The Great Worm Lich - ตอนที่ 156
เมื่อทุกอย่างได้รับข้อสรุปจางลี่เฉินก็สั่งให้แมดดี้นำเอกสารไปเก็บก่อนจะลุกจากเก้าอี้สำนักงานพร้อมยื่นมือออกไปข้างหน้า “มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด หวังว่าเราจะได้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขนะครับ”
“บอส ต่อจากนี้เรียกผมแค่เอ็ดเวิร์ดก็พอเถอะครับ ผมได้รับการว่าจ้างจากคุณแล้ว ตอนนี้ผมไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ผสานงานแบบเดิมอีกต่อไป” เอ็ดเวิร์มสวมบทบาทของการเป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมายโรงฆ่าสัตว์ LS ในทันทีและพูดอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้ยินมาว่าโรงฆ่าสัตว์ขนาดใหญ่หลายแห่งใกล้นครนิวยอร์กพร้อมที่จะร่วมมือกันยื่นฟ้องคดีการผูกขาดอุตสาหกรรมโรงฆ่าสัตว์ LS แห่งใหม่ แม้จะมีเพียงไม่กี่คนที่พร้อมจะต่อสู้ครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะตายแต่ถ้าคดีของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นมาจริงมันก็จะลำบากไม่น้อย หากคุณอนุญาต ผมวางแผนที่จะทำงานร่วมกับชาร์ลีย์ในช่วงเวลานี้และมุ่งเน้นไปที่การล้มเลิกพันธมิตรของพวกเขา”
“ในกรณีนี้คุณเรียกผมว่าลี่เฉินโดยตรงได้เลยเช่นกัน เอ็ดเวิร์ด เนื่องจากข่าวที่คุณบอกว่าโรงฆ่าสัตว์ขนาดใหญ่เหล่านี้ได้มาถึงขั้นที่พวกเขาพร้อมจะต่อสู้กันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะตาย ส่วนตัวผมเกรงว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้พวกเขาจะล้มเลิกความคิดเรื่องการฟ้องร้อง”
“ให้โอกาสที่ควรค่าแก่พวกเขาในการหลุดพ้นจากความยุ่งยากนี้ของตัวเองและซื้อเครื่องฆ่าสัตว์ที่จะกลายเป็นเศษเหล็กในโรงงานของพวกเขาในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ให้สินบนแก่พวกเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ ผู้ประกอบการเหล่านั้นก็พร้อมหักหลังผู้ถือหุ้นอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะครับมิสเตอร์ลี่เฉิน แค่ทิ้งทุกอย่างไว้ให้ผมจัดการก็พอ มันเป็นสิ่งที่ผมเชี่ยวชาญอย่างดี” ชาร์ลีย์ที่อยู่ข้าง ๆ ส่งยิ้มอย่างมั่นใจให้จางลี่เฉิน
“โอ้ ดูเหมือนว่าคุณจะมั่นใจในเรื่องนี้อย่างเต็มเปี่ยมเลยนะครับมิสเตอร์ชาร์ลีย์ โอเค พยายามทำงานให้ผมอย่างดีก็พอ! แสดงให้ผมได้เห็นว่าความเป็นมืออาชีพของพวกคุณอยู่ในระดับที่ดีอย่างที่บอกผมมาจริงหรือไม่!” ชายหนุ่มที่ตะลึงงันไปครู่หนึ่งพูดขึ้นมาอย่างหลักแหลม
ดวงตาของชาร์ลีย์สว่างสดใสขึ้นมาในทันใด ขณะที่เขากำลังใช้ช่วงเวลานี้เพื่อพูดประโยคคำคมดี ๆ ทันใดนั้นแมดดี้ก็โทรขึ้นมาจากชั้นล่างเสียก่อน “มิสเตอร์ลี่เฉินคะ คนจากสหเกษตรกรแห่งชาติมาถึงแล้วค่ะ”
“ให้พวกเขาขึ้นมาได้”
“ได้ค่ะ”
ไม่กี่วินาทีต่อมา เหล่าวัยกลางคนที่แต่งตัวด้วยชุดสูทราคาถูกผู้ที่ดูราวกับว่าพวกเขาได้อดทนต่อความยากลำบากทั้งหมดของชีวิตได้พาทนายความมาด้วยสองถึงสามคนขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้องสำนักงานของจางลี่เฉิน
ชายหนุ่มได้เห็นใบหน้าแบบนี้มามากเกินพอในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาดังนั้นเขาจึงเข้าใจเทคนิคที่จะใช้จัดการกับพวกคนเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น
เขาฉายรอยยิ้มอบอุ่นเป็นประกายขึ้นบนใบหน้าทันทีที่คนจากสหเกษตรกรแห่งชาติมาถึง อย่างแรก เขาได้ทำการต้อนรับและหลังจากคุยกันถึงสภาพปัจจุบันของทั้งสองฝ่ายเสร็จสมบูรณ์ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือเขาลังเลที่จะปฏิบัติตามข้อผูกพันของเขาหลังจากที่เขาได้เซ็นสัญญาตกลงไป
ในเวลาไปน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงรายได้รายวันของโรงงานก็เพิ่มขึ้นอีก 3,500 ดอลลาร์ นอกจากนี้เขายังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสหภาพเกษตรกรแห่งชาติสำหรับ 7 เมืองเกษตรกรรมพร้อมกันอีก
อย่างไรก็ตามไม่ว่าชายหนุ่มจะจัดการได้คล่องแคล่วแค่ไหนแต่หลังจากที่เขาส่งคนจากสหเกษตรกรแห่งชาติกลับไปก็เป็นช่วงเวลายามเย็นเข้าเสียแล้ว มีลมแรงพัดอยู่ที่ด้านนอกหน้าต่าง เม็ดฝนกระแทกอย่างเงียบ ๆ บนผนังกระจกก่อตัวเป็นหยดน้ำไหล
ขณะมองไปที่ท้องฟ้าอันมืดมิดด้านนอก เอ็ดเวิร์ดก็พูดขึ้นว่า “ลี่เฉิน วันนี้เป็นวันศุกร์ ภรรยาและลูกสาวกำลังรอให้ผมกลับไปร่วมทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันอยู่ หากคุณไม่มีข้อสงสัยหรือคำแนะนำใด ๆ แล้วผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“หากคุณไม่มีข้อสงสัยหรือคำแนะนำใด ๆ ผมเองก็ต้องขอตัวกลับก่อนด้วยเช่นกัน” ชาร์ลีย์ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วหันไปพูดกับจางลี่เฉินตามเอ็ดเวิร์ด
“เชิญครับ และไว้ผมกันใหม่ มิสเตอร์ชาร์ลีย์ เอ็ดเวิร์ด” จางลี่เฉินโบกมือลาด้วยรอยยิ้มแล้วมองดูเงาทั้งสองคนจนหายลับไปจากประตูก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ชายสองคนที่แสนจะกลับกลอกแต่ก็ยังพอเก็บไว้ใช้งานได้”
ขณะที่ชายหนุ่มพึมพำเช่นนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเดินไปที่หน้าต่าง มองดูสภาพอากาศที่มีแสงกระพริบผ่านจากก้อนเมฆพร้อมด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังก้อง เขาถอนหายใจก่อนจะโทรหาแม่ของตัวเอง
“แม่ครับ ผมยังอยู่ที่โรงงาน อากาศแถวแถบชานเมืองดูอันตรายเกินกว่าจะขับรถกลับได้ คิดว่าคืนนี้ผมคงจะไม่ได้กลับบ้านแล้วนะครับ”
“โอ้ลูกรัก! อากาศที่บรูคลินเองก็แย่ไม่แพ้กัน เสียงฟ้าร้องดังขึ้นไม่หยุดพอ ๆ กับสายฟ้าฟาดจนทำให้ไฟที่บ้านถูกตัด ถ้าลูกกลับมาไม่ได้งั้นก็อยู่ที่โรงงานไปก่อนเถอะนะ แล้วลูกพอมีอาหารอยู่บ้างใช่ไหม?”
“แน่นอนครับ! ตู้เย็นของผมที่นี่เต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ที่ผมต้องทำก็แค่เอามันออกมาอุ่นกับไมโครเวฟเท่านั้น ไม่ต้องห่วงว่าผมจะไม่มีอะไรกินหรอกนะครับ”
“แม่ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ ถ้าพรุ่งนี้อากาศดีขึ้นเมื่อไหร่ก็รีบไปโรงเรียนด้วยล่ะ แล้วก็ห้ามสายเด็ดขาด! จำได้ด้วยว่าเทอมนี้ลูกจะต้อง … ” เมื่อจางลี่เฉินได้ยินลิลี่กำลังจะเริ่มบ่นเขาอีกรอบเขาก็รีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะแสร้างพูดไปว่า “ไม่ต้องห่วงนะครับแม่! ผมจะตั้งใจกับมันเป็นอย่างดี … โอ้ สัญญาณหายหรือไงกัน แม่ … เสียงแม่ไม่ชัดเลย งั้นผมวางสายก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ!” พร้อมกับรีบวางสายทันทีที่พูดจบ
ด้วยเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูเหมือนจะไร้สาระทำให้เขาหลุดพ้นจากการบ่นที่แสนยาวนานของผู้เป็นแม่ได้สำเร็จ ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาวางแผนทำอาหารให้ตัวเองและทันใดนั้นเองถึงได้รู้ว่าแมดดี้กำลังยืนอยู่ข้างบันไดพลางมองมาที่เขาด้วยท่าทางที่ดูอึดอัดใจ
“เอ่อ .. มิสเตอร์ลี่เฉิน ฉันมาเพื่อจะถามว่ายังมีงานอะไรให้ฉันทำเพิ่มเติมอีกไหม? ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้วฉันจะได้ขอตัวกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้ฉันมีเรียนหลักสูตรภาคบังคับทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่ายดังนั้นฉันจึงไม่สามารถเข้ามาที่โรงงานได้”
“โอเค คุณเลิกงานได้เลย … โอ้ ใช่แล้ว! ผมลืมถามถึงอาการป่วยของพ่อคุณเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาไปเลย ตอนนี้พ่อของคุณเป็นอย่างไรแล้วบ้าง?”
“ตอนนี้พ่อพ้นจากช่วงที่อันตรายที่สุดไปได้แล้วค่ะ คุณหมอชาวเบลเยียมบอกว่าหากสถานการณ์ของเขายังคงเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปได้ระยะหนึ่งก็สามารถออกจากโรงพยาบาลและกลับมาอเมริกาได้ในไม่ช้า! ทั้งหมอนี้ต้องขอบคุณคุณ … ”
“คุณขอบคุณผมมามากพอแล้วแมดดี้ แล้วอากาศแย่แบบนี้คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าจะสามารถขับรถกลับบ้านได้? หากคุณรู้สึกเป็นอันตรายทำไมคุณไม่พักค้างคืนที่โรงงานไปก่อนสักคืนหนึ่งเหมือนผมล่ะ?”
หญิงสาวที่มีความรู้สึกไวต่อบางสิ่ง จู่ ๆ แมดดี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไปในทันทีก่อนจะรีบส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเคยขับรถในสภาพที่แย่กว่านี้มาก่อนแล้วดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไร”
“โอ้ งั้นเองหรอกเหรอ ถ้างั้นก็ไว้เจอกัน”
การได้ยินจางลี่เฉินกล่าวลาอย่างตรงไปตรงมาแอบสร้างความผิดหวังเล็กน้อยซึ่งขัดแย้งกับอารมณ์ในใจของเธอซึ่งแสดงออกบนใบหน้าอย่างชัดเจน “คุณต้องการให้ฉันไปส่งคุณให้ไหมคะ?”
“ไม่เป็นไร ผมโทรบอกแม่แล้วว่าวันนี้ผมจะไม่กลับบ้าน”
“อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นไว้เจอกันใหม่นะคะ มิสเตอร์ลี่เฉิน” แมดดี้กล่าวลาก่อนจะเดินลงบันไดไป ขณะเดียวกันจางลี่เฉินก็เดินไปที่ตู้เย็นตรงมุมห้องทำงานแล้วหยิบแฮมเบอร์เกอร์และขนมปังสองสามชิ้นออกมาก่อนจะโยนเข้าไปในไมโครเวฟ
ขณะที่เขากำลังจะเปิดใช้งานไมโครเวฟ สายฟ้าฟาดหนา ๆ ก็พุ่งเข้าหาชายหาดที่ด้านนอกโรงฆ่าสัตว์ หลังจากเสียงคำรามนั้นเกิดขึ้น ไฟฟ้าของโรงงานทั้งหมดก็ดับไปพร้อมกันในทันที
การสูญเสียไฟฟ้าไปโดยสมบูรณ์นั้นหาได้ยากมากสำหรับโรงฆ่าสัตว์ที่มีวงจรสำรองโดยใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเช่นนี้
ในเวลาเดียวกันกับที่แสงจางหายไป จางลี่เฉินก็รู้สึกราวกับว่ามีสายฟ้ากระเซ็นผ่านหูของเขาไปโดยตรง ในขณะที่เขากำลังตกใจเขาก็เกิดโซเซจนสะดุดไปกับพื้น
ใบหน้าของเขาซีดเผือดไปทันทีเมื่อร่างกายของเขาแข็งทื่อไปทั้งตัวขณะอยู่ในความมืดเป็นเวลานานก่อนจะลุกขึ้นยืนจากพรมอย่างช้า ๆ
เนื่องจากเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มได้อ่านหนังสือโบราณเกี่ยวกับคาถามามันมีความรู้สึกอะไรบางอย่างบันดาลใจให้เขาเดินไปที่กำแพงกระจกของสำนักงานพร้อมหันหน้าไปทางทะเลและผลักมันเบา ๆ ด้วยมือของเขาเอง หน้าต่างกระจกที่ติดตั้งไว้บนพื้นจรดเพดานซึ่งมีความสูงกว่าคนทั่วไปถูกผลักให้เปิดออกจาผนัง
ทันใดนั้นทั้งสายลมและสายฝนก็หลั่งไหลเข้ามาในสำนักงานจนเอกสารบนโต๊ะถูกลมพัดจนปลิวไปทั่วทุกหนทุกแห่ง สายฝนสาดเข้ามาข้างในจนเปียกโชกไปทั้งเจ้าของสำนักงานและพรมผ้าขนสัตว์ราคาแพงบนพื้น
แม้จะต้องเผชิญกับพายุรุนแรง จางลี่เฉินเพียงแค่หยุดนิ่งและไม่ยอมร่นถอย เขาเช็ดใบหน้าที่ถูกเม็ดฝนปกคลุมด้วยมืออย่างไร้ประโยชน์พร้อมกำมือแน่นด้วยความประหม่า จากนั้นเขาก็สั่งให้เกาะมังกรที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงงานกระโดดออกมาเพื่อแสดงตัวก่อนจะสั่งให้มันกระโดดขึ้นไปบนอากาศ
สัตว์อาคมบินผ่านสายลมและเม็ดฝนและหายไปในพริบตาบนท้องฟ้าประมาณ 20 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ชายหนุ่มตัวแข็งไปครู่หนึ่ง “ไม่ใช่เกาะมังกร!”
หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้เมานท์โทดกระโดดออกจากกระเป๋าเป้สะพายหลังที่วางไว้ใต้โต๊ะและเลียนแบบการกระทำของเกาะมังกร แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน
ตอนนี้ความพยายามทั้งสองครั้งของเขาไร้ผลไปโดยสิ้นเชิง จางลี่เฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคิวโกะที่เขาเพิ่งขัดเกลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ด้วยเหตุนี้เขาจึงวางมือไว้ข้างหน้าเพื่อป้องกันลมและเม็ดฝนในขณะที่หายใจเข้าลึก ๆ ด้วยการรวบรวมจิตวิญญาณในตัว เขาสั่งโครโคดราก้อนที่ซ่อนตัวอยู่ในท่อน้ำใต้โรงฆ่าสัตว์ด้วยคาถา “เชื่อมต่อ” และทำให้มันล่องหนก่อนจะเข้าสู่ทะเลผืนใหญ่
ทันทีที่สัตว์อาคมเคลื่อนตัวไปในทะเล เขารู้สึกได้ราง ๆ ว่ามันต้องการพ่นไอน้ำก่อนที่มันจะทะยานผ่านเมฆซึ่งดูเหมือนว่ามันจะสามารถบินได้อย่างอิสระท่ามกลางพายุที่เกิดขึ้น
ความประหลาดใจของเขาเพิ่มมากขึ้นเมื่อสัตว์อาคมลอยขึ้นไปพร้อมกับสายฝนเหมือนที่จางลี่เฉินจินตนาการ ร่างของเขาบิดตัวไปมาในความมืด มันเริ่มเร่ร่อนไปรอบ ๆ ท่ามกลางสายฝน
สายฟ้าอีกลูกหนึ่งพุ่งผ่านในอากาศ ด้วยความช่วยเหลือจากแสงของสายฟ้า ชายหนุ่มที่มองไม่เห็นอะไรเลยในที่สุดก็สามารถมองเห็นอะไรได้บ้างในความสับสน โครโคดราก้อนที่ถูกทิ้งค้างไว้ในท่อทิ้งของเสียของโรงงานเป็นเวลากว่าครึ่งปีมีร่างที่เพรียวบางและเริ่มแสดงสัดส่วนที่คล้ายงูมากยิ่งขึ้น
ผิวเดิมของมันที่ไม่ค่อยมีความหนามากนักเริ่มแสดงชั้นจาง ๆ ของเกล็ดอ่อน ๆ เครายาวสองแท่งงอกออกมาจากปากของมันในขณะที่สามารถมองเห็นส่วนที่นูนขึ้นสองอันด้านบนของหัว มันดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อก่อน
“เวิร์มดราก้อน สามารถสร้างเมฆ วิวัฒนาการหมอกและลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเมื่อใด้ก็ตามที่มันได้รับน้ำ … ” เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ใหม่ของโครโคดราก้อน จางลี่เฉินทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากพึมพำซ้ำไปซ้ำมา “เวิร์มดราก้อน, เวิร์มดราก้อน … ”
มังกรสายน้ำที่ชายหนุ่มพูดถึงอยู่นี้ถูกกล่าวถึงเสมอโดยชาวจีนโบราณ ที่จริงแล้วมันเป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตตามตำนานที่ถูกเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุ มันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘เวิร์ม’ เมื่อสมัยยังเป็นเด็กและชื่อ ‘มังกร’ เมื่อโตขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งเวิร์มและมังกรนั้นมีสองช่วงอายุที่แตกต่างกันของสิ่งมีชีวิตหนึ่ง แต่หนึ่งในนั้นคือความปีศาจที่ชั่วร้ายในขณะที่อีกสิ่งหนึ่งเต็มไปด้วยคุณธรรมความดีในใจของคนจีน ทั้งสองสิ่งนี้มีอุปลักษณ์นิสัยที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
มังกรเป็นตัวแทนของพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่ปกครองพลังของทะเลทั้งสี่ในขณะที่เวิร์มเป็นตัวแทนของคลื่นลมและคลื่นพล่านที่พัดเปลวเพลิงแห่งความวุ่นวาย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในนามมังกรชั่วร้าย
เมื่อเห็นว่าโครโคดราก้อนเริ่มปรากฏตัวออกมาในรูปแบบตัวอ่อนของ เวิร์มดราก้อน จางลี่เฉินก็เข้าใจได้แล้วว่าตัวเอกที่ได้รับการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในวันนี้หรือคนที่ประสบภัยพิบัติจากฟ้าร้องในวันนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโครโคดราก้อน สัตว์อาคมของเขา
ทันใดนั้นก็เกิดขึ้นสายฟ้าสองสามลูกพุ่งทะลุผ่านท้องฟ้า หนึ่งในนั้นติดอยู่กับร่างโครโคดราก้อนอย่างแรงและจุดประกายจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้น้ำบนร่างกายสัตว์อาคมแห้งและฉีกผิวหนังออก
วิญญาณภายในร่างกายของสัตว์อาคมนั้นได้หายไปนานแล้ว มันเป็นวัตถุของพ่อมดที่ถูกควบคุมโดยพ่อมดได้อย่างอิสระ หลังจากฟ้าผ่าร่างของโครโรดราก้อนไป จางลี่เฉินรู้สึกควบคุมมันไม่ได้ก่อนที่มันจะตกทะเลไป
ราวกับว่าได้กลิ่นแผลที่ไหม้เกรียมบนร่างของสัตว์อาคม จางลี่เฉินขบฟันตัวเองในค่ำคืนแห่งสายฝนที่มืดมิดก่อนจะเช็ดน้ำฝนอย่างรุนแรงออกจากใบหน้าด้วยความพยายามที่ไร้ประโยชน์อีกครั้ง เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็อ้าปากเพื่อพ่นละอองหมอกสีดำออกมาจากปาก
ด้วยรูปลักษณ์ที่ชัดเจนใคร ๆ ก็สามารถเห็นได้ว่ามันคือเลือด เมื่อรวมเข้ากับสายลมและสายฝนแล้วมันก็ค่อย ๆ ขยายตัวออกและกลายเป็นสีจาง ๆ มันลอยออกจากผนังโรงงานและกลายเป็นสีแดงดำจาง ๆ ที่เข้าสู่ทะเลเมื่อมันถูกลมพัด