The king of War - บทที่ 943 กลายเป็นพ่อบุญธรรม
“ยิ่งไปกว่านั้น เพราะอาจารย์ของกวนเย่ว ทำให้เรื่องแต่งงานของตระกูลคิงกวนกับตระกูลอู่หวงล้มเหลว ตามกฎแล้ว กวนเย่วควรได้รับโทษหนัก”
ทันใดนั้น มีคนพูดขึ้นทันที “ใช่ ให้กวนเย่วเป็นหัวหน้าสาม ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้ เธอเป็นคนร้ายของตระกูลคิง ควรได้รับโทษหนัก!”
“ต้องได้รับโทษหนัก!”
ทันใดนั้น คนตระกูลคิงกวน พากันพูดขึ้นมา
คนตระกูลคิงกวนมากมายเช่นนี้ ไม่มีใครสนับสนุนความคิดของกวนหงอี้ แม้แต่คนเดียว
ขนาดคนที่ปกติยืนข้างกวนหงอี้ ยังยืนคนละข้างกับกวนหงอี้
กวนหงอี้สีหน้าไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก เขาถามด้วยเสียงโมโห “งั้นพวกนายบอกฉันมาสิ เรื่องนี้จะจัดการยังไง”
ถ้าไม่มีอู่หนิง กวนหงอี้ไม่ปล่อยหยางเฉินแน่ แต่ตอนนี้อู่หนิงจ้องเขาด้วยแววตาอย่างกับเสือ ขืนตระกูลคิงกวนจัดการหยางเฉิน ไม่ต้องคิดก็รู้ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลอู่หวง กับตระกูลคิงกวน จะแย่ถึงขั้นไหน
หลังกวนหงอี้ถามประโยคนี้ออกมา คนที่ตะโกนว่าให้ลงโทษหนักกับกวนเย่ว รีบหุบปากทันที
อู่หนิงส่งเสียงหึอย่างเย็นชา แววตาแหลมคมทั้งสองข้าง กวาดตามองคนตระกูลคิงกวน เหมือนกำลังบอกว่า “ดูสิว่าใครจะกล้า”
หยางเฉินก็ไม่รีบร้อน รอให้ตระกูลคิงกวนตัดสินใจ
“เมื่อกี้นายพูดแล้ว วันนี้มาตระกูลคิงกวน มีสองเรื่อง เรื่องแรกคือพากวนเย่วไป ส่วนอีกเรื่องคือช่วยน้องชาย ให้ตระกูลคิงกวนชดใช้”
“ในเมื่อนายจะพากวนเย่วไป ได้สิ! งั้นถือว่าเรื่องแรกจบแล้ว ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องที่สองให้เรียบร้อย”
กวนเจิ้นไห่เดินออกมา มองหยางเฉินด้วยสีหน้าเฉยชา “ไม่ว่าสาเหตุอะไร น้องชายนายบุกเข้ามาตระกูลคิงกวน เป็นโทษตาย นายจะให้เราชดใช้ ไม่มีทางเป็นไปได้!”
“ในเมื่อนายกล้ามาตระกูลคิงกวนตัวคนเดียว เห็นได้ชัดว่านายมั่นใจในพละกำลังตัวเองมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเรามาใช้บู๊ จัดการเรื่องที่สอง เป็นไง”
หยางเฉินยิ้มบางๆ “เมื่อกี้ฉันพูดไปแล้ว พวกนายสู้ได้ตามสบาย ในเมื่อพวกนายจะใช้วิถีบู๊จัดการเรื่องนี้ ฉันไม่มีความเห็นใด”
“ถึงพวกนายใช้พลังบู๊กับฉันพร้อมกัน ฉันก็กล้ารับมือ แล้วแต่พวกนายเลย!”
หยางเฉินเยาะเย้ยตระกูลคิงกวนอย่างไม่ปิดบังสักนิด
กวนเจิ้นไห่ไม่สนคำเยาะเย้ยของหยางเฉิน เขาพูดอย่างราบเรียบ “วางใจเถอะ กวนหงอี้ทำเรื่องไร้ยางอายขนาดนั้นได้ แต่กวนเจิ้นไห่ทำไม่ได้”
กวนหงอี้หน้าดำคร่ำเครียด ถึงเขายังไม่ได้ตำแหน่งผู้สืบทอด ของกษัตริย์กวนอย่างสมบูรณ์ แต่ก็เป็นเจ้าชายใหญ่
ถ้าพูดว่าคนที่มีโอกาสเป็นผู้สืบทอดตระกูลคิงกวนมากที่สุดคือใคร คงมีเพียงเขาเท่านั้น
แต่กวนเจิ้นไห่กลับไม่ไว้หน้าเขาสักนิด
ตอนจัดการหม่าชาวเมื่อคืนวาน ถึงกวนเจิ้นไห่อยู่ในสถานการณ์ แต่เขาไม่ได้ร่วมการโจมตี
เขามีสิทธิ์พูดเช่นนี้
แต่บอกว่ากวนหงอี้ไร้ยางอาย ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ ทำให้กวนหงอี้โกรธสุดขีด
“กวนเจิ้นไห่ รอให้นายใช้พละกำลังของคนเดียว ทำให้เขาพ่ายแพ้ก่อน แล้วค่อยมาสั่งสอนการกระทำของฉัน”
ถึงกวนหงอี้จะโกรธ แต่ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้
กวนเจิ้นไห่ไม่แม้แต่จะมองกวนหงอี้ มองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่จะต่อสู้ “ไอ้หนุ่ม สู้กับฉัน นายกล้ารับมือหรือเปล่า”
หยางเฉินพูดอย่างราบเรียบ “ทำไมจะไม่กล้า แต่ก่อนจะสู้กัน ฉันขอถามให้ชัดเจนก่อน ถ้าพวกนายพ่ายแพ้ในวิถีบู๊ จะไม่จงใจหาเรื่องฉันด้วยวิธีอื่น ให้เสียเวลาใช่ไหม”
“อีกอย่าง ถ้าพวกนายแพ้ จะชดใช้อะไรให้ฉัน”
กวนเจิ้นไห่อึ้งไป จากนั้นจึงเข้าใจสิ่งที่หยางเฉินจะสื่อ
ความฮึกเหิมในแววตาเขายิ่งรุนแรงขึ้น เขาหรี่ตาลง แล้วพูดว่า “ฉันเป็นได้เพียงตัวแทนของศาลายุติธรรมตระกูลคิงกวน ถ้าฉันแพ้ ศาลายุติธรรมจะไม่สร้างความลำบากใจ ให้นายกับกวนเย่ว”
หยางเฉินส่ายหน้า “ดูเหมือนพวกนายจะไม่ได้มีความเห็นเดียวกันนะ เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันให้เวลาพวกนายห้านาที ปรึกษาหารือให้ได้ข้อสรุปเดียวกัน”
“ฉันไม่สนใจว่าพวกนายจะเตรียมต่อสู้กับฉันแบบทีละคน หรือจะเข้ามาพร้อมกัน ฉันสนใจแค่ว่า ถ้าพวกนายแพ้ จะชดใช้อะไรให้ฉัน”
อู่หนิงก็พูดว่า “ในเมื่อคุณหยางพูดเช่นนี้ งั้นฉันขอเสนอตัวเป็นผู้ตัดสิน ถ้าตระกูลคิงกวนแพ้ แล้วไม่ชดใช้ให้คุณหยาง อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจพวกนาย!”
คนของตระกูลคิงกวน ต่างมีสีหน้าโมโห แต่ทำได้แค่โกรธ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
กวนเจิ้นไห่พยักหน้าตอบรับอย่างไม่ลังเล “ได้ งั้นเราจะให้คำตอบที่เป็นหนึ่งเดียวกับนาย”
คนตระกูลคิงกวนรวมตัวกัน ปรึกษาหารือเสียงเบา แต่ดูออกจากสีหน้าของพวกเขา ต่างคนต่างมีความคิดเห็นของตัวเอง
“คุณหยาง คุณต้องระวังกระบวนท่าซ่อนเร้นของตระกูลคิงกวน ในเมื่อพวกเขากล้าใช้ปืนกับน้องชายคุณ ก็คงหนีไม่พ้น ที่จะใช้วิธีมีเลศนัยกับคุณ”
อู่หนิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถึงคำพูดของผมจะทำให้พวกเขาตกใจได้บ้าง แต่ยังไงนี่ก็คือตระกูลคิงกวน คำพูดของผมไม่ได้มีน้ำหนักมากขนาดนั้น”
หยางเฉินพยักหน้า “ขอบคุณมาก!”
อู่หนิงส่ายหน้า “คุณหยาง คุณไม่ต้องเกรงใจผมแล้ว อันที่จริง ตอนแรกที่ตระกูลคิงกวนจะแต่งกับตระกูลอู่หวง ตอนผมเห็นรูปของกวนเย่ว ผมพอใจลูกสะใภ้คนนี้มาก”
“แต่คิดไม่ถึงว่ากวนเย่ว ไม่อยากแต่งเข้าตระกูลอู่หวง ผมรู้ว่าลูกชายผมมีปัญหาด้านปัญญา ไม่คู่ควรกับกวนเย่วจริงๆ”
“แต่ผมอยากรับกวนเย่วเป็นลูกบุญธรรม ถ้าเธอยอม ต่อไปเราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน”
หยางเฉินไม่ปฏิเสธเจตนาดีของอู่หนิงอยู่แล้ว
เขายิ้มมองกวนเย่ว แล้วพูดว่า “เสี่ยวเย่ว หัวหน้ารองยอมรับเธอเป็นลูกบุญธรรม เป็นเกียรติของเธอนะ เธอยังไม่รีบเรียกว่าพ่อบุญธรรมอีก”
กวนเย่วอึ้งไป และตั้งสติได้ นี่อู่หนิงไม่บังคับให้เธอแต่งกับอู่จื่อไคแล้ว
ไม่เพียงแค่นั้น อู่หนิงยังรับเธอเป็นลูกบุญธรรม มอบที่พึ่งพาอันยิ่งใหญ่ให้เธอ ต่อไปถึงเป็นกวนหงอี้ ก็ทำอะไรเธอไม่ได้แล้ว
“พ่อบุญธรรม!”
กวนเย่วรีบพูดออกมา
หยางเฉินให้เธอรับอู่หนิงเป็นพ่อบุญธรรม เธอไม่คัดค้านอยู่แล้ว
“ฮ่าๆๆ ดี! ลูกสาวที่ดี!”
อู่หนิงหัวเราะเสียงดัง รีบดึงอู่จื่อไคออกมา “จื่อไค ต่อไปกวนเย่วเป็นพี่สาวบุญธรรมของลูก รีบเรียกเธอว่าพี่สิ!”
อู่จื่อไคสีหน้าไม่พอใจ “ไม่ ผมจะให้เธอเป็นภรรยาผม ไม่ให้เป็นพี่สาว!”
“จื่อไค!!”
อู่หนิงเบิกตาโตทั้งสองข้าง อู่จื่อไคเบะปาก พูดสะอื้น “เธอเป็นภรรยาผม!”
“หัวหน้ารอง คุณไม่ต้องบังคับจื่อไคแล้ว เขาอยากเรียกยังไง ก็ตามใจเขาเถอะ!”
กวนเย่วอดพูดไม่ได้
เธอแค่ไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ชอบ อีกทั้งยังไม่รู้จักด้วย
สำหรับอู่จื่อไค เธอไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ กลับเห็นใจด้วยซ้ำ
ถึงอู่จื่อไคเรียกตัวเองว่าภรรยา ก็ไม่สามารถยืนยันอะไรได้ เธอทนไม่ได้ที่จะเห็นอู่จื่อไคปวดใจอีก
“เอ่อ……”
อู่หนิงมองหยางเฉินอย่างระแวดระวัง หยางเฉินไม่พูดอะไร เขาไม่กล้าให้อู่จื่อไคเรียกกวนเย่วว่าภรรยาจริงๆ
“อาจารย์!”
กวนเย่วก็มองหยางเฉิน
หยางเฉินยิ้มบางๆ “ในเมื่อเสี่ยวเย่วไม่ถือสา งั้นก็ให้เรียกตามใจน้องจื่อไคเถอะ แค่สรรพนามเท่านั้น ตามใจเขาเถอะ”
“ขอบคุณครับคุณหยาง!”
อู่หนิงยิ้มและเอ่ยขึ้น
อู่จื่อไคดีใจมาก “ภรรยาๆ ต่อไปฉันเรียกเธอว่าภรรยา ภรรยา เล่นเกมกินไก่กับฉันได้ไหม”
เห็นท่าทางดีใจจนกระโดดโลดเต้นของอู่จื่อไค กวนเย่วมีสีหน้าจนปัญญา