The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1097 ประหาร
สนามแข่งแบล็คสตาร์ที่ 13 เป็นหุบเขารูปทรงคล้ายวงแหวนใหญ่ เหมือนโคลอสเซียมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีหินขรุขระและภูมิประเทศซับซ้อน
หอผู้ชมลอยอยู่กลางอากาศและผู้ชมนับไม่ถ้วนก็ก้มมองจากที่นั่งลอยบนสนามรบ กลุ่มสื่อต่างๆถ่ายทอดสถานการณ์แบบสด
แป่ว!
ปัง!
ทันใดนั้น ลูกไฟสองลูกก็ตกลงจากฟ้า พุ่งชนด้านข้างของหุบเขา เหล่านี้คือยานทิ้งตัว และแรงเสียดทานระหว่างชั้นบรรยากาศกับพื้นผิวมันก็ปล่อยอุณหภูมิสูงที่ทำให้อากาศรอบมันแปรปรวน
ร่วมกับการบีบอัดห้องปิดผนึก ประตูของยานทิ้งตัวเปิด และผู้เล่นสองคนก็เดินออกมา หนึ่งในนั้นคือดาบคลั่งและอีกคนคือห่าวเทียน “ดีที่สุด!”
วินาทีที่ทั้งคู่ปรากฏตัว ฝูงชนก็คลุ้มคลั่ง
ดาบคลั่งไม่สนใจผู้ชม กางตรีศูลจักรกลสีเงิน จ้องห่าวเทียน”ไม่คิดเลยว่าเราจะพบกันเร็วขนาดนี้”
“มันเป็นการสุ่ม อะไรก็เกิดขึ้นได้”
ห่าวเทียนสวมชุดรบนักสู้พิเศษที่ผลิตโดยกองทัพ
หลังสู้กันมานานกว่าเดือน รอบคัดเลือกงานแข่งแบล็คสตาร์ก็จบ เหมือนกับการเลี้ยงแมลงพิษ ผู้เข้าร่วมกว่า 90%ถูกกำจัด และเหลือแค่พวกระดับสูงที่เข้าสู่การแข่งขันหลัก แต่ทว่า ดาบคลั่งกับห่าวเทียนเจอกันในการแข่งเดี่ยวของงานแข่งแบล็คสตาร์
ห่าวเทียนคือเสาหลักของผู้เล่นมืออาชีพในสโมสรนภาใคร่ แต่ดาบคลั่งคือโฆษกของหุบเขาแม่น้ำที่กำลังมาแรง ในฐานะผู้เล่นมืออาชีพ พวกเขามีแฟนจำนวนมาก การแข่งวันนี้จึงถูกคาดหวังไว้มาก ไม่เพียงผู้เล่นจะให้ความสนใจกับการแข่งขันระหว่างผู้เล่น แต่แม้กระทั่งNPCก็ยังสนใจ รูปแบบการเล่นของผู้เล่นมักรุนแรงและบ้าคลั่ง ทำให้การต่อสู้พวกเขาดูสนุก ซึ่งดึงดูดแฟนๆNPCจำนวนมาก
ข้อดีคือดาบคลั่งกับห่าวเทียนถือว่าโดดเด่นท่ามกลางผู้เล่นนับสิบล้านในกองทัพ มันจึงได้รับการสนับสนุนมากมาย พวกเขายังมีฉายาที่พวกNPCมอบให้ ห่าวเทียนฉายา’ปรมาจารย์มวย’ ส่วนดาบคลั่งคือ’จักรกลระบำ’
ทั้งสองเป็นเพื่อนกัน พวกเขาจึงข้ามการคุยไร้สาระและสู้กับตรงๆ
ปัง ปัง ปัง!
หนึ่งคือนักสู้ อีกหนึ่งคือนักสู้จักรกล ทั้งสองปะทะกันอย่างรวดเร็ว สร้างผลกระทบเสียงดัง
คลื่นกระแทกจากการต่อสู้สร้างสนามเพลาะบนพื้น ส่งหินและฝุ่นขึ้นฟ้า หลังผ่านมาสี่เวอร์ชั่น ทักษะของพวกเขาก็ยิ่งซับว้อน ด้วยพลังระดับB พวกเขาถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาคนธรรมดา
ปัง!
นักสู้จักรกลมีทักษะสูง ดังนั้นการโจมตีของดาบคลั่งจึงไร้สิ้นสุด ตรีศูลของเขาทะลุท้องฟ้า สร้างภาพติดตา นำมาซึ่งประกายไฟฟ้าที่ล้อมจุดสำคัญทั้งหมดของห่าวเทียน
ห่าวเทียนหลบอย่างต่อเนื่อง แต่ก็พลันเห็นโอกาส เขาหยุด ยกมือขึ้นคว้าตรีศูลอย่างแม่นยำ
เงาบนท้องฟ้าหายไป ปลายตรีศูลอยู่ห่งจากหน้าของเขาแค่ 20 เซนติเมตร แต่มันไม่สามารถขยับเข้าใกล้ได้มากกว่านี้
คชา!
กล้ามเนื้อแขนทั้งสองของเขาบวม พื้นใต้เท้าแตก
“ปืนใหญ่ลิ้นงู!”ดาบคลั่งบิดมืออย่างรุนแรง จากภายในใจกลางมีดหลักของตรีศูล บอลพลังงานพลันโผล่ มันยิงปืนใหญ่พลาสม่าออกไป แต่ห่าวเทียนก็เอียงหัวหลบ
ลำแสงนี้ยิงขึ้นเป็นแนวทแยงมุม เจาะผ่านภูเขาหิน ทิ้งเส้นสีแดงลุกโชติช่วงซึ่งหลอมละลายุทกอย่าง และชั้นหินหนืดก็ซึมออกมา
ห่าวเทียนใช้ประโยชน์จากการลอบโจมตีของดาบคลั่ง ยกศอกขึ้น กระแทกด้ามหอกแล้วเบี่ยงมันไปด้านข้าง จากนั้นก็ปล่อยทักษะ แสงสะสมอยูใต้เท้าเขาขณะที่กระแทกมันใส่หน้าอกของดาบคลั่งด้วยพลังรุนแรง ผลักเขาลงพื้น
“เหยียบย่ำ!”
บูม!
วินาทีที่หลังของดาบคลั่งแตะพื้น คลื่นกระแทกก็ระเบิดออกไป พื้นดินจมลงไปก่อตัวเป็นหลุมครึ่งวงกลมรอบเขา หินทั้งหมดรอบเขาถูกบดขยี้เป็นผง คลื่นกระแทกที่หลงเหลือพัดออกไปตามพื้นและภูเขาหินใกล้ๆก็ถล่ม พายุฝุ่นรวมกัน กวาดไปมุมของสนามรบ ทำให้วงแหวนทราบก่อตัวตรงขอบสนามรบ
ความทนทานของเกราะและพลังชีวิตเขาลดฮวบ ดาบคลั่งยืดเอวให้ตรง แผ่นหลังของชุดจักรกลเปลี่ยนเป็นสว่านขุด ขุดลงพ้นเพื่อกำจัดเท้าเหม็นของห่าวเทียน
ร่างของเขาโผล่ออกจากพื้น อาวุธในมือเขาแทนด้วยขวานสงครามใหญ่ ด้วยการฟันใส่อากาศ ตัวสร้างสนามพลังที่ติดกับขอบขวานจะปล่อยคลื่นพลังออกไป
พรึ่บ—
ด้วยกลิ่นอายนักสู้ที่ปกคลุมแขน ห่าวเทียนยกมือขึ้นเพื่อป้องกันมันตรงๆ
คลื่นพลังถูกส่งขึ้นฟ้า กระแทกกับด้านล่างของหอลอยฟ้าเสียงดัง ท่ามกลางความตื่นเต้นของผู้ชม ม่านพลังไอออนในดครงสร้างรังผึ้งปรากฏเพื่อป้องกัน และท่ามกลางผู้ชมที่ตื่นเต้น ฑูตพิเศษสองคนจากสหพันธ์แห่งแสงกำลังนั่งอยู่แถวหน้า พวกเขากระซิบกันขณะบันทึกฉากการต่อสุ้ของห่าวเทียนและดาบคลั่ง
“พลังของพวกอมตะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว เทียบกับการปรากฏตัวครั้งก่อน มันเพิ่มขึ้นชัด ไม่รวมพวกอมตะในช่วงหลัง กลุ่มแรกเป็นระดับBแล้ว”
“พวกอมตะผ่านการเปลี่ยนแปลงมาสามช่วงเวลา ระยะเวลายิ่งยาวนาน วิธีเพิ่มพลังพวกเขาแตกต่างจากการฝึกปกติ ดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่หายไป ตามการประเมิน ถ้าพวกเขาหายไปอีกครั้ง พวกเขาอาจก้าวเข้าสู่ระดับภัยพิบัติ”
“นี่คือกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวจริงๆ..”
เมื่อคิดว่าอาจมีภัยพิบัตินับสิบล้านที่ไม่กลัวตายภายในจักรวาล ทั้งสองก็อดสั่นสะท้านไม่ได้
แค่คิด มันก็ถือได้ว่าเป็นมะเร็งจริงๆ ด้วยการเพิ่มพลังของพวกเขา ผู้เล่นได้รับการประเมินโดยอารยธรรมขั้นสูงและค่อยๆเริ่มค้นคว้ากฏผูกมัดผู้เล่น
สามอารยธรรมจักรวาลเคยคิดจะสรรหาพวกอมตะเพื่อทำหน้าที่ฆ่าตัวตายในอดีต แต่ในเวลานั้น ผู้เล่นค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ยึดถือจริงจัง นอกจากนี้ ลักษณะของพวกเขาที่หายไปและขีดจำกัดไม่แน่นอนนั้นทำให้สามอารยธรรมจักรวาลลังเล
แต่ตอนนี วงจรการเติบโตของผู้เล่นได้รับการพิสูจน์แล้ว อารยธรรมขั้นสูงพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่พวกอมตะจะเข้าสู่อาณาจักรภัยพิบัติ เช่นนั้น พวกเขาจึงเต็มใจขยายทุ่งให้พวกเขา
ตอนนี้ กองทัพแบล็คสตาร์ครองส่วนแบ่งตลาดใหญ่สุด ซึ่งมีพวกอมตะนับสิบล้าน ซึ่งทำให้หลายองค์กรกลัว
ในอดีต พวกเขากลัวแบล็คสตาร์ แต่ตอนนี้ ยังมีเหตุผลให้พวกเขารู้สึกกลัวมากไปอีก
สำหรับพวกเขา กองทัพถือครองตลาดไว้มาก ถ้าพวกอมตะไปถึงระดับภัยพิบัติจริง พลรบระดับสูงภายในกองทัพแบล็คสตาร์จะครอบงำแม้แต่สามอารยธรรมจักรวาล
แรงดึงดูดของกองทัพแบล็คสตาร์ที่มีต่อพวกอมตะยังทำให้อารยธรรมขั้นสูงประหลาดใจ
ถ้ามันไม่ใช่เพราะความจริงที่หานฌซี่ยวไม่มีนิสัยหายตัวไปเป็นเวลานาน พวกเขาคงคิดว่าหานเซี่ยวเป็นพวกอมตะ
…
ครั้งนี้ หานเซี่ยวอยู่ไกลไปในวังแบล็คสตาร์ ไม่สนใจการแข่งขันเลย แต่มองดูการพิจารณาคดีของจักรวรรดิ
วิดิโอแสดงผิวดาวแห้งแล้ง ที่นักเดินทางกับผู้อยู่เหนืออีกคนโดนจับมัดและทำให้คุกเข่าบนแท่นประหารในสภาพใกล้ตยา
ทั้งสองอยุ่ในสภาพน่าสงสารมาก เพราะพลังงานมืดของคล็อตติไหลเวียนอยู่ในตัว เซลล์ที่สร้างใหม่จึงถูกทำลายอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส โดยพื้นฐาน ทั้งสองเสียความสามารถต่อสู้ไปจนหมดแล้ว
ข้างๆพวกเขา ภาพฉายทางไกลของเจ้าหน้าที่จักรวรรดิยืนอยู่ด้านหน้ากล้องและอ่านประกาศเสียงดัง
เนื้อหาของประกาศเป็นอาชญากรรมของทั้งสอง เช่นการทำลายความสงบ อาชญากรสงครามและการฆ่าคนจำนวนมาก อาชญากรรมทุกประเภททุบลงหัวพวกเขา ทำให้พวกเขาดูเหมือนเป็นอาชญากรชั่วร้าย
สิ่งที่หานเซี่ยวกังวลคือข้อหาที่จักรวรรดิออกให้กับนักเดินทาง และตามคาด จักรวรรดิยังพูดถึงสิ่งที่เขาอยากได้ยิน
“นักเดินทางมักทำงานในฐานะทหารรับจ้างเป็นกลาง แต่มันยืนยันแล้วว่าตัวตนจริงของเขาคือผู้อยู่เหนือที่ลอบทำงานให้อารยธรรมโมโด เขาพยายามปลุกปั่นข้อพิพาทระหว่างจักรวรรดิ สหพันธ์และศาสนจักร ขัดขวางระเบียบของจักรวาลปัจจุบัน มันไม่ทราบแน่ชัดว่าใครในอารยธรรมโมโดที่สั่งการ แต่จักรวรรดิก็ต้องไม่นิ่งเฉยแน่.”
เมื่อได้ยิน ปากของหานเซี่ยวก็กระตุก
“ฮึ่ม ยังรักษาท่าทีติดตามความรับผิดชอบ เหมือนกับพวกนักเลง มันดูเหมือนจักรวรรดิคงคุยกับโซโรคินแล้ว”
เขาตั้งสมมติฐานว่าอารยธรรมโมโด ซึ่งเดิมนอนเล่นอย่างสบายตอนนี้ต้องตาเหลือกอยู่แน่
สำหรับอารยธรรมจริงของนักเดินทาง อารยธรรมประกายดาว พวกเขารู้สึกแปลกใจและมีความสุข
แต่ทว่า หานเซี่ยวไม่ตั้งใจให้พวกอารยธรรมประกายดาวรู้สึกนิ่งนอนใจ เขาเรียกฟิลลิป
“ปกปิดร่องรอย ส่งข้อมูลส่วนหนึ่งไปหาเบื้องบนของอารยธรรมโมโด”
“ผมควรส่งอะไรไป?” “เผยว่าอารยธรรมประกายดาวคือผู้สนับสนุนที่แท้จริงของนักเดินทาง”
หานเซี่ยวพูดอย่างชั่วร้าย
ในลักษณะนี้ อารยธรรมโมโดจะต้องคิดว่าพวกเขาถูกสวมเขาโดยอารยธรรมโมโดแน่หรือไม่ก็นักเดินทางเป็นหมาจนตรอกที่แว้งกัดคนไปทั่ว
สำหรับอารยธรรมโมโดจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ เขาไม่สนใจ เนื่องจากเขาให้เบาะแสแล้ว อารยธรรมโมโดก็จะต้องหาทางตรวจสอบมัน ด้วยอารยธรรมประกายดาวที่เป็นฝ่ายผิด ไม่ว่าเบาะแสจะถูกตรวจสอบหรือไม่ ทั้งสองฝ่ายต้องขุ่นเคืองกัน
นี่ไม่เพียงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอดย่ำแย่ แต่ยังทำให้โมโดได้รับศัตรูใหม่
ต้นทุนของการสร้างปัญหาต่ำมาก แล้วทำไมจะไม่ทำละ?
จิ๊ ฉันเป็นคนชั่วร้ายจริงๆ หานเซี่ยวอารมณ์ดีขณะหันกลับไปหน้าจอ
ตอนนี้ การพิจารณาคดีสิ้นสุดลงและเจ้าหน้าที่จักรวรรดิก็มองตรงไปที่กล้อง
“สำหรับอาชญากรรมข้างต้น จักรวรรดิได้ตัดสินโทษประหารชีวิต!”
หลังจากนั้น ภาพฉายก็หายไป และทันใดนั้น ช่องว่างก็ปรากฏขึ้นที่ด้านล่างแท่นประหาร ที่อุปกรณ์ขนาดเท่ากำปั้นโผล่ออกมา
นี่ดูคุ้นเคย และดวงตาของหานเซี่ยวก็ไหววูบ”สมบัติจักรวาลของจักรวรรดิ กุญแจแห่งการทำลายล้าง..”
ตอนนี้ ผิวของกุญแจสว่างขึ้นเป็นวงพลังงาน และวงแหวนมิติก็พลันปรากฏ กางออกต่อหน้าทั้งสอง
อีกด้านของอุโมงค์มิติมีรังสีปืนใหญ่ทางไกลของกองทัพจักรวรรดิ เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ
บูม! วินาทีต่อมา พลังงานทำลายล้างโลกก็พวยพุ่งออกมา เต็มหน้าจอไปทุกนิ้ว!
ภาพพลิกคว่ำ เปลี่ยนเป็นมุมมองพื้นที่กว้าง ซึ่งมองเห็นทั้งดาวเคราะห์จากอวกาศ
คนสามารถเห็นได้แค่แสสงสว่างที่เบ่งบานบนผิวดาว ตามด้วยกลุ่มพลังงานที่มีลักษณะคล้ายดาวระยิบระยับ ซึ่งขยายอย่างรวดเร็ว ห่อดาวทั้งดวงเอาไว้
เมื่อกลุ่มพลังงานขยายจนถึงขีดจำกัด ทันใดนั้น มันก็หดเล็กลง
ภายในภาพ สถานที่ระเบิดนั้นว่างเปล่า ดาวทั้งดวงหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นักเดินทางและผู้อยู่เหนืออีกคนที่อยู่หน้าประตูแห่งความตายไร้พลังต่อต้านกุญแจแห่งการทำลายล้างและไม่หลงเหลือแม้แต่กระดูก..
เสียเปล่ามาก…
ปากหานเซี่ยวบิด
เพื่อดึงความสัมพันธ์นี้ จักรวรรดิจงใจใช้ปืนใหญ่ หวังดึงดาวลงไปพร้อมกับทั้งคู่ มันน่าเสียดาย ศพของทั้งสองเป็นวัตถุดิบวิจัยที่หายากมาก
พวกเขาสมกับเป็นอารยธรรมจักรวาล หลังผ่านมาหลายปี พวกเขาอาจเก็บสะสมศพผู้อยู่เหนือไว้เป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงไม่ต้องการเพิ่ม
แม้นักเดินทางจะเป็นศัตรู แต่การเห็นผู้อยู่เหนือถูกประหารโดยอารยธรรมจักรวาล นี่ก็ยังทำให้หานเซี่ยวหดหู่ เขาประเมินว่าผู้อยู่เหนือคนอื่นคงรู้สึกเหมือนกัน
เห้อ ไม่ว่าจักรวาลจะใหญ่แค่ไหน มันก็ไม่สามารถเกินขนาดของความทะเยอทะยานได้ มันยากที่สองฝ่ายจะอยู่กันอย่างกลมกลืน…ต่อหน้าอารยธรรมจักรวาล ผู้อยู่เหนือยังอ่อนแอ และเราก็มีน้อยกันเกินไป…
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของผู้อยู่เหนือ หานเซี่ยวก็ถอนหายใจ
ขณะที่เขากำลังจะปิดหน้าจอถ่ายทอดสด เขาก็พบความผันผวนพลังจิตแปลกๆผ่านสัมผัส
“ใคร?!”
หานเซี่ยวหรี่ตา หันไปมองใจกลางห้อง ดวงตาเขาทอประกายพลังจักรกล
ภายในวิสัยทัศน์ ไฟสีดำก่อตัวจากอากาศธาตุ รวมกันเป็นรูปลักษณ์ของผู้นำเทพอำนวย ผู้รักษาสัจจะ
ผู้รักษาสัจจะก้าวเบาๆบนพื้น เดินมาหาหานเซี่ยว
“แบล็คสตาร์ ไม่ต้องตกใจไป นี่แค่ร่างจำแลงจิตไร้ความสามารถต่อสู้ ฉันมาที่นี่เพื่อพบนาย ดีใจที่ได้เจอนาย ฉันมีเรื่องอยากตกลงกับนาย”
“นาย..”
เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็ขมวดคิ้ว ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“..ผู้นำของเทพอำนวยสินะ?”
เมื่อเขาพูด ผู้รักษาสัจจะก็สะดุดและเกือบล้มหัวทิ่ม สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ฮู้ดคือใบหน้าตกตะลึง
บัดซบ แกรู้ได้อย่างไร?!