The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1115 ศึกสองเทพเจ้า
สายฟ้าระเบิดอย่างรุนแรง ความผันผวนพลังงานก่อตัวจนเกิดเป็นพายุ กายสถิตผู้อยู่เหนือและเครื่องจักรทั้งหมดถูกระเบิดออกไป หานเซี่ยวเองก็ถอยไปสั้นๆ และก็รีบปรับสมดุล จ้องมองอีกฝ่าย แมนิสันในตอนนี้โอบล้อมด้วยประกายไฟฟ้าสีทองสว่าง ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าหวาดหวั่น พลังงานผู้อยู่เหนือระดับสูงสุดปล่อยออกมาเต็มที่ ถึงแม้นี่จะเป็นแค่กายสถิต หานเซี่ยวก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
ดวงตาของแมนิสันจับจ้องหานเซี่ยว ถามคำถามซ้ำ
“แกรู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป?”
“โกรธงั้นเหรอ?”หานเซี่ยวไม่สนใจอธิบาย
”ฉันผิดหวังในตัวแกมาก ฉันเข้าใจแล้วว่าแกยอมละทิ้งโอกาสแบบไหน!ทำไมแกถึงทำลายแกนไวรัส?!” “การกำจัดไวรัสคือเป้าหมายของเรา ฉันแค่ทำส่วนของฉัน…และตั้งแต่วันแรกที่ฉันมา ฉันก็บอกแกไปแล้ว มันคือความรับผิดชอบของฉันที่ต้องปกป้องจักรวาล แต่แกดูเหมือนจะไม่สนใจมัน”
แมนิสันลอยอยู่ในอากาศ น้ำเสียงของเขาแสดงถึงอารมณ์ใดออกมา”มันดูเหมือนว่าความเข้าใจของฉันเกี่ยวกับแกจะยังไม่สูงพอ”
“หลายคนไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการบอกว่าเข้าใจคนอื่น..จักรพรรดิจักรกล แกคิดว่าเราเป็นคนแบบเดียวกัน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่”
“ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องพูดกันอีก แกทำให้ฉันผิดหวังมาก แกควรรู้ว่าวันนี้จะลงเอยยังไง!”
พลังจักรกลของแมนิสันทะยานขึ้นฟ้า ทะลุผ่านเมฆ เชื่อมต่อกับทหารจักรกลเขานอกอวกาศ
“ให้ฉันดูหน่อยว่าแกมีความสามารถมากแค่ไหน!”
สิ้นเสียง คลื่นจักรกลสีดำก็พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศลงมา ยิงลำแสงหนาแน่นลงมาจากฟ้าเหมือนอุกกาบาต
“เหมือนกัน!”หมัดซ้ายของหานเซี่ยวกระแทกขึ้นฟ้า ปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าออกไป กางม่านพลังไซโอนิค
กลุ่มลำแสงหนาแน่นพุ่งกระแทกม่านพลังเหมือนฝนห่าใหญ่กระทบใบไม้ นี่มาพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว
พลังจักรกลของหานเซี่ยวระเบิดขึ้นฟ้า เรียกกองทัพจักรกลของเขาลงมาเช่นกัน
กองทัพจักรกลตอบสนอง พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศ กองทัพจักรกลของแมนิสันเปลี่ยนเป้าหมาย เริ่มต่อสู้กับกองทัพของหานเซี่ยว
กายสถิตของหานเซี่ยวและแมนิสันไม่นิ่งเฉย พวกเขารีบเข้าประชิดกันอย่างรวดเร็ว
บูม! เหมือนกับอุกกาบาตพุ่งชนโลก คลื่นพลังสีฟ้าอมทองกวาดออกไปทั้งดาว
ร่างสองร่างปะทะกันนับร้อยครั้งในหนึ่งวินาที พัวพันกับกลางอากาศ
บูม!
โลหะผสมบดขยี้กับโลหะผสม ปลดปล่อยประกายไฟฟ้านับไม่ถ้วน และคลื่นพลังก็ก่อตัวแทบตลอดเวลาที่จุดกระทบ
ขณะที่ทั้งสองเริ่มสู้กัน ผู้อยู่เหนือคนอื่นและกองทัพของพวกเขาก็แยกตัวออกจากจุดปะทะทันที ไม่อยากมีส่วนร่วม
เมื่อเห็นแบล็คสตาร์ต่อสู้กับจักรพรรดิจักรกล ทุกคนก็ได้สติจากการทำลายแกนไวรัส
“ไม่คิดเลยว่า..แบล็คสตาร์จะทำแบบนี้”แม็กซิมิเลอร์แปลกใจ
“ด้วยการทำแบบนี้ เขาถึงจบความเป็นไปได้ที่จะมีอารยธรรมใดได้รับเทคโนโลยีนี้ไป ไม่ว่าเราหรือสามอารยธรรมจักรวาลก็ไม่สามารถรื้อฟื้นเทคโนโลยีนี้ได้ เขาใจร้อนไป ตอนนี้ไม่มีใครจะได้รับอะไรจากการเดินทางนี้”มอร์นิซ่าบ่น
“ใจร้อน?ในความคิดฉัน เขาเป็นคนที่สงบและมีเหตุผลสุด”นักล่าดวงอาทิตย์ตอบ”ด้วยการทำแบบนี้ มันถึงตัดความหวังของเราในการได้รับเทคโนโลยีไวรัส จากมุมมองของจักรวาลและภาพรวม นี่เป็นทางเลือกที่ไม่เห็นแก่ตัวเลย”
กันต์พยักหน้า”ใช่ เราไม่เสียหายอะไรกันเลย รวมถึงสามอารยธรรม พวกเดียวที่เสียหายคือแบล็คสตาร์และจักรพรรดิจักรกล จักรพรรดิจักรกลแสดงจุดยืนชัดเจนไป สามอารยธรรมจักรวาลต้องไม่ไว้ใจเขาอีก สำหรับแบล็คสตาร์ เขาได้โยนผลประโยชน์ทิ้งไป”
“ถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงไม่ทำลายมัน ฉันจะเจรจากับสามอารยธรรมเพื่อแลกกับผลประโยชน์จำนวนมาก แต่แบล็คสตาร์กลับสามารถยอมละทิ้งผลประโยชน์เหล่านี้ เลือกทำลายต้นตอของหายนะ นี่ควรเป็นประโยชน์สูงสุดต่อจักรวาล..ฉันมักคิดว่าแบล็คสตาร์เป็นพวกเห็นแก่ตัว ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ บางทีฉันคงมองเขาผิดมาตลอด”
“ถูกต้อง…”จูดิทถอนหายใจ”ความเข้าใจของเราที่มีต่อแบล็คสตาร์น้อยไป”
ทุกคนตกอยู่ในอารมณ์ซับซ้อน ตอนนี้ ภาพลักษณ์ของแบล็คสตาร์พุ่งสูงในหัวใจพวกเขา
แม้กระทั่งแจ็คคอร์นิทก็ต้องยอมรับว่าแบล็คสตาร์เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาก ไม่มีใครผิดหวังเกินไปแม้พวกเขาจะเสียดาย ในความเป็นจริง พวกเขายังโล่งใจด้วยซ้ำ นี่เป็นผลลัพธ์ที่พวกเขาสามารถยอมรับได้
ในความเป็นจริง ทุกคนมีความกังวลคลุมเครือนี้ในหัว กังวลว่าหลังสามอารยธรรมจักรวาลได้รับไวรัสนี้ไป ในฐานะช่างกล ไวรัสจะถือเป็นอาวุธร้ายแรงต่อพวกเขา
ตรงกันข้าม การทำลายแกนไวรัสถึงเป็นทางเลือกที่ฉลาด จากมุมมองนี้ คนส่วนใหญ่ไม่ต่อต้านทางเลือกของหานเซี่ยว พวกเขาแค่ไม่รู้ว่าแบล็คสตาร์คิดแบบนี้มาตลอดหรือเพิ่งตัดสินใจ
“งั้น เราควรทำยังไงกันดี?”หนึ่งในผู้อยู่เหนือเป็นกลางจ้องมองการต่อสู้”เราจะแทรกแซงไหม?”
“แบล็คสตาร์กับจักรพรรดิจักรกลมีความขัดแย้งฝังลึก ในฐานะประธานและรองประธานสมาคม นี่เป็นข้อพิพาทของเส้นทางที่พวกเขาเลือก”กันต์หยุดสักพักก่อนพูดต่อ”อืม..กองยานของจักรวรรดิดูเหมือนจะปิดตัวปรับเสถียรมิติเวลาแล้ว”
หลังสู้กันสักพัก หานเซี่ยวกับแมนิสันก็สังเกตเห็นว่ามิติเวลาเริ่มกลับเป็นปกติ
กองทัพจักรกลพวกเขาหยุดสู้ กลับไปตำแหน่งของทั้งสอง พิทักษ์กายสถิตพวกเขา
“พลังของแกเพิ่มขึ้นเร็วมาก”แมนิสันพูด”มันแค่ว่า โดยปราศจากการแผดเผาศักยภาพ แกยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
“ก็มาลองกันดู” หานเซี่ยวพูดสวน
หลังศึกแบล็คสตาร์ โลกภายนอกจำได้ว่าแบล็คสตาร์มีสองโหมด หนึ่งคือโหมดปกติ และอีกหนึ่งคือโหมดระเบิดพลังจากการแผดเผาศักยภาพ
หานเซี่ยวไม่มีความสามารถแผดเผาศักยภาพ เขาได้รับทักษะจอมปราชญ์จักรกลรวมถึงทักษะของการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งเทพมา นอกจากนี้ เขายังสามารถได้รับทักษะของฮีล่ามา พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาก มากพอจะทำให้แมนิสันต้องผลาญเงิน
แต่ทว่า มันก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าความสามารถของแมนิสันเหนือกว่าเขา
จักรพรรดิจักรกลมีระดับสูงกว่า การเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งเทพก็เช่นกัน รวมถึงความสามารถและพรสวรรค์ต่างๆ แถมกองทัพจักรกลยังต่างกันทั้งปริมาณและคุณภาพ
หานเซี่ยวตั้งใจท้าทายแมนิสัน แต่เพราะทั้งสองมีแค่กายสถิต เขาจึงไม่สามารถเปิดใช้บัตรอัญเชิญตัวละครได้ทันที เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งคู่คือช่างกลสายกองทัพ การต่อสู้พวกเขาจะจบลงว่าใครมีกองทัพมากสุด ผู้ชนะจะไม่สามารถตัดสินได้ง่ายๆ จากการปะทะนี้ เขาได้พบว่ากายสถิตของแมนิสันแกร่งมาก คู่ต่อสู้ของเขาใช้แค่มาตรการป้องกัน และไม่เพียงจะสวมเกราะกับโล่สุดแกร่ง ทักษะต่อสู้ประชิดของเขายังดี ยิ่งมีชีวิตอยู่นาน ความหลากหลายก็ยิ่งสูง
ตาแก่แมนิสันยังเป็นผู้อยู่เหนือระดับสูงสุด พลังชีวิตของเขาไม่ต่ำเลย นอกจากนี้ มันเป็นเรื่องปกติสำหรับช่างกลที่จะใช้กายสถิตเพื่อสู้แทนร่างหลัก..โดยมีหานเซี่ยวเป็นข้อยกเว้นเดียว
แมนิสันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา”มันนานมาแล้วที่ฉันไม่ได้ใช้ท่านี้..แบล็คสตาร์ แกคู่ควรให้ฉันเผยความสามารถจริง”
ขณะพูด เขาก็โบกมือ
บูซ!
กล่องกองทัพมิติที่สองเปิดขึ้นข้างเขาและกองทัพจักรกลจำนวนไร้สิ้นสุดก็ออกมา ปกคลุมทั้งท้องฟ้า
“ก็มาสิ ใครกลัว?’
หานเซี่ยวเห็นถึงเจตนาของจักรพรรดิจักรกลและเปิดกล่องกองทัพมิติที่สองเช่นกัน ทหารจักรกลจำนวนนับไม่ถ้วนกรูกันออกมา ล้อมเขาไว้ ขนาดของกองทัพพวกเขาเพิ่งขึ้นไม่หยุด เริ่มปกคลุมแทบทั้งดาว ฝั่งหนึ่งคือกองทัพจักรกลสีดำสนิทอันเป็นตัวแทนของแบล็คสตาร์ ส่วนอีกฝั่งเป็นกองทัพจักรกลเปล่งแสงจากจักรพรรดิจักรกล ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน แบ่งแยกท้องฟ้าราวกับนั่นคือเส้นแบ่ง จากนั้นทหารจักรกลก็เริ่มบรรจบกับกายสถิตพวกเขา สร้างเป็นโครงสร้างจักรกลขนาดมหึมา
บูม!
ช่วงเวลาต่อมา สองเทพจักรกล หนึ่งดำหนึ่งเงินได้จุติลงมาบนโลก!
เทพจักรกลสีดำกำลังถือง้าวสงครามสำ สวมผ้าคลุมผืนใหญ่ ตัวของมันปกคลุมไปด้วยพลังงานไซโอนิคสีฟ้า
เทพจักรกลสีเงินถือตรีศูลสีม่วง สวมชุดคลุมและชุดเกราะ ทั้งตัวมันปกคลุมไปด้วยประกายไฟฟ้าสีทอง
สองเทพจักรกลเผชิญหน้ากัน และทหารจักรกลจำนวนนับไม่ถ้วนก็ยืนอยู่ข้างพวกเขา
“จักรพรรดิจักรกล!”
“แบล็คสตาร์!”
คลื่นเสียงกวาดไปทั่วทั้งดาวเคราะห์
ง้าวสับลง ตรีศูลแทงขึ้น สองเทพจักรกลออกอาวุธพร้อมกัน
ง้าวฟาดใส่ขอบตรีศูล สมบัติจักรวาลสองชิ้นโจมตีใส่กัน
บูม!
เสียงปะทะกึกก้องสะท้อนในจิตวิญญาณของทุกคน ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนน่ากลัว
แสงแสบตาปรากฏตรงจุดปะทะ ทันใดนั้นก็ขยายตัว เปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีขาวสว่างที่ทอดยาวไปสุดขอบฟ้า
แสงนั่นทำให้จอประสาทตาของผู้คนนับไม่ถ้วนที่เฝ้าดูต้องส่งสัญญาณประท้วง ราวกับผลกระทบของมันได้ฉีกฉากหลังสีดำของจักรวาล!
ในเวลาเดียวกัน ที่อาณานิคมผู้ศรัทธาจักรกลบนผิวดาว ไม่ว่าจะเป็นผู้ศรัทธาหรือนักบวช พวกเขาต่างแหงนมองขึ้นฟ้า จับจ้องสองเทพจักรกลที่กำลังต่อสู้กัน
เมื่อเห็นแบล็คสตาร์กวัดแกว่งง้าวสงครามใส่เทพเจ้าหลักที่ทุกคนให้การยอมรับ ผู้ศรัทธาทุกคนก็ตกตะลึง
การได้เห็นเทพเจ้าที่พวกเขาบูชาต่อสู้กันต่อหน้า มีเพียงประโยคเดียวที่สามารถอธิบายความรู้สึกของพวกเขาได้…
“ลูกรัก ออกมาดูท่านเทพสิลูก”
ในเวลาเดียวกัน ในยานหลักของจักรวรรดิคริมสัน ผู้บัญชาการที่ได้รับสายฉุกเฉินรีบกลับมาห้องบัญชาการ ตะโกนสั่ง”ผู้ปกครองได้ถ่ายทอดคำสั่งลงมา ให้แทรกแซงการต่อสู้และเปิดฉากยิงได้ตามต้องการ!”
สมาชิกตกตะลึง จับจ้องการต่อสู้ระหว่างสองเทพจักรกล รวมถึงความผันผวนพลังงานที่พุ่งสูงอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาถามโดยไม่รู้ตัว”เรา..เราควรช่วยฝ่ายไหนครับ?”
ปึก!
ผู้บัญชาการยกมือ ตบหัวคนที่ถาม”ไอโง่ มันต้องช่วยแบล็คสตาร์อยู่แล้ว!”