The Great Worm Lich - ตอนที่ 183
ลางสังหรณ์ของจางลี่เฉินกำลังบอกเขาว่าชายชราคนนี้กำลังท่องคาถาอะไรบางอย่าง ชายชรายิ้มด้วยความพอใจแต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นชายหนุ่มเองก็กำลังยิ้มตอบกลับมา จากนั้นจางลี่เฉินก็ยื่นมือของตัวเองไปจับกับมือของชายชราแล้วพูดว่า “กำลังฝึกท่องคาถาอะไรอยู่งั้นเหรอครับ? ฉันเคยอ่านเรื่องพวกนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าลุงน่าจะกำลังใช้คาถาสะกดจิตอยู่ใช่ไหม?”
“ช่างเป็นชายหนุ่มที่หูตาไวอะไรขนาดนี้…” ชายชรายกนิ้วโป้งให้จางลี่เฉินด้วยความใจเย็นพร้อมรอยยิ้มก่อนที่แขนขวาของเขาจะสั่น แล้วทันใดนั้นมือของเขาก็เกร็งขึ้นด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี แต่น่าเสียดายที่จางลี่เฉินยังคงจับแขนของเขาไว้อย่างแน่นเหมือนกรงเล็บเหล็ก “ลุง ฉันเกิดท่ามกลางสมรภูมิดังนั้นฉันเองก็มีประสบการณ์มาบ้าง ฉันไม่สามารถอดทนกับอะไรได้แม้แต่ปัญหาเล็ก ๆ และวิธีที่ลุงปฏิบัติกับฉันโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ … ”
“อย่าใช้กำลัง อย่าใช้กำลัง! นี่มันสูทตัวใหม่เลยนะ สูทตัวใหม่ที่มีราคาสูงถึงหมื่นดอลลาร์! เนื่องจากพวกเราก็เป็นผู้ใช้คาถาเหมือน ๆ กัน ฉันผิดเองที่ไม่รู้เรื่องนี้แล้วไปร่ายคาถาใส่เธอ อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย ฉันแค่…แค่ต้องการตัวเธอเพื่อให้เราสามารถสร้างโชคลาภด้วยกันได้ก็เท่านั้น เธอออกจากบ้านเกิดมาไกลเพื่อหารายได้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ ถ้าพลาดโอกาสในตอนนี้ไปเธอจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน ฉันรับประกันได้เลย!”
จางลี่เฉินมองชายชราผู้ซึ่งเป็นพ่อมดเหมือนกันในขณะที่เขายังคงจับมือของชายชราไว้ไม่ยอมปล่อย เขาประหลาดใจที่เห็นชายชราไม่ได้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเลยแม้แต่น้อยแต่กลับไปกังวลเกี่ยวกับชุดที่เขาใส่อยู่แทน เขาอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะประหลาดใจกับเรื่องนี้ เมื่อเขามองกลับไปที่ชายชราสวมสูทตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งแล้วเอ่ยถามไปว่า “ลุงหมายถึงโอกาสแบบไหน?”
“ถ้าอยากรู้ก็ปล่อยมือฉันก่อนสิ” เมื่อชายหนุ่มถามคำถาม การแสดงออกของชายชราก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาดูแข็งแรงและเยือกเย็นขึ้น
มันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ว่าคนที่สองที่ฝึกเรื่องเวทคาถาที่เขาพบจะกลายเป็นคนที่มีบุคลิกเช่นนี้ หากเปรียบกับแมวภูเขาที่ชอบควบคุมชีวิตของคนอื่นไว้ในมือเพื่อทรมานศัตรูก่อนลงมือฆ่าเหมือนแมวที่ชอบแหย่เล่นกับหนูแล้ว ดูเหมือนว่าชายชราคนนี้จะเป็นเพียงพ่อมดธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จางลี่เฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือจากชรา “บอกฉันมาได้แล้วลุง!”
“เห้อ พวกคนหนุ่มสาวเนี่ยนะ ไม่มีความอดทนอะไรเอากับเขาซะเลย… เราทุกคนต่างกำลังฝึกฝนเพื่อพัฒนาการใช้คาถาและในไม่ช้าเราก็จะสูญพันธุ์หลังจากโดนพวกเลือดบริสุทธิ์ที่สันโดษฆ่าตาย แล้วในที่สุดตอนนี้ฉันก็สามารถแสดงตัวบนโลกสาธารณชนได้แล้วทำไมฉันถึงต้องไปทำร้ายเธอโดยไม่มีเหตุผลด้วยกัน? นอกจากนี้เธอยังไม่ได้สลักคำว่า “พ่อมด” ไว้ที่หน้าผากด้วยซ้ำแล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง … ” ชายชราบ่นเล็กน้อยขณะถูข้อมือตัวเอง เมื่อเขาเห็นว่าชายหนุ่มข้างกายขมวดคิ้วเพราะคำพูดไร้สาระของเขา เขาก็ลดระดับเสียงของตัวเองลงอย่างรวดเร็วและแสร้งทำเป็นลึกลับ “เรื่องนี้น่ะเกี่ยวกับโอกาสที่เธอจะได้รับโชคลาภอย่างมาก เราไม่ควรพูดเรื่องนี้กันที่สาธารณะ ไปหาร้านอาหารหรือผับเพื่อไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในขณะที่เราหาอะไรกิน … ”
“ที่แอฟริกาใต้ไม่ค่อยมีคนฟังภาษาจีนรู้เรื่องเท่าไหร่นัก พูดกันที่นี่แหละลุง” จางลี่เฉินยิ้มและปฏิเสธคำแนะนำของชายชรา
“ได้สิ ได้!” เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะชายหนุ่มหรือทำให้ชายหนุ่มเกรงกลัวได้ ชายชราก็เริ่มเล่าเรื่องอย่างช่วยไม่ได้ “เหตุผลที่ฉันมาที่แอฟริกาใต้ในครั้งนี้เพราะฉันได้รับการว่าจ้างจากบริษัทการทำเหมืองแร่แห่งชาติจีนในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ฉันควรจะมีผู้ช่วยส่วนตัวเพื่อช่วยงานและคน ๆ นั้นก็ควรเป็นลูกชายของฉัน แต่เขาเกิดเป็นโรคบิด(อาการท้องเสียอย่างรุนแรง)กระทันหันในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนขึ้นบินทำให้เขาไม่สามารถมาที่แอฟริกาใต้ด้วยได้ เมื่อฉันเห็นเธอกำลังฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่บนถนน การเคลื่อนไหวที่ดูดีของเธอทำฉันประทับใจมากเลยอดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามา”
“ลุงน่ะหรอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม?” จางลี่เฉินตะลึงกับข้อเท็จจริงที่ได้ฟัง
ชายชราหัวเราะเบา ๆ ให้กับการตอบสนองของชายหนุ่ม “พ่อหนุ่ม อย่าได้ดูถูกฉันขนาดนั้นนักสิ ฉันทำงานเป็นผู้ทำพิธีไล่ผีส่งยมโลกและเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยมานานหลายสิบปีที่กานซู แล้วทำไมฉันจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมด้วยไม่ได้? ไม่เพียงแค่นั้นนะ แต่เวลานี้ประเทศของเรายังส่งพวกเราออกมาไกลหลายพันไมล์เพื่อให้มาที่แอฟริกานี้อีก พวกเขาไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมธรรมดา ๆ แต่เป็นทีมที่ตั้งขึ้นเพื่อสำรวจเหตุการณ์แปลก ๆ เราถูกส่งมาที่นี่ก็เพื่อเป็นแรงเสริมและให้การสนับสนุนแก่พวกเขา”
เมื่อชายชราพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงละไม คำใบ้แห่งความสุขก็ปรากฏขึ้นที่ดวงตาของเขาในทันใด ชายชราคนนี้ไม่สามารถหลบซ่อนอะไรจากจางลี่เฉินได้เลย
“ที่ลุงพยายามร่ายคาถาและทุ่มเทขนาดนี้เพื่ออะไร? บอกฉันมาให้หมด” เมื่อจางลี่เฉินเห็นว่าชายชรากำลังไล่ไปตามส่วนสำคัญอย่างช้า ๆ ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ผู้เฒ่าสวี! อย่าออกไปไหนเองงแบบนี้สิครับ การที่คุณหายไปแบบนี้ในตอนเช้า ผมต้องตามหาทั้งคุณและไมค์นานกว่า 1 ชั่วโมงคุณก็รู้นี่ครับ!” ทันใดนั้นเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดปนกับความดีใจก็ดังแทรกการซักถามของจางลี่เฉิน
จากนั้นก็มีผู้ชายชาวจีนที่ดูซื่อ ๆ วิ่งมาจากระยะไกลแล้วคว้าเข้าที่แขนของชายชรา “ถ้าคุณยังไปไหนมาไหนโดยไม่มีทีมติดตามและยังทำตัวไม่มีวินัยแบบนี้ผมจะบอกหัวหน้าให้ลงโทษคุณจริง ๆ แล้วนะครับ มาเถอะครับ คุณแก่มากแล้วและมันก็คงดูไม่ดีที่ผมจะมายืนบ่นคุณนาน ๆ แบบนี้ ต่อจากนี้คุณต้องมีเหตุผลให้มากขึ้น … ใครกันหรอครับ? ผู้เฒ่าสวี คุณรู้จักเขาไหม?”
ความสนใจของเขาอยู่ที่ชายชราในตอนแรก แต่หลังจากที่เขาตามหาตัวชายชราจนเจอและบ่นไปกับเขาเล็กน้อยเพื่อระบายความหงุดหงิดในใจเสร็จ ทันใดนั้นเขาถึงสังเกตเห็นการมีอยู่ของชายหนุ่มที่แต่งตัวเหมือนคนโจฮันเนสเบิร์กทั่ว ๆ ไปข้าง ๆ ชายชรา จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนจีน และไม่เพียงเท่านั้นแต่เขายังส่งความรู้สึกบางอย่างที่แข็งแกร่งออกมาอย่างจงใจ
เขารู้ได้ในทันทีว่าคน ๆ นี้ไม่ใช่คนธรรมดาจึงเอ่ยถามออกไปอย่างระมัดระวัง
“ใจเย็นก่อน หัวหน้าชุ่ย ใจเย็น ๆ! วันนี้เป็นวันแห่งโชคชะตานำพา! ฉันกำลังเดินเล่นไปตามถนนแล้วก็เจอกับหลานชายของรุ่นน้องที่เดินทางมาทำงานที่แอฟริกาด้วยความบังเอิญ ฉันแค่พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขามาทำงานให้หนักขึ้นเพื่อประเทศของเรา…” เมื่อได้ยินคำถามของเพื่อนร่วมงาน ชายชราก็แอบกระพริบตาให้จางลี่เฉินพร้อมทำท่าแสดงออกว่า “ตามน้ำไปกับฉันก่อน!”
“ผู้เฒ่าสวี! คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงครับ?! การเข้าสู่อาณาจักรเหนือธรรมชาติเป็นความลับอันดับต้น ๆ ของประเทศแล้วคุณจะไปหาคนมาร่วมงานง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไงครับ? คุณกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวไหม?” การตอบเพียงประโยคเดียวจากชายชราก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชายหนุ่มปะทุโกรธเหมือนระเบิดที่ถูกจุด ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงในทันทีขณะที่เขากระซิบเสียงต่ำพร้อมกรีดฟันกรอด
เขาไม่สามารถระงับความโกรธที่เดือดพล่านในร่างกายได้อีกต่อไป ผิวหนังบนร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีเทาเงิน
“หัวหน้าชุ่ย คุณกำลังจะทำอะไร?! ดึงพลังอาคมโกลเด้นบลูกลับเข้าไปเร็วเข้า! ถ้ามีใครมาเห็นคุณ เขาจะคิดว่าคุณมีเจตนาร้ายแล้วจะเป็นคุณเองที่ทำลายแผนการของพวกเรา!” เมื่อชายชราเห็นชายหนุ่มเริ่มแสดงพลังเหนือธรรมชาติ คำใบ้ของความอิจฉาและที่รุนแรงปรากฏในดวงตาของเขา อย่างไรก็ตามปากของเขาได้เอ่ยขัดจังหวะอย่างไร้เดียงสาไปแทน “ฉันแค่บอกหลานชายของรุ่นน้องว่าฉันได้รับโชคในวัยชราและได้รับการว่าจ้างจากบริษัทการทำเหมืองแร่แห่งชาติจีนให้มาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมที่แอฟริกาใต้ ฉันบอกเขาว่าอย่าไปทำงานกับลิงถ่านพวกนั้นเลย มาช่วยฉันทำงานเพื่อที่เขาจะได้เป็นแรงงานของประเทศเราแทนดีกว่า ฉันตั้งใจจะเกลี้ยกล่อมให้เขามาเข้ากลุ่มกับพวกเรา แล้วฉันจะบอกกัปตันเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เอง การจะรับเขาหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกัปตันหลังจากนี้ แต่คุณกลับทำพลังรั่วไหลออกมาอย่างฉับพลันเแล้วดูสิ จากตอนแรกที่เขาไม่รู้อะไรเลยกลับกลายเป็นตอนนี้เขารู้ทุกอย่างเพราะการแทรกแซงของคุณ … ”
ไม่ว่าชายหนุ่มจะมีความสามารถมากเพียงใดก็ไม่สามารถเทียบกับความเก่งกาจของความเจ้าเล่ห์และแนบเนียนของชายชราผู้มีประสบการณ์หลายปีคนนี้ได้ ด้วยคำพูดแค่เพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้สถานการณ์ร้ายเกิดการพลิกกลับ ทำเอาผู้ชายข้าง ๆ พูดอะไรไม่ออก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนกลับจากสีเทาเงินมาเป็นสีแดงจากความอับอายก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง “เอะ … เอ๋? นี่มันกลายเป็นความผิดของผมแทนงั้นหรอครับ?”
“หัวหน้าชุ่ย เมื่อฉันมาคิดดูดี ๆ แล้วฉันไม่สามารถไปตำหนิอะไรคุณได้ หนำซ้ำฉันเองต่างหากที่ควรถูกตำหนิเพราะฉันไม่ควรไปชวนใครมาเข้าร่วมทีมสำหรับภารกิจที่สำคัญแบบนี้เอาเองง่าย ๆ อย่างไรก็ตามฉันเป็นผู้ใช้คาถา เมื่อฉันใช้คาถาฉันจะอ่อนแอและมีแนวโน้มที่จะเกิดอันตรายได้ดังนั้นฉันจึงต้องการการปกป้องเป็นพิเศษจากผู้คุ้มกัน เป็นผลให้พวกคุณต้องหาบอดีการ์ดมาให้และถึงกับบอกว่าเขาเป็นโค้ชศิลปะการต่อสู้ของกองกำลังตำรวจประจำจังหวัด แต่พวกเขากลับไม่สามารถเอาชนะชายชราอย่างฉันได้ด้วยซ้ำ! พวกเขารู้แค่วิธีทุบอิฐ! ก้อนอิฐยอดเยี่ยมจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์อันตรายงั้นหรือ? ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหาทางอื่น … “
“พอแล้วครับ ผมเข้าใจแล้วผู้เฒ่าสวี เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่ขั้นตอนดังกล่าวเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้หลานชายรุ่นน้องของคุณเข้าร่วมทีมด้วย” ชายหนุ่มสังเกตได้ว่าคนที่อยู่ในสวนเริ่มลดจำนวนลงน้อยลงเรื่อย ๆ จนทำให้การรวมตัวของคนจีนทั้งสามคนกลายเป็นสิ่งที่เด่นชัดมากขึ้นแทน เขาระงับความโกรธของตัวเองพร้อมกระซิบว่า “ผมจะคุยกับกัปตันเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง แต่ถ้าคุณยังออกไปไหนมาไหนด้วยตัวเองอีกครั้ง ผมจะ…ผมจะ…อย่างแน่นอน”
“ไม่ต้องห่วงหัวหน้าชุ่ย ตราบใดที่คุณยอมปล่อยให้หลานชายรุ่นน้องอยู่ในทีมเดียวกันกับฉันและอนุญาตให้เขาเป็นคนคุ้มครองชีวิตที่อ่อนแอของฉัน ฉันสัญญาว่าฉันจะปฏิบัติตามกฎของทีมอย่างเคร่งครัดและไม่ออกไปไหนโดยไม่มีเหตุผลอีก”
“มันคงจะดีถ้าเป็นแบบนั้นได้จริง ๆ ตอนนี้รีบกลับโรงแรมกันก่อนเถอะครับ” เมื่อชายหนุ่มได้ยินความมั่นใจของชายชรา การแสดงออกของเขาก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ การแสดงออกทางสายตาเขาก็เริ่มลดระดับความรุนแรงลง อย่างไรก็ตามเมื่อเขากำลังก้าวไปข้างหน้าเขาสังเกตเห็นว่าจางลี่เฉินกำลังใช้ความคิดอยู่กับตัวเองจนแน่นิ่งจนเป็นเหมือนรูปปั้น
ต่อหน้าหนุ่มวัยรุ่นที่ดูอ่อนกว่า ชายหนุ่มชาวจีนผู้ซึ่งยังมีความโกรธอยู่ในตัวไม่ได้ทำตัวสุภาพเท่ากับตอนที่คุยกับชายชรา เขาพูดขึ้นว่า “ฉันบอกว่าให้พวกเรากลับโรงแรมกันก่อนไม่ได้ยินหรือไง?”
“พี่ชาย พี่กับลุงสวีพูดเออออกันเองโดยไม่มีใครถามความคิดเห็นของฉันสักคำว่ายินดีที่จะเข้าร่วมทีมด้วยหรือเปล่า?!”
ชายหนุ่มตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาค่อย ๆ มองจางลี่เฉินอย่างจริงจังก่อนจะแสยะยิ้มประดิษฐ์ “เธอออกมาทำงานก่อนที่จะเรียนจบมัธยมปลายใช่ไหม? เป็นลูกหลานชาวจีนแต่ถ้าตัดสินจากเสื้อผ้าน่าเกลียดที่เธอสวมใส่อยู่ตอนนี้แล้วเธอคงเป็นกบฏที่ถูกขับไล่ล่ะสิหื้ม? คงคิดว่าตัวเองรู้ดีไปหมดทุกอย่างถึงได้ทำท่าดูถูกทุกคนแบบนี้ใช่ไหม?”
“หัวหน้าชุ่ย โปรดอย่าพูดจาแบบนั้นเลยนะ เขาเก่งด้านศิลปะการต่อสู้ไม่น้อยและอารมณ์ของเขาก็ค่อนข้างรุนแรงดังนั้นขอให้ฉันได้พูดคุยกับเขาก่อน” ชายชราพึมพำด้านข้างขณะแอบยิ้มมีความสุขในความโชคร้ายของคนอื่น
“แม้ทักษะศิลปะการต่อสู้ของเขาจะดีแต่เขาจะเอาชนะพลังอำนาจรอบรู้ไปได้อย่างไร?” ชายหนุ่มยิ้มและยื่นมือไปจับไหล่ของจางลี่เฉิน “ทำตามที่ฉันพูดอย่างเชื่อฟังซะ อย่าทำลายความสัมพันธ์ที่เราพึงมีต่อกัน เธอจะต้อง… “
ในการเผชิญหน้ากับการโจมตี จางลี่เฉินก้าวเดินถอยหลังเล็กน้อยด้วยสีหน้าว่างเปล่า จากนั้นเขาก็ย่อตัวและกระโดดขึ้นจากพื้นขึ้นด้านบน 7 – 8 เซนติเมตร สะสมพลังงานที่แข็งแกร่งไว้ที่แขนขวาแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป
มันไม่ได้ทำให้เกิดเสียงลมหรือให้ความรู้สึกเหมือนถูกคุกคามกดขี่แต่อย่างใด แต่ชายชราที่อยู่ใกล้ ๆ เริ่มหน้าถอดสีและรีบก้าวไปข้างหน้า ฝ่ามือของเขาเหยียดตรงไปยังหมัดของจางลี่เฉินราวกับว่าไม่มีกระดูก “พ่อหนุ่ม! ทำไมถึงได้ทำตัวไร้ความปราณีขนาดนี้ มันก็แค่ความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเท่านั้น”
เมื่อได้เห็นชายชราเข้ามาหยุดยั้ง ชายหนุ่มที่นามสกุลชุ่ยก็เริ่มร่ายคาถาแปลก ๆ อย่างระวังแล้วผิวของเขาก็เปล่งประกายไปด้วยสีเทาเงิน
เมื่อจางลี่เฉินเห็นว่าเวลาที่ใช้ในการโจมตีของเขาได้ผ่านไปแล้ว และด้วยความไม่ตั้งใจที่จะเปลี่ยนร่างบนท้องถนนหรือต้องการให้มีข่าวว่ามีคนกลายเป็นสัตว์ประหลาดมาโจมตีเมือง เขาโบกแขนของตัวเองเบา ๆ และดึงกำปั้นกลับมา ทันใดนั้นก็เกิดการระเบิดของอากาศโดยรอบอย่างรวดเร็ว
เขายิ้มและพูดว่า “พี่ชาย พี่ไม่มีทางหยุดฉันได้ฉันฉันต้องการจะจากไป มันคงเป็นการดีกว่าที่จะไม่ทำลายความสัมพันธ์อันกลมกลืนของพวกเรากันเอง”