The Great Worm Lich - ตอนที่ 151
ทันทีที่คาเรนลินนิสจู่โจมแบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัวและจบชีวิตแฟนหนุ่มของชีล่าด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแล้ว สายตาของเธอที่เปล่งประกายเป็นสีแดงสลัวมองผ่านทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทั้งหมดไปอย่างไร้อารมณ์ พวกเขาตกใจกันมากจนแม้แต่เสียงกรี๊ดร้องก็ไม่กล้าเปล่งออกมา
การกระทำของนักรบสาวสร้างความหวาดกลัวและสยองขวัญให้แก่ทุกคนบนโต๊ะเป็นอย่างมาก เว้นก็แต่จางลี่เฉินที่ยังคงมีท่าทีสงบนิ่งไม่หวาดกลัวใด ๆ ด้วยคาถาที่เขาร่ายอยู่ในใจเขากลับมีความสุขขึ้นมาแทน
ในที่สุดเขาก็มั่นใจได้แล้วว่าไม่เพียงแต่เขาที่คิดว่าคู่ต่อสู้จะคาดเดาไม่ได้และต้องปฏิบัติอะไรก็ตามไปด้วยความระมัดระวังเท่านั้นแต่นักปราชญ์อัลท์แมนก็กำลังคิดแบบเดียวกัน
นักปราชญ์ที่มาจากโลกเหนือธรรมชาติและหมอผีประหลาด ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ จงเกลียดจงชังจางลี่เฉินมากจนความรู้สึกนั้นได้ไปกระตุ้นพลังพ่อมดในตัวของชายหนุ่มจนเดือดพล่านแต่พวกเขาก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉยเพื่อทดสอบชายหนุ่มด้วยคำพูดต่อ
เห็นได้ชัดว่าในหัวของสองคนนี้กำลังคิดว่าเขา จางลี่เฉินคนนี้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยท่าทีอวดเก่งอีกทั้งยังดูสดใสเริงร่าซึ่งมาพร้อมกับสุนัขตัวใหญ่ที่ฆ่าเหล่านักรบทรงพลังของเขา แคสเดีย – อาวุธหลักที่ทั้งเก่งทั้งการโจมตีและป้องกัน โอวิดิสเต้ – ผู้บ้าบิ่นที่กระตือรือร้นในการโจมตีด้วยความรุนแรง เอฟเฟอร์มิน – นักธนูผู้เก่งกาจในการโจมตีระยะไกล เมื่อรวมความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสามและใบหน้าซีดเซียวอ่อนแอของจางลี่เฉินเมื่อวานนี้แล้วพวกเขาสามารถอธิบายได้เพียงว่าจางลี่เฉินคือปริศนาที่ยากจะหาคำตอบ
ตอนนี้ชายหนุ่มได้แยกความคิดของตัวเองออกเป็นที่ชัดเจนเรียบร้อยแล้ว เขารู้แล้วว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ตามอีกต่อไป มีนักรบที่เหลืออยู่อีกเพียงคนเดียวที่คอยปกป้องอัลท์แมนและยูลีนาสในขณะที่เขามีสัตว์อาคม 3 ตัวเพื่อป้องกันตัวเอง
การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยาของมนุษย์นั้นช่างลึกซึ้งมากเหลือเกิน เนื่องจากความระมัดระวังของศัตรูทำให้ความมั่นใจของจางลี่เฉินเพิ่มขึ้นอย่างมาก หัวใจของเขาหมุนวน 180 องศาเมื่อความคิดที่กล้าหาญประกายอยู่ในใจ
“นักปราชญ์อัลท์แมน ผมเข้าใจความโหดร้ายและความแข็งแกร่งของคุณที่มาจากโลกเหนือธรรมชาติได้เป็นอย่างดีจากเมื่อคืนที่ผ่านมาดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องใช้การฆ่าเพื่อเพิ่มความประทับใจในตัวพวกคุณอีกแล้วก็ได้ บอกผมโดยตรงถึงความต้องการของพวกคุณที่ต้องการตัวผมหลังลักพาตัวทีน่ามาเสียที”
“ข้าเคยบอกเจ้าไปก่อนหน้านี้แล้วว่าข้าต้องการออกจากเกาะนี้”
“ง่ายมาก โอวาฮูมีฐานทัพด้วยกัน 4 แห่งแต่กองทัพสหรัฐฯจะไม่ปิดพื้นที่เกาะทั้งหมดเพื่อจำกัดการเดินทางของนักท่องเที่ยวเว้นแต่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายถึงขั้นสุด เนื่องจากพวกคุณทุกคนสามารถเข้าเมืองโฮโนลูลูและสามารถกินอาหารค่ำในโรงแรมระดับห้าดาวเช่นโรงแรมรอยัลฮาวายเอียนได้โดยไร้ซึ่งความกังวลนั่นก็หมายความว่า…”
ชายหนุ่มจับสุนัขตัวใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ขณะพูดด้วยความมั่นใจ เมื่ออัลท์แมนและอีกสองคนมอบความสนใจทั้งหมดมาให้เขา ทันใดนั้นเขาก็รีบเปลี่ยนท่าทางด้วยการออกคำสั่งมือตามที่ครูฝึกสุนัขจากร้านขายสัตว์เลี้ยงสอนมาเพื่อโจมตี
มาสทิฟฟ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดไม่เคยมีความลังเลในการลงมือ ขณะที่ชายหนุ่มทำท่าทางมันก็ออกตัวพุ่งไปข้างหน้าตามคำสั่งทันที ด้วยความแข็งแกร่งมันพลิกคว่ำโต๊ะอาหารทั้งโต๊ะเมื่อพุ่งเข้าหาตัวคาเรนลินนิส
ท่ามกลางความหวาดกลัวและความตกใจ นักรบหญิงแสยะยิ้มอย่างเย็นชา เธอไม่ได้ป้องกันหรือโต้ตอบแต่กลับดึงทีน่าขึ้นมาขวางข้างหน้าแทน
สุนัขตัวใหญ่พุ่งเข้าหาทีน่าจนทำให้หญิงสาวร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เมื่อคาเรนลินนิสที่อยู่ข้างหลังกำลังยิ้มเยาะให้จางลี่เฉินทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าร่างกายของสุนัขตัวใหญ่นี้ได้ระเบิดแตกตัวออกกลายเป็นแมลงหลายร้อยตัวที่มีแท่งเหล็กในยาว
เมื่อแมลงเหล่านั้นฉีกร่างสุนัขตัวใหญ่ พวกมันก็รีบกางปีกออกอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งใช้เหล็กในในตัวของพวกมันแทงไปที่มือของนักรบหญิงที่ยึดร่างทีน่าเอาไว้
แม้จะเป็นช่วงวิกฤตแต่คาเรนลินนิสก็ไม่ได้มีท่าทีลุกลี้ลุกลนแต่อย่างใด มือซ้ายของเธอโบกสะบัดเบา ๆ ราวกับไม่ได้มีอะไรหนัก ๆ อยู่ในมือก่อนจะใช้ร่างของทีน่าเป็นเกราะป้องกัน ดาบขนาดเท่ามีดตัดอาหารหลุดออกมาจากแขนเสื้อของเธอและในไม่ช้ามันก็แทงทะลุแมลง 3 ตัวไปภายในพริบตา
อย่างไรก็ตามเหล่าแมลงทั้งหลายเริ่มล้อมรอบตัวเธออย่างใกล้ชิด ในเวลาเดียวกันเหล็กในจากแมลง 3 ตัวที่มีความยาวกว่า 100 เมตร จู่ ๆ ก็โผล่พรวดออกมาจากความมืดของชายฝั่งและแทงเข้าที่ด้านหลังของนักรบหญิงพร้อมสายลมที่หนักแน่น
แม้จะได้ยินเสียงลมพัดมาจากด้านหลังแต่คาเรนลินนิสก็ไม่ได้หันไปให้ความสนใจในทันที เธอยังคงวาดแขนเพื่อใช้แผนเดิมคือการใช้ทีน่าเป็นเกราะป้องกัน แต่นั้นเอง แมลงที่บินอยู่ตรงหน้าของนักรบหญิงได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็น 10 เท่า ท้องของพวกมันเต็มไปด้วยคลั่งเลือดก่อนที่จะระเบิดออกอย่างเงียบ ๆ
ชั่วพริบตา การระเบิดสุญญากาศก็เกิดขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าพร้อมกับฉีกร่างของคาเรนลินนิสออกเป็นชิ้น ๆ
โครงกระดูกที่แตกหักไม่สามารถรับน้ำหนักสมองและอวัยวะอื่น ๆ ของเธอได้อีกต่อไปเช่นเดียวกับที่ร่างกายของเธอค่อย ๆ กลายเป็นเศษซากและทรุดตัวลงไปกับพื้น ทีน่าถูกกรงเล็บยักษ์ที่โผล่ออกมาจากที่ไหนสักแห่งคว้าตัวไว้พร้อมกับทริชและชีล่าก่อนจะถูกนำตัวไปวางไว้ที่ไหนสักแห่งที่ปลอดภัย
จางลี่เฉินที่เสียสละสุนัขตัวใหญ่เพื่อจู่โจมคาเรนลินนิสทรุดตัวลงไปกับพื้นและสั่งให้เมานท์โทดขยายตัวออกจากกระเป๋าเพื่อกำบังตัว
หลังจากโจมตีคาเรนลินนิสเสร็จเขาก็สั่งให้เหล่าแมลงหันไปจู่โจมอัลท์แมนและยูลีนาสผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเมานท์โทดต่อ
“อัลลีซีอุส…” พลิกหนังสือหนัก ๆ ในมืออย่างต่อเนื่อง อัลท์แมนอัญเชิญนักรบ โล่บินและกำแพงอากาศแข็งแกร่งที่เขาวาดลงบนหน้ากระดาษโดยใช้นิ้วของเขาเป็นหมึกพลังแห่งวิญญาณในการปิดกั้นลิ้นเหนียว ๆ ของสัตว์อาคม เขาต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขาม เมื่อเห็นกองทัพแมลงระเบิดเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนำหมากรุกที่ซ่อนอยู่ของเขาออกมาเข้าร่วมในการต่อสู้
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเขา ชายร่างใหญ่ที่มีผิวสีเขียวที่ผสมตัวอยู่ในหมู่นักท่องเที่ยวที่กำลังหวาดกลัวก็หยิบโล่และดาบยาวที่ฝังอยู่ในทรายขึ้นมาก่อนจะปรากฏตัวต่อหน้าอัลท์แมนเพื่อบังร่างเขาในคราวเดียว
ขณะนั้นเสี่ยงหึ่ง ๆ ที่น่ากลัวก็ดังก้องออกมาจากขอบฟ้าที่ห่างไกล ไม่กี่วินาทีต่อมากลุ่มหมอกสีเข้มที่เต็มไปด้วยแมลงบินเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งก็ได้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวบนชายหายส่วนตัวของทางโรงแรม
“ไปกันเถอะ” โดยไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองซ้ำ อัลท์แมนรู้ว่าใครเป็นผู้นำแมลงบินกลุ่มกระหายเลือดเข้ามาใกล้ชายหาด หลังจากเขาแยกแยะความแตกต่างระหว่างพละกำลังของพวกเขาได้แล้วเขาก็ตะโกนร้องเสียงดังก่อนจะดึงปีกจากแมลงลงบนหน้ากระดาษแล้วให้มันเติบโตบนยูลีนาส อัลลีซีอุสและเขาที่เข้าใจในความเป็นจริงก่อนจะบินขึ้นฟ้าไป
อย่างไรก็ตามจางลี่เฉินผู้ซึ่งพลิกสถานการณ์ไปได้แล้วโดยสิ้นเชิงไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้ค้างคาไว้แบบนี้ เขาสั่งให้กองทัพแมลงบินขึ้นเหนือเมฆเพื่อไล่ตามพวกเขาไปบนฟ้าในทันที
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้ อัลลีซีอุสผู้ซึ่งเป็นเหมือนอาวุธหลักเหมือนกับแคสเดียได้เปลี่ยนเกราะกลมในมือของเขาเป็นป้อมปราการพยาบาทก่อนจะโค้งคำนับเป็นครั้งสุดท้ายให้อัลท์แมน “ท่านนักปราชญ์ ขอให้ข้าได้ปกป้องท่านเป็นครั้งสุดท้าย”
จากนั้นเขาก็บินขึ้นลงเพื่อสกัดกั้นแมลงบินนับไม่ถ้วนในนามสหายของเขา
เมื่อถึงเวลา นักรบล้มไปบนชายฝั่งพร้อมอาการบาดเจ็บสาหัสก่อนจะถูกสัตว์อาคมกลืนกิน อัลท์แมนและยูลีนาสไม่ลังเลที่จะเสียสละอัลลีซีอุสขณะที่พวกเขาพยายามหลบหนี ในที่สุดพวกเขาก็สามารถหลบหนีไปในยามค่ำคืนท่ามกลางความมืดอันไร้ขอบเขตได้สำเร็จ
หลังจากที่ศัตรูสามารถหลบหนีออกไปได้แล้วจางลี่เฉินก็สั่งให้เมาน์โทดกระโดดลงไปในทะเลก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “พวกนั้นหนีไปได้ … เห้อ ถ้ามีโครโคดราก้อนที่สามารถบินตามไปได้ก็น่าจะฆ่าคนพวกนั้นได้เสร็จภายในคืนนี้แล้วเชียว”
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค่อย ๆ หาหนทางที่จะไปถึงทีน่าและอีกสองคนท่ามกลางกลุ่มแมลงที่กำลังบินอยู่ไปทั่วทุกแห่ง
“ทีน่า คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ฉันไม่เป็นไรลี่เฉิน ฉันโอเค สบายมาก! ฉัน..ฉันจำได้แล้ว การเผชิญหน้ากับความน่ากลัวที่อเมซอน เมานท์โทดและโครโคดราก้อนของนาย … แล้วคนพวกนั้นคือใคร? ทำไมพวกเขาถึงบิดได้เหมือนซุปเปอร์แมน? และ และพวกเขาก็แข็งแกร่งมาก มันคืออะไรกันแน่ มันเหมือนกับฉาก ๆ หนึ่งจากภาพยนตร์…”
“พวกเขามาจากอาณาจักรเหนือธรรมชาติที่เป็นโลกอื่น ลืมมันไปซะเถอะ มันไม่ได้สำคัญอีกต่อไป ไว้ผมจะอธิบายเรื่องราวอีกครั้งในภายหลังก็แล้วกัน ตอนนี้สิ่งสำคัญคือเราต้องออกจากโอวาฮูกันทันที 2 คนที่หลบหนีไปได้ไม่มีทางที่จะถอยกลับแน่ดังนั้นตอนนี้มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไร”
“ฉันมีใบอนุญาตขับเรือยอร์ชและเรือยอร์ชจอดอยู่ที่ท่าเรือฮานาลี…”
“งั้นเราจะมัวรออะไรกันอยู่อีกล่ะ?”
“อลิซล่ะ…”
“เธอคงตายไปแล้ว พร้อมกับคนที่นี่ที่พวกคุณรู้จัก คาถาของยูลีนาสได้ฆ่าเธอและผู้บริสุทธิ์บนชายหาดไปมากมาย เราควรไปกันได้แล้วทีน่า คงเป็นเรื่องยากที่เราจะออกไปจากที่นี่ได้ถ้าตำรวจมาถึง”
เมื่อพูดเช่นนั้นจบเขาก็คว้าข้อมือของทีน่าแล้วรีบวิ่งพาเข้าไปในโรงแรมรอยัลฮาวายเอียนพร้อมกับทริชและชีล่าที่ยังไม่หายจากอาการตกใจดีทันที
คิวเข้าแถวยาวถูกสร้างขึ้นที่แผนกต้อนรับในล็อบบี้ พวกเขาทั้งหมดกำลังรอแขกเช็คเอาท์ เห็นได้ชัดว่าฉากแปลกประหลาดบนชายหาดทำให้หลายคนต้องหวาดกลัว
เมื่อรู้สึกว่าเวลาเช็คเอาต์ใช้เวลานานเกินไปแล้วจางลี่เฉินก็ได้พาสามสาวผ่านฝูงชนที่ตื่นตระหนกเพื่อเดินออกจากโรงแรมไปอย่างรวดเร็วก่อนจะโบกรถแท็กซี่ที่ถนนแทน ทั้ง 4 คนรีบไปที่ท่าเรือฮานาลีซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโฮโนลูลูไปทางตะวันตกประมาณ 13 กิโลเมตร
…
ภายในป้อมปราการที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่สุดของกองทัพสหรัฐฯในมหาสมุทรแปซิฟิกที่ทำจากปูนซีเมนต์และเหล็กหลายพันล้านตันในฐานทัพเรือเพิร์ลฮาร์เบอร์ นายทหารวัยกลางคนที่มีรูปร่างผอมเพรียวและใบหน้าธรรมดาที่มีสายตาสง่างามและเฉียบแหลมกำลังก้าวเข้าสู่สำนักงานของผู้บัญชาการกองเรือสหรัฐฯแปซิฟิก เขาไม่สนใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำความเคารพเขาบนทางเดินกว้างขวางที่เปิดไฟสว่างแต่อย่างใด
“พลตรีเมเกอร์ พลเอกออร์ดี้กำลังประชุม…” เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานผู้บัญชาการลุกขึ้นยืนอย่างรีบเร่งพร้อมพูดอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาจากที่ไกล ๆ
“บอกให้ท่านพักการประชุมเอาไว้ก่อน” เจ้าหน้าที่วัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าว่างเปล่าก่อนจะผลักเจ้าหน้าที่เฝ้าประตูให้ออกไปพ้นทางและผลักประตูเปิดไปที่สำนักงานโดยตรง “ชีวิตของทหารแนวหน้ามีความสำคัญมากกว่าการประชุมครั้งไหน ๆ”
ขนาดของสำนักงานไม่ได้ใหญ่มากนัก มีเพียงแผนที่มหาสมุทรแปซิฟิก แผนที่โลกและแผนที่อเมริกาที่ฉาบไว้บนผนังทั้งสามที่เต็มไปด้วยสีสัน ตัวห้องถูกตกแต่งด้วยสิ่งของขาวดำเช่นพื้นสีขาว คอมพิวเตอร์สีขาว โต๊ะทำงานสีดำ เก้าอี้สำนักงานสีดำและอื่น ๆ
เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดดังขึ้นมา ชายชราที่มีดาว 3 ดวงอยู่บนไหล่ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงานก็เงยหน้าขึ้นมอง หลังจากรอให้นายทหารวัยกลางคนพูดจบเขาโบกมือแล้วปล่อยให้นายทหารปิดประตูก่อนที่จะพูดอย่างสุภาพ “เมเกอร์ ฉันเคยเป็นผู้บัญชาการสนามรบด้วยเหมือนกันฉันจึงเข้าใจสิ่งที่นายรู้สึกอยู่ในตอนนี้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเราไม่ใช่พลเรือน ในฐานะทหารนายควรจำเอาไว้ว่าผลประโยชน์ของรัฐนั้นอยู่เหนือสิ่งอื่นใดและคำสั่งของหัวหน้าก็คือการกระทำอันสูงสุด”