The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1069 สารภาพ
“จ้าวแห่งความมืดได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์ผู้ปกครองชั่วคราว และตำแหน่งเขาจะถูกแทนด้วย’ปีศาจควอนตัม’จูดิทชั่วคราว…”
หานเซี่ยวจดจ่อกับข้อมูลภายใน เขาอดตกใจไม่ได้
สามอารยธรรมจักรวาลแต่ละแห่งมีผู้อยู่เหนือระดับสูงสุดเป็นผู้พิทักษ์พวกเขา สำหรับจักรวรรดิคริมสัน มันคือ[จ้าวแห่งความมืด]คล็อตติ สำหรับสหพันธ์แห่งแสง มันคือ[วงแหวนทองคำ]โอลู และสำหรับศาสนจักรอาร์เคน มันคือ[เทพจำแลง]วูร์นอส
ในแวดวงผู้อยู่เหนือของจักรวรรดิ จ้าวแห่งความมืดมีสถานะสูงสุดและยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าไม่เข้าสังคม ตลอดระยะเวลาหลายปี ควบคู่กับความทรงจำของชีวิตก่อนหน้าเขา หานเซี่ยวเข้าใจดีถึงนิสัยของคล็อตติ
นี่คือความภักดีต่อจักรวรรดิแบบถึงตายถ้าไม่มีเหตุผลพิเศษ เขาจะไม่ก้าวลงจากตำแหน่งนี้เด็ดขาด
ในอดีต เหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ความเป็นไปได้ที่เขาจะออกไปทำเรื่องส่วนตัวถูกตัด มันน่าจะเพราะเขารับภารกิจพิเศษบางอย่าง
“นี่น่าจะเป็นผลกระทบจากฉัน อาจเกี่ยวกับโทเท็มวิวัฒนาการหรือภารกิจช่วยเหลือฮีล่า”
พูดตามตรง เขารู้สึกกังวลถึงข่าวนี้
ตามความทรงจำเขา ผู้อยู่เหนือบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมขั้นสูงมักภักดีและทุ่มเท วางความต้องการของอารยธรรมไว้เหนือสุดและจ้าวแห่งความมืดก็คือหนึ่งในนั้น คนเหล่านี้จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของสมาคมผู้อยู่เหนือและอาจต่อต้านพวกเขาด้วยซ้ำ
เพื่อให้สัตว์ประหลาดเช่นนั้นเคลื่อนไหวสู่โลกภายนอก มันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งนี้อาจขัดขวางการก่อสร้างของสมาคมพัฒนาผู้อยู่เหนือโลกริบหรี่ แต่ทว่า มันเปล่าประโยชน์ที่จะเจาะลึกลง เพราะการดำรงอยู่ของหานเซี่ยว เส้นชะตากรรมหลายอย่างของตัวละครจึงเปลี่ยนไป เขาทำได้แค่ปรับตัว
สำหรับ’ปีศาจควอนตัม’จูดิท ผู้มาแทนคล็อตติ เขาคือช่างกลเสมือนจากจักรวรรดิ เขาคือคนที่รับผิดชอบการปกป้องวิญญาณวีรชน ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์หลักของจักรวรรดิและยังถือว่าแกร่งมาก
“พูดตามตรง ผู้อยู่เหนือสายตรงจากจักรวรรดิไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับพันธมิตรนัก”ดวงตาของหานเซี่ยวไหววูบ
ภายในแวดวงผู้อยู่เหนือ มีเพียงพันธมิตรถึงชอบรวมตัวกัน สำหรับพวกสายตรง พวกเขาจะเลือกอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ไม่เหมือนพันธมิตร พวกสายตรงมักมีตำแหน่งทางการเสมือ บางคนดูแลด่านมิติที่สอง บางคนเป็นผู้บัญชาการกองยาน พวกเขาไม่มีอิสระ มีแค่พันธมิตรกึ่งสายตรงอย่างโคเลอร์ถึงสบาย แน่นอน มันอาจเพราะจักรวรรดิคิดว่าเขาอ่อนแอเกินไป
ขณะคิด อนุภาคนับไม่ถ้วนก็ฉายต่อหน้าเขา รวมเป็นภาพฟิลลิป
“นายท่าน ฮึ่ม…โจติน่าและพวกเธอมาถึงแล้ว มันถึงเวลาต้องไปพบพวกเธอ”ฟิลลิปกะพริบตา
“โอ้ พาพวกเธอไปห้องรับรอง เรียกฮีล่ากับเจ้าหน้าที่ภัยพิบัติมาพบพวกเธอด้วย”
หานเซี่ยวหยิบชุดผู้บัญชาการกองทัพขึ้นมาสวมก่อนเดินออกห้อง
…
โจติน่ากับพวกเธอตามพนักงานต้อนรับมาถึงห้องรับรองและเจ้าหน้าที่กองทัพหลายคนก็ค่อยๆเดินเข้ามา พวกเขาอยากรู้เกี่ยวกับเพื่อนใหม่ แต่โดยไม่ได้รับอนุมัติจากนายตัวเอง ไม่มีใครกล้าเข้าไปคุย
ฝ่ายนี้ไม่ได้มีแค่เจ็ดภัยพิบัติที่แปรพักตร์แต่ยังรวมถึงกลุ่มสองอย่างชไนเดอร์ ทั้งหมด11 คน พวกเขารออยู่ตรงกลางห้อง มองเจ้าหน้าที่เหมือนกัน
ทั้งสองฝ่ายจ้องตากันและหลังจากนั้นไม่นาน หานเซี่ยวกับฮีล่าก้เดินเข้ามา
“สวัสดีท่านแบล็คสตาร์และท่านฮีล่า”
โจติน่าและกลุ่มเธอยืนขึ้นทักทาย
หานเซี่ยวยิ้ม”ทุกคนมากันครบแล้ว พวกเธอออกจากเงาและมาเข้าร่วมแสงสว่าง หลังเข้าร่วมกองทัพแบล็คสตาร์ พวกเธอจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา”
“ใช่ ยินดีต้อนรับ”ต่อหน้าทุกคน ฮีล่าไม่ยิ้ม
11 ภัยพิบัติถือว่าเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่ง มากพอจะสลักชื่อในจักรวาล ตอนนี้ที่กลุ่มนี้เข้าร่วมกองทัพ พลรบระดับสูงของกองทัพจึงเพิ่มขึ้น แถมยังมีพวกชั้นสูงอย่างโจติน่าและชไนเดอร์
หานเซี่ยวได้ดูพลรบระดับสูงทุกคนที่เข้าร่วมกองทัพ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าหน้าที่ของบรรพชนอสูรถึงมาวังแบล็คสตาร์
“เรื่องตำแหน่ง ฉันยังไม่ได้จัดการ ถ้ามีคำขอ บอกฉันได้เลย ฉันจะรับไว้พิจารณา”หานเซี่ยวยิ้ม
เมื่อได้ยิน ทุกคนก็แสดงเจตนา บอกว่ามันไม่สำคัญตราบเท่าที่พวกเขาได้รับใช้กองทัพ มีเพียงโจติน่าถึงเสนอ
“ท่านแบล็คสตาร์ ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากเข้าร่วมองครักษ์ส่วนตัวท่าน”
“เอ๊ะ?”หานเซี่ยวมอง”ทำไม?”
โจติน่าแหงนหน้า จ้องมองหานเซี่ยวด้วยสายตาเร่าร้อน ไม่คิดปิดบังอะไร”ร่างกายไม่โกหก ฉันมีความรู้สึกรุนแรง และหวังว่าจะได้อยู่ติดกับท่าน ถ้ามีอโอกาส ฉันหวังว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเรา.”
วินาทีที่เธอพูด ทั้งห้องก็เงียบสงัด!
“อืม?!”ดวงตาของฮีล่าหรี่แคบ เดิมเธอไม่สนใจ แต่ตอนนี้เธอกลับสำรวจโจติน่าตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าหน้าที่รอบๆคิดว่าพวกเขาหูฝาด ทั้งหมดเปลี่ยนสีหน้า ไม่คิดว่าเธอจะพูดตรงขนาดนี้
แม้แต่พวกชไนเดอร์ก็ยังตกใจ ไม่คิดว่าพี่สาวพวกเขาจะพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ
บัดซบ เราเพิ่งเข้าร่วมกองทัพและเธอก็แสดงเจตนาจะผสมพันธุ์กับผู้อยู่เหนือแล้ว?!
กล้าเกินไปแล้ว!
ต่อให้รู้สึกบางอย่างกับแบล็คสตาร์ แต่เธอก็ควรทำทีละขั้น
พูดตรงๆ…มีเพียงเธอถึงทำได้!
หานเซี่ยวตกตะลึง ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาทำได้แค่โบกมือ
“เอาละ ฉันไม่สนใจเรื่องแบบนี้ แต่ทว่าฉันจะลองพิจารณา ก่อนอื่นให้ฉันเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจพลังของเธอ เดินมาหาฉันทีละคนและให้ฉันชกเพื่อให้ฉันตัดสินความสามารถ”
เขาข้ามเรื่องนี้ไปและโจติน่าก็ไม่ยืนกรานต่อ
การสนทนากลับเป็นปกติ แต่บรรยากาศแปลกๆยังอยู่
ทุกคนจ้องหานเซี่ยวสลับกับโจติน่า พลางลอบมองฮีล่า
แถวของภัยพิบัติยืนตรงหน้าหานเซี่ยว อนุภาคนาโนพุ่งออกมาด้านหลังหานเซี่ยว ผสานเป็นเครื่องจักรคล้ายมนุษย์สีดำเงินลอยอยู่ข้างหานเซี่ยว
ร่างกายมนุษย์นี้ส่งหมัดเหล็กรุนแรงใส่เจ้าหน้าที่ทุกคนจากบรรพชนอสูร
ค่าสถานะของภัยพิบัติแต่ละคนแสดงรายละเอียดและหานเซี่ยวก้รีบดูความสามารถ
ท่ามกลางกลุ่มคนนี้ คนที่ทรงพลังสุดคือเมล็ดพันธุ์ผู้อยู่เหนืออย่างโจติน่า เธอมีความโดดเด่นแม้กระทั่งในหมู่นักสู้ระดับภัยพิบัติ เชี่ยวชาญวิชากรงเล็บและวิชานักสู้ของบรรพชนอสูร พลังและความเร็วของเธอ เธอเป็นนักสู้ที่เก่งรอบด้านและพลังเธอก็เป็นแนวหน้าของภัยพิบัติ
สำหรับชไนเดอร์ เขาเป็นภัยพิบัติชั้นยอด ทั้งสองถือว่าใกล้เคียงกันในแง่ของพลัง
จาก 11 คน มีเก้าเป็นนักสู้และอีกสองคือเอสเปอร์
เพราะองค์กรของบรรพชนอสูรเป็นพวกใช้กล้ามเนื้อ ไม่ใช้สมอง จึงไม่มีใครชอบเรียนรู้
หานเซี่ยวตั้งใจให้พวกเขาทุกคนกลายเป็นพลรบ ส่วนน้อยจะถูกคัดเข้าองครักษ์แบล็คสตาร์ ส่วนใหญ่จะเข้าร่วมภายใต้เฮอลัส
หลังให้กำลังใจ หานเซี่ยวก็ออกไปพร้อมฮีล่า ปล่อยให้เจ้าหน้าที่คลุกคลีกับเพื่อนร่วมงานกลุ่มใหม่
เมื่อทั้งสองออกโถงและเดินผ่านทางเดิน สมาชิกกองทัพที่พวกเขาเดินผ่านก็พยักหน้าให้ ฮีล่าไม่สนใจขณะที่หานเซี่ยวยิ้มตามปปกติ หลังเดินสักพัก ฮีล่าก็เปิดปาก”นายเนื้อหอมจริงๆ”
“เธอหมายถึงโจติน่า?”หานเซี่ยวหัวเราะ”ไม่ว่าในกรณีใด ฉันยังยืนอยู่บนจุดสูงสุด มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะปฏิบัติต่อฉันเหมือนไอดอล ไม่ใช่ว่าเธอก็ชื่นชมฉัน?”
“ไร้สาระ ฉันไปชื่นชมนายตอนไหน?”ฮีล่าหลบตา
“อืม ตอนเธอถูกล้อมโจมตี เธอคือคนที่ยอมรับเองว่าชื่นชมฉันมานาน พยายามปฏิเสธไปก็เปล่าประโยชน์ ฉันบันทึกไว้”
“นายอยากสู้กับฉันใช่ไหม?”ฮีล่าอายและโกรธ
“ฮี่ๆๆๆ..”
หน้าผากของฮีล่าปูดด้วยเส้นเลือดก่อนเธอจะหายใจลึกเพื่อสงบอารมณ์
หลังถูกหานเซี่ยวก่อกวน เธอไม่รู้สึกหดหู่อีก เธอกลับขมวดคิ้ว”แล้วนายจะจัดการกับโจติน่ายังไง?นายจะให้เธอเป็นหนึ่งในองครักษ์แบล็คสตาร์จริงๆ?”
“ความสามารถเธอพูดด้วยตัวมันเองแล้ว ทำไมจะไม่ละ?เธอกลัวว่าภัยพิบัติจะทำร้ายฉันงั้นเหรอ?”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว
“ฮึ่ม”ฮีล่าหันหน้าหนี
แม้เธอจะไม่ชอบโจติน่า ฮีล่าก็ไม่คิดใช้ฐานะตัวเองหาเรื่องคนอื่น เธอไม่ใช่คนที่จะยุ่งกับเรื่องเล็กๆและแทรกแซงการตัดสินใจของหานเซี่ยว
เมื่อเห็นฮีล่าเงียบ หานเซี่ยวก็คิดสักพักก่อนพูดขึ้น”ยังไงก็ตาม กองทัพขยายตัวเร็วมาก และต้องมีคนกลุ่มใหม่มาทุกสามถึงห้าวัน เช่นนั้นคงมีสมาชิกหลายคนที่ไม่คุ้นเคยกัน ต้องมีความรู้สึกเรื่องระยะห่าง ซึ่งจะไม่ทำให้กองทัพสามัคคี ดังนั้น ฉันจึงคิดว่าเราควรจัดงานขนาดใหญ่”
ฮีล่ามองมา”นายวางแผนอะไร?”
“ฉันกำลังคิดถึงการแข่งขันภายใน เช่นการแข่งขันจัดอันดับหรืออะไรทำนองนั้น…” ขณะพูด ดวงตาหานเซี่ยวก็เป็นประกาย
ตอนนี้ กองทัพแบล็คสตาร์มีกลุ่มคนมีพรสวรรค์มากมายภายใต้ แถมยังมีทรัพยากรจะจัดงานภายในขนาดใหญ่ อนุญาตให้สมาชิกกองทัพเข้าร่วมงานเช่นนั้นได้ นี่จะเพิ่มความรู้สึกผูกพันและส่งเสริมวัฒนธรรม
ความคิดของหานเซี่ยวคือการสร้างลีกของเขาขึ้นเอง โปรลีกคือเกมภายในสำหรับผู้เล่น แต่เขาวางแผนสร้างงานขนาดใหญ่ที่จัดโดยNPCภายใต้ชื่อของกองทัพแบล็คสตาร์ ไม่ใช่แค่ผู้เล่นแต่เป็นสมาชิกทั้งหมด novel-lucky
การประลองคือหนึ่งในจุดสำคัญ เขาสามารถแยกคนตามอันดับ และพวกระดับสูงก็จะได้รับเลือกจากการแข่งขัน ยังมีรางวัล ช่วยให้สมาชิกทั่วไปได้เห็นเจ้าหน้าที่แสดงพลัง
นอกจากการแข่งขัน งานต่างๆยังจัดขึ้นได้ เช่นกีฬาหรือทักษะเช่นการขับและการสั่งการ แม้กระทั่งไพ่เวย์นก็ยังใช้ได้
ในมุมมองหานเซี่ยว งานเช่นนี้สามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่คล้ายกับโอลิมปิกเกมได้ จะจัดขึ้นๆสามสี่ปีเป็นงานเฉลิมฉลองและแสดงพลังพวกเขาต่อโลกภายนอก
ถ้านี่สามารถดำเนินได้ ขนาดคงใหญ่กว่าโปรลีกของผู้เล่นหลายเท่าตัว
แค่คิดหานเซี่ยวก็ตื่นเต้นแล้ว
“แต่การจัดงานเช่นนั้นดูเหมือนจะต้องใช้เงินมาก..”ฮีล่าลังเล
“เห้ย นั่นหมายความว่าไง?เราขาดเงิน?”
ตอนนี้ การขายโทเท็มวิวัฒนาการเปิดให้จักรวาลแล้วและเขายังกลายเป็นผู้ถือหุ้นของกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัด ปัจจุบัน ช่างหานได้เงินก้อนโตและถือว่าเข้าสู่อาณาจักรคนรวยแล้ว
ถ้าเงินนี้สามารถใช้เพื่อพัฒนากองกำลัง มันก็คุ้ม
ยิ่งหานเซี่ยวคิดถึง เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านี่ทำได้ หลังเขากลับจากมิติที่สองและจัดการเรื่องสมาคมผู้อยู่เหนือ เขาก็มีเวลามากให้วางแผน
แต่มันคงดีที่จะเสนอต้นแบบให้ซิลเวียก่อน
เขามีคนให้จัดการงานต่อ เขาไร้แรงกดดัน การโยนงานให้ซิลเวียกลายเป็นนิสัยเขาไปแล้ว
เขาไม่มีทางเลือก ใครทำให้ซิลเวียจัดการอะไรได้เก่ง?
…
ซิลเวียมีประสิทธิภาพสูง เธอใช้เวลาแค่หนึ่งวันเพื่อร่างแบบสมาคมพัฒนาผู้อยู่เหนือจนสมบูรณ์
หานเซี่ยวรีบมันก่อนส่งให้แมนิสันเพื่อคุย แม้พวกเขาจะขัดแย้งกัน พวกเขาก็ยังร่วมมือกันในเรื่องนี้
“สมาคมพัฒนานี้..ไม่เลว แม้จะเป็นข้ออ้าง มันก็มากพอจะผ่านสายตาของสามอารยธรรมจักรวาล”
ภายในช่องเข้ารหัส แมนิสันแสดงความคิดเห็น
“โอ้ นี่ฉากหน้า”หานเซี่ยวอธิบาย”บนผิวเผิน ขนาดของความร่วมมือจะถูกจำกัดที่โลกริบหรี่ แต่จริงๆแล้วความขัดแย้งของผู้อยู่เหนือในทุ่งดาวอื่นสามารถแก้ไขได้ผ่านมัน และในเวลาเดียวกัน องค์กรผู้อยู่เหนือยังสามารถสร้างเครือข่ายผลประโยชน์ได้ ช่วยให้สมาชิกแต่ละคนมีสถานที่แลกเปลี่ยนและร่วมมือกัน”
แมนิสันไตร่ตรอง”นี่คล้ายกับแอนเชี่ยนวัน แต่เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ ผู้อยู่เหนือส่วนใหญ่จะต้องยอมรับมันด้วยตัวเอง เชื่อมโยงองค์กรพวกเขาในเครือข่ายผลประโยชน์ แต่ถ้าไม่มีผลประโยชน์ คนส่วนใหญ่คงไม่เต็มใจร่วมมือ จากนั้นก็ยังมีอุปสรรคด้านฝ่าย…”
หานเซี่ยวแทรก”นั่นทำให้เราต้องประกาศว่าสมาคมนี้เป็นกลาง คล้ายกับแอนเชี่ยนวัน เราต้องจัดระเบียบมันให้ได้มากสุดเพื่อลดอิทธิพลของฝ่าย สำหรับผลประโยชน์ เราจะต้องมีองค์กรผู้อยู่เหนือขนาดใหญ่เป็นแกนนำ เป็นผู้บุกเบิกของเครือข่ายผลประโยชน์และแบ่งปันความร่วมมือ ด้วยวิธีนี้ องค์กรอื่นถึงจะยินดีเข้าร่วม?”
“แล้วใครละ?”
“แค่นายกับฉัน”หานเซี่ยวส่ายหัว”ในแง่ของอิทธิพล เราถือได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ มากพอจะใช้เป็นตัวอย่าง ความจริงที่เราเต็มใจร่วมมือกันควรดึงดูดคนได้มาก แต่..แค่เราสองยังไม่พอ เราต้องการผู้บุกเบิกเพิ่ม โดยเฉพาะผู้อยู่เหนือระดับสูงสุด ไม่งั้น เราคงไม่สามารถรั้งฝูงชนไว้ได้”
“ฉันเข้าใจ”แมนิสันเห็นด้วย”เราจะต้องการองค์กรที่มีอิทธิพลพอ ทางฝั่งฉัน ฉันจะลองเรียกรวมพวกแอนเชี่ยนวันดู และผู้พิทักษ์ตลาดมืดก็ควรถูกนำมาเป็นผู้บุกเบิกด้วย ในเวลาเดียวกัน เราไม่สามารถลืมผู้อยู่เหนือเป็นกลางได้ โอ้ใช่ ยังมีโซโรคินที่ควบคุมกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัด เงินเขาสำคัญมาก”
ในแวดวงผู้อยู่เหนือ โซโรคินได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่รวยสุด แม้ส่วนใหญ่จะไม่สนใจความสามารถต่อสู้เขา แต่ก็ไม่มีใครดูถูกอำนาจเงิน
ครั้งนี้ ดวงตาหานเซี่ยวเป็นประกาย
“ฉันมีคำถาม ด้วยผู้บุกเบิกมากมาย..ใครจะเป็นประธาน?”
เมื่อได้ยิน แมนิสันก็หรี่ตาลง
เนื่องจากพวกเขาอยากสร้างสมาคม ปัญหานี้จึงเลี่ยงไม่ได้ ประธานของสมาคมมีความสำคัญมาก เท่ากับตำแหน่งของผู้นำโลกต่อสู้ ถือเป็นหัวหน้าของผู้อยู่เหนือ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นพลังหรืออิทธิพล มันก็ต้องมีความน่าเชื่อถือ แมนิสันเป็นผู้สมัครที่ร้อนแรงสุด และหานเซี่ยวเองก็มีสิทธิ์เช่นกัน
ตำแหน่งประธานมาพร้อมความเสี่ยง ที่เขาจะกลายเป็นเป้าหมายหลักของอารยธรรมขั้นสูง แต่ทว่า ความเสี่ยงก็มาพร้อมรางวัล
แมนิสันหมายตาตำแหน่งนี้แน่ แต่ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการนี้ หานเซี่ยวเองก็หมายตามัน
หลังเงียบไปสักพัก แมนิสันก็พูดขึ้น เลี่ยงหัวข้ออ่อนไหวนี้
“ตอนนี้มีแค่เราสอง มันเร็วเกินไปที่จะมาคุยเรื่องนี้ เอาสมาชิกทั้งหมดเข้ามาก่อนตัดสินใจดีกว่า”
“ตกลง”
หานเซี่ยวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนวางสายและถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพราะนี่คือ สมาคมผู้อยู่เหนือ ทุกคนต่างก็เป็นนายใหญ่ของแต่ละพื้นที่ ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกกำหนดด้วยคำพูดของคนสองคน
ดังนั้น การชักชวนผู้อยู่เหนือคนอื่นให้เข้าร่วมจึงเป็นการดึงผู้สนับสนุนมาร่วมงาน เมื่อมีผู้อยู่เหนือสนับสนุนมากพอเขาถึงสามารถกลายเป็นประธานได้
พูดง่ายๆ นี่คือการต่อสู้ซึ่งๆหน้า แค่พลังยังไม่พอ “เครือข่ายฉันกว้างขวาง แต่เมื่อเทียบกับแมนิสัน…”
หานเซี่ยวส่ายหัว
เขามั่นใจในความสัมพันธ์ฝ่ายเขา แต่แมนิสันก็อยู่มานานและความสัมพันธ์ของเขาย่อมลึกซึ้งกว่าหานเซี่ยวมาก
ถ้าเขาต้องการตำแหน่งนี้ เขาต้องเริ่มด้วยผลประโยชน์ เขาต้องให้คนเห็นว่าถ้าเขาเป็นประธานจะนำพาผลประโยชน์มาให้มากกว่า
“ช่างเป็นงานที่ยาก เกรงว่านี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากอีกครั้ง…”