The king of War - บทที่ 957 ผู้สืบทอดตระกูลเจียง
“วางใจเถอะ กษัตริย์กวนไม่ใช่คนโง่ เขาน่าจะเดาตัวตนฉันได้ ถ้ายังอยากแตะต้องฉัน เขาคงโง่จริงๆ”
หยางเฉินรู้ว่าหม่าชาวเป็นห่วงตัวเอง จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
“นายวางใจเถอะ ฉันจะตามคุณหยางไปด้วย ไม่มีทางให้เขาเป็นอะไรแน่นอน”
ต่งจ้านกังพูดด้วยสีหน้าแน่วแน่
“นายก็ไม่ต้องตามฉันไป อยู่ที่นี่ ปกป้องพวกเขาให้ดีก็พอ”
หยางเฉินเอ่ยขึ้น ไม่มีความคิดที่จะพาคนไปตระกูลเจียง
ถึงปากจะพูดอย่างสบายๆ อันที่จริงในใจก็กังวลเหมือนกัน
อย่างที่หม่าชาวกังวล ตระกูลคิงกวนเป็นผู้ครอบครองเมืองกษัตริย์กวน วันนี้เขาปรากฏตัวในเมืองกษัตริย์กวน ถ้าใช้ตัวตนของตัวเอง ช่วยตระกูลเจียง
งั้นต่อไปในเมืองกษัตริย์กวน จะใช้แซ่กวนหรือแซ่เจียงดีล่ะ
“พี่เฉิน ผมไม่เป็นไร……”
หม่าชาวยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนหยางเฉินพูดตัดบท “ฉันตันสินใจแล้ว จะพาแค่เสียวหว่านไปตระกูลเจียง”
เมื่อเห็นสีหน้าหยางเฉินจริงจังขึ้นมา หม่าชาวจึงไม่พูดอะไรมาก แต่ในแววตายังเต็มไปด้วยความกังวล
“หลังรักษาผู้อาวุโสเจียงหายดี เราจะกลับเมืองเยี่ยนตู ไม่แน่เสียวหว่านอาจรักษาอาการป่วยของเสียวเสวี่ยหายก็ได้”
หยางเฉินพูดขึ้นมาอีก
เมื่อพูดถึงหมีเสวี่ย ใบหน้าตึงเครียดของหม่าชาว ดีขึ้นมาก
เฝิงเสียวหว่านเรียนการแพทย์กับหมอเทวดาเฝิงตั้งแต่เด็ก สืบทอดความรู้จากหมอเทวดาเฝิงมาทั้งหมด ฝีมือทางด้านการแพทย์สูงส่งมาก
ความมั่นใจในการรักษาหมีเสวี่ยให้หาย ต้องมีมากอย่างแน่นอน
“เสียวหว่าน เราไปกันเถอะ!”
ขณะนั้น เฝิงเสียวหว่านเดินออกมาจากในห้อง ในมือถือกล่องยาอันเล็กๆ ล้วนเป็นอุปกรณ์แพทย์ ที่ใช้ดูอาการของเจียงสยง
ในขณะเดียวกันที่ตระกูลเจียง
วันนี้ที่ลานบ้านตระกูลเจียง ทำความสะอาด จนสะอาดเอี่ยมอ่อง เพื่อต้อนรับการมาของหยางเฉิน
ในห้องของเจียงสยง สองพ่อลูกเจียงหลงเฟยกับเจียงลี่อยู่ในห้อง ยืนนอบน้อมตรงหน้าเจียงสยง
“เรื่องที่ฉันให้พวกแกทำ ไปถึงไหนแล้ว”
เจียงสยงถามอย่างเคร่งขรึม
เจียงหลงเฟยรีบพูดว่า “พ่อ ผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แค่ตระกูลคิงกวนกล้าแตะต้องตระกูลเจียง ถึงกษัตริย์กวนมาด้วยตัวเอง ก็อย่าหวังว่าจะรอดออกไป”
เจียงลี่ก็พูดว่า “ผมเตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว คนทำอาหาร คือหวังจ้งหยาง ปรมาจารย์ด้านงานจัดเลี้ยงของประเทศ อาหารแต่ละอย่าง ทำตามมาตรฐานงานจัดเลี้ยงของประเทศ ไม่เสียฐานะของคุณหยางแน่นอน”
เจียงสยงพยักหน้าเบาๆ “งั้นฉันก็โล่งอก!”
“แต่ว่า……”
จู่ๆ เจียงหลงเฟยลังเล พูดเพียงสองคำ ก็ไม่กล้าพูดต่อ
“พูด!”
เจียงสยงเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดอย่างเย็นชา
“ผมทำตามคำสั่งของคุณ ใช้กำลังพลของตระกูลเจียง แต่หัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ จัดผู้คุ้มกันมาแค่ไม่กี่คนเท่านั้น”
เจียงหลงเฟยพูดอย่างกล้าๆ กลัว “แต่หัวหน้าคนอื่นๆ ให้ความร่วมมืออย่างดี ให้ผมเลือกใช้ผู้แข็งแกร่งได้ตามใจ จึงรับรองเรื่องความปลอดภัยของวันนี้”
สิ่งที่ทำให้เจียงหลงเฟยคิดไม่ถึง เจียงสยงไม่โกรธ แต่มีสีหน้าอึมครึมเท่านั้น
“หัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม คงรอให้ฉันตายสินะ”
เจียงสยงพูดอย่างเย็นชา “แค่ฉันตาย พวกเขาจะได้รับตำแหน่งผู้นำได้อย่างสมเหตุสมผล แต่ครั้งนี้ กลัวว่าพวกเขาจะผิดหวังน่ะสิ”
เจียงหลงเฟยไม่กล้าพูดอะไร ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพละกำลังวิถีบู๊ของเขาอ่อนแอ คงไม่ทำให้เจียงสยงไร้ทายาทสืบทอด
ตระกูลที่มีกำลังเป็นรองตระกูลคิงอย่างตระกูลเจียง ผู้นำของพวกเขา พละกำลังอย่างน้อยๆ ก็อยู่ในแดนราชาขั้นปลาย
พละกำลังของเจียงหลงเฟยอยู่ในแดนราชาขั้นต้น ในตระกูลทั่วไป นับว่าแข็งแกร่งมาก
แต่เขาเป็นทายาทของเจียงสยง พละกำลังแค่นี้ ไม่สามารถเป็นผู้นำตระกูลเจียงคนใหม่ แทนเจียงสยงได้
“พ่อ คุณหยางน่าจะใกล้ถึงแล้ว ผมขอออกไปต้อนรับข้างนอกนะครับ”
เจียงหลงเฟยมองเวลา และเอ่ยขึ้น
“แกยังมีคุณสมบัติไม่พอ ที่จะต้อนรับคุณหยาง ฉันไปเอง!”
เจียงสยงพูดจบ ก็ค้ำไม้เท้าลุกขึ้น
วันนั้นเฝิงเสียวหว่านให้ยาเขาสามเม็ด กินวันละเม็ดก่อนนอนทุกวัน จนถึงวันนี้ ถึงใช้ติดต่อกันแค่สองวัน แต่เขากลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าร่างกายของตัวเองดีขึ้นมาก
สามวันก่อนหน้านี้ เขาอยากค้ำไม้เท้าลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง ก็ยังลำบากมาก แต่วันนี้ กลับง่ายดายมาก
นี่ทำให้เขามั่นใจกับการรักษาที่จะมาถึง
เจียงหลงเฟยกับเจียงลี่เห็นภาพตรงหน้า ถึงกับตกใจมาก
แต่พวกเขาเพิ่งเดินออกจากห้อง ก็เจอกับคน 7-8 คน และแบ่งเป็นสองทีม
ในสองทีม ผู้นำแต่ละทีม เป็นผู้อาวุโสในชุดจีน
“ผู้นำ ได้ยินว่าวันนี้คุณจะพบแขกวีไอพีเหรอ”
หนึ่งในผู้อาวุโส หัวเราะแล้วเดินเข้ามา มองเจียงสยง และถามขึ้น
ส่วนผู้อาวุโสอีกคนก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “ฉันได้ยินว่า ยังมีหมอเทวดาคนหนึ่ง จะรักษาอาการป่วยของผู้นำเหรอครับ”
เจียงสยงหน้าเปลี่ยนสี สีหน้าเย็นยะเยือกไม่น้อย
เรื่องนี้มีคนรู้ไม่มาก เขามั่นใจว่าเจียงหลงเฟยกับเจียงลู่ ไม่เปิดเผยเรื่องนี้แน่นอน
เรื่องที่เกิดขึ้นที่อู๋เจียชุนในวันนั้น ถึงมีคนเห็นด้วยตาตัวเองเยอะ แต่มีกษัตริย์กวนอยู่ในนั้น ก็ไม่มีใครเปิดเผยแม้แต่น้อย
แต่ตาเฒ่าสองคนนี้กลับรู้
“หัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม พวกคุณมาอย่างน่ากลัว นี่กะจะบังคับกันหรือเปล่า”
เจียงสยงตอบไม่ตรงคำถาม สีหน้าเย็นชา
“ผู้นำคิดร้ายไปแล้ว!”
หัวหน้ารองหัวเราะ แล้วพูดว่า “ผมปรึกษากับหัวหน้าสามแล้ว ตัดสินใจแต่งตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำก่อน”
หัวหน้าสามก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “อาการป่วยของผู้นำหนักขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าว่าจะเดินไม่ไหวแล้ว ผมกับหัวหน้ารองจึงกังวล ถ้าหมอเทวดาที่คุณหามา เป็นหมอไม่เก่ง รักษาให้อาการคุณหนักขึ้น ขืนคุณเป็นอะไรขึ้นมา ตระกูลเจียงจะทำยังไง”
หัวหน้ารองกับหัวหน้าสามตระกูลเจียง ปากบอกว่าไม่ได้บีบบังคับ แต่ในคำพูดกลับบังคับอย่างชัดเจน
“คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง”
จู่ๆ เจียงหลงเฟยโมโหขึ้นมา พูดอย่างโมโหใส่หัวหน้าสาม “อะไรที่เรียกว่าถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝัน”
“พ่อผมยังมีชีวิตอยู่ พวกคุณก็รอไม่ไหวแล้วหรือไง”
หัวหน้าสามเลิกคิ้วขึ้น “นายพูดกับผู้อาวุโสแบบนี้เหรอ มีการศึกษาหรือเปล่า”
เจียงหลงเฟยกำลังจะพูด แต่โดนเจียงสยงห้ามไว้
“ลูกชายฉันมีการศึกษาหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับพวกนายไม่ทราบ”
เจียงสยงมองหัวหน้าสามอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ฉันสิต้องถามนาย นายมาเจอผู้นำ พูดกับผู้นำแบบนี้เหรอ นายรู้จักเคารพลำดับชั้นอาวุโสหรือเปล่า”
“ทำไมผมจะไม่รู้จักเคารพลำดับชั้นอาวุโสล่ะ”
หัวหน้าสามพูดอย่างโมโห “ผมพูดความจริง คุณเป็นผู้นำตระกูลเจียง ถึงจะหาหมอเทวดามารักษา ก็ต้องให้หัวหน้าแต่ละคนตรวจสอบก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าหมอเทวดาที่คุณหามา ไม่มีปัญหา ถึงจะรักษาคุณได้”
“แต่ดูคุณสิ หาหมอเทวดามารักษาคุณ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่บอกพวกเรา ถ้าเกิดคุณเป็นอะไรขึ้นมา ตระกูลเจียงจะทำยังไง”
หัวหน้าสามทำเป็นรักษาความชอบธรรม ราวกับว่าเจียงสยงไม่ได้บอกเรื่องหาหมอเทวดา เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากอย่างไรอย่างนั้น
หัวหน้ารองก็พูดเสริม “ผมว่าหัวหน้าสามพูดถูก ตอนนี้ตระกูลเจียง เป็นตระกูลที่มีพละกำลังครอบคลุม ที่เป็นรองตระกูลคิงกวน”
“การที่คุณเป็นผู้นำ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา พวกตระกูลที่จ้องจะเล่นงานตระกูลเจียง ต้องใช้โอกาสนี้หาเรื่องตระกูลเจียงแน่”
“เรื่องนี้ผู้นำคิดไม่รอบคอบจริงๆ”