The Great Worm Lich - ตอนที่ 180
ขณะที่เขาขับเอกซ์พลอเรอร์ออกจากโรงงาน จางลี่เฉินก็เปิดการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือของตัวเองผ่านบลูทูธรถทันทีขณะที่เขาขับไปตามเส้นทางหลวง
จำนวนสายไม่ได้รับที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางของรถไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลิลี่ผู้เป็นแม่ของเขาเอง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจกดโทรออกเพื่อโทรกลับหาเธอ
แม้ว่ามันจะเพิ่งหกโมงเช้าและดวงอาทิตย์ก็กำลังขึ้นพ้นขอบฟ้า ทว่าปลายสายอีกฝั่งกลับถูกรับในทันทีเพียงเสียงสัญญาณครั้งแรก “ลูกรัก! ลูกไปไหนมา! แม่เป็นห่วงแทบบ้าตายเลยรู้ไหม?! แม่โทรหาลูกแทบจะตลอดแต่กลับติดต่อลูกไม่ได้เลยสักครั้ง แม่ติดต่อเพื่อนของลูกทุกคนที่จะสามารถติดต่อได้รวมถึงคนงานทั้งหมดของลูกที่โรงงานแต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าลูกไปไหน ถ้าไม่ใช่เพราะข้อความที่ลูกส่งมาก่อนหน้าแม่คงโทรแจ้งตำรวจไปนานแล้ว…”
“แม่ครับ ผมไม่เป็นอะไร ผมสบายดี ขอโทษที่ 2 – 3 วันนี้ผมไม่ยอมติดต่อมาหาและทำให้แม่เป็นห่วง ผมกำลังรีบกลับบ้านแล้ว อีกประมาณชั่วโมงหนึ่งก็น่าจะถึง เมื่อกลับถึงบ้านแล้วผมจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง… ” ขณะที่จางลี่เฉินกำลังอธิบายเรื่องการหายไปของเขากับแม่ ทันใดนั้นก็มีรถ SUV สีดำสองคันขับขึ้นมาจากด้านหลังและเร่งความเร็วก่อนจะแซงรถของเขาไป
ในไม่ช้าแรงเสียดทานระหว่างการเร่งความเร็วของเชฟโรเลต SUV กับพื้นถนนก็ทำให้เกิดเสียงดังแสบแก้วหู
“เสียงอะไรน่ะลูก? เกิดอะไรขึ้น?” ที่ปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ เสียงตื่นตระหนกของลิลี่ค่อย ๆ เบาลงจนเงียบหายไปอย่างผิดสังเกต เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนปิดกั้นสัญญาณการสื่อสารของเขา
จากนั้นหน้าต่างที่นั่งด้านหลังของรถ SUV สองคันที่แซงหน้าจางลี่เฉินไปก็ลดระดับลง ชายท่าทางแข็งแรงที่สวมเสื้อกันกระสุนสีดำพร้อมกับแว่นตาคืนวิสัยทัศน์อินฟราเรดบนใบหน้ายื่นหัวออกมาจากตัวรถ เขาถือปืนไรเฟิลที่ทั้งยาวและหนาอยู่ในมือจากนั้นก็ทุบกระจกหน้าต่างด้านหลังคนขับของเอกซ์พลอเรอร์และยิงระเบิดแก๊สน้ำตา 6 – 7 อันต่อเนื่องกันเข้ามาทำให้รถถูกกลุ่มควันหนาสีเหลืองปกคลุม
ในเวลาเดียวกัน ภายในรถตู้สีดำขนาดใหญ่ที่ขับอยู่รอบ ๆ เมืองนิวยอร์กห่างจากจางลี่เฉินที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากไปประมาณ 500 ถึง 600 เมตร ชายผิวขาวมีเครากำลังจ้องมองหน้าจอมอนิเตอร์ขณะที่กระซิบด้วยเสียงเบา ๆ อย่างบ้าคลั่ง “อย่ามัวชักช้าอยู่เลย! โกรธสิ! โมโหสิ! ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกในใจของนายได้! แสดงความแข็งแกร่งของนาย…”
“แคสซานโดร แผนของนายมันบ้าไปแล้ว! โดยไม่มีหลักฐานมากมายแต่นายกล้าแอบไปจับกุมนักอุตสาหกรรมคนใหม่ที่โดดเด่นที่สุดของนิวยอร์กของยุคตามขั้นตอนการจับกุมผู้ก่อการร้าย…” ถัดจากเขา ชายร่างสูงผอมที่กำลังจ้องมองหน้าจอเช่นกันได้บ่นพึมพำ
“หลุยส์ ต่อให้ฉันจะบ้ามากแค่ไหนมันก็ยังเทียบกับนายไม่ได้ อย่าลืมสิว่าคนคิดแผนและบัญชาการเรื่องนี้เองก็คือนาย อย่าบอกนะว่านายกำลังคิดมากทั้ง ๆ ที่เริ่มลงมือไปแล้ว”
“แน่นอนว่าไม่ใช่!” ชายร่างสูงตอบกลับด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนพร้อมกัดฟันกรอด “แต่ถ้าแผนนี้ล้มเหลว ฉันก็จะไม่ได้เป็นผู้บัญชาการของ FBI อีกต่อไป…”
“แต่ถ้ามันสำเร็จ นายก็จะกลายเป็นตำนานของ FBI ไปตลอดกาล! ลองนึกถึงความปั่นป่วนของโรเวนจาก CIA ตอนที่เขาจับคามิลตัวแทนของศัตรูผู้รุกรานจากสงครามชิมพ์ครั้งที่หนึ่งในฮาวายได้ดูสิ ไม่ต้องกังวล! นายคนนี้คงไม่งอมืองอเท้าของตัวเองเพื่อรอความตายเท่านั้นหรอก ตราบใดที่เขาแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาเราก็จะมีหลักฐานเพียงพอที่จะจับตัวเขาและการกระทำทั้งหมดของเราก็จะกลายเป็นความถูกต้อง!” แคสซานโดรจ้องมองที่หน้าจอและพูดด้วยความมั่นใจขณะที่ปากของเขากระตุกยิ้ม
ภาพที่ปรากฏอยู่ในหน้าจอมอนิเตอร์ คือภาพภายในรถของจางลี่เฉินที่กำลังถูกปกคลุมด้วยควันสีเหลืองหนา ท่ามกลางเสียงของการชนของรถยนต์ เชฟโรเลตทั้งสองคันพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องรถของพวกเขาเอง
หลังจากหยุดเอกซ์พลอเรอร์ได้สำเร็จ เชฟโรเลตก็หยุดจอดในทันใด ประตูเปิดออกพร้อมเจ้าหน้าที่ติดอาวุธสองสามคนที่สวมเสื้อกันกระสุนสีดำพร้อมกับแว่นตาคืนวิสัยทัศน์อินฟราเรดบนใบหน้า พวกเขายกปืนยาวขึ้นแนบหัวไหล่และงอตัวลงเล็กน้อย
ทันทีที่เจ้าหน้าที่ติดอาวุธกระโดดออกมาจากรถ ชายร่างผอมก็โผล่พ้นออกมาจากควันหนาที่ถูกปล่อยออกมาจากทางหน้าต่างที่นั่งด้านหลังของเอกซ์พลอเรอร์ที่ถูกทุบเพื่อโยนระเบิดแก๊สน้ำตาเข้ามา
จากนั้นชายร่างผอมก็กระโดดลงไปยืนกับพื้นอย่างนุ่มนวลก่อนจะเดินไปรอบ ๆ เจ้าหน้าที่ติดอาวุธ โดยไม่ต้องสื่อสารใด ๆ เขาก้าวออกไปเพื่อขว้างหมัดตรงใส่หน้าอกของเจ้าหน้าที่ติดอาวุธคนหนึ่งที่ต้องการจะตอบโต้แต่เขากลับไม่มีความเร็วที่มากพอจึงทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายล้มเสียชีวิต
กระดูกซี่โครงสองซี่เจาะลึกเข้าไปถึงหัวใจ ไม่ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนเขาก็จะตายในทันที คนที่ตายด้วยเหตุผลทางธรรมชาติจะกลายเป็นเกราะป้องกันของผู้ที่โจมตีไปโดยปริยาย
เมื่อคนตายถูกผลักไปข้างหน้า ชายร่างผอมใช้ร่างของเขาเป็นเกราะป้องกันเพื่อเข้าไปใกล้กับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ
แขนที่ยาวเรียวยื่นออกมาจากส่วนของรักแร้เจ้าหน้าที่ที่ตายไปแล้วและคว้าเข้าที่คอของเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งได้อย่างรวดเร็วและทำให้ชีวิตของเจ้าหน้าที่คนนั้นสิ้นสุดลงไปด้วยเช่นกัน
โล่ป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นจากหนึ่งเป็นสอง หลังจากที่เขาได้รับโล่ทั้งสองนี้มา เขาก็ผลักคนตายทั้งสองให้ตรงไปยังเจ้าหน้าที่ติดอาวุธที่เหลืออยู่ข้าง ๆ
จากนั้นเขาก็ขยับตำแหน่งของตัวเองสองครั้งด้วยความเร็วที่น่าประหลาดใจ เขาสับฝ่ามือและการออกหมัดและได้ฆ่าทหารติดอาวุธทั้งสี่คนที่อยู่ด้านเดียวกันไปจนหมด
“บ้าเอ้ย! ไม่ยอมใช้พลังพิเศษอย่างงั้นเหรอ! มันดูเหมือนการต่อสู้ด้วยกังฟูไม่มีผิด! หวังว่าจะยังมีคนรอดมาได้!” เขาได้เป็นพยานสำคัญว่าจางลี่เฉินได้จัดการสังหาร FBI ไป 4 คนภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากออกจากรถของเขามา แคสซานโดรที่ทำอะไรไม่ถูกร้องออกมาด้วยความงงงันเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีความผิดปกติอื่นใดนอกเหนือจากการมีพละกำลังที่แข็งแกร่งและศิลปะการต่อสู้
“เปิดเผยตัวออกมา เปิดเผยตัวออกมาสิวะ!” ในฐานะผู้บัญชาการของแผนเสี่ยงภัยในครั้งนี้แน่นอนว่าหลุยส์ไม่สามารถสงบนิ่งได้เหมือนอย่างเพื่อนของเขา เขาพยายามตะโกนใส่อุปกรณ์สื่อสารแต่ทุกอย่างก็จบลงเสียแล้ว
หลังจากสังหารเจ้าหน้าที่ติดอาวุธทั้งสี่คนเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วจางลี่เฉินก็เลือกใช้วิธีเดิมในการยกศพที่สวมเสื้อกันกระสุนขึ้นมาเป็นโล่และทำลายพวกเขาทั้งหมด
ด้วยคำพูดของหลุยส์ที่ว่าให้ ‘เปิดเผยตัวออกมา’ ในอุปกรณ์สื่อสารกลับกลายเป็นการบอกคำเตือนแก่ชายหนุ่มแทน
หลังจากเสร็จสิ้นการฆ่าที่สนุกสนานของเขาแล้ว จางลี่เฉินนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบเร่งการเคลื่อนไหวของเขาในทันใดเพื่อกลับไปที่เอกซ์พลอเรอร์ ก่อนที่รถตู้สีดำของหลุยส์และแคสซานโดรจะมาถึง เขาได้เพิ่มความเร็วของตัวเองและขับรถหนีเข้านครนิวยอร์ก
เขตชานเมืองของนิวยอร์กไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยเนินทรายเหมือนลาสเวกัส แม้ว่ามันจะยังเป็นช่วงรุ่งเช้า แต่ก็มียานพาหนะหลายคันที่พบศพบนท้องถนนและรถ SUV อีกสองคัน
แน่นอนสิ่งแรกที่คนทั่วไปจะทำเมื่อพบว่าเหตุการณ์แบบนี้คือเรียกตำรวจ
แต่เมื่อเพลย์บอยวัยกลางคนที่แต่งตัวดูดีขับรถสปอร์ตเฟอร์รารีซึ่งมาพร้อมกับหญิงสาวสวยกำลังจะโทรหาตำรวจ ก็มีรถตู้สีดำมาหยุดอยู่ข้างเขาเสียก่อน
ประตูรถตู้เปิดออกและชายร่างสูงผอมก็ได้ก้าวลงมาจากรถเพื่อแสดงบัตรประจำตัว “พวกเราคือ FBI ครับ นี่คือการฝึกซ้อมการต่อสู้ของพวกเรา เราจะรับช่วงต่อหลังจากนี้และโปรดอย่าได้เรียกตำรวจ โปรดมมอบโทรศัพท์ของคุณกับคู่ของคุณมาให้ผมตรวจสอบก่อน”
“คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะขอให้เราส่งมอบโทรศัพท์ให้เว้นแต่จะมีหมายค้นที่ออกโดยผู้พิพากษาไม่เช่นนั้นนิวยอร์ก…”
“ขออภัย ไม่คิดว่าคุณจะทำตามธรรมเนียมและรู้กฎหมายมากมาก่อน ไม่เพียงแค่นั้นแต่ดูเหมือนว่าผมจะมีแนวโน้มกลายเป็นคนร้ายได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นกรุณาฟังคำสั่งผมจะดีกว่า” ชายร่างผอมพูดอย่างไร้อารมณ์
เมื่อเห็นหน้าตาไร้ความรู้สึกของเขาแล้ว เพลย์บอยคนนั้นก็ตัวสั่นขณะที่เขายอมจำนนมอบโทรศัพท์ให้ไปอย่างฉลาด ไม่เพียงแค่นั้นแต่เขายังหันไปบอกกับผู้หญิงของเขาที่อยู่ในรถสปอร์ตอีกด้วยว่า “ทินนี่ที่รัก มอบโทรศัพท์ของคุณให้กับFBI เขาไปเถอะ”
สาวสวยส่งมอบโทรศัพท์ของเธอให้อย่างเชื่อฟัง ชายร่างผอมพูดกลับว่า “ขอบคุณ” ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องจากไปและหยิบกระเป๋าตรวจสอบออกมา จากนั้นเขาก็บดขยี้โทรศัพท์และวางมันลงไปในกระเป๋า
การกระทำของเขาทำให้ทั้งเพลย์บอยและสาวสวยที่สูญเสียโทรศัพท์ของพวกเขาไปเป็นใบ้ด้วยความงงงัน
เมื่อเห็นหลุยส์ทำในสิ่งที่เขาต้องการจะทำจนไม่สนใจสิ่งใด แคสซานโดรที่หัวใจของเขาเองก็รู้สึกสิ้นหวังไม่ต่างกันเดินออกมาจากรถและกระซิบกับเขา “เฮ้เพื่อน! อย่าเป็นแบบนี้สิ บางทีสิ่งต่าง ๆ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่นายคิดก็ได้”
“ไม่ต้องมาปลอบใจฉัน เราทุกคนต่างรู้ดีว่าตอนนี้มันแย่มากแค่ไหน” หลุยส์ถอนหายใจและพึมพำ
“มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ลองคิดดูสิว่าเด็กวัยรุ่นชาวจีนที่มีน้ำหนักไม่เกิน 120 ปอนด์จะสามารถฆ่าตัวแทนชั้นยอดถึงแปดคนด้วยปืนยาสลบและคนขับรถอีกสองคนในเวลาไม่ถึงสิบวินาทีได้อย่างไร? พลังการต่อสู้ดังกล่าวจะสามารถอธิบายผ่านความเชี่ยวชาญกังฟูแบบจีนได้เท่านั้นจริง ๆ น่ะหรอ?”
“แล้วใครจะไปพิสูจน์ได้ว่าคนที่เรียนศิลปะการต่อสู้มาและมีความเชี่ยวชาญในกังฟูจะไม่สามารถทำแบบได้?” หลุยส์ลากศพกลับเข้าไปที่เชฟโรเลตพร้อมการแสดงออกที่ร้ายแรง “มันไม่ใช่ลูกบอลไฟ ไม่ใช่ธนูน้ำแข็ง หรือแม้กระทั่งความคล้ายคลึงกับการเปลี่ยนร่างของเดอะฮัลค์! เดิมทีฉันคิดไว้ว่ามันจะมีแค่เพียงสามสถานการณ์เท่านั้นที่จะเกิดขึ้นมากที่สุด หนึ่งคือเป้าหมายของเราสามารถถูกจับกุมอย่างลับ ๆ โดยไม่ต่อต้านและจากนั้นเราก็สามารถหลอกเขาให้สารภาพออกมาได้อย่างช้า ๆ สองบางทีเราอาจให้เป้าหมายใช้พลังวิเศษของเขาได้แต่การจับกุมเขาจะยังเป็นความลับ หรือสาม ถ้าพลังของเป้าหมายแข็งแกร่งเกินไปสำหรับกองกำลังของเรา เขาจะพยายามหลบหนีจากการจับกุมในครั้งนี้ เพราะเรายังสามารถยึดหลักฐานความสามารถของเขาได้ในตอนท้าย…”
“หรือมีความเป็นไปได้อย่างที่สี่ซึ่งนั่นก็คือเป้าหมายใช้พลังวิเศษที่แข็งแกร่งและไร้หลักการในการกระทำของเขา เขาจะฆ่าเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ทั้งหมดและเราก็จะมีหลักฐานจับเขาได้” แคสซานโดรเพิ่มความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ในขณะที่เขาช่วยหลุยส์ย้ายร่างศพไปที่รถ
“ฉันเห็นด้วยกับแผนการของนาย นั่นก็เพื่อผลประโยชน์ของชาติ ของสหรัฐ … แคสซานโดร! หรือว่าคนที่เติบโตในประเทศจีนคนนั้นที่สามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ของอลิซาเบธ ฮอลิเดย์ อุบัติเหตุที่ฮาวาย และการเกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิตลึกลับนอกชายฝั่งนิวยอร์กอาจเรียกได้ว่ามันแค่คือความ ‘บังเอิญ’ หากเขาไม่น่าสงสัยดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้กำกับเฟอร์นานแดนด์จะเห็นด้วยกับการติดตามเขาตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันในช่วงจดชวเลข(วิธีการเขียนข้อความอย่างย่อด้วยสัญลักษณ์) เป้าหมายของเราได้หายไป 2 – 3 วัน และยังบอกให้ลูกน้องของเขาแทรกแซงการเลือกตั้งกลางปี … ”
“เฮ้ เพื่อน นายไม่จำเป็นต้องอธิบายฉันเรื่องนั้นก็ได้ ปล่อยให้คำอธิบายเหล่านั้นไปอยู่ในรายงานการกระทำของนายแทนเถอะ” แคสซานโดนว่าพลางลากศพสุดท้ายไปที่รถตู้และปิดประตูด้วยปัง
จากนั้นเสียงไซเรนตำรวจก็ดังก้องกังวานมาจากระยะไกล
“เวรเอ้ย! มีคนเรียกตำรวจมาก! โชคดีที่เราเคลียร์เรื่องศพเสร็จก่อน” หลุยส์ตบใบหน้าของเขาและสาปแช่งด้วยเสียงกระซิบ ทิ้งเรื่องต่าง ๆ ไว้ข้างหลัง เขากำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบสวนของตำรวจนิวยอร์ก