The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1131 ฉันขอฝากเธอไว้กับนาย
เมื่อหานเซี่ยวย่อยข้อมูลที่เขาได้รับมาสักพัก เขาก็ผลักเปิดประตู กลับไปห้องสอบปากคำ อีซอป แฮร์ริสันกับโรดี้มองมา
“ท่านแบล็คสตาร์ ผม…”โรดี้อยากถาม แต่หานเซี่ยวยกมือขึ้นหยุดซะก่อน
“ฉันรู้สถานการณ์นายแล้ว อยู่กับฉันก่อน ฉันจะพยายามแก้ปัญหาของนาย”
หานเซี่ยวไตร่ตรองว่าจะทำอย่างไรกับโรดี้
ตอนนี้โรดี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ เขาจึงควบคุมความสามารถไม่ได้ เขาอาจกลายเป็นอย่างบุตรแห่งโชคชะตาขององค์กรต้นกำเนิดหลังเปลี่ยนแปลงเสร็จ แต่ทว่า เมื่อการเปลี่ยนแปลงสมบูรณ์ บุคลิกของโรดี้จะโดนครอบงำด้วยบุคลิกใหม่
ผู้ทำนายแบบอีซอปจะมีประโยชน์กว่าผู้ทำนายแบบโรดี้มาก แต่ทว่า เนื่องจากเขารับภารกิจแล้ว เขาจึงไม่อยากปล่อยให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ดังนั้ นหานเซี่ยวจึงตัดสินใจคิดหาวิธีป้องกันมัน..และถ้าเขาป้องกันไม่ได้ เขาก็ไม่ว่าอะไรที่จะได้รับบุตรแห่งโชคชะตาคนใหม่
ตัดสินจากสถานะปัจจุบันของโรดี้ การควบคุมที่อยู่ของเขาเป็นสิ่งจำเป็น หานเซี่ยวบอกฟิลลิปให้หาห้องทดลองส่วนตัวใหม่บนยาน และบอกแฮร์ริสันให้พาโรดี้ไปที่นั่น นำเขาไว้ในห้องฟื้นฟู ฉีดยานอนหลับเพื่อให้ศึกษาเขาได้ง่าย โรดี้ไม่มีทางเลือกนอกจากให้ความร่วมมือ
หลังทั้งคู่ออกไป หานเซี่ยวกับอีซอปก็เป็นสองคนในห้อง พวกเขามองหน้ากัน
“ฉันเห็นนายหายไปสักพัก นายพบอะไรบางอย่างแล้วสินะ?”อีซอปถาม
“แหล่งกลายพันธุ์ของเขาอาจมาจากความสามารถเอสเปอร์แรกเริ่มพิเศษบางอย่าง..”หานเซี่ยวสรุปสั้นๆ
“บุตรแห่งโชคชะตา…ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”อีซอปพึมพำ
“นั่นปกติ ฉันเองก็ไม่รู้”
อีซอปกระแอม”ฉันไม่รู้ประสบการณ์ในอดีตของนายมาก แต่สมมติว่าบุตรแห่งโชคชะตาที่นายพบในอดีตป็นผลผลิตสุ่มของสิ่งมีชีวิตความสามารถเอสเปอร์แรกเริ่มเหมือนโรดี้ ทำไมสองกายย่อยถึงปรากฏบนดาวอความารีน?ถ้ามันเป็นแบบสุ่มทั่วจักรวาล นายคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆงั้นเหรอ?”
ไม่ ฉันเคยเห็นเรื่องบังเอิญมากกว่านี้มาแล้ว…
ความคิดนี้แวบผ่านหัวหานเซี่ยว แต่เขาไม่แสดงออกมาทางสีหน้าและเห็นด้วย”มันบังเอิญเกินไปจริงๆ”
“ตามตรรกะนี้ ถ้าการกลายพันธุ์เกิดขึ้นกับระดับข้อมูล ฉันคิดว่าดาวอความารีนอาจมีความพิเศษไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางที มันอาจมีสายใยชะตากรรมหรือบางสิ่ง..ฉันไม่ได้พูดมั่วๆ ฉันเห็นคนมากมายที่เกิดมาพร้อมสายใยชะตากรรมที่ต่างกับคนอื่น..” อีซอปหยุด สำรวจหานเซี่ยว”ใช่ คนอย่างนายก็มาจากดาวอความารีน รวมถึงฮีล่า ผู้อยู่เหนืออีกคน การผงาดของพวกนายทำให้ดาวแม่ของนายพิเศษขึ้นมา บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผล”
หานเซี่ยวอยากพูดบางสิ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร ทำได้แค่ตบไหล่อีซอป
คนฉลาดหลอกได้ง่ายมาก นายโน้มน้าวตัวเองก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรซะอีก
“ขอบคุณ ถ้าไม่มีคำทำนายนี้ ฉันคงไม่เคยสังเกตเห็น”
หานเซี่ยวรู้สึกซาบซึ้งกับคำเตือนของอีซอปจริงๆ
“ไม่ต้องขอบคุณฉัน เกาะมังกรกับดาวอความารีนเป็นเพื่อนบ้านกัน ฉันแค่อยากทำให้สภาพแวดล้อมนั้นปลอดภัย แถม ในบรรดาคนทีฉันรู้จัก คำทำนายของฉันจะส่งผลกระทบมากสุดในมือนาย ฉันเชื่อในความสามารถและศีลธรรมของนาย”อีซอปโบกมือ เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็อดตระหนักไม่ได้ว่าสิ่งต่างๆเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
ในอดีต หานเซี่ยวอิจฉาสายสัมพันธ์ของอีซอป แต่ทว่า เมื่อเขาเติบโต โดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เขามีตำแหน่งสูงสุดในหมู่คนที่อีซอปรู้จักแล้ว
อีซอปเต็มใจคุยทุกอย่างกับเขา เขากลายเป็นน่าเชื่อถือในสายตาเขา
อีซอปถอนหายใจ”ฉันใช้ชีวิตมานานมาก ฉันถือว่ามีความรู้ แต่นายก็ยังเป็นคนที่น่าตกใจสุดในชีวิตฉัน ฉันไม่เคยเจอใครวิเศษเท่านาย ครั้งแรกที่ฉันเห็นนาย แม้ฉันจะรู้สึกว่านายมีอนาคตสดใส ฉันก็ไม่คิดว่านายจะมาถึงจุดๆนี้ ประวัติศาสตร์อาจลืมฉัน แต่มันจะไม่มีทางลืมนาย”
“..ทำไมจู่ๆถึงพูดอะไรแบบนี้เล่า?”
“มันอาจเพราะฉันแก่แล้ว ฉันจึงอยากพูดอะไรแบบนี้มากขึ้น”อีซอปถอนหายใจ”ขอบคุณที่นายคอยช่วยเหลือเกาะมังกรมาตลอด” เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็ลบรอยยิ้มออกจากหน้า”ความสำเร็จของฉันไม่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าไม่มีเกาะมังกร โดยปราศจากการคุ้มครองของเอเมสในอดีต เรื่องราวอาจไม่ราบรื่นนักสำหรับฉัน ดังนั้น ไม่ต้องขอบคุณฉัน ทุกอย่างที่ฉันทำเพื่อเกาะมังกรคือสิ่งที่ฉันควรทำเพื่อตอบแทน”
เหมือนการสร้างธุระกิจ การมีผู้สนับสนุนจะง่ายกว่าการเริ่มต้นโดยไม่มีอะไร ตอนเขาอ่อนแอ เกาะมังกรช่วยเขาไว้มาก ดังนั้น ต่อให้ตำแหน่งเขาในจักรวาลจะเหนือแค่ไหน เขาก็ยังเคารพเกาะมังกรและไม่เคยถือว่าตัวเองเหนือกว่า แถม เขายังไม่เคยหยุดช่วยเหลือ
“การได้มีโอกาสช่วยคนอย่างนายอาจเป็นเพราะโชคของเกาะมังกร”สีหน้าของอีซอปซับซ้อน เขาพูดด้วยเสียงต่ำ”เอเมสเหมือนลูกสาวฉัน แต่อย่างที่นายรู้ สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้คือทำนาย ฉันไม่ได้ทรงพลังเหมือนพวกนาย นายสามารถปกป้องเธอได้ดีกว่าฉัน…ฉันใช้ชีวิตมานานมาก และฉันก็ไม่เคยขออะไรจากใครเลย แต่วันนี้ฉันกำลังขอนาย ช่วยปกป้องเอเมสด้วย ฉันขอฝากเธอไว้กับนาย ฉันหวังว่าต่อให้หลังผ่านไปร้อยปีหรือพันปี นายจะยังจำสิ่งที่ฉันพูดในวันนี้ได้”
จากนั้นเขาก็มองหานเซี่ยวอย่างมีความหมาย ผลักเปิดประตู เดินออกห้องไป
“ตาแก่…”
หานเซี่ยวมองเขาจากไปและถอนหายใจ เขาเข้าใจความหมายของอีซอป
แม้อีซอปจะเป็นนิรันดร์ เขาก็แก่แล้ว เขาไม่มีความสามารถต่อสู้ ต่อให้เขาจะเห็นอนาคต สิ่งที่เขาทำได้ก็มีจำกัด
เขาเล็งเห็นว่าพายุอาจเกิดขึ้นในอนาคตและหายนะที่เขาเห็นก็ทำให้เขารู้สึกกังวล บางสิ่งที่เขาไม่รู้สึกมานาน เขากลัวว่าเขาจะไม่สามารถปกป้องเอเมสได้ เขาจึงวางแผนล่วงหน้า เต็มใจละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อขอให้แบล็คสตาร์คอยคุ้มครองเอเมส ในสายตาของอีซอป แบล็คสตาร์คือคนเดียวที่มีทั้งความสามารถและแรงจูงใจเพื่อปกป้องเอเมส เอเมสไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ ดังนั้นเอเมสจึงแค่รู้ว่าเขาสามารถพูดมันได้และเขาก็พูดมัน นี่ทำให้ตาแก่ถึงมาหาเขาก่อนไม่เหมือนก่อนหน้านี้”ตาแก่ยอมอดกลั้นนิสัยตัวเองที่จะมองหาความตื่นเต้นและทนอยุ่ในสถานที่น่าเบื่อหน่ายเช่นนี้ แม้บนผิวเผิน เขาจะโดนเอเมสกักตัวไว้ แต่ถ้าเขาอยากจากไป เขาทำได้แน่ และตอนนี้ เพราะเขากังวลถึงอนาคตของเอเมส เขาจึงละทิ้งศักดิ์ศรีและมาขอร้องฉัน…”
หานเซี่ยวยิ้ม
ในชีวิตก่อนหน้าเขา เอเมสทำให้เกาะมังกรโดนทำลายเพื่อแก้แค้น แต่ตอนนี้ อีซอปกลับยอมละทิ้งทุกสิ่งเพื่อปกป้องมัน
แต่ทว่า ครั้งนี้ ฉันอยู่นี่ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องเดียวกันเกิดขึ้นกับเกาะมังกร
หลังจัดการกับอารมณ์เขา หานเซี่ยวก็กลับไปห้องทำงาน เรียกฟิลลิป
เขายังจำได้เกี่ยวกับการค้นหาจุดที่ไฟวิญญาณลงเอย ด้วยการใช้อำนาจเขา เขาพบข้อมูลเกี่ยวกับจักรพรรดิวิญญาณและค้นหาอย่างรวดเร็ว
ชื่อจริงของจักรพรรดิวิญญาณคือ โรเวลล์ ซิสซ็อก เขายังมี ฉายาอื่นเช่นราชาแห่งวิญญาณและราชาแห่งความลับ เขาคือบรรพชน ก่อนจะกลายเป็นเจ้านายแห่งไฟวิญญาณ เขาถือเป็นผู้อยู่เหนือที่ทรงพลังมากคนหนึ่ง
คนคนนี้เกิดในอารยธรรมขั้นสูงซึ่งเป็นอารยธรรมที่ทรงอำนาจในยุคสำรวจ
ตอนนั้น ผู้อยู่เหนือเพิ่งปรากฏตัว เทียบกับความสามารถอื่น ความสามารถเอสเปอร์วิญญาณยากจะจัดการมาก เทคโนโลยีในตอนนั้นไม่สามารถให้กำเนิดอุปกรณ์ป้องกันทางวิญญาณที่สามารถหยุดจักรพรรดิวิญญาณได้ ดังนั้นเขาจึงเจาะเกราะป้องกันเพื่อฆ่าหรือควบคุมคนในยานได้ง่ายๆ เขาสร้างชื่อให้ตัวเองในยุคสำรวจอย่างรวดเร็ว หลังได้รับไฟวิญญาณ เหมือนเสือติดปีก เขาชนะศึกนับไม่ถ้วนเพื่ออารยธรรมเขาในสงครามโดยการใช้พลังของเขาเองและได้รับเหรียญเกียรติยศนับไม่ถ้วน เขาถูกมองว่าเป็นวีรบุรุษและผู้พิทักษ์ของอารยธรรม
แต่ทว่า เมื่ออารยธรรมขั้นสูงทั้งหมดเริ่มศึกษาผู้อยู่เหนือ ยุคที่บรรพชนไร้เทียมทานก็หายไป การต่อสู้ยากขึ้น และผู้อยู่เหนือก็เริ่มล้มตาย
จักรพรรดิวิญญาณก็ไม่เว้น แม้เขาจะยังทรงพลังในหมู่ผู้อยู่เหนือและเป็นคนที่แข็งแกร่งสุด แต่เนื่องจากเขาจะตกเป็นเป้าทุกครั้งที่ปรากฏ เขาจึงทำอะไรไม่ได้มากเหมือนก่อน
แถม อารยธรรมของเขายังต้องแพ้หลายครั้งในการต่อสู้อื่น กลยุทธ์โดยรวมของอารยธรรมได้รับผลกระทบหนักและสถานการณ์ก็ค่อยๆย่ำแย่ เพราะเหตุนั้น รูปแบบการต่อสู้ของจักรพรรดิวิญญาณจึงยิ่งเกรี้ยวกราด บางครั้ง ต่อให้เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็ยังพยายามพลิกการต่อสู้ แม้มันจะไม่พอ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาจงรักภักดีต่ออารยธรรมมากแค่ไหน ตอนนั้น ไม่เหมือนกับผู้อยู่เหนือในตอนนี้ บรรพชนส่วนใหญ่ไม่มีความคิดเอาตัวเองไว้ก่อนใคร ในยุคสำรวจ ชะตากรรมของแต่ละบุคคลแทบจะผูกติดกับชะตากรรมของอารยธรรม
ในช่วงหลายปีของสงคราม จุดเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว อารยธรรมที่จักรพรรดิวิญญาณอยู่เจอกับศัตรูหลายศัตรูบนสนามรบหลัก ซึ่งครอบคลุมถึงสองระบบดาว อารยธรรมส่งกองทหารจำนวนมากออกไป เริ่มการต่อสู้แตกหัก
กองยานจำนวนนับไม่ถ้วนต่อสู้กันอย่างรุนแรง สถานการณ์เปลี่ยนไปทุกวินาที ที่จุดสูงสุดของการต่อสู้ อารยธรรมนี้ต้องเผชิญกับทางเลือก…
จักรพรรดิวิญญาณตกเป็นเป้าและโดนล้อม เขาหมดแรงและต้องการกำลังเสริม ในขณะเดียวกัน แนวหน้าก็ยังร้องขอกำลังเสริม
ถ้าการต่อสู้บนแนวหน้าแพ้ มันคงทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่และอาจทำให้ทั้งสงครามดำดิ่ง แต่ทว่า ถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะแนวหน้าได้ พวกเขาจะได้รับความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์และมีโอกาสชนะขึ้นมาก นี่ยังเป็นเหตุผลที่ศัตรูส่งกองทัพมาไม่หยุด ตอนนี้ อารยธรรมนี้จึงัตดสินใจส่งกองกำลังส่วนใหญ่ไปในสนามรบและมีกองยานน้อยมากที่เหลือให้ใช้ พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาส่งกำลังเสริมไปทั้งสองฝั่ง อาจมีโอกาสที่พวกเขาสามารถช่วยเหลือจักรพรรดิวิญญาณได้ แต่พวกเขาต้องไม่สามารถป้องกันแนวหน้าได้
นั่นคือทางเลือกของพวกเขา
สำหรับอารยธรรม ทางเลือกนี้ไม่ยากเลย
พวกเขาละทิ้งจักรพรรดิวิญญาณและตัดสินใจทุ่มกำลังเสริมทั้งหมดกับแนวหน้า ผลลัพธ์เป็นตามคาด พวกเขาชนะศึก ได้รับชัยชนะ ผลักศัตรูจนถอย
จักรพรรดิวิญญาณถูกสังเวย อารยธรรมนี้บอกว่าเขาสู้จนลมหายใจสุดท้ายและการตายของเขาก็นำมาซึ่งชัยชนะ ทั้งอารยธรรมไว้อาลัยเขา แสดงความเคารพด้วยเกียรติยศสูงสุด และมอบเหรียญ’หอคอยทองคำ’ให้เขา ซึ่งแสดงถึงเกียรติสูงสุดของอารยธรรม จากนั้นอารยธรรมยังสร้างอนุสาวรีย์ของจักรพรรดิวิญญาณบนดาวแม่เพื่อระลึกถึงเขา
แต่ทว่า ในยุคสำรวจ สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยขาดแคลนคือศัตรู ชัยชนะที่สำคัญของอารยธรรมนี้ไม่อาจอยู่ได้ตลอดไป
สุดท้าย อารยธรรมนี้ไม่ได้กลายเป็นผู้ชนะของยุคสำรวจ มันโดนทำลายด้วยอารยธรรมที่แข็งแกร่งกว่า เผ่ามันแทบสูญพันธุ์และกลายเป็นผู้แพ้ที่ถูกกำจัด นั่นคือช่วงชีวิตสั้นๆของจักรพรรดิวิญญาณ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นนานมาแล้ว และยุคสำรวจก็เป็นช่วงเวลาวุ่นวาย ฐานข้อมูลของสามอารยธรรมจึงบันทึกแค่ข้อมูลคร่าวๆของจักรพรรดิวิญญาร ไม่มีรายละเอียดนัก ด้วยความที่อารยธรรมของจักรพรรดิวิญญาณโดนทำลาย ข้อมูลจำนวนมากจึงโดนกลบฝังไปด้วย
หลังเห็นเอกสาร หานเซี่ยวเริ่มไตร่ตรอง เขาไม่แปลกใจเกี่ยวกับวิธีที่อารยธรรมปฏิบัติต่อจักรพรรดิวิญญาณ เขาชินกับมัน ตอนนี้เขาสนใจแค่เบาะแสของจักรพรรดิวิญญาณ
“จักรพรรดิวิญญาณคือเจ้านายไฟวิญญาณคนสุดท้ายที่โลกรู้ เขาคือผู้รักษาสัจจะหรือเปล่า?จักรพรรดิวิญญาณแกล้งตาย หรือผู้รักษาสัจจะเป็นคนอื่นที่มาชิงไฟวิญญาณไปจากจักรพรรดิวิญญาณ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็มีโอกาสที่เขาจะเป็นหนึ่งในศัตรูของจักรพรรดิวิญญาณในการต่อสู้นั้น แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเป็นคนอื่น…”
ครั้งนี้ หานเซี่ยวพลันคิดถึงบรรพชนที่คืนชีพในชีวิตก่อนหน้าเขา ในบรรดาพวกเขาดูเหมือนจะไม่มีจักรพรรดิวิญญาณรวมอยู่ด้วย ดวงตาของหานเซี่ยวเป็นประกาย”มันดูเหมือนจะมีโอกาสสูงที่จักรพรรดิวิญญาณจะแกล้งตาย…”
หานเซี่ยวครุ่นคิด บรรพชนจำนวนหนึ่งฟื้นคืนชีพมาในชีวิตก่อนหน้าเขา ถ้าเขารอให้คนเหล่านี้คืนชีพ เขาคงถามคนที่รู้ได้..
แต่ทว่า ครั้งนี้ หานเซี่ยวพลันคิดถึงบางสิ่งและตกตะลึง รอก่อน!
คนที่รู้เกี่ยวกับมัน..ไม่ได้มีแค่บรรพชนเหล่านี้ที่คืนชีพโดยเทพอำนวย!มิติโลกใต้พิภพของฮีล่าเองก็เก็บวิญญาณของบรรพชนไว้!
เยี่ยม….
ดวงตาของหานเซี่ยวเบิกกว้าง
นี่เป็นโชคชะตา?
หรือการรวบรวมคนที่มีประกายแห่งโชคจะเปลี่ยนโชคของฉันด้วย?