สุด เขาตอบอย่างสุจริตใจไปด้วยเสียงสั่น ๆ “เข้าใจแล้ว”
“ชื่ออะไร?”
“จางลี่เฉิน”
“อาชีพ?”
“นักเรียนและเจ้าของโรงฆ่าสัตว์…”
ทันใดนั้นนักธนูหัวล้านที่มาจากโลกใบอื่นก็เอ่ยถามคำถามทั่วไปซึ่งจางลี่เฉินก็เลือกตอบไปตามความจริงทั้งหมด ขณะที่พวกเขากำลังสอบถามและตอบกลับโดยไม่มีข้อขัดข้องใด ๆ เสียงร้องโหยหวนจากในระยะไกลก็ดังก้องขึ้นมา
ชายหนุ่มผู้มีประสบการณ์มากมายในการฆ่าสามารถบอกได้ว่ามันเป็นเสียงร้องไห้ที่เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายของคาร์ไมน์เพราะลำคอของเขาถูกกรีดแทง ในตอนที่ดวงตาของเขากำลังแคบลงเขาก็ได้ยินนักธนูถามคำถามที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจ “เจ้าคิดว่าใครคือบุคคลที่ทรงพลังที่สุดบนโลกใบนี้”
“คนที่ทรงพลังมากที่สุด…ก็คือไอน์สไตน์, นิวตัน, ฮอว์คิง, และทูบาลิน แต่สองคนแรกได้จากไปแล้ว”
“ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?”
“นั่นก็เพราะไอน์สไตน์คิดค้นทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปได้ ซึ่งตัวผมไม่เข้าใจทฤษฎีนี้จริงๆ แต่ก็มีการกล่าวไว้ว่าทฤษฎีนี้สามารถอธิบายปัญหาที่ยากที่สุดในโลกนี้ได้ ในทางกลับกันนิวตันก็วางรากฐานของฟิสิกส์ยุคใหม่ ฮอว์คิงใช้หนังสือ“ประวัติย่อของกาลเวลา” เพื่อคาดเดาต้นกำเนิดของจักรวาลอย่างกล้าหาญ และทูบาลินที่ได้คาดเดาการมีอยู่ของพวกคุณ…”
“เจ้าพูดว่าอย่างไร?” ประโยคสุดท้ายของจางลี่เฉินทำให้หัวใจของนักธนูตกตะลึง ในช่วงเวลาแห่งความว้าวุ่น ปากสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีฟันคล้ายกับแท่งเจาะที่แหลมคมก็ระเบิดตัวออกมาจากความมืด
นักธนูหนุ่มผู้มั่นใจในความจริงที่ว่าเขามีหูที่คมชัดและดวงตาที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในตอนกลางคืนได้ยินเสียงกระพือปีกของแมลงนับร้อยก็ก้าวถอยออกไปโดยสัญชาตญาณเมื่อรู้สึกว่าภัยอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ ด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออกเขารีบเบี่ยงตัวออกไปด้านข้างด้วยการเกลือกกลิ้งลงไปกับพื้น
ในขณะที่เขากำลังจะหนีออกจากปากของสัตว์ร้าย หัวสัตว์ขนาดยักษ์ก็เติบโตขึ้นเป็นสิบเท่าจากขนาดเดิม ปากของมันพุ่งไปข้างหน้าโดยตรง มันปิดปากขณะกลืนนักธนูเข้าไปในท้อง