The Great Worm Lich - ตอนที่ 182
เมื่อจางลี่เฉินเข้าไปนั่งด้านในแท๊กซี่ ชายหนุ่มวางมือลงบนกระเป๋าตัวเองเป็นครั้งคราวเพื่อสัมผัสเกาะมังกรและเวิร์มดราก้อนที่หดตัวเล็กลงจนเหลือขนาดแค่เพียง 30 เซนติเมตรและหนาเท่าแท่งดินสอ
โดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าของเขากำลังเผยการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความกังวล
โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางดังนั้นเขาจึงไปถึงอาคารผู้โดยสารของสนามบินนานาชาติจอห์นเอฟ. เคนเนดีก่อนจะถึงเวลา 11 โมงแค่เพียง 30 นาที
เนื่องจากเอ็ดเวิร์ดได้จองตั๋วการบินแบบชั้นหนึ่งไว้ให้ ชายหนุ่มจึงสามารถเดินผ่านช่องตรวจตั๋ววีไอพีไปได้อย่างราบรื่นและนำสัตว์อาคม 2 ตัวที่ดูเหมือนของเล่นไปพร้อมกับเขาได้อย่างง่ายดาย
ครึ่งชั่วโมงต่อมาสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ TU098 เที่ยวบินตรงจากนิวยอร์กไปยังโจฮันเนสเบิร์กแอฟริกาใต้ก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไปตามเส้นทางการบิน จางลี่เฉินโยนความกังวลที่มีทิ้งไว้กับพื้นด้านล่างเมื่ออยู่เหนือน่านฟ้า
หลังจากที่เขาและสัตว์อาคมได้บินท่องเที่ยวไปในอาณาจักรเหนือธรรมชาติมานานหลายวันเขาพบว่าตอนนี้ตัวเขาไม่ชอบการจ้องมองก้อนเมฆผ่านหน้าต่างเครื่องบินอีกต่อไป
ณ ที่นั่งชั้นหนึ่งที่กว้างขวางและสะดวกสบายบนเครื่องบิน เขาดูหนังด้วยความเบื่อหน่ายและสั่งโค้กมาดื่ม เมื่อดื่มจนพอใจเขาก็ปรับเบาะที่นั่งลงเพื่อที่เขาจะได้หลับตาและบรรลุความสงบทางจิตใจ เขาใช้เวลาที่เหลือของการเดินทางไกลไปกับการนึกคิดสิ่งต่าง ๆ และในที่สุดเขาก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติโจฮันเนสเบิร์ก
โจฮันเนสเบิร์กเป็นเมืองที่คึกคักที่สุดในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มันค่อนข้างไม่น่าเป็นไปได้อยู่หน่อยที่จะอธิบายเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่การขุดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยวลีว่า ‘มหานครระหว่างประเทศ’ แต่เมื่อคำว่า ‘ระหว่างประเทศ’ ถูกแทนที่ด้วยคำว่า ‘แอฟริกา’ แล้วก็อาจกล่าวได้ว่าโจฮันเนสเบิร์กที่มีประชากรเกือบสี่ล้านคนเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเมืองหนึ่ง
มันเป็นช่วงเวลากลางคืนเมื่อชายหนุ่มเดินทางมาถึงที่นี่ อย่างไรก็ตามแอฟริกาใต้ที่มีความอบอุ่นอยู่ตลอดทั้งปีที่ซึ่งประเทศส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเขตกึ่งร้อนไม่ได้ทำให้อากาศตอนนี้หนาวเย็นเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อรับอากาศอบอุ่นและชื้นที่ไม่เหมือนใครในช่วงฤดูหนาวของแอฟริกา ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาและเปิดใช้งานเพื่อส่งข้อความถึงแม่และทีน่าก่อนที่จะปิดมันอีกครั้งและเดินไปที่รถบัสขนส่งผู้โดยสารในสนามบิน
จางลี่เฉินที่ขึ้นรถบัสจนไปถึงช่องขาเข้าประเทศแล้วค้นพบว่าที่ตรงนี้ไม่มีเครื่อง ATM อยู่เลยสักเครื่องเดียวจากทั้งสองด้านของทางเดินที่กว้างขวาง เมื่อสัมผัสกับกระเป๋าที่มีเงินสดน้อยกว่า 1,000 ดอลลาร์แล้วเขาไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ก่อนที่จะดำเนินการถอนเงินสด 5,000 ดอลลาร์ด้วยบัตรเครดิตวาโคเวียที่ใช้ได้ทั่วโลก
หลังเดินออกจากสนามบินมา ชายหนุ่มไม่ได้มองหาโรงแรมเพื่อเข้าพักแต่อย่างใด เขาเรียกแท๊กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารแล้วถามว่า “ มีอพาร์ทเมนต์ปล่อยเช่าดี ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้หรือไม่?”
ที่โจฮันเนสเบิร์กภาษาอังกฤษเองก็เป็นภาษาหลักเช่นกัน แม้ภาษาอังกฤษของชายหนุ่มจะฟังดูเพี้ยนเล็กน้อยสำหรับคนขับที่มีลักษณะค่อนข้างอ้วนและผิวดำที่กำลังแสดงฟันขาวสว่างเมื่อเขายิ้มแต่มันก็ไม่ได้ยากสำหรับเขาเกินไปที่จะเข้าใจ
คนขับตอบด้วยความกระตือรือร้น “แค่ฟังจากสำเนียงคุณผมก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคุณเป็นคนอเมริกัน! ขึ้นรถมาเลยครับ ผมรู้ว่าคุณต้องการสถานที่แบบไหน”
“โอ้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมคงโชคดีมากแน่ ๆ” จางลี่เฉินเข้าไปนั่งด้านในทันที
จากนั้นคนขับก็เริ่มเปิดบทสนทนา “ผมไม่ค่อยเดาอายุชาวต่างชาติได้เท่าไหร่ คุณมาที่นี่เพื่อทำงานหรือเพื่อมาเรียนต่ออย่างนั้นหรือครับ?”
“มีคนมาที่นี่เพื่อเรียนด้วยอย่างนั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินว่าคำว่าเรียนต่อที่แอฟฟริกาจางลี่เฉินที่รู้สึกประหลาดใจอย่างมากก็โพล่งถามออกไป “เอ่อ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น! จริง ๆ คุณก็รู้ใช่ไหม ผมเพียงแค่…”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจดี! ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าในสายตาของคนอเมริกันส่วนใหญ่สหรัฐฯก็เป็นเหมือนศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก วัฒนธรรมและเทคโนโลยีดังนั้นแน่นอนว่าคนอเมริกันจะไม่มาศึกษาต่อที่แอฟริกาใต้ ไม่เพียงแค่นั้นแต่มหาวิทยาลัยวิทวอเตอร์สเรนด์ที่ดีที่สุดในโจฮันเนสเบิร์กก็ไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับสากลมากนัก” แม้คนขับจะบอกว่าเขาไม่ได้คิดมากแต่ก็เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาไม่พูดอะไรต่ออีกเลยหลังจากนั้นจนกระทั่งเขาขับรถพาจางลี่เฉินไปยังถนนที่อยู่ใกล้กับถนนสายหลักที่คึกคักของเมือง คนขับจอดรถที่ด้านหน้าอาคารอพาร์ตเมนต์หลายตึกที่เชื่อมต่อกัน
คนขับเพิกเฉยต่อเขาดังนั้นเขาจะไม่ทำให้ตัวเองต้องอับอายมากยิ่งขึ้นโดยการบอกว่าเขาเป็นคนประเทศจีนแล้วนำความอับอายนั้นไปสู่จีนด้วยเช่นกัน หลังจากแท็กซี่จอดนิ่งสนิท เขาก็จ่ายเงินสดไป 50 ดอลลาร์แล้วลงจากรถมา
เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ถนนในเมืองแอฟริกันเป็นครั้งแรก จางลี่เฉินมองดูรอบ ๆ และพบว่าถนนที่เขาอยู่นั้นเป็นถนนสายรองที่มีความสว่างไสวเหมือนจะเป็นเมืองสมัยใหม่ได้อย่างสมบูรณ์
มีคนเดินถนนมากมายที่เป็นคนผิวดำแต่พวกเขาก็ไม่ได้หยาบคายเหมือนอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้ นอกเหนือจากความแตกต่างของการแต่งกายแล้ว มารยาทของพวกเขาเกือบจะเหมือนกันกับคนผิวดำในนิวยอร์กหรืออาจเปรียบได้ว่ามีมารยาทที่ดีกว่าด้วยซ้ำ
“เป็นเมืองที่เจริญแล้วจริง ๆ มันไม่เหมือนกับแอฟริกาที่คิดเลยสักนิด! แต่ถ้าลองคิดดูดี ๆ มันก็สมเหตุสมผลแล้ว ที่นี่คือโจฮันเนสเบิร์กหน้าต่างแห่งอารยธรรมแอฟริกาเชียวนะ” จางลี่เฉินพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปในอาคารอพาร์ตเมนต์ที่มีป้ายบอกไว้ว่าเอนเทลอปส์เนสอยู่ข้าง ๆ
พื้นที่ภายในอาคารแคบมาก มันไม่ได้มีอะไรอยู่เลยยกเว้นแผนกต้อนรับที่สามารถรองรับได้แค่พนักงานเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ด้านหลัง มันไม่เหมือนกับล็อบบี้ด้านหน้าของอพาร์ทเมนท์สูง ๆ ที่ชายหนุ่มเคยเห็นผ่านตาในนิวยอร์ก หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเห็นลิฟท์ตรงทางเดินจากทั้งสองข้างแผนกต้อนรับ เขาคงจะผลักประตูเปิดออกและจากไปในทันที
“ต้องการเช่าห้องหรอคะ?” เมื่อเห็นมีลูกค้าเข้า หญิงสาวที่มีหน้าอกใหญ่ ตาโต ริมฝีปากหนา ผมหยิกและผิวสีดำเงางามก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ไม้แล้วเอนตัวพิงกับแผนกต้อนรับก่อนถาม
“ผมต้องการเช่าอพาร์ทเมนต์แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมต้องการเห็นห้องของคุณก่อน”
“ฉันสัญญาว่าคุณจะต้องพอใจกับห้องของเรา! ไม่เพียงแค่นั้นถ้าคุณเช่าห้องของเราแล้วคุณยังสามารถเพลิดเพลินไปกับบริการพิเศษของฝ่ายต้อนรับพร้อมส่วนลดพิเศษได้อีกด้วย” สาวผิวดำเลียริมฝีปากยั่วยวนขณะตอบกลับ
“ผมไม่ได้ต้องการบริการพิเศษ ผมต้องการห้องเดี่ยวที่สะอาดและมีเตียงขนาดใหญ่”
“ห้องนอนที่มีเตียงขนาดใหญ่? ในกรณีนี้จะมีราคาอย่างน้อย 900 แรนด์สำหรับห้องดังกล่าว ฟังจากสำเนียงคุณแล้วน่าจะเป็นคนจากสหรัฐฯดังนั้นคุณสามารถจ่ายเป็นดอลลาร์ได้เช่นกัน มันจะมีราคาอยู่ที่ 45 แรนด์สำหรับการเช่ารายวัน … ”
มันไม่ใช่ราคาห้องที่ถูกเลยสำหรับโจฮันเนสเบิร์กแต่จางลี่เฉินก็พยักหน้าตอบรับแบบไม่ลังเล “ผมโอเค แต่ผมต้องการขอดูห้องก่อน”
“ช่างไม่มีความยืดหยุ่นเอาเสียเลยจริง ๆ! นี่คุณเป็นอเมริกันหรือเยอรมันกันแน่น่ะห๊ะ? คิดว่าฉันจะโกหกคุณอย่างนั้นเหรอ?” หญิงสาวผิวดำหยิบบัตรห้องมาสองสามใบอย่างไม่เต็มใจที่แผนกต้อนรับก่อนจะพาชายหนุ่มขึ้นไปดูห้อง
เลย์เอาต์ของห้องพักก็ไม่ได้ต่างกันนัก มันเป็นห้องเดี่ยวที่ดีที่สุดที่มีพื้นที่เกือบ 20 ตารางเมตร มีเตียงขนาดใหญ่ โต๊ะข้างเตียง ตู้เสื้อผ้าและคอมพิวเตอร์รวมทั้งห้องน้ำขนาดเล็กพร้อมอ่างอาบน้ำฝักบัวที่เป็นอุปกรณ์เสริมเพียงอย่างเดียวในห้อง
อย่างไรก็ตามการตกแต่งภายในนั้นประณีตมาก ตั้งแต่โคมไฟระย้าสีฟ้าที่ติดเพดานไปจนถึงพรมปูพื้นที่มีแบบแอฟริกันเป็นแรงบันดาลใจ
จางลี่เฉินที่ไม่สามารถเลือกห้องพักสุดหรูได้เพราะกำลังหลบซ่อนตัวอยู่เมื่อได้เห็นสภาพแวดล้อมในห้องอพาร์ทเมนต์นี้แล้วเขาก็จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งเดือนทันทีและเช็คอินเข้าพักห้องเดี่ยวตรงสุดทางเดินฝั่งตะวันตก
นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ได้ตั้งรกรากอยู่ที่โจฮันเนสเบิร์ก ทุกวันนอกเหนือจากการบ่มเพาะพลังเขาจะให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของกองกำลังลึกลับที่ต่อสู้กับกองกำลังของรัฐบาลในเคปทาวน์ของแอฟริกาใต้บนคอมพิวเตอร์ หรือบางทีก็ไปสวนสาธารณะเล็ก ๆ ใกล้อาคารอพาร์ตเมนต์เพื่อออกกำลังกาย ฝึกการหายใจพร้อมกับการฝึกฝนทั้งห้าองค์ประกอบ – สับ เจาะ บด ระเบิด และไขว้ พร้อมกับใช้เวลาสองถึงสามเดือนไปกับการพักผ่อนแบบสบาย ๆ
ไม่นานก็เริ่มค่อย ๆ เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ แม้ว่าความแตกต่างของอุณหภูมิในโจฮันเนสเบิร์กจะไม่ค่อยมากมายแต่อากาศก็ยังร้อนขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตอนที่จางลี่เฉินมาถึงแอฟริกาใต้เป็นครั้งแรก เขาไม่ได้นำกระเป๋าเดินทางมาด้วยดังนั้นเสื้อผ้าและรองเท้าทั้งหมดของเขาจึงต้องซื้อขึ้นมาใหม่ทั้งหมด หลังจากผ่านไปหลายสิบวัน อิทธิพลรอบด้านทำให้เขาสามารถเลียนแบบการใช้ชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่นได้อย่างแนบเนียน เขาใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดธรรมดา ๆ และสลัดคราบเงาของการเป็นนักท่องเที่ยวจากนิวยอร์กออกไปอย่างสมบูรณ์
ในวันนี้ชายหนุ่มได้ทำการฝึกฝนตลอดทั้งคืนด้วยทักษะลับ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเขาได้อ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ตและพบว่ากองทัพรัฐบาลแอฟริกาใต้ยังคงทำสงครามกับผู้บุกรุกลึกลับในเคปทาวน์ไม่จบสิ้น เมื่อพบว่ามันน่าเบื่อเกินจะติดตามต่อเขาก็ปิดคอมพิวเตอร์ไป
“เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการรุกรานจากอาณาจักรเหนือธรรมชาติ แต่กลับไม่มีประเทศใหญ่ ๆ เข้ามาแทรกแซง ดูเหมือนว่าทุกคนมีความมุ่งมั่นอย่างมาก ทุกคนล้วนต้องดูแลกิจการของตัวเองก่อน … ” ชายหนุ่มพึมพำขณะฮัมเพลงระหว่างการอาบน้ำ
เมื่อเดินออกจากอาคารอพาร์ตเมนต์มา เขาได้ซื้อกีบลูกวัวจากร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เชี่ยวชาญด้านอาหารพื้นเมืองที่ชื่อว่าแอริฟาฮัทบนถนน เขาทานอาหารในมือไปพร้อม ๆ กับการเดินไปที่สวนสาธาณะเพื่อทำการเริ่มฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของเขาในยามเช้า
คนท้องถิ่นจำนวนไม่มากที่มีสีผิวหลากหลายกำลังออกกำลังกายกันอยู่ที่สวนสาธารณะขนาดเล็ก ชายผิวดำบางคนที่ได้รับอิทธิพลจากจางลี่เฉินในช่วงสองสามเดือนนี้พยายามเลียนแบบวิธีการเหยียดขาของเขาขณะที่พวกเขาเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ตาม
จากมุมมองของคนที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน วิธีที่คนพื้นเมืองใช้ออกหมัดจะดูมีพลังมากและดูน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าจางลี่เฉิน แต่หากเป็นในสายตาของคนที่มีประสบการณ์การต่อสู้มาก่อนรูปแบบพวกเขาจะต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่ชายหนุ่มตั้งอกตั้งใจเพื่อทำการฝึกฝนตามรูปแบบการต่อสู้ที่ทำมาโดยตลอด แต่แล้วเขาก็หยุดทุกการกระทำอย่างกระทันหันหลังได้ยินเสียงปรบมือและเสียงเชียร์เป็นภาษาจีนกลาง “ดีมาก! ดีมาก ๆ! กระบวนท่าของเธอค่อนข้างดีทีเดียว!”
จางลี่เฉินตกตะลึงก่อนจะหันไปมองตามทิศทางของเสียง เขาเห็นชายชราคนหนึ่งที่อายุประมาณ 60 เศษ ๆด้วยหน้าสีเคร่งขรึมราวกับว่าเขาได้ผ่านความยากลำบากในชีวิตของเขามามาก เขาสวมสูทที่เนื้อผิวสัมผัสดีมาก ๆ พร้อมกับยกนิ้วโป้งชมเชยมาให้
“ลุงก็รู้จักศิลปะการต่อสู้ด้วยเหมือนกันงั้นเหรอครับ?” เมื่อเห็นว่าเป็นชายชราที่มาจากบ้านเกิดเดียวกัน จางลี่เฉินจึงถามไปอย่างสุภาพด้วยภาษาจีนกลางสำเนียงเสฉวนตะวันตก
“โอ้ เธอพูดภาษาจีนกลางได้ด้วย! ฟังจากสำเนียงของเธอแล้วคงมาจากมณฑลเสฉวนตะวันตกล่ะสิ เป็นคนจีนงั้นหรือเรา?” ชายชราถามด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเป็นชนพื้นเมืองของมณฑลเสฉวนตะวันตก! ฉันมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวในโจฮันเนสเบิร์ก”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายชราก็มองที่จางลี่เฉินและพูดขึ้ว่า “ท่องเที่ยว? นักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ แต่งตัวเหมือนเธอแล้วฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่เช้าตรู่ในสวนสาธารณะแบบนี้ด้วยหรือไม่? ถ้ามาที่นี่เพื่อทำงานก็บอกมาเลยสิ! ที่นี่คือการส่งออกแรงงานอยู่แล้วแต่สิ่งที่น่าอายคือการพึ่งพาความแข็งแกร่งของพวกเธอเพื่อหารายได้ต่างหาก”
จางลี่เฉินตัวแข็งทื่อก่อนจะหัวเราะหึ ๆ โดยไม่ปฏิเสธสิ่งใด เขายกกีบน่องที่วางไว้ข้างเท้าเขาขึ้นมาแล้วตอบว่า “จะอย่างไรก็ช่าง ฉันคงต้องขอตัว ลาก่อนผู้เฒ่า”
“อย่าเพิ่งสิ! พวกเราทั้งคู่ต่างก็มาจากจีนแต่ได้มาเจอกันที่แอฟริกาเชียวนะ มันคือโชคชะตา! หยุดเคี้ยวกีบเท้าที่ไม่มีเนื้อสัตว์นั่นซะ! มาเถอะ ให้ฉันได้ทำอาหารเช้าที่ดีกว่านี้ให้ดีกว่า” ชายชราเดินเข้ามาจับข้อมือของจางลี่เฉิน
“โอ้! ไม่คิดเลยว่าผู้เฒ่าคนนี้จะเป็นคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาด้วยเหมือนกัน” จางลี่เฉินตกใจเล็กน้อยขณะเขาพูดกับตัวเองภายในหัว โดยไม่รู้ตัวเขาได้คว้ามือของตัวเองกลับมาจากชายชรา “ขอบคุณครับ แต่ฉันตกหลุมรักกีบน่องนี้ตั้งแต่เข้าเมืองมาใหม่ ๆ แล้วเพราะงั้นฉันสบายดีกับการได้กินมัน”
“แค่นั้นมันจะไปพออะไร! มาเถอะ ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอเอง!” ดวงตาของชายชราจ้องมองตรงเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มขณะเปล่งประกายเป็นสีเหลืองแวววาวชวนลึกลับในขณะที่ตอบสนองด้วยความเร็วที่ไม่ได้เร็วเกินไปหรือช้าเกินไป