The Great Worm Lich - ตอนที่ 155
“โอ้ เอ็ดเวิร์ดเพื่อนรัก! ฉันรู้ว่านายจะต้องไม่ลืมฉันและอิ่มอร่อยไปกับผลประโยชน์เพียงลำพัง ไม่ต้องห่วง คำเยินยอและการปกป้องผลผลิตคือสองสิ่งที่ฉันถนัดทำมากที่สุด ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครเรียกฉันว่าหมาของวอลล์สตรีทหรอกจริงไหม?” ชาร์ลีย์รับรองความสามารถของตัวเองกับเพื่อนสนิทด้วยความตื่นเต้น
ขณะเดียวกันจางลี่เฉินก็กำลังขับรถออกจากนิวยอร์กมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนชานเมืองด้วยเอกซ์พลอเรอร์ของเขา
เนื่องจากการก่อสร้างท่าเรือนิวยอร์กแห่งใหม่ทำให้ทางหลวงที่ขยายใหม่ดูเหมือนจะกว้างกว่าเดิมมาก ชายหนุ่มเพิ่มความเร็วการขับขี่โดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นไม่นาน แมทเทิลสโลว์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า
ประมาณหนึ่งในสิบของเก้าตารางกิโลเมตรบนพื้นดินเค็ม – อัลคาไลแห่งนี้กลายเป็นโรงงานที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดี ทุก ๆ วันจะมีรถบรรทุกหลายพันคันที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ของเหล่าสรรพสัตว์ถูกนำมาสังหารและจางลี่เฉินก็จะได้กำไรสุทธิตกวันละประมาณ 300,000 ดอลลาร์
เมื่อหันรถเข้าสู่ถนนคดเคี้ยวซึ่งนำไปทางเข้าสู่โรงงาน เอกซ์พลอเรอร์ก็หยุดอยู่ที่ด้านหน้าประตูทางเข้าพร้อมหน้าต่างรถที่ถูกเลื่อนลง ชายหนุ่มยื่นหัวออกไปถามว่า “สวัสดียามบ่าย คนจากสหภาพเกษตรกรแห่งชาติมาถึงนี่แล้วหรือยัง?”
แม้ว่าโรงฆ่าสัตว์ LS จะใช้ระบบจัดการที่ต้องดำเนินการด้วยตัวเองแต่ขนาดของโรงงานในตอนนี้ได้มาถึงจุดที่เขาต้องจ้างพนักงานหลายร้อยคนเพื่อสนับสนุนการทำงานให้มันเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม
หลังจากได้จ้างคนงานเกินกว่าสิบคนจางลี่เฉินก็ไม่สามารถจำชื่อคนงานใหม่ ๆ ได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามในฐานะหัวหน้าใหญ่ของบริษัท เขายังคงจดจำใบหน้าของพนักงานแต่ละคนไว้ในใจของเขาอยู่เสมอ
“ยังเลยครับมิสเตอร์จาง ต้องการให้ผมแจ้งเลขาของคุณเพื่อโทรไปย้ำเตือนพวกเขาให้หรือไม่ครับ?” การสื่อสารกับหัวหน้าหนุ่มผู้เป็นตำนานของบริษัทเป็นครั้งแรกทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัยหนุ่มคนนี้ค่อนข้างกังวลในการจะพูดคุยโต้ตอบด้วย
“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก เดี๋ยวเอารถไปจอดไว้ที่โรงงานให้ที ฉันว่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย”
แม้ว่าโรงฆ่าสัตว์ LS แห่งใหม่จะเป็นบริษัทที่ครองตลาดเฉพาะที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองทั้งหมด แต่จางลี่เฉินก็ยังคงให้ความสำคัญกับทุกสิ่งเป็นการส่วนตัว หลังจากได้มาอยู่ในความดูแลบริษัทขนาดใหญ่แห่งนี้มาเป็นเวลานาน ในตอนที่เขาพูดกับพนักงานของตัวเองแม้ว่ามันจะเป็นคำสั่งที่ดูอำเภอใจ แต่เขาก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติและเต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ
“ครับ มิสเตอร์จาง” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบพยักหน้าให้เจ้านายที่กำลังปิดหน้าต่างและลงจากรถของตัวเองก่อนจะเดินจากไป หลังจากหันไปบอกเพื่อนร่วมงานที่กำลังมองไปรอบ ๆ พื้นที่โรงงานเพื่อแสร้งทำเป็นตรวจสอบความเรียบร้อยด้วยท่าทีเคร่งขรึมต่อหน้าเจ้านายเสร็จแล้วเขาก็ขับรถของจางลี่เฉินเข้าไปจอดไว้ในโรงงานให้ในทันที
ชายหนุ่มที่โยนภาระการจอดรถไปที่พนักงานของตัวเองเสร็จก็ได้ออกมาเดินเลียบชายฝั่งเพื่อไปท่าเรือนิวยอร์กที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
ในสายตาของเขาท่าเรือนิวยอร์กดูเหมือนจะอยู่ติดกับโรงฆ่าสัตว์ LS แห่งใหม่มากแต่ในความเป็นจริงมันใช้เวลาประมาณ 10 นาทีกว่าจะถึงที่นั่นด้วยการเดิน
เป็นเรื่องดีที่ที่ดินรกร้างว่างเปล่าแต่เดิมแห่งนี้เรียบแบนมาอย่างเรียบร้อยทำให้การเดินทางของเขาเพื่อมาท่าเรือไม่เป็นปัญหาอะไร เมื่อมาถึงบริเวณรอบนอกของท่าเรือก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่ชายฝั่งที่ถูกขุดให้เป็นท่าเรือน้ำลึกด้วยความช่วยเหลือของเครื่องจักรกลขั้นสูง
ชายฝั่งที่กว้างใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยแท่งเหล็กเป็นกรอบล้อมโดยได้รับการเทและถูกหุ้มด้วยบล็อกซีเมนต์ทั้งหมด ดูเหมือนว่าการก่อสร้างท่าเรือจะมีรูปร่างมากยิ่งขึ้นหลังผ่านไปได้เพียงครึ่งปีของการก่อสร้าง
นอกเหนือจากชายหนุ่มที่มองอยู่ในระยะไกล ๆ นี้แล้วแล้วยังมีประชาชนอีกหลายสิบคนที่อยู่กันอย่างกระจัดกระจายขณะที่พวกเขานั่งอยู่นอกรั้วที่มีป้ายเตือนเขตการก่อสร้าง
ทุก ๆ ครั้งที่รัฐบาลประกาศจะสร้างโครงการสาธารณะขนาดใหญ่ก็จะมีประชาชนบางกลุ่มที่รู้สึกว่ารัฐบาลกำลังทำลายสภาพแวดล้อมดั้งเดิมหรือธรรมชาติของเมืองอยู่เสมอ พวกเขาจะพากันมาถือป้ายต่อต้านเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาว่างงาน
เมื่อพวกเขาเห็นจางลี่เฉินที่กำลังเดินเข้าไปด้วยท่าทางที่พวกเขาคิดว่าไม่ธรรมดา เหล่าบรรดาคนที่มาประท้วงก็เริ่มลุกขึ้นยืนและโบกป้ายในมือของตัวเอง
“นิเวศวิทยาต้องอยู่เหมือนเดิม…”
“การทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นเหมือนการสูญเสียทรัพย์สมบัติ…”
“เราเป็นผู้ปกป้องธรรมชาติ…”
… และคำขวัญอื่น ๆ ที่พวกเขาแสดงให้จางลี่เฉินอีกมากมาย
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้าอ่อนวัยของชายหนุ่ม พวกเขาบางคนก็พากันหัวเราะเบา ๆ ให้ตัวเองและกลับไปนั่งลงบนพื้นตามเดิม
ในทางกลับกันมีบางคนกำลังพูดขาชักชวนชายหนุ่ม “เด็กหนุ่มเอ๋ย เรามีโลกนี้แค่เพียงใบเดียวเท่านั้น รัฐบาลไม่ควรทำลายสภาพแวดล้อมของพวกเราแบบนี้ … ” เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการดึงจางลี่เฉินให้มาเข้าร่วมในการประท้วงนี้ด้วยกัน
โชคไม่ดีที่เขาดันอยู่ในฐานะคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการสร้างท่าเรือนิวยอร์กดังนั้นจางลี่เฉินจึงไม่ได้พาตัวเองไปอยู่กับกลุ่มผู้ประท้วงที่คัดค้านการสร้างท่าเรือแห่งใหม่
ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดชักชวนจากกลุ่มผู้ประท้วง เขามองไปที่ปั้นจั่นหลายร้อยตัวบนไซต์งานที่เป็นเหมือนตัวต่อจิ๊กซอว์ขณะที่พวกมันค่อย ๆ เติมส่วนที่ว่างเปล่าของกรอบงานให้ก่อตัวเป็นท่าเรือขึ้นทีละน้อย ๆ ความประหลาดใจแสดงชัดเจนอยู่บนใบหน้าของเขา
“มองว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างนั้นเหรอเด็กหนุ่ม?” ขณะที่หัวใจของ ‘พ่อมด’ ชายหนุ่มกำลังรู้สึกทึ่งกับความมหัศจรรย์ของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ก็มีเสียงชายชราดังก้องอยู่ด้านหลังเขา
จางลี่เฉินตกใจไปครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าไปมองด้วยความสงสัย ที่อยู่ต่อหน้าตอนนี้เขาคือชายชราที่ไม่ค่อยมีเส้นผมเหลือมากนักแต่ก็ยังพยายามใช้หวีเพื่อหวีผมของตัวเองให้เรียบร้อยกำลังจ้องมองไปที่ท่าเรือวุ่นวายด้วยการแสดงออกที่เหมือนจำกำลังรำลึกถึงอดีต “สมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 – 4 ปีในการจะสร้างท่าเรือขนาดใหญ่แบบนี้ แต่ตอนนี้แค่อาศัยเครื่องจักรที่เหมือนสัตว์ประหลาดจำนวนมาก ๆ ในการทำมันจะใช้เวลาแค่เพียง 1 ปีก็จะเสร็จสมบูรณ์ … ”
จางลี่เฉินส่งยิ้มกลับไปอย่างสุภาพโดยไม่ได้ตอบกลับอะไรกับบทสนทนาที่จู่ ๆ ก็เริ่มขึ้นของชายชรา
“เธอรู้ไหมว่าหลังจากชายหาดนี้ถูกเปลี่ยนเป็นท่าเรือนิวยอร์กแล้วจะมีการสร้างฐานทัพใหม่อีกแห่งขึ้น … ” โดยไม่สนใจว่าชายหนุ่มเต็มใจที่จะพูดคุยกับเขาหรือไม่ ชายชราชี้นิ้วไปอีกทิศทางหนึ่งซึ่งคือที่ตั้งของห้องเครื่องโรงงาน LS
เมื่อได้ยินแบบนี้จางลี่เฉินก็อดที่จะตกใจไม่ได้ ขณะนั้นเองรถจี๊ปสีเขียวเข้มก็ได้ขับเข้ามาหยุดอยู่ข้างชายชราและขัดจังหวะการพูดของเขา
ชายคนหนึ่งที่ซึ่งดูแล้วน่าจะมีอายุพอ ๆ กับชายชราคนนี้กำลังนั่งอยู่ที่เบาะหลังพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “เฮนรี่ นายมาทำบ้าอะไรที่นี่? ทำไมนายถึงมาที่นี่โดยไม่สนใจสิ่งอื่น ๆ เรามาที่นี่เพื่อสำรวจภูมิประเทศนะไม่ใช่ … ”
“บ็อบ หน้าที่ของฉันเสร็จสิ้นแล้ว ความคิดเห็นของฉันคือการวางฐานทัพให้อยู่ถัดจากท่าเรือนิวยอร์ก” ชายชราผู้ถูกเรียกว่าเฮนรี่โบกมือของเขาและพูดขึ้นโดยไม่สนใจว่ายังมีจางลี่เฉินยืนอยู่ตรงนี้
ดูเหมือนว่าการก่อสร้างฐานทัพทหารที่ใกล้กับท่าเรือนิวยอร์กจะได้รับการยืนยันเรียบร้อยแล้วและไม่จำเป็นต้องปิดเป็นความลับอีกต่อไป
“ไม่เคยมีการสร้างฐานทัพติดกับท่าเรือพลเรือนมาก่อน อย่างไรก็ตามเนื่องจากนายเป็นคนแนะนำมามันคงมีเหตุผลดี ๆ อะไรสักอย่าง ขึ้นรถมาได้แล้ว เราจะได้ไปหารือเรื่องนี้กันอย่างรอบคอบอีกที มันก็ผ่านมาสักพักแล้วที่ฉันได้กลับ
นิวยอร์กมาเพราะฉะนั้นฉันเลยไปซื้อสเต็กพิเศษที่ร้านอาหารดูแบ็คมาเตรียมไว้ให้นายแล้ว”
“สเต็กอีกแล้วเหรอ? นายไม่เบื่อมันบ้างหรืออย่างไรกัน” เฮนรี่พึมพำก่อนจะหันมาโบกมือลาจางลี่เฉินและขึ้นไปนั่งบนรถจี๊ปและจากไป “ฉันไปก่อนจะเด็กหนุ่ม แล้วไว้เจอกันใหม่”
จางลี่เฉินไม่รู้เลยว่าแรงกระตุ้นของเขาในการจะมาเดินเล่นรอบ ๆ สถานที่ก่อสร้างท่าเรือนิวยอร์กนี้จะทำให้เขาได้เจอกับหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการป้องกันและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ฐานทัพทะเลเข้าโดยบังเอิญ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงอุโมงค์ที่เชื่อมโยงกับอาณาจักรเหนือธรรมชาติที่วางอยู่ในทะเลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนิวยอร์ก ทำให้เขาเลือกที่จะเชื่อในคำพูดของชายชราคนนั้นอย่างสังหรณ์ใจแปลก ๆ เขาจมอยู่กับความคิดของตัวเองขณะเดินกลับไปที่โรงงาน
ที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งของอาคารสำนักงานสองชั้นที่เขาใช้เป็นที่ทำงาน จางลี่เฉินเห็นเอ็ดเวิร์ดและชาร์ลีย์กำลังนั่งรอเขาอย่างอดทนอยู่ที่โซฟารับรอง
“โอ้ มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด ไม่รู้ว่าคุณจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ทำไมไม่โทรหาผมเมื่อมาถึงแล้วล่ะ?”
“ก่อนที่คุณจะแต่งตั้งผมให้เป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ LS กรุ๊ปอย่างเป็นทางการ ผมจะเรียกเก็บค่าบริการจากการเจอคุณทุก ๆ ชั่วโมงถ้ามันทำให้ผมสามารถมีรายได้ที่มากขึ้นซึ่งแน่นอนว่าผมต้องการได้รับมากขึ้น” เอ็ดเวิร์ดตอบกลับด้วยท่าทางขำขัน
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าทัศนคติของเขาที่มีต่อจางลี่เฉินจะเปลี่ยนไปแล้ว เหมือนกับว่าเขาดูเป็นมิตรและให้ความเคารพกันมากยิ่งขึ้น
“ฮ่า ๆ คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณจะเป็นคนที่ตลกมากขนาดนี้ มิสเตอร์ชาร์ลีย์ ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีใช่ไหมครับ?”
“เยี่ยมมากเลยครับมิสเตอร์ลี่เฉิน ผมรู้สึกมีความสุขเสมอเมื่อต้องได้ทำงานเพื่อคุณ” ชาร์ลีย์ที่ทั้งตัวเตี้ยและอ้วนท้วมลุกขึ้นมาจากที่นั่งราวกับว่ามีสปริงติดที่ใต้ก้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ผมเองก็มีความสุขมากเช่นกันที่ได้เจอกับพวกคุณ ถ้างั้นเราขึ้นไปชั้นบนกันจะดีกว่า” จางลี่เฉินเปิดประตูโลหะเพื่อไปที่ห้องทำงานชั้นสองที่สามารถเปิดได้ด้วยการสแกนลายนิ้วมือและสแกนม่านตาของเขาก่อนจะหันไปบอกกับเลขาที่เพิ่งได้รับการว่าจ้างมาใหม่ “แมดดี้ เดี๋ยวนำกาแฟและโค้กมาให้พวกเราที”
แมดดี้ที่ประสบความสำเร็จในการเข้ามหาวิทยาลัยนิวยอร์กที่มีระบบการศึกษาที่ค่อนข้างจะผ่อนคลายซึ่งทำให้เธอมีเวลาเหลือเฟือที่จะทำงานให้กับ ‘เจ้านาย’ ของเธอ ด้วยเหตุนี้ภาพลักษณ์ของเธอจึงแตกต่างไปจากที่เคยทำงานในร้านเบอร์เกอร์ครั้งก่อนมาก
เธอดูสง่างามพร้อมทั้งยังสวมแว่นตาขอบดำไว้บนใบหน้าที่จริงจังของเธอเอง หลังจากตอบกลับเขาไปว่า “ได้ค่ะ มิสเตอร์ลี่เฉิน” เธอก็หันไปบดและกรองเมล็ดกาแฟดำหอมกรุ่นอย่างคล่องแคล่วก่อนจะเอาโค้กที่เย็นที่สุดออกมาจากตู้เย็นเพื่อเทลงในแก้ว
ขณะที่เธอกำลังถือถาดเครื่องดื่มขึ้นไปที่ชั้นสอง หญิงสาวก็ได้ยินเสียงนี้บทสนทนาแผ่วเบาดังลอดออกมา
“เพราะแบบนั้น มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด ผมสงสัยว่าฐานทัพสหรัฐฯอีกแห่งน่าจะถูกสร้างขึ้นนอกเมืองนิวยอร์ก คุณคิดว่าพวกเขาจะใช้ที่ดินโรงงานของเราหรือไม่?”
“มันดูไม่ใช่เรื่องที่น่าเชื่อเท่าไหร่นะครับมิสเตอร์จาง ไม่เคยมีอยู่ในประวัติศาสตร์ของประเทศมาก่อนที่จะสร้างฐานทัพทางทหารในเมืองใหญ่ อย่างไรก็ตามหากตัดสินจากสถานการณ์การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยเสียทีเดียว หลังจากกรณีที่เกิดบนเกาะฮาวาย รัฐบาลอาจใช้มาตรการป้องกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนสำหรับเมืองที่มีประชากรหนาแน่น อย่างไรก็ตามคุณไม่ต้องไปกังวลกับมันหรอกนะครับ ยังมีที่ดินรกร้างบนชายฝั่งนอกนครนิวยอร์กอยู่อีกดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้สิทธิ์ในพื้นที่ของเรา จากผลกำไรปัจจุบันของโรงงาน ทหารจะต้องจ่ายให้คุณหนึ่งพันล้านดอลลาร์หากพวกเขาต้องการจะยึดครองที่ดินเค็ม – อัลคาไลขนาด 9 ตารางกิโลเมตรนี้จากคุณซึ่งมันจะไม่คุ้มกับพวกเขาอย่างแน่นอน”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมก็ค่อยโล่งใจได้หน่อย” หลังจากฟังการวิเคราะห์ของเอ็ดเวิร์ดเสร็จจางลี่เฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะหันไปรับโคล่ามาจากเลขา “แมดดี้ ผมยังมีงานอื่นให้คุณทำอีกอย่าง ช่วยร่างจดหมายแต่งตั้งมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายที่มีส่วนแบ่งกำไรที่ไม่ใช่ส่วนทุนให้ที”
“ได้ค่ะ มิสเตอร์ลี่เฉิน” กำจัดตัวตนของ “บริกร” ออกไปเป็นครั้งแรกและยอมรับงานสำคัญที่ชายหนุ่มมอบให้ แมดดี้กำมือของเธอเองจนแน่นพร้อมพูดตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
นอกจากรูปแบบเอกสารในแล็ปท็อปแล้ว หญิงสาวยังได้ทำการศึกษาความรู้อย่างมืออาชีพของการเป็นเลขาด้านธุรกิจไว้อีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้การร่างจดหมายแต่งตั้งที่เหมาะสมจึงเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่นาน
หลังจากอ่านเอกสารอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ 2 – 3 ครั้งติดต่อกันแล้วแมดดี้รู้สึกว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นสองพร้อมทำหน้าตาให้เป็นธรรมชาติที่สุดขณะส่งจดหมายที่จางลี่เฉินร้องขอให้เธอไปทำแก่เขา
ชายหนุ่มตรวจสอบเอกสารอย่างรวดเร็วก่อนจะพยักหน้า “เอาให้มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดอ่านดูสิ”
แมดดี้แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะส่งจดหมายแต่งตั้งให้เอ็ดเวิร์ด
เมื่อถึงคราวนักกฏหมาย เขาตรวจดูข้อความในเอกสารด้วยท่าทีจริงจังต่างกับจางลี่เฉินลิบลับ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเอกสารมีความถูกต้องจนไม่มีใครสามารถหาข้อผิดพลาดใด้ ๆ ได้เอ็ดเวิร์ดจึงทำการเซ็นชื่อตัวเองลงไปในที่สุด